ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic JackFrost x Elsa] Warming winter

    ลำดับตอนที่ #13 : 12th Hour : Tale as old as Time

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.พ. 57


    ในที่สุดแจ็คและเอลซ่าก็กลับมาถึงปราสาทอีกครั้ง จนขี้เกียจจะนับแล้วว่าวันนี้ไป – กลับระหว่างปราสาทกับป่ากี่รอบแล้ว เอลซ่าเพิ่งกลับขึ้นมาจากชั้นใต้ดินหลังจากนำตัวฮานส์ไปส่งให้ทหารยามด้วยตัวเธอเองส้รางความประหลาดใจแก่เหล่าทหารทั้งหลาย

    เอลซ่าเดินทอดน่องขึ้นมาจนถึงห้องนอนส่วนตัวของเธอเอง เธอล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้าง ซุกหน้าเข้ากับหมอนใบนุ่มด้วยความเหนื่อยอ่อน แจ็คนั่งมองเธอมุดหมอนแล้วอดขำไม่ได้ เทพหนุ่มค่อย ๆ เอนกายลงนอนเป็นเพื่อนราชินีหิมะช้า ๆ จนเธอรู้ตัวแล้วหันมามอง

    “คุณเหนื่อยเป็นด้วยหรือแจ็ค?”เธอถามด้วยความประหลาดใจ

    “อยู่แล้ว เทพก็เหนื่อยเป็นเหมือนกันนะ”แจ็คตอบกวน ๆ ตามแบบฉบับของเขา เอลซ่าอมยิ้มมุมปากก่อนหันหน้าหนีแจ็คเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง

    “เป็นอะไรไป?”แจ็คถามเธอด้วยความเป็นห่วง เธอดูหมองไปอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่กลับออกมาจากป่า

    “ฉันแค่เหนื่อยนิดหน่อยน่ะ อยากพักสายตา”เอลซ่าตอบพลางกุมขมับไปด้วย นี่มันไม่ใช่แค่เหนื่อยนิดหน่อยแล้วแต่เธอยังมีอาการปวดหัวด้วย

    “นอนหนุนตักข้าฟังนิทานไหม? จะได้หลับสบายไม่ปวดหัวไง”แจ็คหยัดกายลุกขึ้นมานั่งพิงกับหัวเตียง เอลซ่าคลานมานอนตักแจ็คโดยอัตโนมัติ แจ็คแกะยางรัดผมของเธอออกแล้วค่อย ๆ สางให้คลายออกช้า ๆ

    “คุณจะเล่านิทานเรื่องอะไรแจ็ค?”

    “อืม... เรื่องราชินีหิมะของแอนเดอสันดีไหม? ข้าว่าเจ้าต้องชอบ”

    “อื้อ เรื่องนี้ก็ได้”เอลซ่าหนุนตักแจ็คจนรู้สึกได้ถึงความเย็นจากตัวเขา เทพหิมะหายใจเข้าช้า ๆ เหมือนค่อย ๆ นึกเรื่องของราชินีหิมะในหนังสือนิทานเด็ก

     

    นานมาแล้วมีเหล่าปิศาจชั่วร้ายอยู่กลุ่มหนึ่ง หรือที่รู้จักกันในชื่อโทรล พวกมันสร้างกระจกวิเศษที่ทำให้มองทุกอย่างในแง่ร้ายขึ้นมาเพื่อต้องการจะแกล้งนางฟ้าและเทวดาบนสวรรค์ ให้ส่องเห็นแต่สิ่งที่เลวร้าย เช่น จากใบหน้าสวยงามก็ส่องเป็นอัปลักษณ์ จากร่างกายกำยำแข็งแรงก็ส่องเห็นเป็นอ่อนแอขี้โรค เหล่าปิศาจช่วยกันแบกกระจกบินขึ้นไปบนสวรรค์เพื่อจะกลั่นแกล้งเทวดาตามแผนที่วางไว้ แต่ในระหว่างทางดันเกิดอุบัติเหตุทำให้กระจกนั้นตกลงสู่โลกมนุษย์ และแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ซึ่งถ้าเศษกระจกนั้นได้เข้าไปในตาหรือหัวใจของใคร คนผู้นั้นก็จะมองโลกในแง่ร้าย กลายเป็นคนไม่ดี และหัวใจจะถูกแช่แข็งไปในทันที

    และในช่วงเวลาเดียวกันบนโลกมนุษย์ก็มีเด็กผู้ชายที่ชื่อไคน์ และเด็กสาวข้างบ้านชื่อเกอร์ด้า ทั้งคู่สนิทกันมากและคุณย่าของไคน์ก็มักจะเล่านิทานให้ทั้งคู่ฟังเสมอ วันหนึ่งคุณย่าของไคน์เล่าเรื่องราชินีหิมะให้เขาฟัง ย่าเล่าว่าราชินีหิมะมักจะมาจับตัวเด็ก ๆ ขึ้นไปไว้บนยอดเขาเพื่อใช้งาน และเมื่อหมดประโยชน์ราชินีหิมะก็จะฆ่าทิ้งทันที คุณย่าเตือนไคน์และเกอร์ด้าเอาไว้ว่าหากเจอราชินีหิมะให้หลบให้พ้นเสีย มิเช่นนั้นจะถูกจับตัวไป

     

    “เรื่องบอกว่าอย่างนี้หรือแจ็ค? นี่ฉันกับโทรลดูเลวร้ายในสายตาคนเล่านิทานขนาดนั้นเลยหรือ?”เอลซ่าไม่พอใจที่เรื่องราวของราชินีหิมะอย่างเธอถูกแต่งแบบเสีย ๆ หาย ๆ เธอไม่ใช่ราชินีหิมะที่เลวร้ายอะไรเหมือนในเรื่องเสียหน่อย

    “เอาน่าเอลซ่า ข้ายังเล่าไม่จบเลย ฟังต่อเถอะนะ”แจ็คลูบหัวเธอเบา ๆ เอลซ่ายอมนอนฟังต่อโดยดี และแจ็คก็เริ่มเล่าเรื่องต่อ

     

    ไม่นานนักราชินีหิมะก็ปรากฏตัวต่อหน้าไคน์และเรียกให้ไคน์ไปอยู่ด้วย ไคน์ที่เคยได้ยินเรื่องราวของราชินีหิมะมาจากคุณย่าจึงปิดหน้าต่างใส่ราชินีหิมะทันทีและหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้าน จนไม่นานนักราชินีหิมะก็หายไป

    เวลาผ่านไปเศษกระจกที่เหล่าปิศาจทำตกเอาไว้ก็หล่นลงมาถึงพื้นดิน และมีเศษกระจก2ชิ้นเข้าไปในดวงตาและหัวใจของไคน์ ทำให้นับตั้งแต่นั้นมาไคน์ก็เป็นเด็กเกเร ไม่เชื่อฟังย่า ล้อเลียนย่า และกลั่นแกล้งเกอร์ด้าสารพัดอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน คนในหมู่บ้านไม่คิดว่าเด็กที่เคยดีอย่างไคน์จะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ แต่พฤติกรรมเกเรของไคน์ก็ทำให้ชาวบ้านต่างเอือมระอา และมองเขาเป็นเด็กที่เลวร้าย นิสัยไม่ดี และไม่มีใครอยากคบค้าสมาคมด้วย ยกเว้นเกอร์ด้าเพียงคนเดียวที่ไม่เชื่อว่าไคน์จะกลายเป็นเด็กเกเรได้ชั่วพริบตาขนาดนี้

    ไคน์ใช้ชีวิตอยู่อย่างเด็กเกเรมาหลายปี จนกระทั่งราชินีหิมะได้ปรากฏตัวต่อหน้าเขาอีกครั้งและครั้งนี้นางก็เรียกให้ไคน์ไปหา ไคน์ไม่เชื่อฟังคำสอนของย่าอีกต่อไปแล้ว เขาเดินเข้าไปหาราชินีหิมะอย่างไม่ลังเล ราชินีหิมะจูบไคน์2ครั้งโดยครั้งแรกจูบเพื่อให้ไคน์ไม่รู้สึกหนาวจะได้ไปอยู่บนยอดเขากับนางได้ และจูบครั้งที่2เพื่อให้ไคน์ลืมบ้าน ลืมครอบครัว ลืมเพื่อน ลืมทุกอย่างและไปอยู่กับนาง จนครั้งนี้นางก็ได้ตัวไคน์ไป

     

    “เป็นอะไรไป ง่วงแล้วหรือ?”แจ็คสะกิดเธอเบา ๆ ให้เธอตื่น ราชินีหิมะขยี้ตาและป้องปากหาวหวอดตอบรับแจ็ค

    “นิดหน่อยน่ะ นิทานนี่ยิ่งฟังยิ่งง่วงจริง ๆ”เธอซุกหน้าลงกับต้นขาของแจ็ค มือเล็กขยุ้มกางเกงของแจ็คจนยับจนแจ็คต้องจับมือเธอออก

    “ใจเย็น ๆ เรื่องยังไม่จบนะ ตื่นมาฟังก่อนสิ”เอลซ่าหาวิธีที่ทำให้เธอไม่หลับไประหว่างที่ฟังแจ็คเล่าโดยการลุกขึ้นมานั่งเต็มตัว แจ็คสบโอกาสจึงจับเธอมานั่งตักทันที

    “แจ็ค!?”เอลซ่าร้องเสียงหลง ตั้งแต่เกิดมาจากท้องแม่ไม่เคยนั่งตักผู้ชายมาก่อนที่ไม่ใช่พ่อ พวงแก้มขาวซีดเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อน่ารักขับให้เทพหนุ่มอยากแกล้งอีก

    “หึ... งั้นข้าเล่าต่อนะ...”

     

    เกอร์ด้ามาหาไคน์ที่บ้านหลายวันแต่ไม่พบตัว เธอทราบเรื่องจากชาวบ้านว่าไคน์ตกลงไปในแม่น้ำที่อยู่ใกล้หมู่บ้านและตายไปแล้ว เกอร์ด้าหัวใจสลายทันทีแต่เธอก็ยังไม่เชื่อเต็มร้อยว่าไคน์จมน้ำตายไปแล้ว เธอออกเดินทางตามหาไคน์ด้วยตัวเองโดยถามแม่น้ำตลอดทางว่าไคน์ตกลงไปไหม แม่น้ำตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าไคน์ยังมีชีวิตอยู่ และไม่ได้ตกลงไปในแม่น้ำอย่างแน่นอน เกอร์ด้าโล่งใจและออกเดินทางตามหาไคน์ต่อไป

    เกอร์ด้าเดินทางไปเรื่อย ๆ ถามทางและเรื่องราวของไคน์จากผู้คนที่ผ่านไปมา จนในที่สุดเธอก็รู้ว่าไคน์ถูกราชินีหิมะเอาตัวไปอยู่ด้วย เกอร์ด้ามีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้วคือการตามหาปราสาทของราชินีหิมะและพาตัวไคน์กลับบ้าน จนกระทั่งเธอเดินมาพบหญิงชราคนหนึ่ง เธอถามเรื่องของไคน์แต่หญิงชราไม่ตอบ นางใช้เวทย์มนตร์สะกดเกอร์ด้าให้ลืมเรื่องทุกอย่างและพาตัวเกอร์ด้าไปอยู่กับนางที่กระท่อม แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาเกอร์ด้าก็จำทุกอย่างได้เหมือนเดิม และเธอก็หนีออกจากกระท่อมของหญิงชราเพื่อออกไปตามหาไคน์

    เกอร์ด้าเดินทางไปเรื่อย ๆ จนพบปราสาทหลังงาม เธอเดินเข้าไปเพื่อถามเกี่ยวกับเรื่องราวของไคน์ ในปราสาทนั้นมีเจ้าหญิงอยู่องค์หนึ่ง นางให้ความช่วยเหลือเกอร์ด้าโดยการบอกที่อยู่ของราชินีหิมะและมอบเสื้อขนสัตว์ไว้ให้เกอร์ด้าสวมใส่เพื่อจะได้ไม่รู้สึกหนาวยามเข้าไปในปราสาทของราชินีหิมะ เกอร์ด้าขอบคุณเจ้าหญิงสำหรับเสื้อขนสัตว์และเดินทางต่อในทันที

    ไม่นานนักเธอก็เจอกับโจรป่าและถูกจับตัวอีกครั้ง แต่โชคดีที่โจรป่านั้นมีลูกสาวอยู่ด้วย เกอร์ด้าและลูกสาวโจรป่าจึงได้เป็นเพื่อนกัน เกอร์ด้าเล่าเรื่องที่เธอออกตามหาไคน์ให้ลูกสาวโจรป่าฟัง เธออยากช่วยเกอร์ด้าจึงพาเกอร์ไปหากวางเรนเดียร์ที่เธอเลี้ยงเอาไว้ และบอกว่ากวางตัวนี้มาจากแลปแลนด์ที่อยู่ของราชินีหิมะที่เธอต้องการจะไป ลูกสาวโจรป่ามอบกวางให้เกอร์ด้าและสั่งให้เธอรีบไปให้เร็วที่สุดก่อนที่ไคน์จะโดนราชินีหิมะจูบเป็นครั้งที่3และตาย เกอร์ด้ากล่าวขอบคุณลูกสาวโจรป่าและรีบควบกวางไปยังแลปแลนด์ให้เร็วที่สุด

     

    “เหมือนเรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นกับข้าเลยแฮะ หัวใจเยือกแข็งและกวางเรนเดียร์”เอลซ่านึกถึงเรื่องราวของตนเองที่ช่างคล้ายคลึงกับเรื่องในนิทาน แจ็คกอดเธอจากด้านหลัง เอลซ่าสะดุ้งกับไอเย็นที่แผ่ออกจากตัวแจ็ค

    “แจ็ค... คุณช่วยเอาหน้าออกจากไหล่ฉันแล้วเล่าต่อได้ไหม?”

    “ไหล่เจ้าอุ่นดี ข้าขาดความอบอุ่น”แจ็คฝังจมูกลงบนคอยาวระหงของเอลซ่า เธอผลักหัวแจ็คออกอย่างแรงรบเร้าให้เล่านิทานต่อให้จบ

    “แจ็ค... ฉันอยากฟังนิทาน เล่าต่อก่อนได้ไหม”แจ็คปั้นหน้าเจ้าเล่ห์ก่อนเอ่ยออกมาเบา ๆ

    “ได้อยู่แล้ว แต่ขอจูบเจ้าก่อนได้ไหม?”ไม่รอให้เอลซ่าตอบอะไร แจ็คประคองศีรษะเธอไว้และโน้มตัวลงมาจุมพิตอย่างแผ่วเบา มือค่อย ๆ เลื่อนลงต่ำจนเอลซ่าตกใจผละออกจากแจ็คทั้งยังแกะมือเขาออกด้วย

    “จูบแล้ว... เล่าต่อได้หรือยัง?”แจ็คหัวเราะร่วนในลำคอ เขาจับเธอมานั่งบนตักอีกครั้งและเริ่มเล่านิทานต่อ

     

    เกอร์ด้าควบกวางมาจนถึงปราสาทของราชินีหิมะ เธอเดินเข้าไปในปราสาทเพียงลำพัง ตอนนี้ราชินีหิมะไม่อยู่นางทิ้งไคน์ไว้ในปราสาทคนเดียว เกอร์ด้าเห็นไคน์นั่งเหม่อลอยอยู่คนเดียวก็ตกใจ เธอปรี่เข้าไปหาไคน์และบอกให้ไคน์กลับบ้านไปด้วยกัน ไคน์ที่โดนราชินีหิมะจูบไปแล้วทำให้ลืมเกอร์ด้าก็ปฏิเสธและพยายามผลักไสไล่เธอออกไป เกอร์ด้าไม่ยอมแพ้เธอบอกกับไคน์ว่าไม่ว่าอย่างไรเธอก็จะพาไคน์กลับไปด้วยให้ได้

    เกอร์ด้าใช้เวลาตอนที่ราชินีหิมะไม่อยู่เล่าเรื่องราวในอดีตที่ทั้งสองเคยสนิทกัน เคยเล่นด้วยกัน เคยฟังนิทานที่คุณย่าของไคน์เล่าให้ฟัง แต่ไคน์ก็ยังตัวเย็นและเหม่อลอยเหมือนกับว่าคำพูดของเกอร์ด้าไม่เคยเข้าหูเขาเลย เกอร์ด้าเห็นดังนั้นจึงโผเข้ากอดไคน์ เธอร้องเพลงที่เคยร้องให้ไคน์ฟังและร้องไห้ออกมา น้ำตาของเกอร์ด้าหยดลงบนดวงตาและหัวใจของไคน์ ทำให้เศษกระจกที่ติดอยู่ในดวงตาและหัวใจของไคน์นั้นหลุดออกมา ไคน์จำทุกอย่างได้และตอนนี้เขาหนาวมาก ทั้งคู่รีบควบกวางกลับไปยังหมู่บ้านก่อนที่ราชินีหิมะจะกลับมา และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

     

    “จบแล้ว สนุกหรือเปล่า?”แจ็คถามเอลซ่าที่ปรือตาจะหลับแหล่ ไม่หลับแหล่อยู่แล้ว เธอได้ยินแจ็คถามจึงพยักหน้าตอบกลับไป

    “อืม... แต่เรื่องชื่อราชินีหิมะ กลับมีฉากที่ราชินีหิมะปรากฏตัวออกมาแค่นิดเดียวเอง มันน่าจะตั้งชื่อว่า เกอร์ด้ากับไคน์ที่หายไป อะไรแบบนี้มากกว่านะ”เอลซ่าทักท้วง

    “ฮ่า ๆ ข้าก็คิดอย่างนั้น... หาว~ ข้าง่วงแล้วล่ะเอลซ่า เจ้าจะนอนเลยไหม?”เอลซ่าเริ่มไม่ไว้วางใจแจ็ค แต่ตอนนี้เธอเองก็ง่วงมากเหมือนกันจึงต้องหาวิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน

    “คุณ... นอนฝั่งนั้นนะ ฉันจะนอนฝั่งนี้”เอลซ่าหยิบหมอนข้างมากั้นแจ็คเอาไว้ไม่ให้ข้ามฝั่งมาเวลานอน แจ็คจำใจนอนคนละฝั่งแต่โดยดีเพราะเขารู้ว่าตอนนี้ระหว่างเขาและเอลซ่าอยู่ในฐานะอะไร

    ทั้งคู่ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนโดยเฉพาะเอลซ่าที่เจออะไรต่อมิอะไรมาทั้งวัน แจ็คด้วยความที่เป็นเทพน้ำแข็งแม้แต่ความรู้สึกง่วงก็ไม่มี ส่วนที่บอกว่าง่วงเมื่อกี้ก็ฟอร์มไปงั้น เขาดูจนแน่ใจว่าเอลซ่าหลับไปแล้วจึงค่อย ๆ หันไปทางฝั่งเธอช้า ๆ ปลายนิ้วเย็นเฉียบเกลี่ยผมที่ปรกหน้าออกและจ้องมองใบหน้านั้นอย่างรักใคร่

    “สวยจริง ๆ...”

     

     

     

    “สวัสดีเอลซ่า!!”ทูธเปิดหน้าต่างเข้ามาเสียงดัง เอลซ่าสะดุ้งตื่นจากนิทราหันไปมองผู้มาเยือนที่อยู่ริมหน้าต่าง

    “นี่ข้ามาขัดจังหวะเลิฟซีนหรือเปล่า?”ทูธถามหน้าสลด

    “เลิฟซีน!? เปล่านะเปล่า ไม่มีอะไรเลย คือ... ฉันกับแจ็คง่วงก็เลยนอนหลับไปเท่านั้น ไม่มีอะไรในก่อไผ่”เอลซ่าโบกมือปฏิเสธรัว ๆ

    “เหอะ ๆ ๆ ข้าแค่มาตามที่นัดเจ้าไว้คืนนี้ แต่ถ้าเจ้าเหนื่อยข้ามาใหม่พรุ่งนี้ก็ได้นะ”ทูธทำท่าจะบินกลับวังทันตะ เอลซ่ารั้งเธอไว้ก่อนบอกให้อยู่คุยด้วยกันสักประเดี๋ยว

    “โอ้ทูธ ฉันเองก็ไม่ได้เหนื่อยเท่าไหร่ อย่างน้อยอยู่คุยกันสัก10-20นาทีก็ได้นะ”ทูธได้ยินคำชวนดังนั้นมีหรือว่าจะปฏิเสธ เธอวางถุงฟันน้ำนมลงบนโต๊ะวางของข้างเตียงเอลซ่าและนั่งลงบนเตียงเพื่อคุยกับเธอ

    “ดูเหมือนว่าข้าจะขัดเวลาคุยของสาว ๆ สินะ เอาเป็นว่าข้าจะไปบินเล่นรอบเมืองเดี๋ยวกลับมา”เทพหิมะคว้าไม้เท้าแล้วบินออกไปนอกหน้าต่างทันที เพื่อปล่อยให้สาว ๆ ได้คุยอย่างเปิดอกโดยไม่มีผู้ชายอย่างเขามาจุ้นจ้านไม่เข้าเรื่อง ทูธจับมือเอลซ่าเอาไว้แน่นเริ่มเปิดประเด็นคุย

    “นี่ ๆ แจ็คสารภาพรักกับเจ้าหรือยัง?”ออกตัวแรงตั้งแต่คำถามแรก

    “ก็... บอกแล้วนะ...”

    “แล้วเจ้าตอบเขาว่าอย่างไร?”ของเขาแรงจริง ไม่มีแม้จะเปิดโอกาสให้พูดจบ

    “ฉันก็บอกว่าขอให้รอก่อน เพราะตอนนี้ฉันยังไม่พร้อม”ทูธสลดลงอย่างเห็นได้ชัด เธอออกอาการเสียดายขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

    “งั้นหรือ... แล้วเมื่อไหร่เจ้าถึงจะพร้อมล่ะ?”ทูธถามต่อทันที ตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นทั้งคู่เดินเข้าวังทันตะมาด้วยกันก็รู้ได้ทันทีว่าทั้งคู่เป็นรักแท้ซึ่งกันและกัน เหมาะสมเสียยิ่งกว่าอะไร เธอจึงเอาใจช่วยแจ็คเป็นพิเศษ

    “ไม่รู้สิ... ฉันอยากให้เวลากับความรัก อยากให้ทุกอย่างนิ่งก่อนแล้วฉันถึงจะตอบตกลงกับเขา”

    “เอลซ่า ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนอย่างไร ข้าตามเก็บฟันเจ้ามาตั้งแต่เล็ก ๆ มองความทรงจำของเจ้าผ่านฟันน้ำนมแต่ละซี่ที่หลุดไป แต่ข้าอยากบอกเจ้านะเอลซ่าว่า เวลาที่สมควร มันไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นเวลายาวนานและเจ้าต้องรอคอยมันเพราะบางทีเวลาที่สมควรของเจ้ากับแจ็คอาจจะเป็นวันนี้พรุ่งนี้ก็ได้ใครจะรู้!!”ทูธพูดจาราวกับตนเองเป็นกูรูเรื่องรัก เอลซ่ามองเธอด้วยสายตาฉงนก่อนถามต่อ

    “แล้วเธอเคยมีความรักบ้างไหมล่ะทูธ?”

    “เคยสิเอลซ่า ของแบบนี้ก็ต้องมีกันทุกคน มันเป็นเรื่องสมัยที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ แต่... มันก็นานมาแล้ว ความทรงจำข้ามันเรื่องเลือนลางคงเล่าให้เจ้าฟังแบบปะติดปะต่อไม่ได้หรอก”เอลซ่าพยักหน้าเข้าใจ ทูธพูดต่อ

    “แต่ก็นะเอลซ่า ความรักเป็นเรื่องสวยงาม ส่วนเรื่องแจ็คแม้เขาจะ... ทั้งทะลึ่ง ทั้งทะเล้น แต่เขาก็เป็นคนดี ข้ามั่นใจว่าเจ้าสามารถรักเขาได้โดยที่ไม่ต้องกังวลหรือหวาดระแวงอะไร...”เอลซ่าถอนหายใจยาว ทูธไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่แต่ก็ไม่ได้อยากเร่งเร้าอะไรเธอนัก ทูธนั่งเงียบปล่อยให้เอลซ่าอยู่กับตัวเองอยู่นานสองนานก่อนจะเริ่มเปิดประเด็นใหม่ที่ไม่ใช่เรื่องของแจ็ค

    “ฟันเด็ก ๆ ให้เมืองเจ้าขาวดีนะ”เอลซ่าเงยหน้าขึ้นมาหัวเราะกับทูธ

    “ฮะ ๆ ๆ เด็ก ๆ ก็แบบนี้แหละ”ทั้งคู่พูดคุยกันเรื่องสัพเพเหระของผู้หญิงจนเวลาล่วงเลยมาเกือบครึ่งชั่วโมง ธิดาน้อยของทูธบินเข้ามาในห้องของเอลซ่าร้องด้วยความตกใจ

    “เธอเป็นอะไร?”เอลซ่าถามทูธ

    “เดี๋ยวนะของฟังก่อน... อะไรนะ? มีเมืองที่มีแต่ฟันเด็กเต็มไปหมดตามเก็บไม่ไหว!? โอ้แย่ล่ะสั่งเพิ่มกำลังไปที่เมืองนั้นเป็นสองเท่าแล้วฉันจะตามไป... ฉันคงต้องไปแล้วล่ะนะเอลซ่า”ทูธหันมากล่าวลาเอลซ่าสั้น ๆ เอลซ่าจับมือทูธเอาไว้แล้วเอ่ยลากันตรงนี้

    “ฉันเข้าใจว่าเธองามล้นมือทูธ ไว้มีโอกาสอย่าลืมมาหาฉันอีกนะ”ทูธยิ้มอย่างมีเลสนัยก่อนตอบกลับกวน ๆ

    “ฉันจะมาหาเธออีกทีในงานแต่งนะ แล้วเจอกันที่รัก”ทูธบินออกนอกหน้าต่างห้องเอลซ่าอย่างรวดเร็วเพื่อตามไปสมทบกับเหล่าธิดาน้อยในเมืองอื่น เอลซ่ากลิ้งไปมาบนเตียงพิจารณาถึงเรื่องของแจ็คที่ได้คุยกับทูธ

     

    “เวลาที่สมควร มันไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นเวลายาวนานและเจ้าต้องรอคอยมันเพราะบางทีเวลาที่สมควรของเจ้ากับแจ็คอาจจะเป็นวันนี้พรุ่งนี้ก็ได้ใครจะรู้!!

     

    “บางทีฉันอาจจะต้องพูดเรื่องนี้กับแจ็คให้เร็วขึ้นกว่านี้อีกหน่อย...”

    บ้างก็บางรกนั้นต้องการเวลา แต่บ้างก็บอกว่ารักไม่ต้องการเวลา สุดท้ายแล้วทฤษฎีไหนจะถูก จะผิดก็คงไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าไหร่นัก เพราะสุดท้ายแล้วมนุษย์เราต่างก็ตัดสินความรักโดยใช้เกณฑ์คือหัวใจของคนสองคนเท่านั้น ไม่มีอะไรมากกว่านี้ เวลาที่สมควรของคนเรานั้นต่างกันแต่เมื่อถึงเวลานั้นสิ่งที่จะคอยย้ำเตือนเราก็คือหัวใจ

    *****************************

    Free Talk :

    ดองนิด ดองหน่อยค่ะ ช่วงนี้ใกล้สอบแล้วงานไรต์ก็เยอะ ถือว่าเป็นการฝึกให้รีดเดอร์ชินกับการดองของไรต์ค่ะ เพราะช่วงมีนาหรือเมษานี่แหละไรต์ต้องขึ้นญี่ปุ่น ช่วงนั้นแหละค่ะดองยาวววววว

    ฉากหวานกลับมาตามคำเรียกร้องแล้วนะคะ ตอนนี้เรื่องของแจ็คและเอลซ่าออกจะน้อยไปหน่อยเพราะมีแต่นิทาน โดยไรต์อ้างจากนิทานเรื่องราชินีหิมะต้นฉบับของแอนเดอสันที่ได้อ่านในวิกีพีเดียภาษาอังกฤษ และสกิลอังกฤษของไรต์ตกต่ำพอสมควรมันก็เลยเป็นแบบนี้ล่ะค่ะ ถ้าใครรู้เรื่องที่ถูกต้องจริง ๆ ช่วยคอมเม้นบอกหน่อยนะคะ เพราะไรต์ไม่เคยอ่านเรื่องนี้จริง ๆมารู้จักตอนที่ดิสนีย์ทำเป็นFrozenนี่แหละค่ะ

    ยังไงก็ฝากฟิคเจลซ่าทั้งสองเรื่องของไรต์ด้วยนะคะ ถ้ามีเวลาจะกลับมาต่อค่ะ ขอบคุณที่ตอดตามและเป็นกำลังใจให้ไรต์เสมอนะคะ สวัสดีค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×