คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ ๑ #ก็เป็นวัยรุ่นมันเหนื่อย! Part 1
ตามนั้นค่ะ! มันเหนื่อยจริงๆ เราต้องอดทน ต้องไม่เซ็ง ต้องมีแผนต่างๆ
(มาเป็นเพลงเลย) กับการที่ต้องแบกรับอะไรหลายๆ อย่างไว้! วัยรุ่นก็งี้แหละ ชีวิตมีอยู่ไม่กี่เรื่องที่สำคัญ
ไม่ใช่เรื่องความรักก็มหาลัย #ชีวิตดราม่า #ร้องไห้หนักมาก
แต่เกรซเชื่อว่าเพื่อนที่กำลังอ่านอยู่ ณ ตอนนี้ ไม่ใช่คนเดียวหรอกค่ะที่เจอปัญหาแบบนี้อยู่
เพราะฉะนั้นเราควรรู้ว่าต้องเริ่มยังไงดีและ เฮ้! เกรซก็เป็นคนมีสาระนะ เพราะฉะนั้นคุณเพื่อนโชคดีมาก
ได้ ‘คลิ๊ก’ มากเจอเกรซ (เหรอ?)
โอเค~ แรกเริ่มเราต้องรู้จัก ‘วางแผน’
เพื่อนๆ น้องๆ หลายๆ คนคงคิดกันนะคะว่า
จะเข้ามหาลัยในฝันต้องทำอะไรบ้างนะ? เรียนอะไรเสริม?
ทำยังไงดี? ค่าเรียนเอย ค่าสอบเอย แล้วถ้ายังไม่รู้ล่ะว่าอยากเข้าอะไร? เหลือเวลาไม่มากละทำไงดี?!!
อ๊ากกก!
หยุดดดดด! เกรซบอกว่าวางแผนไม่ใช่ให้มายิงคำถามใส่
พรุนหมดละ แหม่!
อย่างแรกที่เราควรทำคือการนั่ง ตั้งสติ แล้วถามใจดูว่าอยากจะเรียนอะไร อยากจะทำอะไร
เกรซเข้าใจค่ะว่ามันเป็นเรื่องน่าปวดหัว ไม่รู้อยากจะทำอะไรกับชีวิต เชื่อเถอะ! ตอนนี้เกรซก็ยังไม่รู้เลยว่าโตไปอยากจะทำอะไรกันแน่
เกรซรู้เพียงว่าเกรซรักการอ่าน การเขียน ชอบเที่ยวไปยังที่ใหม่ๆ ชอบประวัติศาสตร์ ชอบเรียนรู้เกี่ยวกับสังคม
เกรซถึงเลือกอักษรศาสตร์จุฬาฯ มันตอบโจทย์เกรซได้สุดๆ แล้วล่ะค่ะ
และถ้าคุณเพื่อนคิดว่าอักษรฯ เรียนแค่ภาษา
คุณเพื่อนคิดผิดนะคะ และถ้าอยากรู้ว่าอักษรแท้จริงเรียนอะไรก็โปรดติดตามค่ะ
บทนี้เกรซขอพูดถึงเรื่องการสอบโดยรวมก่อนนะคะ
ค่ะ ต่อนะ~ พอเราลิสต์มาแล้วว่าเรา ‘รัก’ ที่จะทำอะไร เราก็ต้องเริ่ม ‘หาข้อมูล’ ของแต่ละคณะของมหาลัยค่ะ
บอกเลยว่าคณะที่มหาลัยบางมหาลัยชื่อคณะเดียวกันแต่เรียนแตกต่างกันนะคะ
ลองลิสต์ดูค่ะ มหาลัยที่เด็กไทยเราอยากเข้ามากสุดก็มี จุฬาฯ มธ. มหิดล เกษตรฯ จริงไหมคะ?
เมื่อเราหาข้อมูลได้แล้ว เราก็เก็บชื่อมหาลัยนั้นไว้ในใจค่ะ ฝันถึงมันเช้า เย็น ก่อนนอนก็ฝันไป
เราอยากเป็นอะไรจงฝัน
เพราะเกรซเชื่อในเรื่องกฏแห่งแรงดึงดูด attraction ไงค่ะ! เมื่อเราคิดถึงเรื่องอะไรมากๆ
เราก็มักจะเจอมันอยู่ทู้กกกกที่~ เช่น มีตอนนึงเกรซคลั่งรถมินิมากกกก ถึงมากที่สุด
อยากได้มากมาย พอคิดว่าอยากได้เท่านั้นแหละค่ะ ประเทศไทยก็มีคนขับรถมินิมาเยาะเย้ยเกรซเต็มไปทั้งถนน
เฮ้อ!
แต่บางคนอาจจะแย้งว่า 'เกรซ! พ่อ แม่ของฉันน่ะ ไม่อยากให้ฉันเรียนในสิ่งที่ฉันรัก...ความรักเอามาทำมาหากินไม่ได้หรอก'
#ชีวิตดราม่า #ร้องไห้หนักมากกก
ค่ะ
มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับเด็กไทย สังคมยังคิดอยู่ว่าการเรียนหมอคือดีเลิศ
การเรียนวิศวะคือประเสริฐ! เฮ้อ! ไปๆ คุณเพื่อนไปดึงแขนคุณพ่อ คุณแม่มาอ่าน
คุณพ่อคะ คุณแม่คะ~ หมอไม่ใช่ทางออกเดียวของสังคมนะคะ อาชีพยังมีอีกล้านแปดอาชีพ จบหมอมาก็ใช่ว่าจะเงินดีทุกคนนะคะ!
เงินดีไม่ว่า แต่คิดถึง ‘ความสุข’ ของลูกคุณบ้าง
คิดดูนะคะ! คิดตามเลย! ยัดเยียดให้ลูกเรียนในสิ่งที่ลูกไม่ชอบสี่-หกปี แต่มันก็ไม่ได้จบอยู่แค่นั้น
เพราะลูกๆ ต้องตื่นมาทำในสิ่งที่ตัวเอง ‘ไม่ชอบ ไม่รัก หรือเกลียด’ ทุกๆ วัน มันคุ้มไหมคะ?
คุณพ่อ คุณแม่มีความฝันอยากจะให้ลูกทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่
ความฝันลูกก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กันนะคะ
จะเด็กอาร์ต เด็กวิชาการก็ควรจะมีที่ยืนในสังคมเหมือนกันนะคะ
โลกมันกว้างขึ้นแล้ว ให้โอกาสลูกของคุณบ้างเถอะค่ะ อีกอย่างเด็กสมัยนี้ดีกว่าตั้งเยอะตั้งแยะ
มีทางเลือกให้เดินตั้งหลากหลาย มีเทคโนโลยีช่วยตั้งแยะตั้งแยะ หาข้อมูลได้ง่ายนิดเดียว
เราจะลองเสี่ยงเดินไปในทางที่ไม่เคยมีใครใช้บ้างก็ได้นะคะ
ความฝันเป็นเรื่องที่ดีค่ะ ฝันไปเถอะ think
positive ด้วยนะว่าเราติดม. นั้นแล้ว บลาๆ แต่! ฝันอย่างเดียวทำอะไรไม่ได้ค่ะ เราต้อง
‘ลงมือทำด้วย’
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ‘การสอบ’ เราต้องรู้ว่าเราต้องสอบอะไรบ้างถึงจะผ่านเกณฑ์ที่มหาลัยเขาตั้งไว้แต่ละคณะ
อย่าง BALAC หรืออักษรอินเตอร์ฯ ต้องเลือกสอบ CU-TEP, CU-AAT หรือ IELTS, SAT,
TOFEL
CU-TEP ต้องไม่ต่ำกว่า 80 (550) คะแนน
CU-AAT (Verbal) ต้องไม่ต่ำกว่า 400 คะแนน
IELTS ต้องไม่ต่ำกว่า 6.0 คะแนน
SAT (Verbal) ต้องไม่ต่ำกว่า 400 คะแนน
และ TOFEL ต้องไม่ต่ำกว่า 550 คะแนน
ทั้งนี้เราต้องเช็คบ่อยๆ ว่าทางมหาลัยจะมีการปรับเปรี่ยนเอาคะแนนเพิ่มขึ้นไหมด้วยนะคะ
ต้องอัพเดทตลอด ไม่งั้นก็ kiss good bye นะคุณเพื่อน
ค่ะ นั่นคือความจริงอันแสนโหดร้าย สอบอะไรเยอะแยะค้าาาาาา~ อยากจะร้องไห้ แต่ถึงเพื่อนๆ
จะ cry me a river มันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นเลยน้า
เอาเวลานี้ไปซื้อ Schedule planner น่ารักๆ มุ้งมิ้งๆ มาจดวันที่ต้องสอบกันดีกว่า!
เมื่อไปสอยมาแล้วก็ต้องมาเปิดเว็บดูค่ะว่าวันที่สอบมีรอบไหนบ้าง วันไหนเราว่าง ทางที่ดีและหากเป็นไปได้เพื่อนๆ
ควรสอบมันให้หมดทุกรอบแหละค่ะ เพราะว่าเราจะได้เลือกเอาคะแนนที่ดีที่สุดไปยื่นให้คณะๆ
เอาแบบคะแนนสวยๆ ไปเลย เราจะได้เชิดได้ 555
หากเพื่อนๆ เรียนเสริมอยู่ที่สถาบันกวดวิชา เกรซแนะนำให้จดเอาวันที่สอบไปปรึกษากับคุณครูด้วยค่ะ
เพราะว่าจะได้มาแพลนกันว่าวันไหนได้ฤกษ์ที่จะสอบ จะต้องเตรียมตัวนานแค่ไหน จะต้องเสริมตรงไหนบ้าง
เกงข้อสอบ อะไรแบบนี้เป็นต้น
และหากใครไม่ได้เรียนเสริมก็อย่าน้อยใจ เราเรียนเองก็ได้ไม่ง้อใคร (เกรซเรียน
homeschool มาค่ะ) ชีวิตชิวๆ ชิคๆ สบายๆ แต่เราต้องมีวินัยสูงงงงงง~ เกรซแนะนำให้ทำป้ายเตือนใหญ่ๆ
นับถอยหลังวันสอบไว้เลยค่า แล้วก็ควรจดวางแผนว่าวันนี้จะอ่านบทไหน เสริมตรงไหน อันไหนรู้แล้วเว้นไว้ก่อน
อันไหนไม่มั่นใจอ่านก่อน แล้วค่อยวนมาหาทบทวนในสิ่งที่รู้แล้ว
แต่ขอสารภาพนะ
เกรซก็เป็นคนนึงที่ขี้เกียจอ่านหนังสือเรียน 555 (กอดคอกันๆ เข้าใจความรู้สึกค่ะ)
มึนหรือยังคะ? อย่างเพิ่งนะ นี่แค่เริ่มต้น 5555 สอบเยอะจริงๆ ค่ะ รับประกัน ไม่ต้องกลัวเลย
เพราะสอบบ่อยๆ จะชินไปเอง จะเรียกได้ว่าเราเป็นมือโปรกันเลยที่เดียว
การสอบ CU-TEP ครั้งแรกของเกรซ
เรียกได้ว่า ‘เน่า’ มากค่ะ มีเวลาเตรียมตัวน้อยมาก อาทิตย์เดียว
เปิดข้อสอบมา อะหืมมมมม~ ขนาดเรียนเมืองนอกมาห้าปียังเปลี้ยเลย ทำไมข้อสอบมันงงๆ หรือเกรซโง่เองนี่ไม่ทราบนะคะ
สรุปครั้งแรกได้ 77 คะแนนค่ะ CU-AAT ครั้งนั้นก็สอบได้คาบเส้น 410! แง! อดยื่นอักษรฯ
ปี 57 เลยค่ะ ไม่ผ่านเกณฑ์ อีกทั้งมันยังเป็นสอบครั้งสุดท้ายของปีด้วย~
ปี 2557 ก็เลยว่างทั้งปีค่ะ 555 เพราะไม่ต้องเรียน ม. 4, 5, 6 เอ๋ ทำไมน่ะเหรอ? ก็เพราะเกรซจบ
ม.6 ตั้งแต่ม. 4 ตอนต้นไงค่ะ~
ไม่ค่ะ เกรซไม่ใช่คนฉลาด
เกรซแค่ตั้งใจอยากสอบเทียบเอง และถ้าอยากรู้ว่าเกรซสอบเทียบยังไง
‘GED’ คืออะไรก็โปรดติดตาม~ (พยายามล่อให้คนสนใจเต็มที่นะบอกเลย)
เอาล่ะ~ บทนี้เอาไว้แค่นี้ก่อน บทหน้าจะมาเล่าเรื่องเส้นทางที่เกรซเลือกเดินค่ะ เส้นทางที่มีชื่อว่า
GED หรือก็คือการสอบเทียบม. 6 ที่เกรซต้องดั้นด้นไปสอบถึงสิงคโปร์!
ความคิดเห็น