คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : 13th Hour : Sherlock Holmes's file
เช้าวันใหม่มาเยือน รุ่งอรุณในวันที่25 ธันวาของเอเรนเดลนั้นช่างหนาวเหน็บ แน่ล่ะเพราะนี่คือฤดูหนาว ที่สำคัญหิมะตกแล้ว เอเรนเดลไม่เหมือนประเทศสารขัณฑ์แห่งหนึ่งในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีไก่ปลุกยามรุ่งสาง ราชินีหิมะตื่นด้วยตัวเองตามธรรมชาติ เมื่อคืนเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ความทรงจำสุดท้ายของเธอคือนั่งคุยกับทูธเสร็จก็รอให้แจ็คกลับมา แต่เธอคงเผลอหลับไปเสียก่อน
เอลซ่าหันไปมองข้าง ๆ พบเทพแห่งความหนาวเย็น แจ็คฟรอสนอนขดตัวอยู่บนเตียงของเธอโดยไม่แตะต้องตัวเธอสักนิด เธออมยิ้มมุมปากก่อนลุกไปอาบน้ำแต่งตัวและทำภารกิจยามเช้าให้เสร็จ
ที่สำคัญคือเธอต้องไปหาอันนา
เอลซ่านอนแช่น้ำอยู่ในอ่างอย่างสบายกาย แต่กลับไม่สบายใจเอาเสียเลย ทั้งเรื่องของอันนาและเรื่องของฮานส์ที่ตัดสินใจปล่อยวางมาตั้งแต่เมื่อคืนกลับมารุมเร้าเธอในยามเช้า เธอต้องรีบจบปัญหาให้เร็วที่สุด เพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เธอจะได้อยู่กับแจ็ค เป็น17ชั่วโมงสุดท้ายที่เธอไม่อยากให้มาถึง
นาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังบอกเวลาว่าตอนนี้เป็นเวลา7โมงแล้ว เอลซ่าแต่งตัวอย่างรวดเร็วไม่มีความคิดที่จะปลุกแจ็คให้ตื่นจากนิทรา เธอนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง แต่งหน้าบาง ๆ ให้ดูไม่โทรมแม้ปีนี้อายุจะ 22 ปีแล้วก็ตาม หลังจากนั่งแต่งหน้าได้ไม่นานก็มีเสียงครางดังขึ้นจากเตียง แจ็คตื่นแล้ว เขาตื่นเร็วกว่าที่เธอคิด
“อรุณสวัสดิ์ ตื่นแล้วหรือแจ็ค?”เธอถามเสียงใสพลางมองเขาผ่านกระจกโต๊ะเครื่องแป้ง
“อรุณสวัสดิ์เอลซ่า... นี่ข้าตื่นสายกว่าเจ้าอีกหรือนี่?”แจ็คบิดขี้เกียจอยู่บนเตียงสักพัก ก่อนลอยขึ้นมาอยู่ข้าง ๆ เอลซ่ามองภาพเธอจากกระจก
“คุณขี้เซากว่าที่ฉันคิดนะ ฉันตื่นก่อนคุณตั้งนานแน่ะ เมื่อคืนคุณไปไหนมา? ฉันรอจนหลับไปเลยนะ”เอลซ่าถามแจ็คเรื่องเมื่อคืน เทพหนุ่มลูบท้ายทอยเบา ๆ ก่อนตอบแบบอ้อม ๆ
“ก็... ไปทำธุระส่วนตัวมาน่ะ แบบว่า... หาอะไรทำแก้เซ็งนิดหน่อย”เอลซ่าเก็บเครื่องสำอางลงในลิ้นชักก่อนหันหน้าไปคุยกับแจ็คตรง ๆ
“คุณจะบอกว่าอยู่กับฉันมันน่าเบื่องั้นสิ”
“เปล่านะเอลซ่า!! ไม่ใช่แบบนั้น!! ข้าแค่ไปทำธุระส่วนตัวจริง ๆ แบบว่าส่งท้ายวันหิมะหรรษาอะไรแบบนี้”แจ็คปฏิเสธเสียงดัง เอลซ่าขำในความซื่อของแจ็คก่อนลุกจากเก้าอี้และทำท่าจะเดินออกจากห้อง
“ฉันแค่ล้อคุณเล่นน่าแจ็ค คุณไม่เคยเห็นฉันประชดประชันสินะ อยู่กับฉันน่ะหัดปรับตัวให้ทันหน่อยก็แล้วกันนะ”เอลซ่าปิดประตูใส่หน้าแจ็ค เธอไม่ได้จะเสียมารยาท เพราะแจ็ครู้ว่าเธอกำลังจะไปหาอันนาน้องสาวของเธอที่ตอนนี้กำลังเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่ไม่รู้จะฟื้นเมื่อไหร่
แจ็คลอยตามเธอไปจนถึงหน้าห้องของอันนา เอลซ่าเคาะประตูเป็นจังหวะพี่น้องแบบที่เคยทำสมัยเด็ก ๆ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป และพบว่าไม่มีใครอยู่ในห้อง
“คริสตอฟหายไปไหน?”เธอรำพึงคนเดียว แจ็คเองก็ไม่รู้จึงไม่ได้ตอบอะไร เอลซ่าเข้าไปใกล้ ๆ อันนา ใบหน้าของผู้เป็นน้องสาวดูมีเลือดฝาดขึ้นมาแล้ว อาการของอันนาดีขึ้นมากจากที่เมื่อวานส่งเสียงครางได้แล้ว ตอนนี้หน้าตาก็ยังดูสดชื่นขึ้นด้วย
“น้องสาวเจ้าดูดีขึ้นนะ”แม้แต่แจ็คก็สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงนั้น เอลซ่าหันไปยิ้มให้แจ็คก่อกุมมือน้องสาวของเธอเอาไว้แน่น
“~บุพผาเรืองแสงส่อง เปล่งฤทธาของเจ้า ช่วยย้อนวันให้เรา คืนสิ่งที่เคยได้ครอง ที่เคยได้ครอง~”เอลซ่าร้องเพลง ๆ หนึ่งขึ้นมา เพลงนั้นมีปฏิกิริยากับอันนาโดยทันที อันนากระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยรับรู้ถึงเสียงเพลงของเอลซ่า ขณะที่แจ็คยืนงงว่าเอลซ่าทำไปแบบนั้นเพื่อนอะไร
“เพลงนั้น... เพลงอะไรน่ะเอลซ่า”แจ็คถามเธอ
“ราพันเซล เจ้าหญิงจากอาณาจักรข้างเคียงเธอเคยมีเส้นผมวิเศษ ที่เมื่อร้องเพลงนี้จะสามารถเยียวยาอาการเจ็บป่วยทุกอย่างได้ ฉันพบเธอครั้งสุดท้ายในพิธีราชาภิเษกก็เลยได้ฟังเรื่องของเธอมานิดหน่อยน่ะ เธออายุเท่าอันนาด้วยนะ”แจ็คเหมือจะคุ้น ๆ อยู่ว่าเคยไปเยือนอาณาจักรที่มีเจ้าหญิงที่ชื่อราพันเซลปกครองอยู่ แต่เขาไม่ยักรู้ว่าในอดีตเจ้าหญิงราพันเซลจะเคยมีพลังวิเศษแบบที่เอลซ่าเล่าด้วย
ก๊อก ๆ ๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นดึงความสนใจของเอลซ่า คนที่เข้ามานั้นคือคริสตอฟ เขาเดินเข้ามาพร้อมกับถาดอาหารในมือคือข้าวต้มหนึ่งถ้วย และขนมปังหนึ่งก้อน ไม่บอกก็รู้ว่าเอาข้าวต้มมาให้อันนา ส่วนขนมปังนั้นเขากินเอง
“เอ่อ... ขออนุญาตองค์ราชินี กระหม่อมไม่รู้ว่าพระองค์อยู่”คริสตอฟกล่าวอย่างนอบน้อม เอลซ่ายิ้มให้ชายขายน้ำแข็งก่อนเชื้อเชิญให้เขานั่ง
“ไม่เป็นไรคริสตอฟคุณเข้ามานั่งเถอะ วันนี้ฉันขอฝากอันนาไว้กับคุณทั้งวันเลยนะ ฉันมีงานต้องทำ”เอลซ่าลุกขึ้นสละที่ให้คริสตอฟ ชายขายน้ำแข็งมองอย่างงงงวย มาเร็ว ไปเร็วไม่ต่างอะไรกับสายลมในหน้าหนาว
“รับด้วยเกล้าพะย่ะค่ะ...”
เอลซ่าเดินออกจากห้องมุ่งหน้าไปยังคุกใต้ดินเพื่อสอบสวนฮานส์และส่งเขากลับไปยังเกาะทางทะเลใต้ให้ดำเนินการต่อไป กับผู้ชายตอแหลคนนี้เอลซ่ารู้ดีว่าต้องใช้ไม้แข็ง และต้องไม่แข็งธรรมดา ต้องแข็งมากถึงจะเอาอยู่
“เจ้าชายฮานส์แห่งเกาะทางทะเลใต้...”เธอเรียกชื่อและยศของเขาจนเขาต้องหันมามองเธอ
“คุณมีเรื่องอะไรจะสารภาพไหม? เกี่ยวกับเรื่องน้องสาวของฉัน”ฮานส์ตีหน้าเศร้า แต่ยังไม่ทันจะเล่าความเท็จ เขาออกตัวแรงปฏิเสธต่อไปอย่างเนียน ๆ
“หมายถึงเรื่องอะไร? ถ้าเรื่องในอดีตเจ้าก็รู้ทุกอย่างแล้วนี่ ตอนนี้ข้ามันก็แค่คนเร่ร่อนเพราะฉะนั้นปล่อยข้าไปซะ...”
“อย่ามาโกหกนะฮานส์ มีคนได้ยินคุณพึมพำว่าจะล้างแค้นฉันและเอเรนเดล อย่าปฏิเสธเลย ยอมรับมาซะโทษหนักจะได้กลายเป็นเบา”
“เจ้ามีหลักฐานไหมล่ะเอลซ่า? ตั้งแต่ข้าถูกเนรเทศมาข้ายังไม่ได้พบอันนาสักครั้ง ถ้าเจ้าไม่มีก็อย่ามากล่าวหาข้าลอย ๆ เดี๋ยวมันจะเสื่อมเสียเกียรติของเจ้าเสียเปล่า ๆ”
“หุบปากเดี๋ยวนี้!! สิ่งที่ฉันต้องการให้คุณทำตอนนี้มีสิ่งเดียวคือยอมรับความผิดซะ ถึงคนอื่นไม่รู้แต่ฉันรู้ดี นายโกหกตลอดไปไม่ได้หรอกฮานส์ เพราะฉะนั้นพูดออกมาซะก่อนที่นายจะกลายเป็นเรซิ่น”
“จะให้พูดอะไรก็ในเมื่อเธอเอาแต่กล่าวหาฉันโดยไม่มีหลักฐาน!!”
“หลักฐานที่ฉันมีอยู่ในตอนนี้คือความทรงจำของฉันเอง แค่นี้ก็พอแล้ว!!”
“ความทรงจำหรือเอลซ่า? แค่นั้นมันไม่พอหรอก!! ถ้าอยากจะใส่ความฉันก็ไปหาหลักฐานมาสิ!!”
“ฉันมีหลักฐาน...”หลังจากโต้เฉียงกันมานาเกือบครึ่งหน้ากระดาษA4 อัศวินขี่ม้าขาวก็โผล่ขึ้นมาพร้อมหลักฐานในมือ เขาคือคริสตอฟ ชายขายน้ำแข็งพระเอกตัวประกอบในภาพยนตร์เรื่องFrozen แต่หากในฟิคเรื่องนี้(เฉพาะตอนนี้)เขาคือตัวละครสำคัญที่จะคลี่คลายปริศนาทุกอย่าง
คริสตอฟย่างสามขุมมาหยุดอยู่ตรงหน้าเอลซ่าและฮานส์(รวมถึงแจ็คที่ถูกลืมไปครึ่งหน้า)พร้อมชูฝักดาบแกะสลักสวยงามขึ้นมา ปลายฝักนั้นประทับตราสัญลักษณ์ของ อาณาจักรเกาะทางทะเลใต้ ซึ่งชี้ชัดว่าเป็นฝักดาบของฮานส์ เพราะในที่นี้มีเขาคนเดียวที่มาจากอาณาจักรเกาะทางทะเลใต้ ก็แน่ล่ะเข้าเพิ่งถูกเนรเทศมาสด ๆ ร้อน ๆ นี่เอง
“ของนายสินะ... นายใช้ฝักดาบนี่ตีอันนาจนสลบ ก่อนที่คิดจะใช้ดาบปลิดชีวิตเธออย่างเลือดเย็น แต่โชคไม่ดีที่มีต้นไม้หล่นลงมาทำให้นายต้องหนีไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ฆ่าอันนา”คริสตอฟสรุปคดีอย่างเยือกเย็นราวกับเป็นเชอล็อกโฮมเวอร์ชั่นเอเรนเดล ฮานส์เองก็ไม่ยอมแพ้ที่จะหาทางแก้ตัว
“หึ... พยายามได้ดีแต่ก็ยังอ่อนหัด ใช่ฝักดาบนั่นเป็นของฉัน แต่มันไม่เห็นจะมีรอยนิ้วมือฉันเลยนี่”จะมีได้ไงก็นี่มันหน้าหนาวใครเขาก็ใส่ถุงมือ... เพราะประโยคนี้เองถึงกับทำให้เชอล็อกโฮม(คริสตอฟ)สะอึก เพราะไม่รู้จะต่ออย่างไร จะอ้างว่าฮานส์ใส่ถุงมือก็กระไรอยู่
“นั่นสินะ เรามีหลักฐานแค่นี้คงไม่พอ สงสัยฉันต้องไปดูรอยเท้าในป่าอีกรอบเสียแล้วสิ...”เอลซ่าฟอร์มทำท่าจะเดินออกจากคุกใต้ดินเพื่อล่อฮานส์ให้ติดกับ และแล้วเจ้าชายตกอับก็ติดกับเธอเข้าจนได้ เขาพูดประโยคที่ชี้ชัดได้ถึงความผิดที่เขาทำได้ทันที
“ไม่ต้องเสียเวลาไปดูหรอกองค์ราชินีพะย่ะค่ะ เพราะรอยเท้านั่นเป็นรองเท้าหนังอย่างดีไม่ใช่รองเท้าเก่า ๆ ที่กระหม่อมใส่อยู่แน่ ๆ กลับไปดูแลน้องสาวของพระองค์ที่เป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่เถิดพะย่ะค่ะ...”เท่านั้นเองคดีก็จบ เอลซ่ากลับหลังหันพุ่งตัวใส่ฮานส์ เธอกระชากคอเสื้อเขาเข้ามาใกล้หนามน้ำแข็งแหลมจากปลายนิ้วของเธอเป็นกระลงโทษ
“สารภาพจนได้นะฮานส์... ฉันไปสำรวจที่เกิดเหตุมาแล้ว มันมีรอยรองเท้าที่พื้นรองเท้าสลักตัวอักษร H และถ้าให้เดานั่นคงเป็นชื่อนาย คนที่บอกว่าตัวเองไม่มีความผิด คนที่บอกว่าไม่เคยพบน้องสาวฉันเลยตั้งแต่โดนเนรเทศ แต่กลับมีรอยรองเท้าของตัวเองอยู่ในที่เกิดเหตุมันหมายความว่ายังไงมิทราบ?”เอลซ่ากดดันฮานส์จนเขาเริ่มกลัว ถึงเวลานี้เขาตัดสินใจคายความจริงทุกอย่างก่อนที่ตัวเองจะมาตายอย่างไร้เกียรติอยู่ในคุกใต้ดิน
“ข... ข้ายอมแล้ว ๆ ข้าเป็นคนทำร้ายอันนาเอง ข้าสารภาพแล้วไว้ชีวิตข้าเถอะเอลซ่า...”
“คุณจะทำแบบนั้นไปทำไมฮานส์? ต่อให้คุณฆ่าน้องฉันหรือฆ่าฉัน คุณก็ไม่มีทางได้บัลลังก์เอเรนเดล คุณมีจุดประสงค์อะไรกันแน่?”เอลซ่าลดหนามน้ำแข็งลงก่อนถามจุดประสงค์ที่แท้จริงของฮานส์ เธอรู้ว่าคราวนี้เขาจะพูดความจริงทุกอย่าง ไม่โกหกตอแหลเหมือนที่ผ่านมา
“ข้าอยากเห็นยุคมืดของเอเรนเดล ถ้าน้องสาวเจ้าตายเจ้าก็จะคลั่งและแช่แข็งเมืองเหมือนครั้งนั้น และข้าก็จะเป็นคนปลิดชีวิตเจ้าจากนั้นก็อวสานเอเรนเดล หรือถ้าเจ้าไม่คลั่งเจ้าก็คงจะตรอม และเมื่อถึงเวลานั้นข้าก็จะฆ่าเจ้าได้ง่ายขึ้น แล้วก็อวสานเอเรนเดลเหมือนเดิม แค่นั้นเอง”ฮานส์เอ่ยเหมือนคนโรคจิต เอลซ่าปล่อยมือออกจากเขา ก่อนจะเอ่ยอย่างดูถูกดูแคลน
“อย่าว่าฉันนะแต่นี่คือเรื่องจริง การที่คุณต้องการเห็นจุดจบของอาณาจักรนี้โดยที่รู้ดีว่ามันไม่ให้ประโยชน์อะไรกับตัวคุณเลยนอกจากความสะใจ นั่นก็แสดงว่าคุณมันก็แค่เด็กมีปัญหาดี ๆ นี่เองแหละฮานส์ อยู่ในนี้สำนึกผิดซะจนกว่าจะมีคนมารับ...”เอลซ่าเดินออกจากคุกใต้ดินไป ฮานส์ร้องถามเธอถึงประโยคสุดท้ายที่ดูน่าสงสัยนั้นทันที
“ใครจะมารับ? เจ้าจะทำอะไร?”
“ฉันจะส่งจดหมายแจ้งไปยังอาณาจักรเกาะทางทะเลใต้ว่าคุณมาก่อความวุ่นวายในอาณาจักรฉัน แล้วให้พวกเขามารับคุณกลับไปสำเร็จโทษอย่างที่ควรจะเป็น เอเรนเดลไม่ใช่ที่ของคุณฮานส์เพราะฉะนั้นฉันให้คุณอยู่นานไม่ได้หรอก”เอลซ่าเดินออกจากคุกใต้ดินไปจริง ๆ และไม่ว่าครั้งนี้ฮานส์จะรั้งเธอไว้อย่างไรเธอก็ไม่หันกลับมาอีกแล้ว...
“ขอบคุณคุณมากนะคริสตอฟที่หาหลักฐานมาได้ ไม่งั้นฉันคงเถียงอยู่กับฮานส์อีกนาน”เอลซ่านั่งจิบชาอยู่ในห้องนอนของอันนาพร้อมคุยกับคริสตอฟถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในคุกใต้ดินด้วย ครั้งนี้เขาดูเหมือนอัศวินขี่ม้าขาวเลยทีเดียว
“ด้วยความยินดีพะย่ะค่ะ”คริสตอฟตอบเธอสั้น ๆ เอลซ่าจึงถามต่อ
“แล้ว... เจ้าไปเจอฝักดาบได้อย่างไรกัน? เจ้าควรจะอยู่เฝ้าอันนาตลอดเวลานี่นา?”คริสตอฟลังเลที่จะตอบอยู่ครู่หนึ่ง เขากลัวว่าหากตอบไปเอลซ่าจะคลั่งเสกน้ำแข็งใส่หัวเขา แต่ลูกผู้ชายกล้าทำต้องกล้ารับ เขาตอบเอลซ่าเสียงอ่อย
“ตอนกลางคือกระหม่อมไม่ได้อยู่เฝ้าอันนาหรอก กระหม่อมให้โอลาฟเฝ้าส่วนตัวกระหม่อมก็ออกไปหาหลักฐานทั้งคืนเลย”เอลซ่าค่อย ๆ วางถ้วยชาลง สิ่งที่เธอประหลาดใจที่สุดคือเรื่องที่เจ้ามนุษย์หิมะเฝ้าอันนาตัวคนเดียวทั้งคืน เธอหันไปมองโอลาฟด้วยสายตาชื่นชม
“เมื่อคืนเธออยู่เฝ้าอันนาแทนเขาทั้งคืนเลยหรือโอลาฟ?”เอลซ่าถามเจ้าตุ๊กตาหิมะหน้ากวน
“ใช่แล้วล่ะ ลำบากเหมือนกันที่ต้องเช็ดตัวให้อันนาทุกชั่วโมง ไม่อย่างนั้นตัวเธอจะเย็นเฉียบเลย”เอลซ่าได้ฟังถึงกับน้ำตาคลอ เจ้ามนุษย์หิมะที่ดูเผิน ๆ พึ่งพาอะไรไม่ได้แต่กลับอยู่เฝ้าน้องสาวเธอทั้งคืนไม่ได้หลับ ไม่ได้นอน มิหนำซ้ำยังช่วยเช็ดตัวให้ด้วย
“ขอบใจนะโอลาฟที่ดูแลอันนาแทนฉันกับคริสตอฟ... ขอบใจจริง ๆ...”เอลซ่าโผเข้ากอดโอลาฟทั้งน้ำตา เจ้าตุ๊กตาหิมะกอดตอบเธออย่างแผ่วเบา
“ถือว่าข้าตอบแทนท่านนะเอลซ่า ท่านสร้างข้าขึ้นมา ทำให้ข้าได้อยู่ในหน้าร้อนสมใจอยาก สิ่งที่ท่านทำให้ข้ามันมากมายเหลือเกิน แค่ดูแลอันนาแทนท่านยังทดแทนไม่หมดหรอก”ก่อนที่น้ำตาไรต์เตอร์จะท่วมคอมไปกว่านี้ เอลซ่าปล่อยโอลาฟพร้อมยกเอาถ้วยชาไปเก็บ และกำชับคริสตอฟกับโอลาฟก่อนออกจากห้อง
“ฉันฝากพวกเธอทั้งสองคนดูแลอันนาแทนฉันด้วยนะ ฉันจะไปจัดการเรื่องส่งตัวฮานส์”คริสตอฟและโอลาฟพยักหน้ารับทราบ ก่อนที่เอลซ่าจะพูดอะไรบางอย่าง
“ไว้พออันนาฟื้น เราไปเที่ยวปราสาทน้ำแข็งด้วยกันนะ...”
“เหนื่อยไหมเอลซ่า?” แจ็คที่ไม่มีบทมาสองหน้ากระดาษเริ่มพูดอะไรกับเขาบ้าง เอลซ่าเปิดประตูห้องทำงานส่วนตัว ก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้เพื่อสะสางงานที่ค้างไว้
“ไม่หรอก เรื่องจบง่ายกว่าที่คิดเยอะเลย”เธอตอบแจ็คพลางหยิบกระดาษและปากกาขนนกขึ้นมาเขียนจดหมายถึงผู้ปกครองอาณาจักรเกาะทางทะเลใต้ แจ็คยืนมองเธอทำงานอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะฉวยโอกาสกอดเธอยามเธอยกปากกาขึ้น
“เดี๋ยวสิแจ็ค... ทำอะไรของคุณเนี่ย?”เอลซ่าร้องเสียงหลง แต่ก็ร้องดังไม่ได้เพราะหน้าห้องของเธอนั้นมีทหารเดินผ่านตลอด พูดกับแจ็คมาก ๆ เดี๋ยวจะโดนหาว่าบ้าได้
“เมื่อกี้เจ้ากอดโอลาฟนี่นา ข้าก็อยากกอดเจ้าบ้างนี่นา”เอลซ่าหน้าขึ้นสีทันที เธอวางปากกาขนนกลงไม่ให้หมึกไหลไปโดนกระดาษให้เลอะเทอะ พยายามดิ้นออกจากอ้อมแขนของแจ็คสุดฤทธิ์
“เดี๋ยวค่อยกอดได้ไหม ขอทำงานก่อนสิ”ในที่สุดแจ็คก็ยอมปล่อย เขาตีความคำพูดของเอลซ่าไปแล้วว่า ถ้าเธอทำงานเสร็จก็กอดได้ แจ็คได้แต่นั่งรอเอลซ่าจะทำงานเสร็จ ถึงคราวนั้นแหละจะกอดเธอให้หายอยากเลย
ไม่มีความรักใด ยิ่งใหญ่เท่าความรักจากคนในครอบครัว แม้หัวใจจะถูกทำร้ายมาจนเจ็บปวดเพียงใด สิ่งที่จะคอยเยียวยาจนวินาทีสุดท้ายก็คือความรักจากครอบครัว แต่มนุษย์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้จักพอ ต้องการไขว่คว้า ตามหาสิ่งที่เรียกว่ารักแท้ในแบบของหนุ่มสาวเพื่อเติมเต็มหัวใจที่ว่างเปล่าให้เต็ม และถ้าหามันเจอแล้วก็อย่ามัวแต่หลงยินดีละทิ้งความรักของคนในครอบครัว เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่มั่นคงที่สุดไม่ใช่อะไรทั้งนั้นนอกจากความรักจากคนในครอบครัวนี้เอง
*******************************
Free Talk :
สวัสดีค่ะ!! หายหัวไปนานมาก หนีไปแก้คะแนน ทำงานส่ง สอบซ่อม ดำน้ำ ปลูกปะการังมาค่ะ!!(ดำน้ำ ปลูกปะการังนี่เรื่องจริงนะคะ...)มาอัพก่อนสอบค่ะ วันจันทร์ พุธ ศุกร์ไรต์มีสอบ แล้วช่วงนี้ก็รับงานพิเศษเพิ่มกลับบ้านดึกทุกวัน(แถมติดเกมอีกต่างหาก) เลยไม่ค่อยมีเวลาให้ฟิคเท่าไหร่ค่ะ เรื่องไหนที่ลงคือแต่งไว้หลายอาทิตย์แล้วแต่เพิ่งมาลงนะคะ เพราะช่วงนี้ไม่ได้แต่งเพิ่มเลย อาศัยเอาของเก่าลงไปก่อน เน็ตก็เร็วอย่างกะหอยทากติดปีกเลยค่ะ โฮววววว...
ใครที่ตามอยู่แต่เห็นไรต์ดองนานแล้วจะไม่ตามแล้วไรต์ก็ไม่ได้ว่านะคะ แต่ก็ต้องเห็นใจด้วยว่าไรต์ไม่ได้มีเวลามานั่งแต่งทั้งวัน ไรต์ต้องเรียน ไรต์ต้องทำงาน ไรต์ต้องสอบ ไรต์ต้องปลูกปะการัง(ปลูกเพื่ออัลไล?) เพราะงั้นถ้าลงช้าหน่อยก็ใจเย็น ๆ นะคะไรต์เป็นมนุษย์ธรรมดาสามัญที่มีภาระรุมเร้าเป็นธรรมดา ไม่ได้ว่างเหมือนพระเอก-นางเอกในละคร เข้าใจนะคะ?(ไรต์นอยจริง ๆ นะคะเนี่ย บ่นซะยาวเลย)
เอาเป็นว่าพ้นอาทิตย์นี้ไปลงยาว ๆ ค่ะ ว่างแล้วแต่ถ้าหัวหน้าโทรมาตามต้องไปทำงานก่อนค่ะ(ฮา) สำหรับWarming winterเหลืออีก17ตอนสุดท้าย+ตอนพิเศษ+บทจบบริบูรณ์(จริง ๆ) ยังไงก็อยากให้ตามกันถึงตอนจบเลยนะคะ อีกไม่ถึง20ตอนก็จบแล้ว ไว้พบกันใหม่ตอนไรต์สอบเสร็จนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
ปล.ไรต์ปลูกปะการังเพื่อเขียนรายงานช่วยเหลือสังคมส่งอาจารย์ค่ะ 55555555555 5
ความคิดเห็น