ลำดับตอนที่ #18
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : 17th Hour : Attack on Jack Frost
แจ็คพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นด้วยความเจ็บปวด บันนี่แม้จะไม่ชอบแจ็คซักแค่ไหนก็ไม่อาจทนดูเพื่อนร่วมชะตากรรมบาดเจ็บได้จึงเข้าไปช่วยพยุง และเมื่อวินาทีที่แจ็คได้เห็นบุคคลปริศนาที่ลอบทำร้ายเขาก็ยิ่งพาลให้เจ็บจี๊ด ๆ ในหัวใจไปมากกว่าเดิม เพราะคน ๆ นั้นคือเอลซ่า...
ใครจะไปคิดว่าคนที่เคยมีประสบการณ์ดี ๆ ร่วมกัน ร่วมสุข ร่วมทุกข์ แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้นจะทำกันได้ลงคอ แจ็คยังคงไม่เชื่อภาพตรงหน้า คนที่ทำร้ายเขาไม่เอลซ่าที่เขารักอย่างแน่นอน
“เอลซ่า...”บันนี่เอ่ยชื่อเธอออกมาเบา ๆ แม้ใจจริงจะไม่เชื่อเหมือนแจ็คแต่ทุก ๆ อย่างก็ฟ้องว่านี่คือเอลซ่าตัวจริงไม่ผิดเพี้ยน แต่บันนี่เองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอตอนที่เขากับแจ็คไม่เห็น
“นี่ไม่ใช่เอลซ่าบันนี่... เอลซ่าตัวจริงไม่มีทางทำแบบนี้หรอก”แจ็คพูดเหมือนเด็กน้อยที่กำลังหนีความจริง แต่บันนี่เองก็เข้าใจ เป็นใครก็คงจะทำใจเชื่อไม่ได้ทั้งนั้น
เทพแห่งความหนาวเย็นและกระต่ายอีสเตอร์พยายามตั้งหลักประจันหน้ากับบู้กกี้แมนและราชินีหิมะที่เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ทั้งสี่ยืนจ้องหน้ากันตาไม่กระพริบราวกับกำลังทำสงครามประสาทกันอยู่ จนเมื่อพิชแบล็คเริ่มเบื่อกับสงครามประสาทย่อม ๆ นี่แล้วเขาจึงเริ่มเปิดศึกที่แท้จริง
“เอาล่ะสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งหลาย เราทำสงครามประสาทกันมาพอแล้ว ข้าว่าเรามาเริ่มเปิดศึกจริงจังกันเลยดีกว่า”สิ้นเสียงพูดของผีใต้เตียงเหล่าอาชาฝันพยศก็วิ่งกรูเข้ามารายล้อมแจ็คและบันนี่ เทพแห่งความหนาวเย็นยกไม้เท้าขึ้นมาตั้งรับ ทางด้านกระต่ายอีสเตอร์ก็ควักเอาบูมเมอร์แรงที่อยู่ด้านหลังออกมาด้วยความรวดเร็ว สร้างความพึงพอใจให้กับพิชเป็นอย่างมาก
“ตั้งท่ากันซะขนาดนั้นดูเหมือนจะเตรียมตัวมาดีนะ 1 ผู้พิทักษ์กับ 1 ตัวแถม เพื่อช่วยราชินีหิมะคนเดียวถึงขนาดยอมจับอาวุธกันเลยเหรอ?”บุรุษชุดดำเอื้อนเอ่ยอย่างดูถูกพลางเหลือตามองราชินีหิมะที่ถูกตนเองเปลี่ยนให้เป็นตัวร้ายอย่างชื่นชม แจ็คเกลียดสายตาของพิชที่มองเอลซ่าแบบนั้น
“ต่อให้ไม่มีเอลซ่าเราก็พร้อมที่จะจับอาวุธเพื่อกำจัดแกพิช”หลังจากได้ฟังคำตอบของบันนี่มันด์พิชก็กระตุกยิ้มขึ้นมาอย่างพึงพอใจ เพราะทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคาดไว้เมื่อฝ่ายตรงข้ามเดินหมากมาติดกับของตัวเอง
ตอนนี้ทั้งแจ็คและบันนี่อยู่ในสถานการณ์กดดัน เหล่าอาชาฝันพยศก็เข้ามาใกล้ทั้งคู่มากขึ้นกว่าเดิมแล้ว แจ็คตัดสินใจทำสิ่งที่ไม่คาดคิดโดยที่เขาไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ยิ่งทำให้ทั้งตัวเขาและบันนี่ถลำลึกเข้าไปในกับดักที่พิชวางเอาไว้อีก
“ฟังข้านะบันนี่ ข้าจะเคลียร์ทางให้ท่านไปช่วยพวกนอร์ท แล้วข้าจะอยู่จัดการทางนี้เอง”บันนี่ได้ฟังถึงกับอึ้งไม่คิดว่าคำพูดนี้จะหลุดออกจากปากแจ็คได้ ทั้งที่จริงเขากะอยู่ช่วยแจ็คแล้วแท้ ๆ
“มันเสี่ยงเกินไปแจ็ค ข้าทิ้งเจ้าไว้ที่นี่ไม่ได้หรอก”ตัวบันนี่เองก็ยังยืนยันที่จะอยู่ช่วยแจ็คทางนี้ แน่นอนว่าแจ็คไม่ยอม ทำให้เขาต้องขัดใจบันนี่อีกเป็นครั้งที่ร้อยกว่า
“ต้องไปบันนี่!! พวกนอร์ทต้องการท่านนะ!!”
“แล้วเจ้าล่ะ? เจ้าทำใจสู้กับเอลซ่าได้แน่เหรอแจ็ค?”
“นางไม่ใช่เอลซ่าอีกต่อไปแล้ว ข้าไม่มีทางเลือกอื่นจริง ๆ...”ในใจบันนี่รู้ดีว่าแจ็คไม่อยากทำและพยายามคิดต่างเพื่อหนีความจริงอยู่ แต่ตอนนี้บันนี่เองก็ไม่ต่างจากแจ็ค เขาเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นเหมือนกันนอกจากจะต้องไปช่วยพวกนอร์ทตามที่แจ็คขอ
“...งั้นก็ได้ รีบเคลียร์ทางให้ข้าซักทีสิจะได้ไปช่วยพวกนั้นได้”จัดให้ทันทีตามที่ขอ แจ็คควงไม้เท้าพอเป็นพิธีหนึ่งรอบก่อนหันหลังสาดพลังน้ำแข็งใส่เหล่าฝันพยศของพิชจนพวกมันแตกพ่ายไปอย่างง่ายดาย บันนี่ใช้โอกาสชุลมุนกระโดดลงไปในโพรงเล็ก ๆ ซึ่งเป็นทางเข้าไปสู่รังของพิช
เมื่อเห็นว่าบันนี่ได้เข้าไปในรังของพิชเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทีนี้ก็ตาเขาบ้างล่ะที่จะต้องสะสางเรื่องทางนี้ให้จบเสียที แม้เมื่อกี้จะเพิ่งบอกบันนี่ไปว่าตัวเขาสามารถทำใจสู้กับเอลซ่าได้แล้ว แต่ในความเป็นจริงเขาพูดไปเพื่อไม่ให้บันนี่เป็นห่วงเท่านั้นเอง
แจ็คพยายามสาดพลังเพื่อจัดการกับฝัรพยศของพิชต่อไป แต่ก็ไม่เป็นผลเหล่าฝันพยศไม่มีทีท่าว่าจะลดลงอย่างที่คาดเลย ซ้ำร้ายเหล่าฝันพยศล็อตหลัง ๆ ก็ดันมีพลังน้ำแข็งมาอีกทำให้แจ็คจัดการกับมันได้ไม่ง่ายนัก ดู ๆ ไปแล้วอย่างกับเกม Resident E-ปี๊บ- ที่พัฒนาจากเกมหลอนมาเป็นเกมแอ็คชั่นไปโดยปริยาย...
มันเหมือนกันมั้ยเนี่ย...
ก่อนที่จะนอกเรื่องไปมากกว่านี้พิชตัดสินใจหยุดการสร้างฝันพยศมาต่อกรกับแจ็คไม่ว่าจะเพราะสงสาร สมเพช หรือว่าเวทนาก็ตาม แต่ดูจากสภาพตัวแจ็คนั้นก็ล้าจากการปล่อยพลังมาพอแล้ว ร่างกายของแจ็คไม่อาจทานทนกับดาเมจหนัก ๆ ได้ตลอดเวลาเขาจึงล้มลงบนพื้นด้วยความเหนื่อยอ่อน พิชย่างสามขุมเข้าไปใกล้แจ็คมากขึ้นพร้อมกับเอลซ่าที่ตอนนี้เดินตามเขาราวกับเห้งเจีย
“ไง แกน่าจะเห็นสภาพตัวเองตอนนี้นะฟรอสต์”พิชก้มมองด้วยสีหน้าสมเพช แจ็คกำลังอ่อนแออยู่ทั้งทางร่างกายและจิตใจ จึงไม่กล้าแม้จะมองหน้าพิช
“คิดดูสิแจ็ค ผู้ชายคนหนึ่ง หลงรักผู้หญิงคนหนึ่ง แต่วันดี คืนดีเธอกลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากที่ไม่เคยทำให้เจ็บช้ำก็ดันมาทำร้ายกันได้ ไม่มีใครที่จะทำใจรับได้ในเวลาอันรวดเร็วหรอกนายว่ามั้ย?”
“แกต้องการอะไรกันแน่พิช...”แจ็คฝืนถามทั้งที่ร่างกายไม่เอื้ออำนวย
“ทำในสิ่งที่ข้าต้องการยังไงล่ะ เปลี่ยนราชินีหิมะผู้แสนดีให้เข้าสู่ด้านมืดอย่างที่ข้าวางแผนมาตลอดหลายปี”เรื่องในอดีตยังคงตามหลอกหลอนแจ็ค แต่ไม่ว่าเขาจพยายามหยัดกายขึ้นมาอย่างไร ร่างกายก็ไม่สามารถทำตามคำสั่งได้เลย อย่างน้อยตอนนี้ถ้าบันนี่อยู่ก็คงช่วยพยุงกันได้บ้าง
“แหม ตอนแรกข้าก็กะจะจัดการขั้นสุดท้ายกับเจ้าด้วยตัวของข้าเอง แต่ข้าว่าข้าให้คนอื่นจัดการเจ้าแทนดีกว่า”พิชก้าวถอยหลังไปทันทีปล่อยให้ใครคนหนึ่งมาทำหน้าที่นี้แทนเขา และคนที่จะทำให้แจ็คเจ็บปวดได้จนถึงขีดสุดแน่นอนว่าต้องเป็นเอลซ่า
แจ็คส่งสายตาอ้อนวอนไปให้เอลซ่า หวังว่าเธอจะยังคงจำเขาได้บ้าง เผื่อว่าความมืดยังไม่กัดกินตัวเธอไปจนหมด แต่โชคร้ายที่ไม่ว่าแจ็คจะส่งสายตาอ้อนวอน ขอร้องอย่างไรเอลซ่าคนเดิมก็ไม่กลับมา แม้แจ็คจะมีเรี่ยวแรงพอที่จะสะบัดไม้เท้าเพื่อกันเอลซ่าออกไปได้แต่เขากลับไม่ทำ เพราะถ้าทำเธอก็จะบาดเจ็บ เขาไม่ยอมทำร้ายเธอแน่ ๆ
“เอาเลยสิเอลซ่า จัดการกับไอ้ตัวยุ่งยากให้มันจบ ๆ ไปเลยสิ!!”พิชยังคงยุยงเอลซ่าต่อไป แจ็คเองก็ได้ก้มหน้ารับชะตากรรมเนื่องจากตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว…
.
.
.
บันนี่กระโดดลงมาจนถึงรังของพิช ในนี้มันทั้งมืด อับ และสกปรกสมกับเป็นรังร้างของผีใต้เตียง แต่น่าแปลกใจนิดหน่อยตรงที่มีเศษน้ำแข็งเกาะนี่แหละ แต่ก็คงเป็นฝีมือของเอลซ่าอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
“นอร์ท... ทูธ... แซนดี้...”บันนี่เอ่ยชื่อบุคคลทั้งสามเพียงเบา ๆ แต่มันกลับดังกึกก้องไปทั่ว ดี ไม่ดีคงดังไปทั่วทั้งรังโดยที่ไม่ต้องออกแรงตะโกนด้วยซ้ำ
อุ้งเท้าใหญ่ของกระต่ายยักษ์สูง6.1ฟุตเหยียบย่ำเข้าไปใกล้ ๆ จุดที่มีแสงสว่างซึ่งก็คือลูกโลกแบบเดียวกับที่เขาและพวกนอร์ทมี ฝุ่นดินเปรอะเปื้อนไปหมดแต่ก็ไม่มีเวลามากพอจะปัดมันออกไปได้ ซักพักหูกระต่ายของบันนี่ก็ได้ยินเสียงประหลาดดังก๊องแก๊งเหมือนเหล็กกระทบกันดังมาจากที่ไหนซักแห่ง และด้วยความที่เป็นกระต่ายอีสเตอร์ผู้ใจกล้าไม่มีถอยทำให้บันนี่ไม่ลังเลที่จะเดินเข้าไปดู
แต่ก็แอบหวั่นอยู่เล็ก ๆ เหมือนกันนะ
(อ้าว...)
เมื่อบันนี่เดินเข้าไปใกล้ ๆ เสียงก็ยิ่งพบว่าซากปรักหักพังที่พื้นมันยิ่งเยอะขึ้น และรกขึ้นเหมือนว่าเจ้าของรังจงใจปิดบังอะไรไว้หลังซากปรักหักพังนี้ บางทีอาจจะเป็นความลับที่ทำให้เอลซ่าเปลี่ยนเป็นโหมดดาร์กแบบฉับพลัน หรือไม่ก็กองแผนการของพิชที่ใหญ่พอ ๆ กับเทือกเขาหิมาลัย แต่ทำไมเขาถึงไม่คิดซักนิดเลยล่ะว่าอาจจะเป็นพวกนอร์ท(ห่วงกูมั้ยเนี่ย? : นอร์ท)
“นอร์ท!?”บันนี่ร้องเรียกชื่อชายชราชุดแดงที่กำลังนั่งเคาะกรงเป็นทำนองเพลงจิงเกิ้ลเบลล์หวังให้มันแตก(?) คนถูกเรียกหันกลับมามองทันที พร้อมคนที่ไม่ได้ถูกเรียกอีกสองคนที่เกิดอาการอยากรู้อยากเห็นไปด้วย ใครจะไปนึกว่าจะหาเจอง่ายขนาดนี้
“บันนี่เหรอ? นายหาพวกเราเจอได้ยังไง?”เหล่าผู้พิทักษ์ทั้งสามที่ถูกขังอยู่ในกรงย้ายที่มาหาบันนี่ที่อีกฟากของกรง ทั้งสามดีใจมากที่จะได้ออกไปจากที่นี่ซักที ทั้งอับ ทั้งรก อยู่นานกว่านี้มีหวังตายแน่ ๆ
“อย่าเพิ่งถามเลย ข้าต้องรีบช่วยพวกเจ้าให้เร็วที่สุดจะได้กลับไปช่วยแจ็คข้างบน”เจ้ากระต่ายไม่พูดเปล่าพลางหยิบบูมเมอร์แรงค์ที่อยู่ข้างหลังออกมาด้วยพร้อมทำท่าจะขว้างใส่กรงเพื่อตัดเหล็กออกจากกัน เหล่าผู้พิทักษ์ทั้งสามเห็นดังนั้นจึงได้แต่พากันก้าวถอยหลังกันโดยอัตโนมัติ
“เกิดอะไรขึ้นกับแจ็คอีกล่ะ?”ทูธถามด้วยความเป็นห่วง เป็นใยคนข้างบน
“แจ็คสละตัวเองเป็นตัวล่อให้ข้าเข้ามาช่วยพวกเจ้าข้างใน ดังนั้นข้าจะอยู่ในนี้นานไม่ได้ไม่งั้นไอ้เกรียนตายแหงแซะ”แม้จะห่วงเพียงใดก็ยังไม่ลืมที่จะกัดกันทำเอาคนฟังได้แต่เพลียไปตาม ๆ กัน
“แล้วเจ้ารู้รึเปล่าบันนี่ว่าเอลซ่าถูกเปลี่ยนไป... แบบว่าเป็นคนละคนแล้วน่ะ?”ทูธถามต่อ
“รู้อยู่แล้ว...”
“แล้วเจ้ายังจะปล่อยให้แจ็คอยู่บนนั้นคนเดียวเนี่ยนะ!? เจ้าคิดว่าแจ็คจะทำใจสู้กับนางได้จริง ๆ เหรอ?”
“ไม่ได้ก็ต้องได้ แต่มันบอกกับข้าแล้วว่ามันทำได้”
“เจ้าคิดว่าแจ็คจะทำได้ตามที่พูดจริง ๆ เหรอบันนี่? ถ้าลองเป็นเจ้ากับข้า ถ้าเกิดว่าข้าถูกพิชทำให้เผยด้านมืดออกมา เจ้าจะยอมสู้กับข้ามั้ยล่ะ?”คำถามของทูธทำเอาบันนี่ถึงจะสะอึก เขาเป็นผู้ชายไม่มีปัญญาคิดเรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้ได้หรอก มันเป็นสิ่งที่เขาคิดไม่ถึงเลยเสียด้วยซ้ำ
แกร๊ง!! แกร๊ง!!
เสียงบูมเมอร์แรงค์ยักษ์ปะทะกับเสียงโลหะขึ้นสนิมดังกึกก้องไปทั่ว เสียงของมันดังขึ้นซ้ำแล้ว ซ้ำอีก แต่ก็ไม่มีวี่แววว่ากรงจะพังแต่อย่างใด เวลาผ่านไปจนแขนบันนี่เริ่มล้า เขาหยุดการขว้างบูมเมอร์แรงค์ลงแล้วนั่งลงกับพื้นเพื่อพักฟื้นกำลังแขน แม้เมื่อซักครู่นอร์ท ทูธ และแซนดี้จะทำได้แค่ดู แต่พอเห็นบันนี่ทำท่าเหนื่อยหอบแล้วก็ยังรู้สึกเหนื่อยแทน
“ไหวมั้ยบันนี่?”นอร์ทถามเสียงทุ้ม
“เห็นสภาพแล้วคิดว่าเหนื่อยมั้ย?”เอาความห่วงใยเมื่อกี้คืนมาเลยนะบันนี่...
“ข้าว่าอย่าลงแรงกับเจ้ากรงนี่ให้เสียเวลาเลย มาคิดดีกว่าว่าจะเปิดเจ้านี่ได้ยังไงโดยไม่ใช้ความรุนแรง”คำตอบก็มีให้เห็นชัด ๆ อยู่แล้วว่าต้องใช้กุญแจ แต่ปัญหาคือกุญแจอยู่ที่ไหน?
แซนดี้หลังจากที่ได้ยินบันนี่พูดให้หาทางใหม่เขาก็เริ่มลอยไป ลอยมา สอดส่องอะไรซักอย่างตามสัญชาตญาณของตัวเอง ผิดกับนอร์ทและทูธที่มัวแต่พูดคุย ประคบ ประหงมบันนี่อยู่เฉย ๆ ไม่ได้ช่วยกันหาทางออกเลยซักนิด
หลังจากมองหามาได้ซักพักแซนดี้ก็ตาดีเหลือบไปเห็นวัตถุรูปร่างคล้ายกุญแจตกอยู่ในซากปรักหักพังที่ถ้าไม่สังเกตจริง ๆ ก็คงจะมองไม่เห็น คราวนี้ถึงเห็นที่จะต้องบอกให้ทุกคนรู้ช่วงเวลานี้แหละที่แซนดี้เกลียดที่สุด เพราะเขาเป็นคนไม่พูดทำให้ต้องสื่อสารด้วยภาพทรายบนหัวแทน เอาไงล่ะทีนี้...
แซนดี้พยายามทำตัวให้เป็นจุดสังเกต ลอยไป ลอยมารอบกรงบ้างล่ะ ตะโกน(?)บ้างล่ะ สะกิดบ้างล่ะ แต่ก็ไม่มีใครหันมาสนใจเขาเลย นั่นทำให้แซนดี้ต้องคิดหาวิธีใหม่และเขาก็ดันโชคดีเดินสะดุดเข้าให้กับไม้ก้านเดียวกับที่นอร์ทใช้เคาะกรงเมื่อครู่ ตอนนี้เขารู้แล้วล่ะว่าจะต้องเรียกร้องความสนใจยังไง…
กริ๊ง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
มนุษย์ทรายเคาะไม้กับกรงเหล็กจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวจนทั้งสามคนที่เหลือต้องหันมามอง แซนดี้ชี้ไปซากที่กระจัดกระจายอยู่มุมห้องเป็นการบอกใบ้ให้บันนี่ไปหากุญแจตรงนั้นซะ
“ตรงนั้นมีอะไรเหรอแซนดี้?”กระต่ายอีสเตอร์เดินเข้ามาถามด้วยความสงสัย เพราะเขาสายตาดีไม่พอที่จะมองเห็นบริเวณนั้น
“♀”แซนดี้พยายามทำสัญลักษณ์รูปกุญแจให้บันนี่เข้าใจได้ง่ายขึ้น เจ้ากระต่ายไม่ได้ตอบอะไรแต่ก็เดินไปในจุดที่แซนดี้บอก
เขาหยุดอยู่ในจุดที่แซนดี้ชี้พอดีเป๊ะ ก่อนเริ่มค้นหาในสิ่งที่แซนดี้พยายามบอกเขา แต่ค้นเท่าไหร่ก็เจอแต่ซากไม้ ซากเหล็ก และซากอ้อย(?) ไม่เห็นจะมีของที่แซนดี้บอกเลย
“มันอยู่ตรงนี้จริง ๆ หรือแซนดี้?”เพราะหาไม่เจอเขาจึงตัดสินใจถามเพื่อความแน่ใจ และแซนดี้ก็พยักหน้าให้ทำให้เขาต้องหามันต่อไปอย่างช่วยไม่ได้
บันนี่ควานหาอยู่นานแต่ก็ไม่เจอ เขาเกือบจะถอดใจไม่หาต่อเสียแล้ว แต่ดูท่าบุรุษในดวงจันทร์จะไม่ใจร้ายปล่อยให้เหล่าผู้พิทักษ์ทั้งสามต้องเฉาตายคากรง ในจังหวะที่บันนี่ก้าวเท้าออกจากจุดที่เขายืนอยู่ เขาได้ก้มลองไปเห็นวัตถุบางอย่างที่ทำจากโลหะที่ตอนนี้ขึ้นสนิมหน่อย ๆ ตามกาลเวลา และเมื่อหยิบขึ้นมาดูก็พบว่ามันคือกุญแจ!! ของที่เขาหามันอยู่ใต้เท้าเขามาตั้งแต่ต้นเลยเหรอ? สงสัยขนที่อุ้งเท้าเขาจะหนาไปหน่อยเลยทำให้ไม่รู้สึกว่ามีอะไรอยู่ใต้เท้า
เมื่อได้ของที่ต้องการแล้วบันนี่ก็เดินไปที่กรงและจัดการไขประตูให้ทั้งสามได้ออกมาสัมผัสโลกนอกกรงเสียที ภารกิจสำเร็จแล้วสินะ
“เอาล่ะช่วยพวกเจ้าได้แล้วก็กลับไปที่เอเรนเดลล์กันเถอะ เดี๋ยวข้าเปิดโพรงกระต่ายให้”ดูท่าว่าบันนี่จะลืมไปแล้วว่าแจ็คยังอยู่ข้างบน ทำให้ตอนนี้เขาทำท่าจะกลับท่าเดียว
“แล้วแจ็คล่ะ? แจ็คยังอยู่ข้างบนอยู่เลยนะ”ทันทีที่ทูธพูดเตือนสติบันนี่ก็นึกขึ้นได้ทันที แต่จะให้เปิดโพรงกระต่ายขึ้นไปข้างบนเลยมันก็ออกจะทะเล่อทะล่าไปหน่อย หาทางอื่นที่เสี่ยงน้อยกว่าดีกว่า
“มีใครมีทางที่จะขึ้นไปข้างบนแบบที่เงียบ ๆ เนี้ยบ ๆ บ้างมั้ย? เปิดโพรงกระต่ายไปมันไม่น่าจะเวิร์ก”
“งั้นใช้ลูกแก้วข้ามั้ยล่ะ? น่าจะเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดนะ”นอร์ทหยิบลูกแก้วนำทางออกมาจากเสื้อโค้ท แน่นอนว่าทุกคนต้องมองมาที่เขาเพราะตลอดเวลาเขามีลูกแก้วนี้อยู่และตัวเขาเองก็รู้ตัวด้วย...
แล้วทำไมไม่ใช้ตั้งแต่ทีแรก(วะ)!?
“เอ่อ... จะให้ไปที่ไหนดีล่ะ”ชายชราตัดสินใจหยุดช่วงเวลาแห่งความเงิบเอาไว้ด้วยเรื่องที่สำคัญกว่า บันนี่ที่หลุดจากสภาวะเงิบถึงกับต้องเปลี่ยนเป็นหน้าเครียดอย่างกระทันหัน เพราะว่าต่อให้ใช้ลูกแก้วนำทางของนอร์ทถ้าให้มันนำทางไปไม่ถูกที่ก็อาจจะซวยเหมือนกัน
“เปิดไปตรงแม่น้ำ ตรงนั้นมีโขดหินให้เราดูลาดเลาได้ก่อนจะบุก”บันนี่ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เพราะตอนนี้เขาคือผู้นำของกลุ่มอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นเขาจะทำอะไรเสี่ยง ๆ พาลให้คนอื่นได้รับอันตรายไม่ได้
ทั้งสี่ค่อย ๆ เดินก้าวผ่านลูกแก้วนำทางของนอร์ทมาจนถึงโขดหินหลังจุดที่แจ็คปะทะกับพิชไม่กี่เมตร แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปมากเพราะเท่าที่ดูมันไม่มีร่องรอยการปะทะให้เห็นเลย รอยเท้าของแจ็คและบันนี่ที่เคยอยู่ตรงแถว ๆ นี้ก็หายไปด้วย หิมะที่ตรงคงจะกลบมันจนหายไปแล้วแน่ ๆ
และเมื่อแน่ใจว่าสถานการณ์หลังโขดหินไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงทั้งสี่จึงค่อย ๆ เดินออกมาจากหลังโขดหินอย่างระมัดระวัง และสิ่งที่ได้เห็นก็น่าตกใจ เพราะว่า...
“แจ็ค!!??”เหล่าผู้พิทักษ์เห็นแจ็คฟรอสต์สลบแน่นิ่งอยู่กับที่ไม่ได้สติ และมีร่องรอยการถูกทำร้ายตามร่างกาย ทั้งเศษน้ำแข็งตามตัว แผลฟกช้ำ และของเหลวสีแดง ๆ ที่ไหลออกมาจากหัว หรือพูดง่าย ๆ ก็คือเลือดนั่นเอง
ตอนนี้สถานการณ์เริ่มแย่ สภาพร่างกายของแจ็คก็เข้าขั้นโคม่า เวลาตัดสินใจก็มีไม่มากพอ ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำคือส่งแจ็คกลับไปรักษาตัวที่ขั้วโลกเหนือก่อน ส่วนที่เหลือจะเอายังไงต่อก็ค่อยว่ากัน
ว่ากันว่าผู้หญิงเป็นเพศที่เข้าใจยาก อารมณ์เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย เดาทางไม่ถูกว่าตอนนี้กำลังอยู่ในอารมณ์ไหน และบางครั้งที่อารมณ์บูดจัด ๆ หรือเข้าโหมดดาร์กก็สามารถสร้างความเสียหายได้หลายแสนเลยทีเดียว อยากเข้าใจผู้หญิงต้องทำยังไง? ง่าย ๆ คือไปเกิดเป็นผู้หญิงซะ หรือไม่ก็ลองใช้เวลาอยู่ด้วยกันเยอะ ๆ บางทีนั่นอาจจะทำให้เข้าใจผู้หญิงยิ่งขึ้นก็เป็นได้
*************************************
Free Talk :
สวัสดีค่ะ หายหัวไปนานมากอีกแล้ว แต่คราวนี้จะไม่บอกว่าหายไปไหนมาเพราะถ้าบอกมีหวังโดนเหล่ารีดเดอร์รุมทึ้งศพไม่สวยแน่เลยค่ะ แต่เอาเป็นว่าตอนนี้กลับมาแล้ว และพร้อมจะเขียนต่อแล้วค่ะ ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะยุ่งขึ้นมาก น้อยเท่าไหนแต่ก็จะพยายามไม่หายไปเลยนะคะ อาจจะหายจากฟิคไปก็อย่าแปลกใจเพราะยังสิงอยู่ในทวิตทุกวันค่ะ เอาเป็นว่าใครอยากเข้าไปคุย เสนอความเห็น หรืออื่น ๆ ก็ตาม >>ลิงค์ทวิตของไรต์<< ไปได้เลยค่ะ บ๊าย บายยยย
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น