ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    O_อุ่นรักในสายลมหนาว_O

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 7 เมืองแทจอน

    • อัปเดตล่าสุด 28 พ.ย. 51


    ตอนที่ 7

     

                


    นารารินจองตั๋วรถไฟไปแทจอนแล้ว แต่จำต้องเลื่อนการเดินทางออกไปก่อน เพราะเกิดพายุหิมะหนัก ข่าวทางโทรทัศน์ถึงกับรายงานว่าเป็นหิมะที่ตกหนักที่สุดในรอบร้อยปีของเกาหลีเลยทีเดียว

    ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่น้ายังไม่เคยเห็นหิมะตกหนักอย่างนี้เลยนะพูดแล้วก็ยื่นถ้วยโกโก้ควันฉุยให้หลานสาว

    แหมอย่างนี้ไม่รู้โชคดีหรือโชคร้ายนะคะที่มาเจอตอนพายุหิมะพอดี โชคดีที่มีบุญได้เห็น โชคร้ายที่ต้องมาติดแหงกอยู่ที่โซลจนไปไม่ทันวันเปิดเรียนวันแรกแบบนี้พูดพลางค่อยประคองยกถ้วยโกโก้ร้อนที่หอมจันทน์เพิ่งส่งให้ขึ้นจิบ

    ตกหนักอย่างนี้เขาก็คงไม่เป็นอันเรียนกันหรอก คนเป็นน้าปลอบ

    เฮ้อจริง ๆ แล้วรินอยากไปก่อนมหาลัยเปิดสักหนึ่งอาทิตย์นะคะ จะได้ปรับตัวให้เข้าที่เข้าทาง แถมต้องปรับใจกับเรื่องการเรียนด้วยแน่ ๆ เลย ระบบการศึกษาก็เคยได้ยินว่าต่างจากบ้านเรามาก

    ที่หญิงสาวว่าต่างคือ ที่นี่เปิดเรียนกันในเดือนมีนาคมหรือ Spring Semester เทอมเรียนภาคฤดูใบไม้ผลิ นอกจากนั้นการเรียนยังเน้นหนักในการค้นคว้าหาข้อมูลเองมากกว่าเมืองไทย ซึ่งอาจารย์มักจะเป็นผู้เลกเชอร์ป้อนให้ เธอจึงจำเป็นต้องปรับตัวจากความเคยชินมาก ๆ

    นารารินพูด พลางมองผ่านกระจกหน้าต่างเนื้อหนาที่ยาวจรดพื้น ภายนอกเกล็ดหิมะนับแสนล้านค่อยทับถมก่อตัวเป็นน้ำแข็งพูนขาวหนาขึ้นทุกที  

    เห็นเกล็ดน้ำแข็งอย่างนี้แล้วนึกถึงน้ำแข็งไสที่บ้านจังค่ะ รินชอบทาน ยิ่งอากาศร้อน ๆ นะ ชื่นใจมาก ๆ เลยค่ะ

    อืมเกาหลีก็มีนะ เขาเรียกกันว่า พับปิงซู’ …มินดาเรก็ชอบ เอคุณแดนเขาก็ชอบด้วยซินะ

    หอมจันทน์พูดแล้วก็ลอบมองนาราริน เมื่อเห็นอาการชะงักถ้วยโกโก้ที่กำลังจ่ออยู่ริมฝีปาก จึงยิ้มออกมา

    หน้าร้อนปีที่แล้ว น้าทำน้ำแข็งไสกินกันที่บ้านนี่แหละ คุณแดนล่อซะตั้งหลายถ้วย กินดุจริง ๆ จะกลับไปท้องเสียหรือเปล่าก็ไม่รู้

    ชายซื่อ ๆ คนนั้นชอบกินน้ำแข็งไสด้วย เหมือนเด็กเลย

    แต่ไม่ทันที่นารารินจะคิดต่อ น้ำเสียงที่แปร่งไปจากเดิมของคนเป็นน้าทำให้เธอไหวตัว พยายามเก็บอาการ สะดุดใจเมื่อครู่เสีย เฉไฉถามไปเรื่องอื่น แต่ก็ยังคงเป็นประเด็นที่เกี่ยวกับแดนพุทธอยู่ดี น้าหอมจันทน์จะได้เข้าใจว่าอาการเมื่อครู่คือการ สะดุดใจในเรื่องที่ถามต่างหากไม่ใช่เรื่องอื่น

    พูดถึงคุณแดนของน้าหอม รินว่าเขาน่าสงสารนะคะ

    สงสารเหรอจ๊ะ?”

    ต้องมาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอย่างนี้ คงคิดถึงเมืองไทยแย่

    น้าก็อยู่ที่นี่นานแล้ว ไม่คิดบ้างเหรอว่าน้าก็อาจคิดถึงเมืองไทยเหมือนกัน

    อย่างน้าหอมรินรู้ว่าคงไม่เหงาหรอกค่ะ ก็อยู่กับน้าดงอู แถมมีเจ้าตัวน้อยอยู่อีกคน ทั้งสองคนมองไปทางมินดาเรที่นั่งหน้าจอทีวีหัวเราะสนุกสนานไปกับตัวการ์ตูนที่โยกเต้นไปมาบนจอแก้ว

    แต่พี่แดนเขาต้องมาอยู่อย่างนี้ แถมพ่อแม่ก็เสียหมดแล้ว

    ญาติพี่น้องที่โน่นก็ไม่มีเหลือเลยจ้ะ

    นารารินมองหน้าหอมจันทน์ที่พยักหน้าให้ เน้นย้ำคำพูดว่านั่นคือความจริง

    พอพ่อแม่คุณแดนเสียแล้ว ญาติพี่น้องทางเมืองไทยก็ไม่มีใครแยแส ไม่ได้ติดต่อกัน เลยห่าง ๆ กันไปละน้าว่า เป็นอย่างนี้แล้วเขาก็คงจะปักหลักกันอยู่ที่นี่ทั้งคู่ ทั้งคุณแดนและคุณถิ่น พี่ชายน้องชายนั่นแหละ

    หอมจันทน์หมายถึงถิ่นธรรม พี่ชายของแดนพุทธที่ทำงานเปิดร้านขายอาหารไทยอยู่ในกรุงโซลนี้เอง

    ไว้วันหลังเวลารินปิดเรียนแล้ว น้าจะพาไปเยี่ยมคุณถิ่น เผื่อมีอะไรให้ช่วยเหลือกัน

    ใจจริงแล้วหอมจันทน์อยากให้คนเป็นน้องดูแลมากกว่า ถิ่นธรรมคงไม่มีเวลาว่างมากมายมาดูแลนารารินได้ เพราะไหนจะกิจการร้านอาหารไทยที่กำลังไปได้สวย ไหนจะระยะทางที่ห่างไกลกันอย่างแทจอนกับกรุงโซล ดังนั้น คนที่หอมจันทน์คิดว่าเหมาะสมที่สุดแล้วที่จะคอยประคองแก้วใสจากเมืองไทยนี้คือแดนพุทธ

    อีกไม่กี่วันรินก็ต้องไปแทจอนแล้วสินะ…” คนเป็นน้ารำพึง

    ค่ะ เสียดายจังที่น้าหอมไปส่งรินไม่ได้ หญิงสาวทำหน้าม่อย รินคงตื่นเต้นแน่ ๆ เลยค่ะ ไม่รู้ว่าจะหลงทางหรือเปล่า

    หอมจันทน์หัวเราะให้กับท่าทางเป็นเด็กของหลานสาวเด็กยังไงก็คือเด็ก แม้ว่าจะทำท่าทีอวดใคร ๆ ก็ตาม โดยเฉพาะแม่ตัวเอง ว่าโตแล้ว เก่งแล้ว สามารถดูแลตัวเองได้ แต่เมื่อต้องเจอสิ่งแปลกใหม่ ไม่เคยมีประสบการณ์ในเรื่องนั้นมาก่อน ก็ทำให้หัวใจเด็ดเดี่ยวนั้น ฝ่อลงได้เหมือนกัน

    น้าขอโทษที่ไปไม่ได้ ร้านพิซซ่าที่เพิ่งเปิดใหม่ยังไม่ลงตัวในหลาย ๆ อย่าง พูดเหมือนรำพึงกับตัวเอง แล้วจึงหันมาทางคนอ่อนกว่า

    แต่อย่างรินน่ะเหรอจะหลงทาง น้าไม่เชื่อหรอก เห็นแม่เกษบอกว่าเราน่ะ เก่งจะตาย…”

    เมื่อได้ยินชื่อของแม่ นารารินถึงกับนั่งตัวตรง คอแข็งขึ้นมาทันที

    แต่น้าก็ว่ารินอาจจะงง ๆ กับสถานที่ได้ น้าเลยวานคุณแดนให้ไปส่งรินน่ะจ้ะ…”

    คนฟังสะดุดใจอีกรอบ ครั้งนี้แถมสะดุ้งเบา ๆ ด้วย และนั่นก็ไม่พ้นสายตาอันแหลมคมของหอมจันทน์ไปได้ เธอจึงยิ้มออกมา แต่สำหรับนารารินแล้ว เธอไม่รู้หรอกว่ารอยยิ้มนั้นเป็นเครื่องหมายของความเป็นห่วง หรือพอใจกับอาการของเธอกันแน่

     

    //////////////////////////////////////////////////////////



    แดนพุทธมาพาเธอเดินทางไปยังแทจอนตามที่หอมจันทน์บอกจริง ๆ รถยนต์ยี่ห้อแดวูสีขาวที่ใช้กันเกลื่อนเมืองของชายหนุ่มเป็นพาหนะขนของได้อย่างดี แม้ว่าของจำเป็นในการอยู่หอพักจะยังไม่ได้จัดการซื้อมากมายก็ตาม แต่รถยนต์คันเล็กนี้ก็แน่นไปด้วยสัมภาระจากเมืองไทยและของที่ไปจับจ่ายเมื่อวันก่อน

    ตอนแรกแดนพุทธอาสาจะขับรถไปส่งเธอถึงมหาวิทยาลัย แต่นารารินกลับปฏิเสธ เพราะอยากลองนั่งรถไฟเกาหลี และเพื่อความปลอดภัยอีกด้วย ถนนที่ยังคงเปียกด้วยหิมะละลายใหม่ ๆ นั้นสามารถลื่นแฉลบจนทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

    วันนี้ สถานีรถไฟ Seoul Station อันเป็นชุมทางหลัก ดูแน่นขนัดด้วยผู้คนเป็นพิเศษ อาจเพราะทางการทำการเดินรถอีกครั้งหลังจากต้องหยุดชะงักไปเพราะพายุหิมะ นารารินมองทั่วสถานีอย่างทึ่งจัด ที่นี่ทั้งสะอาดและกว้างขวาง ดูทันสมัยทั้งโครงสร้างและการตกแต่ง เรียกได้ว่าหัวลำโพงที่เมืองไทยชิดซ้ายไปเลยทีเดียว

    มัวแต่เพลินกับการชมสถานที่ ทำให้นารารินไม่ทันได้ยินประกาศเรียกให้ผู้โดยสารขึ้นรถเป็นครั้งที่ 2 แต่โชคดีที่แดนพุทธฟังทัน จึงสะกิดเตือนเธอ

    พี่ว่าเราต้องขึ้นรถไฟกันได้แล้วนะครับ

    ตายจริง เรียกแล้วเหรอคะ รินไม่ได้ยินเลย หูคงยังไม่ชินกับภาษาเกาหลีแน่ ๆ

    รถไฟรางที่เธอโดยสารจวนเจียนจะออกจากชานชาลาแล้ว เมื่อเธอและเขาไปถึงทางเข้า ทั้งคู่จึงต้องวิ่งแบกสัมภาระประดามีผ่านประตูกั้นเพื่อขึ้นโบกี้รถอย่างรีบเร่ง แล้วก็มานั่งหอบกันที่เบาะนุ่มสบาย

    หวาดเสียว กลัวว่าจะไม่ทันซะแล้วสิคะ พี่แดน

    ไม่น่าเชื่อว่ารินนี่ติดเทอร์โบได้จริง ๆ นะ ยามคับขันอย่างนี้

    ไม่ได้หรอกค่ะ ตกรถไฟละแย่ รินยังไม่อยากมีประสบการณ์แปลก ๆ ตั้งแต่มาถึงหรอกค่ะ

    เมื่อได้นั่งนิ่งผ่อนลมหายใจจากการวิ่ง นารารินจึงได้มีโอกาสมองสำรวจภายในรถ และมองวิวทิวทัศน์ภายนอกหน้าต่าง ท้องทุ่งที่ราบไม่ค่อยมีให้เห็นนักเมื่อเลยผ่านตัวเมืองมาแล้ว แต่กลับเป็นเนินเขาเล็กๆ สลับไปมา หน้านี้เป็นหน้าหนาว ต้นไม้ต่าง ๆ ก็พากันสลัดใบร่วงหล่นกันหมดแล้ว เครื่องทำความร้องครางหึ่ง ๆ อยู่ข้างตัว ให้ความอบอุ่นไม่จาง แต่เมื่อแตะที่หน้าต่างกระจก กลับต้องรีบชักมือหนีเพราะเย็บเฉียบจนตกใจ

    เป็นอะไรมั้ยครับ

    ไม่หรอกค่ะ

    เธอยิ้มแหย ๆ ราวเด็กน้อยทำพลาดจนทำให้ผู้ใหญ่นึกขำ เพื่อแก้อาการเก้อ หญิงสาวจึงเสพูดไปเรื่องอื่น

    พี่แดนไปแทจอนบ่อยไหมคะ

    ก็ไม่บ่อยหรอกครับ ส่วนมากก็ติดต่อเรื่องงานที่เขามีศูนย์วิจัยอยู่ที่นั่น แต่อีกไม่นานก็คงจะต้องไปประจำอยู่แหละครับ เพราะว่าพี่ตกลงรับทำงานกับเขาไว้แล้ว

    จริงเหรอคะ ดีจัง

    แดนพุทธฟังเสียงกระตือรือร้นของคนข้าง ๆ แล้วจึงพยักหน้ารับเธอจะรู้หรือเปล่าหนอว่าส่วนหนึ่งของการตัดสินใจรับทำงานที่นั่น ก็เป็นเพราะเธอนั่นเองแหละนาราริน

    อย่างงี้ รินก็จะได้เจอกับพี่แดนบ่อย ๆ น่ะสิคะ

    คนพูดส่งยิ้มหวานและจริงใจให้ ชายหนุ่มถึงกับสะอึก แล้วรีบเตือนตนเองว่าเธอคือน้องผู้ซึ่งน้าที่เขานับถือฝากฝังให้ดูแล เขาจะต้องสะกดใจตัวเองไม่ไห้ทำอะไรที่มากเกินไปกว่าคำว่าพี่ชาย เพราะเขายังไม่อาจเปิดแผลใจให้มันอักเสบอีกหน

    ไม่ได้นะ ไม่ได้เด็ดขาด ยังไม่หลาบจำอีกหรือนายแดนพุทธ

    ครับ ไม่ต้องกลัวหรอกนะว่ารินจะไม่มีใคร รินโทรฯ หาพี่ได้เสมอ มีอะไรก็ปรึกษาพี่ได้ มหาลัยกับที่ทำงานของพี่ก็ไม่ไกลกันหรอก ขับรถแป๊บเดียวก็ถึง

    ขอบคุณค่ะ หญิงสาวพนมมือไหว้

    ไม่เป็นไรครับ พี่เต็มใจ…”

    นั่นเป็นการรับปากของเขาด้วยเช่นกัน รับกับตัวเองว่า ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้แหละที่เขาจะปกป้องดูแลไม่ให้สิ่งใดมาทำร้ายเธอได้

    ดวงใจใสพิสุทธิ์ดวงนี้ ไม่น่าจะต้องมีสิ่งใดมาแปดเปื้อน ทว่า ดวงตากลมดำในหน่วยตาแคบของเธอนี้ ช่างปรากฏประกายเศร้าอยู่ไม่จาง ทำให้ชายหนุ่มคิด เธอเป็นคนสวยสะ แต่สิ่งที่ประกอบออกมาเป็นความสวยบนใบหน้าคือแววระทดท้อ แต่ก็มั่นคงไม่หวาดหวั่น

    แดนพุทธไม่อาจรู้ เท่า ๆ กับใจของเขาก็ไม่สามารถให้ความกระจ่างได้ ไยเขาจึงติดตาและตรึงใจในความสวยแบบโศก ๆ นี้นัก และอีกใจหนึ่งซึ่งทำหน้าที่ตอบสนองคำเรียกร้องของเขา ก็บังเกิดความปรารถนาจะบรรเทาแววหม่นเศร้าของเธอให้จางหายไปเสียเหลือเกิน

    ตลอดทางจึงเป็นการพูดคุยกันอย่างเป็นกันเองและสนุกสนาน จนบางครั้งผู้โดยสารชาวเกาหลีต้องหันมามองนารารินที่ส่งเสียงหัวเราะระรื่นด้วยความเอ็นดู ประกายตาแจ่มใสขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากเหยียบย่างลงบนพื้นดินต่างถิ่นแห่งนี้

    เมืองแทจอนต้อนรับเธอด้วยบรรยากาศสดชื่น ตัวเมืองดูไม่ใหญ่นัก แต่ก็แน่นขนัดไปด้วยยวดยานที่ติดกันเป็นแพไปตลอดแนวถนนแคบ ๆ เพราะข้างทางกำลังมีการก่อสร้างรถไฟใต้ดิน

    โอ้โห! เมืองเล็ก ๆ ขนาดนี้ยังมีรถไฟใต้ดินเลยเหรอคะ หญิงสาวตื่นตาตื่นใจจนไม่อาจควบคุม

    ก็ไม่เล็กเท่าไหร่นะครับ เพราะแทยังถือว่าเป็นเมืองใหญ่แถวหน้า ๆ รองจากโซล พูซาน คยองจู แทกู แล้วก็แทจอนไงละครับ เทคโนโลยีของเขาก็ล้ำหน้าอยู่แล้ว อีกอย่าง รินลองสังเกตนะ คนเกาหลีชอบทำอะไรลงไปข้างใต้ดิน ตั้งแต่รินมา เคยเห็นสะพานลอยบ้างเหรอยัง

    หญิงสาวคิดตาม ก็ยังไม่เคยเห็นจริง ๆ ด้วย

    นั่นเพราะว่า เขาขุดอุโมงค์เชื่อมเวลาข้ามถนนมากกว่า มาแรก ๆ พี่ก็นึกขำ พี่ว่าคงเพราะหนีหนาวกันแน่ ๆ แล้วบางทีนะเขาก็ทำอุโมงค์ยาว ๆ ทำเป็นที่ช็อปปิ้งขนาดย่อม ยืดยาวไปตามทางเดิน อีกด้วย ไว้วันหลังพี่จะพามาละกัน

    แดนพุทธมองดวงตาใสของนารารินที่วาววามขึ้นหลังจากได้ยินคำว่าช็อปปิ้ง ยิ้มละไมที่ส่งมาประทับลงแล้วตรงกลางใจของเขา

    ละม้ายน้ำทิพย์มารินรดรักษาแผลเก่านานปีในใจ ทว่า ในชั่ววินาทีที่หญิงสาวกระตุกมือเรียก ความคิดเหล่านั้นก็พลันหาย ซุกตัวซ่อนหัวใจไว้อย่างมิดชิดที่เดิม เพื่อเจ็บกดและปวดแปลบต่อไป

    ไปกันเถอะค่ะพี่แดน เดียวไม่ทันนัดคุณคิมที่มหาลัยนะ

    ทั้งคู่จึงนั่งแท็กซี่ต่อไปยังมหาวิทยาลัยแทจอน ซึ่งอยู่ห่างไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงจากตัวเมือง แทจอนเป็นมหาวิทยาลัยของเอกชน มีสาธารณูปโภคทางด้านการศึกษาที่ครบครัน มีโครงการพัฒนาทางวิชาการอันหลากหลาย และโครงการแลกเปลี่ยนระหว่างเกาหลีกับประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็เป็นหนึ่งในผลงานวิชาการที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ริเริ่ม

    ลิบ ๆ อยู่ทางด้านทิศเหนือคือทิวเขาสลับซับซ้อน ห่มคลุมด้วยสีน้ำตาลของต้นไม้ยืนต้นแห้งแกร็นที่สลัดปุยหิมะที่เคยเกาะเต็มให้หล่นลงและละลายหายไปหมดแล้ว เมื่อเข้าสู่อาณาบริเวณของมหาวิทยาลัย ตัวตึกและอาคารก็เรียกความสนใจของนารารินได้มาก เพราะตัวตึกต่าง ๆ ตั้งลดหลั่นกันไปตามเนินเขาสูงต่ำสลับสล้าง ทอดตัวไปตามแนวเขาที่เธอเห็นเมื่อครู่

    โหพี่แดน แปลกจังค่ะ มหาลัยมีภูเขาด้วย…”

    ใช่ครับ คงจะเลี่ยงไม่ได้ ในเมื่อลักษณะทางภูมิประเทศของเกาหลีเป็นเนินเขาแทบทั้งนั้น ทีนี้รินก็ต้องเรียนบนเขาละนะ

    ดีสิคะ แต่หวังว่าคงไม่ใช่พวกหลังเขาหรอกนะ…” หัวเราะออกมาอย่างร่าเริง

    แดนพุทธเป็นธุระนำทางและถามหาสำนักงานวิเทศสัมพันธ์ของมหาวิทยาลัย ซึ่งอยู่บนชั้นบนสุดของตัวตึกห้องสมุด เมื่อรายงานตัวเสร็จเรียบร้อย มิสเตอร์คิม กอนโม เจ้าหน้าที่ดูแลนักเรียนแลกเปลี่ยนจึงนำเธอไปยังหอพักนักศึกษาที่อยู่ภายในอาณาบริเวณนั้นเอง

    ถ้ายังไงพี่ขอตัวกลับก่อนนะครับ ต้องไปติดต่อกับทางศูนย์วิจัยด้วยอยู่คนเดียวได้นะ

    ค่ะ พี่แดนไม่ต้องเป็นห่วงรินหรอก

    ยิ้มละไม เพื่อให้เขาสบายใจชายหนุ่มรู้

    แต่แววหวาด ๆ ที่ถูกกลบทับด้วยความตื่นตากับสิ่งใหม่ ๆ ไม่อาจหลบเลี่ยงจากสายตาเขาได้ เขาจึงฝากฝังกับมิสเตอร์คิมอีกรอบ

    ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ทางมหาวิทยาลัยจะดูแลนักเรียนแลกเปลี่ยนเป็นอย่างดี

    แล้วนักเรียนคนไทยอีกคนมาหรือยังคะ

    ยังเลยครับ เขาส่งอีเมลมาบอกว่า ต้องรอสอบกับทำรายงานที่เมืองไทยให้เสร็จก่อน ทางเราก็ไม่ว่าอะไรหรอกครับ เพราะสัปดาห์แรก ๆ ก็ยังไม่มีอะไร

    ดิฉันกลัวอยู่เรื่องนึงน่ะค่ะ

    อะไรหรือริน…”

    น้ำเสียงของแดนพุทธฟังได้ชัดว่าเป็นห่วง ทำให้นารารินหันมามองเขาแวบหนึ่ง ยิ้มให้ด้วยสายตาขอบคุณ แล้วหันไปพูดกับมิสเตอร์คิมเป็นภาษาอังกฤษซึ่งเธอคงยึดเป็นภาษากลางระหว่างเขากับเธอเพื่อใช้ในการสื่อสาร เพราะลำพังภาษาเกาหลีที่เธอพกติดตัวมาคงยังไม่แข็งกล้าพอจะใช้การได้มากมายนัก และนั่นก็คือสิ่งที่เธอเป็นห่วง

    ดิฉันเกรงว่า จะเรียนตามเพื่อน ๆ ชาวเกาหลีไม่ทันน่ะสิคะ แม้ว่าดิฉันจะมีความรู้ภาษาเกาหลีพอตัว แต่ก็ยังไม่ถึงขนาดที่จะเข้าใจอะไรได้รวดเร็วนัก

    เมื่อฟังดังนั้น แดนพุทธที่ทำท่าจะกลับอยู่รอมร่อ กลับรั้งอยู่ และส่งสายตากังวลมองหน้ามิสเตอร์คิมที่ยืนยิ้มอยู่อย่างเข้าใจปัญหา

    ไม่ต้องห่วงไปหรอกครับ ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็ปรึกษาอาจารย์ประจำวิชานั้น ๆ ได้ ทุกท่านเคยมีประสบการณ์สอนนักเรียนแลกเปลี่ยนกันมาหมดแล้ว มิสเตอร์คิมพูดแล้วเดินไปหยิบกระดาษแผ่นบางมาให้ “…อ้อ! ก่อนที่จะไปหอพัก ผมว่าคุณลองดูรายชื่อวิชาที่คุณจะต้องลงก่อนดีกว่านะครับ

    มิสเตอร์คิมยื่นกระดาษที่มีแต่ชื่อวิชาเป็นภาษาเกาหลีให้ หญิงสาวถามสองสามคำที่เธอไม่เข้าใจ พูดจาถามถึงเรื่องเรียนอยู่เกือบชั่วโมง แต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะลงวิชาใดดี มิสเตอร์คิมจึงบอกให้เธอนำใบลงทะเบียนมาให้ในวันรุ่งขึ้นก็ได้

    ถ้ามีปัญหาอะไรเกี่ยวกับการเรียนถามพี่ได้นะ เสียงของแดนพุทธดังขึ้นข้างตัว ปลุกให้ตกใจ

    เขายังอยู่ตายจริง! นี่เธอลืมเขาเสียสนิท มัวแต่สนทนาเรื่องเรียนอยู่กับมิสเตอร์คิม แต่เมื่อได้ยินประโยคนั้นก็ให้นึกอยากจะหยอกเขาเล่น

    พี่แดนเรียนมาทางวิศวะมาไม่ใช่เหรอคะ รินเรียนสายภาษานะ พี่แดนจะช่วยรินได้เหรอคะ

    หญิงสาวเอียงคอ ถามด้วยรอยยิ้ม

    เอ่อได้สิ พี่คิดว่าได้ รับคำมั่นเหมาะ

    พี่แดนรู้เรื่องโครงสร้างภาษา เรื่องไวยากรณ์ เรื่องประวัติการใช้ภาษา เรื่อง…”

    พอเถอะ ๆ พี่คงช่วยไม่ได้จริง ๆ นั่นแหละ

    ชายหนุ่มยกมือยอมจำนน หัวเราะชอบใจออกมาเสียงดัง

    ล้อเล่นนะคะ ขนาดนั้น รินก็ไม่รู้หรอก ไงถ้ามีอะไรไม่เข้าใจจริง ๆ รินจะโทรฯ ไปถามนะคะ

    ให้พี่มาหาก็ได้นะชายหนุ่มอยากจะพูดประโยคนี้ออกไปเสียจริง หากดวงใจที่เฝ้าย้ำเตือนทำให้ต้องเก็บมันไว้

    งั้นรินขอตัวนะคะ เดี๋ยวมิสเตอร์คิมเขาจะพาไปดูห้องพัก แล้วเจอกันนะคะ

    ครับ ไว้พี่จะแวะมาหา

    เขามองเธอจนลับจากไปยังอีกตัวตึกหนึ่งซึ่งเป็นทางเดินลาดลงไปตามเนินเขาด้วยใจละห้อยโหย ในใจคิดว่าเขาไม่อยากจากเธอไปเลย แต่แม้ว่าใจจะโหยหามากเพียงใด เขากลับเผลอยิ้มให้กับตัวเองโดยไม่รู้ตัว

    ////////////////////////////////////////////////////////////

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×