ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic JackFrost x Elsa] Warming winter

    ลำดับตอนที่ #4 : 4th Hour : Don't be Jealous

    • อัปเดตล่าสุด 27 ธ.ค. 56


           “คริสตอฟ!! ฉันมาแล้ว”ในที่สุดอันนาก็เดินทางมาถึงลานน้ำแข็งที่คริสตอฟทำงานอยู่ หลังจากที่เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้ากรมน้ำแข็งหรืออะไรเทือก ๆ นั้นจากอันนางานก็ยุ่งขึ้นเป็นกอง

                  “มาแล้วเหรอ สเฟนดูแลเธอดีไหม?”เขาเหล่ถามกวางมูสเพื่อนสนิทที่ทิ้งเอาไว้ในวังเผื่อวันไหนอันนาอยากออกมาหาเขา เจ้ากวางเรนเดียร์ตัวโตส่งเสียงร้องตอบและแน่นอนทั้งสองสื่อสารกันได้ด้วยหัวใจ แม้จะดูงี่เง่าแต่คริสตอฟก็คุยกับสเฟนรู้เรื่องจริง ๆ

           ตุ๊กตาหิมะหน้าตากวนเดินเข้ามาในไซต์งานของคริสตอฟ มันวิ่งเล่นไปมารอบ ๆ ลานน้ำแข็ง บนหัวมีก้อนเมฆส่วนตัวที่เอลซ่าเป็นคนเสกมันขึ้นมาให้โดยเฉพาะเพื่อไม่ให้มันละลาย อันนาพาโอลาฟมาที่นี่ก็เพื่อเล่นหิมะแม้เจ้าตัวจะชอบหน้าร้อนแต่อยู่นาน ๆ ก็ต้องเบื่อบ้างเป็นธรรมดา

                 “ดีมากเลยล่ะ มาถึงที่นี่เร็วกว่าที่คิด”เธอยิ้มตอบชายหนุ่ม ในมือเขาถือเลื่อยตัดน้ำแข็งอยู่แต่มันก็ถูกวางลงข้าง ๆ เจ้าของใช้โอกาสนี้เพื่อพักผ่อนอยู่กับผู้หญิงที่เขารัก ที่ยังไม่ได้แต่งงาน ประกาศหมั้นเป็นทางการเพราะยังไม่ได้รับคำอนุมัติจากเอลซ่าพี่สาวของอันนา

                 อันนาเดินปรี่เข้าไปหาคริสตอฟที่นั่งพักเหนื่อย เธอหยิบแก้วโกโก้ร้อนมาให้เขาจิบคลายความหนาว

    “เอามาร์ชเมลโลไหม?”เธอหยิบขนมมาร์ชเมลโลสีขาวขึ้นมาทำท่าจะใส่ลงในถ้วยโกโก้ แต่สติของเธอเตือนว่าให้ถามชายหนุ่มคนกินก่อนจะดีกว่า

    “ไม่ดีกว่า... จริงสิอันนา วันนี้เธอให้เอลซ่าอยู่คนเดียวหรือ?”เขาถาม

    “ก็...ใช่แหละ พี่ก็ไม่มีปัญหาอะไร เห็นฉันออกมาหานายก็ไม่ได้ว่า”เพราะเธอยังไม่รู้ว่าพี่เธอนั้นมีคนไปไหนมาไหนด้วยอยู่แล้ว ถึงจะแค่ชั่วคราวก็เถอะ

    “จะดีหรือ? ถ้าเกิดเอลซ่าน้อยใจที่เธอให้ความสำคัญพี่สาวลดลงล่ะ อาณาจักรนี้ไม่กลายเป็นน้ำแข็งซ้ำอีกหรือไง?”

    “ไม่หรอก พี่ควบคุมพลังได้แล้วคงไม่เกิดอะไรขึ้นหรอก...”จุดอ่อนของอันนาคือเธอวางใจอะไรง่ายเกินไป ครั้งล่าสุดคือครั้งที่เธอตกลงใจจะแต่งงานกันฮานส์แต่สุดท้ายเขากลับต้องการจะฆ่าเธอและเอลซ่าเพื่อชิงบัลลังก์ คริสคอฟผู้ไม่ไว้ใจใครง่าย ๆ ขยี้หัวอันนาอย่างเอ็นดูก่อนเอ็ดเสียงนุ่ม

    “นี่อันนา ฉันบอกเธอหลายครั้งแล้วนะว่าอย่าวางใจอะไรง่าย ๆ พลังของเอลซ่ารุนแรงมาก เธอค...”

     “เธอควรจะเอาใจใส่เอลซ่าเพื่อให้แน่ใจว่าพลังของเธอจะไม่อาละวาด ใช่ไหม?”อันพูดต่อเอง เธอถูกคริสตอฟพูดกรอกหูแบบนี้ซ้ำ ๆ มาเป็นปีแล้ว ถ้านับตามความเป็นจริงเอลซ่าไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว ตราบใดที่เธอรับรู้ถึงความรักจากอันนา

    “นี่แหละที่ฉันพยายามบอกเธอมาตลอด ดูแลพี่สาวเธอดี ๆ อันนาพวกเธอมีกันอยู่2นะ”

    “3ต่างหาก ฉันจะทำให้คุณเป็นสมาชิกคนที่3ให้ได้เลย”ไม่ต้องอธิบายก็พอจะรู้ว่าอันนาหมายถึงอะไร คริสตอฟอมยิ้มก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่

    “อา... งั้นฉันคงต้องผ่านด่านกำแพงน้ำแข็งของพี่สาวเธอให้ได้สิเนี่ย แต่ก็จะพยายามล่ะนะ”

     

     
     
     

     

    ขณะนั้นแจ็คก็ได้สอนเอลซ่าให้รู้จักวิธีลอยตัวตามกระแสลมเพื่อจะไปเที่ยวกับเขา เอลซ่าพยายามเกาะไม้เท้าของแจ็คเอาไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองตกลงไปเบื้องล่าง แจ็คร้องเรียกสายลมเบา ๆ ค่อยฝึกในเอลซ่าลอยจนชินตัว

    เอลซ่าหลับตาปี๋ เธอไม่ได้กลัวความสูงแต่อย่างใดเธอแค่ไม่เคยบินมาก่อน ราชินีน้ำแข็งที่ทำเป็นเพียงเสกน้ำแข็ง เนรมิตปราสาท ควบคุมหิมะจะให้อยู่ดี ๆ มาฝึกบินมันก็ยาก อย่างไรก็ดีจะเรียกว่าบินก็ไม่ได้ ควรจะเรียกว่าเกาะไม้เท้าลอยไป ลอยมาจะถูกกว่า

    “แจ็ค... ถ้าฉันตกลงมาคุณต้องรับด้วยนะ”ยิ่งเห็นเอลซ่าตื่นกลัวแจ็คยิ่งชอบใจ เขาเดินห่างออกไปจากจุดที่เอลซ่าลอยสูง เธอกรีดร้องด้วยความตกใจแม้จะไม่มีน้ำแข็งงอกออกมาแต่แจ็คก็ไม่ค่อยชอบนัก เสียงผู้หญิงกรี๊ดมันน่ารำคาญมาก

    “ใจเย็น ๆ เอลซ่า เจ้าต้องหัดทรงตัวก่อน ทรงตัวได้แล้วเจ้าค่อยหัดควบคุมทิศทาง”ราชินีหิมะพยายามทรงตัวบนไม้เท้าคล้องแกะอันยาวของแจ๊ค เธอพยายามปรับที่นั่งให้อยู่ในระยะปลอดภัยที่สุดเพื่อไม่ให้ตัวเองตกลงไป

    ในที่สุดเอลซ่าก็สามารถนั่งบนไม้เท้าได้โดยมั่นใจได้เต็มร้อยว่าจะไม่ตกลงไปแน่ ๆ เธอยิ้มร่าดีใจแทบจะทนไม่ไหวที่จะเรียนรู้วิธีเคลื่อนที่ไม้เท้าเวทย์มนตร์ของแจ็ค

    “ดีมากเอลซ่า คราวนี้ลองใช้เวทย์มนตร์ของเจ้าควบคุมไม้เท้าของข้าดูนะ เวทย์มนตร์น้ำแข็งแบบเดียวกันเจ้าควบคุมมันได้อยู่แล้ว”แจ็คให้กำลังใจเธอ เอลซ่าจับไม้เท้าแน่นกำหนดพลังจากปลายนิ้วมือสู่ไม้เท้า และมันก็ค่อย ๆ ขยับ

    “แจ็ค... ถ้าจะทำให้มันเปลี่ยนทิศทางล่ะ?”

    “เจ้าเคยควบคุมน้ำแข็งแบบไหนก็ควบคุมไม้เท้าแบบนั้นเลย ไม่ต้องกลัวข้าจะรับเจ้าเองถ้าเจ้าตกลงมาน่ะ”แจ็คเอามือมารองใต้เงาของเธอเอาไว้เผื่อสถานการณ์ไม่คาดฝันจะเกิดขึ้น

    เอลซ่าลืมตาโพลง เธอคิดในใจให้ไปทางขวาไม่กี่วินาทีต่อมามันก็ลอยไปตามอย่างที่ใจเธอปรารถนา เอลซ่าเริ่มรู้สึกสนุกเธอร่อนไม้เท้าไปรอบ ๆ ตัวแจ็คจนเขาเริ่มมึนหัว โชคร้ายที่เธอไม่มีตาหลัง เจ้านกพิราบตัวใหญ่พุ่งชนเธอเต็มหลังจนเธอค่อย ๆ ร่วงหล่นลงไปจากไม้เท้าสู้พื้นดิน

    แจ็ควิ่งเข้ามารับเธอเอาไว้ เอลซ่าไม่กล้าลืมตาขึ้นมาดูสภาพตัวเองในตอนนี้ เธอไม่มีความรู้สึกว่าเจ็บเลยซักนิดจนสติของเธอร้องเรียกให้เธอลืมตาขึ้นมาดูภาพตรงหน้า สิ่งที่ปรากฏคือแจ็คฟรอสกำลังอุ้มเธออยู่ เขาปกป้องเธอไม่ให้ตกลงมาจากที่สูง

    “มีสติหน่อยสิเจ้าน่ะ ท่าทางเจ้าจะสติแตกง่ายนะ หรือว่าช่วงนี้สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว?”ก็กล้าถาม...

    “ตอนนี้ข้าไม่มีความกลัวแล้วล่ะ จะมีก็แต่เรื่องตกใจนี่แหละที่แก้ไม่หาย”ตกใจทีไร ได้เรื่องทุกที ยิ่งช่วงนี้มีเหตุให้ใจสั่นอยู่เนือง ๆ ถ้าคุมสติไม่ไหวคงจะแย่

    “ตกใจข้าไม่ว่าหรอก อย่าปล่อยน้ำแข็งออกมาก็แล้วกัน เจ้าปล่อยออกมาแต่ละทีทำเอาข้าเกือบได้ไปเฝ้าพระเจ้าอีกรอบ”ชายผมสีเงินถอนหายใจโล่งอก เขาปล่อยหญิงสาวสูงศักดิ์ลงกับพื้น เธอเอื้อมมือไปปัดขนนกเส้นเล็กที่ติดตามหลังออกพลางก้มหน้า ก้มตา

    “แล้วอีกนานไหมกว่าฉันจะบินไปพร้อมคุณได้?”

    “เจ้าบินได้แล้วไม่มีปัญหา แต่สิ่งที่ต้องทำคือต้องบินสูงขึ้นอีก สูงกว่านกเลย”เอลซ่าตาโตเป็นไข่ห่าน นกบางชนิดบินสูงได้ถึง29000ฟุต เธอจะต้องบินสูงแค่ไหนกันถึงจะพ้น?

    “หรือถ้าเจ้ากลังความสูงข้าจะพาบินต่ำ ๆ จะระวังหลังให้โอเคไหม?”แจ็คยื่นข้อเสนอที่เขาต้องการสิ่งตอบแทนเพียงแค่ให้เธอไปเที่ยวกับเขา

     

    แค่สองคน...

     

    “ก็ได้ คุณนำนะ”เอลซ่าคว้าไม้ของแจ็คเอาไว้ แจ็คจับมือเธอแน่นพาเธอล่องลอยไปตามกระแสลม สายลมพัดพาทั้งคู่ไปทางทิศตะวันตก แจ็คกระตุกยิ้มมุมปาก

    “เจ้าคงไม่เคยไปเยือนแถบตะวันออก วันนี้ข้าจะพาเจ้าไปเอง”แจ็คกอดเอลซ่าเอาไว้ในอ้อมแขนขณะที่กระแสลมยังแรงอยู่เพื่อป้องกันไม่ให้เธอปลิวไปไหน

    “อ... อืม พูดให้ถูกคือฉันไม่เคยออกนอกเอเรนเดลมาก่อนเลย”เธอตื่นเต้นกับการลอยตัวขึ้นสูงครั้งแรกในชีวิตในอ้อมกอดของเทพแห่งความหนาวเย็นอย่างแจ็คฟรอส เอลซ่าไม่ได้รู้สึกอึดอัดเลย ตรงกันข้ามเธอกลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

    “ข้าจะพาเจ้าไปที่อาณาจักรแห่งหนึ่งที่ไม่เคยมีหิมะตกเลย”
    “มันมีด้วยหรือที่ที่ทั้งปีไม่มีหิมะตก?”เอลซ่าเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย

    “ทำไมจะไม่มีล่ะ ที่นั่นอย่างมากแค่อากาศหนาวเย็นแต่ไม่มีหิมะ...”

    “ข้าไปที่นั่นครั้งสุดท้ายคือช่วงปลายปีที่แล้ว เป็นที่ที่สวยงาม เป็นอาณาจักรที่อยู่ระหว่างการพัฒนา เป็นจุดศูนย์รวมการค้าขายด้วยล่ะ”แจ็คเริ่มเล่าเรื่องอีกครั้งถึงอาณาจักรที่เขาเคยไปเยือนเมื่อนานมาแล้ว ความประทับใจหลั่งไหลมาจากทุกถ้อยคำ ทำเอาเอลซ่าถึงกับต้องจินตนาการถึงอาณาจักรแสนสงบแห่งนั้น

    ทั้งสองถูกสายลมพัดมาไม่นานแจ็คก็พาเธอร่อนลงสู่พื้นดินที่ถูกปูด้วยหน้าสีเขียวสดชื่น รอบกายทั้งคู่เต็มไปด้วยผู้คนที่แต่งกายแปลกประหลาด

    “ที่นี่ที่ไหนกันแจ็ค?”

    “ข้าก็ไม่รู้ ข้าอ่านภาษาพื้นเมืองของที่นี่ไม่ออกจริง ๆ”ผู้คนทั้งหลายต่างจ้องมองที่เอลซ่า เธอแต่งตัวค่อนข้างแปลกสำหรับพวกเขาจึงเป็นจุดสนใจอย่างดี

    “ท่าน ๆ นี่ท่านเป็นชาวต่างชาติใช่หรือไม่?”เอลซ่าไม่เข้าใจภาษาพื้นเมืองของอาณาจักรนี้เช่นเดียวกัน แต่เธอก็พยายามจะโต้ตอบ

    I… I don’t know what you said ,but where am I?”หญิงพื้นเมืองเองก็ไม่เข้าใจภาษาที่เอลซ่าพูด หญิงคนนั้นทำหน้าตาเลิ่กลั่กหันไปหาผู้ชายอีกคนที่มาด้วยกัน

    “ดูสิพี่ทองอิน พวกฝรั่งตาน้ำข้าวแหละ น่าจะหลงทางนะเนี่ย”

    “พี่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกันนะน้องโฉม พี่พูดภาษาฝรั่งไม่เป็นเสียด้วย”เอลซ่าไม่รอให้ชายหญิงสนทนากันจนจบ เธอพยายามถามต่อด้วยความหวังว่าเขาจะรู้เรื่องบ้าง

    Can you tell me where am I? It’s my first time I coming here.”ชายหญิงคู่นั้นทำหน้าหนักใจเข้าไปใหญ่ พวกเขาเองก็พยายามจะสื่อสารกับเอลซ่า จนสุดท้ายแล้ววิธีการที่พวกเขาเลือกใช้ก็คือภาษามือ

    “นี่ๆ คุณ ไปทางนั้นนะฉันคิดว่าต้องมีคนช่วยคุณได้”หญิงคนนั้นชี้ไปทางสถานที่แห่งหนึ่งเป็นสถาปัตกรรมที่สวยงามและดูคุ้นตาเธอเล็กน้อย เพราะรูปร่างของตึกรามหลังนั้นเหมือนที่เธอเคยเห็นในภาพวาดในวังของเธอ

    I should go to there? Thank you very much.”ชายหญิงคู่นั้นกระพุ่มมือไหว้เธออย่างสวยงาม เอลซ่าเดินตรงไปยังตึกหลังที่ชายหญิงทั้งคู่ชี้ให้เธอมา ทันทีที่เธอก้าวเข้าไปเธอก็รู้สึกเหมือนได้กลับมาถึงบ้านเกิดตัวเอง

    “โอ้ ขอโทษนะครับ มิทราบว่ามีอะไรให้กระผมรับใช้”ชายผมดำลงน้ำมันเงาวับเดินเข้ามาหาเธอพร้อมพูดภาษาเดียวกับเธออย่างคล่องแคล่ว

    “คือ... ที่นี่ที่ไหนหรือคะ? คือ... ฉันหลงทางน่ะค่ะ”เธอโกหกออกไป

    “อ๋อ ที่นี่คือสยามครับ คุณคงลงเรือผิดมาสินะครับ คุณต้องการจะไปที่ไหนครับ?”

    “เอเรนเดลค่ะ...”เอลซ่าไม่มีทางเลือก เธอเลือกที่จะโกหกมาแล้วตั้งแต่ต้นก็ต้องโกหกไปจนวินาทีสุดท้าย

    “เอเรเดล... ไม่คุ้นจริง ๆ ครับ เอาเป็นว่าเดินถัดจากสถานทูตไป2-3กิโลเมตรคุณจะพบกับท่าเรือ คุณสามารถขึ้นเรือกลับไปได้เลยล่ะครับ”ชายคนนั้นแนะนำเธอ

    “ขอบคุณมาก ๆ นะคะ”เธอยิ้มให้และเดินจากไป ระหว่างทางเดินกลับเธอพบผู้คนมากมายที่มีผมสีเดียวกับเธอ ตาสีเดียวกับเธอ โครงหน้าคล้ายคลึงกับเธอ หรือจะว่าง่าย ๆ คือพวกเขามาจากแถบเดียวกันกับเธอ ภูมิภาคตะวันตกที่ตั้งเดียวกับเอเรนเดล

    “สยามหรือ? ชื่อแปลกจังเลยนะ แต่คนที่นี่ใจดีชะมัดเลย”แจ็คเริ่มพูดได้ขึ้นมาทันทีหลังจากเงียบไปนานปล่อยให้เอลซ่าหาหนทางอยู่คนเดียว

    “ใช่ ยิ้มก็สวย ช่วงนี้คงเป็นช่วงฤดูหนาวของพวกเขาเหมือนกันสินะ ใส่เสื้อผ้าหนากันเสียจริง”ชาวสยามในสายตาเอลซ่าคงเป็นชนพื้นเมืองที่อยู่ในเขตเมืองร้อนไม่ค่อยสัมผัสอากาศหนาว เวลาอากาศหนาวจึงอดรนทนไม่ได้ต้องหาเสื้อคลุมที่หนามาก ๆ มาใส่ไม่เหมือนกับเธอที่อยู่กับความหนาวเหน็บเสียจนชินชา

    แจ็คและเอลซ่าเดินชมอาณาจักรสยามไปเรื่อย ๆ ท่านกลางสายตาของผู้คนที่มองมาทางเอลซ่า เธอไม่ได้สนใจชาวสยามแต่ก็หมั่นโปรยยิ้มให้เป็นระยะ ๆ ชาวสยามเป็นชนชาติที่ชอบยิ้ม แม้จะสื่อสารกันทางคำพูดไม่ได้แต่พวกเขาก็ยังสารมารถสื่อสารกันได้ด้วยการยิ้ม

     

    “หิวจังเลยแจ็ค บินมาตั้งไกล เดินมาตั้งนานแล้ว”เอลซ่าเริ่มโอดครวญ การบิน การฝึก และอะไรหลาย ๆ อย่างในวันนี้ช่างเป็นการเผาผลาญพลังงานที่ดีเสียจริง ดีจนเอลซ่าผู้ไม่เคยบ่นหิวมาก่อนยังต้องบ่น

    “นั่นสินะ ข้าก็ลืมไปว่าเจ้าต้องทานอะไรเสียบ้าง”

    “ทำยังไงดีล่ะ ข้าไม่มีเงินของที่นี่เสียด้วย แต่ก็ยังอยากอยู่ต่อ”เอลซ่าเริ่มติดใจความสวยงามและมิตรภาพทางรอยยิ้มของชาวสยาม ซึ่งถ้าเธอกลับไปก็เท่ากับจะเสียเวลาเที่ยวอีกมาก

    “ลองเดินไปรอบ ๆ ไหมล่ะ เผื่อจะโชคดี”โชคดีอะไรกัน? เอลซ่าพยามนึกถึงโชคในต่างแดนอย่างไรก็นึกไม่ออก แต่เธอก็เลือกที่จะเสี่ยงเดินหน้าต่อไป ทั้งสองตรงเข้าไปในตลาดที่คนเริ่มเยอะเพราะตอนนี้เป็นเวลาเย็นย่ำของอาณาจักรสยาม ทำให้มีผู้คนออกมาจับจ่ายซื้อของไม่ต่างจากอาณาจักรเอเรนเดลของเธอเลย

     

     

    พลั่ก!

     

    เอลซ่าชนเข้าให้กันชายหนุ่มชาวสยามคนหนึ่ง เขาแสกผมปัดข้างไม่ได้ลงน้ำมัน และใส่แว่นทรงกลมสีเงินรับกับใบหน้า

    “ขอโทษด้วยนะครับผมไม่ทันระวัง”ชายคนนี้พูดภาษาของเธอได้ แสดงว่าเขาต้องทำงานในสถานทูตแน่ ๆ นี่สินะโชคดีที่แจ็คว่า

    ”ไม่เป็นไรค่ะ ฉันผิดเอง”เอลซ่าค่อย ๆ ปัดฝุ่นออก และในขณะนั้นท้องของเธอก็ร้องขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

    แจ็คเกือบหลุดขำไปแล้ว เอลซ่าหันไปค้อนใส่แจ็คชุดใหญ่ก่อนที่เสียงนุ่มชวนฝันของชายชาวสยามจะดึงเธอกลับมา
                    “คุณคงกำลังหิว ให้ผมเลี้ยงคุณนะครับ”ชายคนนั้นเสนอตัวเลี้ยงอาหารเธอ โชคดีเหลือเกินเอลซ่าไม่ต้องกลับไปหาอะไรกินที่เอเรนเดลให้เสียเวลาอีกแล้ว

    “ขอบคุณมากนะคะ คุณ...”

    “เอกราชครับ”ชายหนุ่มแนะนำตัว ชื่อของเขาช่างออกเสียงยาก เอลซ่าจึงพยายามเลี่ยงไม่เรียกชื่อเขา

    “ค่ะ ฉันเอลซ่ามาจากเอเรนเดล”เอลซ่ายื่นมือไปจับกับมือของนายเอกราชท่ามกลางสายตาริษยาของแจ็คฟรอสที่อยู่ข้างหลัง

    “เอ่อ... ผมเพิ่งซื้อลูกชุบมาพอดี ทานด้วยกันนะครับ”ขนมรูปร่างเหมือนผลไม้ชิ้นเล็ก ๆ สีสันสวยงาม เอลซ่าอยากจะยื่นมือไปหยิบมาทานเสียเดี๋ยวนี้ถ้าไม่ติดที่ว่ามารยาทมันค้ำคอ

    “ขอบคุณนะคะ”นายเอกราชเดินนำเอลซ่าไปยังแม่น้ำสายใหญ่ที่เอกราชเรียกว่าเจ้าพระยา ทั้งสองนั่งทานขนมลูกชุบอย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่รู้สึกถึงไอเย็นด้านหลัง

    หนุ่มสยามและเอลซ่าไม่ค่อยได้คุยกันมากนัก ส่วนมากจะพูดถึงขนม บรรยากาศ และสัพเพเหระกันเสียมากกว่า แจ็คแทรกมาบ้างเป็นครั้งคราวเอลซ่าไม่ใจร้ายขนาดจะไม่สนใจแจ็ค เธอยังหมั่นยิ้มให้เขาอยู่รอยยิ้มของเธอช่างดูอบอุ่นจนสามารถละลายหิมะได้เลย

    ในที่สุดขนมก็หมดลง เอลซ่าบอกลาชายชาวสยามที่ริมแม่น้ำและเขาก็เดินหายไปจนลับตา ถึงคราวที่แจ็คจะได้พูดคุยกับเอลซ่าบ้างเสียที

    “เจ้าหลงรักชายคนนั้นหรือ”ก็ไม่รู้ว่าจะถามทำไม แต่เอลซ่าก็ยินดีจะตอบ

    “เปล่าเสียหน่อย เขาน่ารักดี ดูสุภาพบุรุษ แต่คุยไม่ค่อยเก่งเอาเสียเลย เหมือนข้าเปี๊ยบ อยู่กับเขาคงไม่สนุกเหมือนอยู่กับคุณหรอกแจ็ค”ชายหนุ่มผู้เดียวที่สามารถสร้างความตื่นเต้นให้ราชินีได้เสมอถึงกับเขินจนต้องเบือนหน้าไปทางอื่น เขาไม่รู้จะตอบอย่างไร ได้แต่ทำท่าทางอึกอัก

    “เสร็จแล้วใช่ไหม? เอาล่ะคงถึงเวลาแล้ว”แจ็คทำลายความเงียบอีกครั้ง เขายืนขึ้นถือไม้เท้าไว้ในมือเดินไปที่ริมสุดของแม่น้ำ

    “เวลาอะไรกันแจ็ค?”

    “ข้าจะพาเจ้าไปหาบันนี่ งานนี้สนุกแน่”บันนี่หรือบันนี่มันด์ ที่รู้จักกันคือกระต่ายอีสเตอร์ แจ็คฟรอสกำลังจะพาเธอไปหาศัตรูคู่อาฆาตของเขาถึงรัง!? งานนี้เห็นทีคงจบไม่สวย

    การที่เราอยู่ใกล้ใครคนหนึ่งแล้วรู้สึกดีก็ไม่ได้หมายความว่าเรารักเขาเสมอไป เพราะบางทีเราอาจมีคนที่รักมากกว่าเพียงแค่ไม่แสดงออกเท่านั้นเพราะฉะนั้นก็อย่าเพิ่งออกตัวหึงหรืออิจฉา หากภาษาพูดไม่สามารถสื่อสารได้อย่างชัดเจนทำไมไม่ลองเปลี่ยนไปใช้ภาษากายแบบชาวสยามดูล่ะ? เข้าใจง่ายกว่าตั้งเยอะ ขอเพียงใช้ให้ถูกก็พอแล้ว
     

    ***********************************
     
    Free Talk :

    ไปดูFrozenมาแล้วค่ะ ฟินมากกกกกกกก ฉากที่เอลซ่าร้องเพลงรู้สึกจับใจจริง ๆ ปราสาทสวยมากไม่อยากให้ละลายเลย ส่วนฟิคเรื่องนี้เน้นหนักไปที่ความรักหนุ่ม-สาวคือแจ็คและเอลซ่า แต่ก็ยังคงคอนเซ็ปความรักแบบพี่น้องของFrozenไว้อยู่ค่ะ ใครมีพี่น้องชอบทะเลาะกันแนะนำให้ลากไปดูเรื่องนี้ค่ะ รับรองรักกันยันโลกแตก 555

     ตอนนี้แอบมีไทยคุงมาด้วย สรุปตอนนี้เขียนเอามันค่ะเครียดมากจะสอบอยู่แล้วเลยเอามาลงกับฟิค(ตัวอย่างที่ไม่ดีเลย) เป็นคนเขียนตอนนึงยาวไม่ได้ค่ะ ออกนอกทะเลตลอด แต่จะพยายามปรับปรุงงานเขียนอยู่เรื่อย ๆ นะคะ จะทำเต็มที่เพื่อให้สมกับที่ทุกคนเสียสละเวลาเข้ามาอ่านเลยค่ะ

    อีกเรื่องค่ะFrozenจะออกจากโรงแล้วนะคะ แต่ฟิคเรื่องนี้อีกยาวไกลค่ะไม่จบง่าย ๆ อยากให้ทุกคนติดตามความรักของเทพผู้พิทักษ์กับราชินีหิมะต่อไปนาน ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ จนจบเลยนะคะ ขอบคุณทุก ๆ คอมเม้นมากค่ะดีใจจนจะร้องไห้อยู่แล้ว จะกลับมาเขียนใหม่เร็ว ๆ นี้นะคะ บายค่ะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×