คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 1st Taste : Vanila Chip
“ยินดีต้อนรับค่ะ”เสียงใสแจ๋วของเจ้าของร้านไอศกรีมคนสวยเอ่ยต้อนรับลูกค้าอย่างสดชื่น เอลซ่ายืนประจำที่อยู่ที่เค้าเตอร์ตักไอศกรีมอย่างขะมักขะเม้น
ในร้านไอศกรีมเอเรนเดลบรรยากาศนั้นดูอบอุ่น ลูกค้าส่วนใหญ่ของร้านคือผู้คนทุกเพศทุกวัย กิจการร้านตั้งอยู่บนถนนบรอดเวย์อันมีธุรกิจหลักคือภาพยนตร์ การที่ร้านไอศกรีมเล็ก ๆ นั้นอยู่ได้นานขนาดนี้ไม่ใช่เพราะดวงก็ต้องเป็นเพราะความเป็นตำนานของร้านที่เรียกได้ว่าไม่แน่จริงนั้นอยู่ไม่ได้
“พี่คะ โต๊ะ3ขอน้ำพั้นช์เพิ่มค่ะ”
“พี่วางไว้บนโต๊ะแน่ะ เอาไปเสิร์ฟได้เลย”สองสาวทำงานอย่างขยันขันแข็งให้สมกับที่พ่อกับแม่ของเธอฝากร้านไว้ให้ก่อนจะไปฮันนีมูนกันรอบโลก
“สวัสดีเอลซ่า สวัสดีอันนา วันนี้เอาเหมือนเดิมนะ”ราพันเซล เพื่อนสาวผมสวยของทั้งคู่เดินเข้ามาในร้านพร้อมแฟนหนุ่มยูจีน ฟลิชเชอเบิร์ทที่หอบหิ้วผมของเธอมาเต็มสองแขน
“หวัดดีราพันเซล ยังไม่ได้ฤกษ์ตัดผมอีกหรือ?”อันนาทักทายเพื่อนสาวอย่างสนิทสนม
“ก็กะว่าจะตัดตอนที่คุณพ่อกับคุณแม่ยอมรับยูจีนน่ะ”แสดงว่าตอนนี้นั้นยังไม่ยอมรับ ปัญหาทางบ้านนี่มันใหญ่กว่าที่ใครจะคาดคิดจริง ๆ
“ขอให้พ่อกับแม่เธอยอมรับเขาเร็ว ๆ ก็แล้วกันนะราพันเซล... เด็ก ๆ อยากถักผมไหม?”เอลซ่าร้องเรียกเด็กสาวผมเปียสามคนที่นั่งอยู่โต๊ะริมสุด สามสาวเข้ามาเล่นผมราพันเซลอย่างคุ้นเคย ก่อนที่อันนาจะนำไอศกรีมเชอร์เบ็ทของโปรดของเพื่อนสาวมาเสิร์ฟให้
“จริงด้วยอันนา เธอรู้หรือเปล่าว่าตรงข้ามร้านของเธอจะมีร้านไอศกรีมมาเปิดแข่งด้วย”ราพันเซลนำข่าวมาแจ้งแก่เพื่อนสาวที่เป็นเจ้าของร้านไอศกรีม
“จริงเหรอ!? พี่คะ แย่แล้ว...”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ถ้าร้านเราอร่อยยังไงก็มีคนมากิน”เอลซ่าไม่กังวลกับเรื่องคู่แข่งทางการค้า เธอยังคงตั้งหน้าตั้งตาตกแต่งไอศกรีมของเธออย่างตั้งใจ
“หาสินค้าใหม่มานำเสนอบ้างก็ดีนะคะ เดี๋ยวลูกค้าจะเบื่อเอา”อันนายังคงรบเร้าให้เธอหาเมนูใหม่มาเอาใจลูกค้า แม้เอลซ่าจะแอบเห็นด้วยแต่ก็ไม่ได้ว่างพอจะทำอะไรแบบนี้
“ไว้ว่าง ๆ จะทำนะ”แต่ก็ไม่ได้บอกว่าเมื่อไหร่...
“นอร์ท จะดีหรือมาเปิดร้านที่นี่น่ะ นี่มันถนนบรอดเวย์นะ”ไม่ใช่ย่านการค้าขายอาหารเสียหน่อย
“ฮะ ฮะ ฮ่า ทีร้านนั้นยังอยู่ได้ ทำไมร้านเราจะอยู่ไม่ได้กันแจ็ค อีกอย่างไอศกรีมที่ฉันคิดขึ้นมานั้นมันสุดแสนจะบรรเจิด”ชายสูงวัยยังคงมั่นใจในความบรรเจิดของตัวเองอยู่เนือง ๆ
“ร้านนั้นอยู่มารุ่นต่อรุ่นนะ แล้วเราล่ะนอร์ท มีแผนการตลาดดี ๆ มั่งป่ะ?”แจ็คถามไว้เผื่อเวลาฉุกเฉิน
“มี เดี๋ยวรอแซนดี้ บันนี่กับทูธมาก่อนจะบอกให้”นอร์ทยกของเข้าไปในร้าน จัดนู้น วางนี่ให้เป็นระเบียบ เขามีเวลา16ชั่วโมง 20นาที 48วินาทีเพื่อเตรียมร้านให้พร้อมก่อนเปิด ชายสูงวัยและการเปิดร้านมันน่าจะมาพร้อมประสบการณ์ทางธุรกิจเต็มเปี่ยม
จู่ ๆ ก็มีผู้มาใหม่เข้ามาถึงสามคน คนหนึ่งเป็นชายผมยาวสีเทา อีกคนเป็นหญิงสาวผมกัดเขียวสลับเหลืองแสบตา ส่วนอีกคนเป็นชายผมทองตัวเล็กน่ารัก ทั้งสามถือถุงกระดาษใส่ของมาเต็มสองมือ
“ไงนอร์ท ร้านเป็นไงมั่ง”หญิงสาวทักทายก่อนเป็นคนแรก
“ก็ไม่ไงทูธ ภายในกว้างขวาง ขนาดยังไม่ได้แต่งยังสวยเลย”ชายสูงวัยเอ่ยอย่างอารมณ์ดี
“ซื้อของมาให้แล้วนะ ดอกไม้ ของประดับ แล้วก็ผ้าปูโต๊ะ”ชายหนุ่มตัวสูงโย่งวางถุงกระดาษลงกับพื้นหย่อนก้นนั่งบนเก้าอี้เลอะฝุ่น
“ขอบใจนะแซนดี้ที่ยังอุตส่าห์มาช่วย”คนหนุ่มผมทองยิ้มตอบ เขาพูดไม่ได้ตั้งแต่เกิดแต่นับว่าโชคดีที่เกิดมาหน้าตาดีและขยันแถมยังมีเพื่อนด้วย
“พรุ่งนี้เปิดร้านวันแรก เอาไงดีนอร์ท?”ทูธถามความเป็นไปของร้าน
“เราก็จะมีไอศกรีมตัวอย่างให้ลูกค้าชิมไง ของอร่อยไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็มีคนกิน”
“คิดแบบนั้นสักวันร้านจะเจ๊ง...”บันนี่ไม่ได้อยากจะแช่ง เขาแค่ไม่พอใจที่นอร์ทวางใจอะไรง่ายเกิดไป ดูท่าว่านอร์จะลืมว่าร้านคู่แข่งที่อยู่ตรงกันข้ามนั้นเป็นร้านระดับตำนาน
“ปากเสียน่าบันนี่!!”ทูธตีต้นแขนบันนี่เบา ๆ
“งั้นรีบจัดร้านกันเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทันร้านเปิดพรุ่งนี้เช้า”หญิงสาวคนเดียวในร้านยังคงจัดร้านอย่างขยันขันแข็งให้เหล่าผู้ชายอกสามศอกทั้งหลายได้อาย แจ็คยืนพิงกระจกร้านเหม่อมองร้านคู่แข่ง
“เป็นอะไรไอ้เกรียน เหล่หญิงอยู่หรือ?”บันนี่กระแซะ
“เปล่านี่พี่โย่ง ร้านนั้นไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ”แจ็ครักษาบรรยากาศการพูดคุยเอาไว้โดยการพูดปด จริง ๆ เขาเห็นว่าร้านนั้นน่านั่งและที่สำคัญพนักงานที่ประจำอยู่ที่เค้าเตอร์นั้นสวยมาก
และแล้วความที่แจ็คมัวแต่อู้งานเหล่หญิงพนักงานร้านตรงข้ามจนทูธเริ่มจับพิรุธได้ เธอมีความคิดที่จะใช้พิสูจน์อะไรบางอย่าง แค่เล่น ๆ ขำ ๆ เท่านั้นเอ๊ง!!
“แจ็ค นายกับแซนดี้ช่วยไปสังเกตการร้านฝั่งนู้นให้ทีสิ”ทูธจงใจใช้ให้แจ็คไปสอดแนมร้านตรงข้าม ถ้าไม่ได้เอะใจอะไรนี่ก็เป็นเพียงหนึ่งในแผนการตลาดล้วงความลับฝ่ายตรงข้าม
“จะให้ทำไงว่ามาเลย”
“นี่แซนดี้ นายว่าไอศกรีมร้านนี้จะเป็นไงมั่ง?”แจ็คถาม แซนดี้ใช้ภาษามือตอบเขา
“น่าจะอร่อย ไม่งั้นคงไม่ได้เป็นตำนานถนนบรอดเวย์สินะ ฉันก็คิดอย่างนั้น”แจ็คเปิดประตูร้านเข้าไป บรรยากาศในร้านเหมือนอยู่ในประสาทน้ำแข็งแต่กลับอบอุ่นเพราะเปิดฮีตเตอร์ พนักงานสาวสองคนแต่งชุดประจำชาตินอร์เวย์ยาวกร่อมเท้าเข้ากับบรยากาศในร้าน ถ้าถามว่าใครน่ารักกว่าก็ต้องตอบว่าสาวเสิร์ฟ แต่ถ้าถามว่าใครสวยกว่าต้องตอบว่าพนักงานตักไอศกรีม
“พี่คะ นั่นคนจากร้านตรงข้ามนี่คะ”อันนากระซิบกระซาบกับพี่สาวของเธอ เธอเดินไป เดินมารอบร้าน มองนกมองไม้ไปทั่วทำไมเธอจะไม้รู้ว่าสองคนนี้มาจากไหน
“เอาไงดีคะพี่?”อันนาถาม
“อืม... ถ้าเขาถามว่ามีเมนูอะไรแนะนำไหมก็ให้เธอบอกเมนูนั้นไปแล้วกัน”เอลซ่าคุยในเรื่องที่มีเพียงสองพี่น้องเท่านั้นที่รู้กัน
“เมนูนั้นเลยหรือคะ? จะดีหรือคะพี่ มันธรรมด๊า ธรรมดานะคะ”
“เอาเถอะน่า ถือว่าเป็นการต้อนรับคู่แข่งไงล่ะ”อันนาเดินไปรับไอศกรีมพร้อมแบกรับคำบัญชาของผู้เป็นพี่สาวเอาไว้ด้วย เธอเดินเข้าไปหาแจ็คและแซนดี้ก่อนยื่นเมนูให้ทั้งคู่
“เอ่อ... มีอะไรแนะนำไหมครับ?”อันนาเลิกคิ้วฉงน พี่เธอคงมีญาณวิเศษหรืออะไรแน่ ๆ เพราะเอลซ่าพูดถูกทุกอย่าง รู้แม้กระทั่งพวกเขาจะถามเมนูแนะนำ
“งั้น... เอาเป็นวานิลลากับบราวนี่ทานคู่กันไหมคะ เมนูแนะนำของร้านเราน่ะค่ะ”วานิลลากับบราวนี่ ดูเป็นเมนูที่ธรรมดามากจริง ๆ ธรรมดาจนสองหนุ่มคิดว่าจะอร่อยหรือ?
“เอ่อ... เอาแบบนี้ก็ได้ครับ สองที่”หลังจากอันนาเดินคล้อยหลังไปแจ็คและแซนดี้ก็แอบหัวเราะกัน2คนในความน่อมแน้มน่ารักของร้าน
“ดูสิแซนดี้ นี่น่ะหรือร้านในตำนาน มีไอศกรีมวานิลลาเป็นเมนูแนะนำ ธรรมดาชะมัด”แซนดี้ส่งภาษามือตอบกลับแจ็คอย่างรวดเร็ว
“บางทีความธรรมดาอาจจะเป็นสิ่งที่ครองใจทุกคน? ไร้สาระน่าแซนดี้ คนส่วนใหญ่ชอบอะไรใหม่ ๆ เก๋ ๆ”แจ็คเป็นคนหัวใหม่เต็มขั้น ขัดกับอิมเมจของร้านที่เน้นความคลาสสิกเป็นหลัก
“พี่คะ พวกนั้นหัวเราะด้วย หนูบอกแล้วว่ามันธรรมดาเกินไป!!”อันนารีบมาแย้งพี่สาวของเธอ เอลซ่ายังคงใจเย็นเป็นน้ำแข็ง เธอตักไอกรีมวานิลลาลูกโตใส่จานและนำบราวนี่อุ่น ๆ ออกมาจากเตาตกแต่งด้วยสตรอเบอรี่
“ข้อดีของการเปิดร้านไอศกรีมคือไม่เสียเวลาในการปรุงแต่งวัตถุดิบมากมาย รีบเอาไปเสิร์ฟก่อนที่บราวนี่จะเย็นเถอะ”เธอยื่นจานใส่เค้กและไอศกรีมส่งให้อันนา น้องสาวถอนหายใจเหนื่อยหน่าย เธอยกไอศกรีมไปเสิร์ฟพร้อมความอับอายที่จะถูกคู่แข่งทางการค้าหัวเราะไปตลอดชีวิต
“ไอศกรีมได้แล้วค่ะ”เมื่อเสิร์ฟเสร็จเธอรีบปลีกตัวไปที่ไหนซักแห่งทันทีเพื่อไม่ให้ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะ
“ดูสิแซนดี้ ตกแต่งซะน่ารักเชียว ไม่เข้ากับท่าทางเย็นชาของเธอเลย”แซนดี้ใช้ภาษามือตอบกลับอีกตามเคย
“เคยเห็นชายหน้าโหดถือกระเป๋าแมวเหมียวไหม? โอย... ไม่อยากจะเห็นหรอกแซนดี้ เธอ... สวย แล้วก็... ดูหยิ่งดี ไม่เข้ากับอะไรแบบนี้เลย แต่ก็เข้ากันได้ดีกับไอศกรีมนะ”แจ็คตักไอศกรีมเข้าปากพร้อมเค้ก เขาไม่นึกว่าไอศกรีมวานิลลาธรรมดาเมื่อกินกับบราวนี่แล้วจะอร่อยได้ถึงขนาดนี้ นี่เองสินะเสน่ห์ของความคลาสสิก
“แซนดี้ นายเคยกินไอศกรีมอะไรที่อร่อยขนาดนี้ไหม?”แจ็คถามแซนดี้ แน่นอนว่าเขาส่ายหน้าตอบปฏิเสธ
“เธอคนนั้นใช้เวทย์ทำหรือยังไงกัน?”แจ็คหันไปมองหญิงสาวตรงเค้าเตอร์ เธอยิ้มให้เขาอย่างมีเลศนัยบ่งบอกว่าเธอได้ยินในสิ่งที่เขาพูดทุกอย่าง
แซนดี้ส่งภาษามือให้แจ็ค
“ฉันรู้เธอมองฉันไม่ต้องบอก”แจ็คตักไอศกรีมเข้าปากต่อไป ไม่นานนักก็หมดลง
“เอ่อ... ฉันต้องถือใบเสร็จไปจ่ายง่ายที่เค้าเตอร์ใช่ไหม?”แจ็คชูใบเสร็จขึ้นมา แซนดี้พยักหน้า เขายื่นกระเป๋าสตางค์ให้แจ็คไปจ่ายเงิน
“นายไปจ่ายสิแซนดี้ ฉันไม่เอาด้วยหรอก... อะไรนะ!? นายจะอ้างฉันงั้นหรือว่านายพูดไม่ได้!?”แจ็คตะคอกใส่แซนดี้เสียงดังทำให้เขากลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งร้านรวมทั้งเอลซ่า เธอหัวเราะคิกคักในความเปิ่นของคู่แข่งทางธุรกิจที่แฝงตัวเข้ามาในร้านของเธออย่างไม่แนบเนียน
เป็นครั้งแรกที่แจ็คได้เห็นหน้าเธอใกล้ ๆ เธอสวยกว่าตอนที่มองจากระยะไกลเสียอีก ตาสีฟ้ากับผิวขาวซีดดูเข้ากันอย่างบอกไม่ถูก สวยขนาดนี้คงไม่แคล้วมีแฟนแล้ว
“2ที่ 25เหรียญพอดีค่ะ”เอลซ่าแจ้งราคาให้เขาทราบ
“...”แจ็คมัวแต่ตะลึงตะลานจนตาค้าง ผู้หญิงน่ะเคยเห็น แต่แค่ไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ไหนตรงสเป็กเท่านี้มาก่อนเลย
“คุณคะ 2ที่ 25เหรียญค่ะ!!”เอลซ่าบอกเสียงดัง แจ็คตื่นจากภวังค์ฝันนั้น แจ็คเปิดกระสตางค์รีบนับเงินอย่างลนลาน
“อ... เอ่อ... 25เหรียญ...”แจ็คยื่นเงินให้เธอไป30เหรียญ เอลซ่าทอนเงินเขาไปอีก5เหรียญ
แจ็คนึกติดใจในใบหน้าสวย ๆ ของเอลซ่า 5เหรียญที่เธอทอนมาเขาตัดสินใจหยอดใส่Tip Boxหน้าเค้าเตอร์เป็นค่ามองใบหน้าสวย ๆ นั้น
“พี่คะ เขามองพี่ตาค้างเลยนะ”อันนาเข้ามกระแซะพี่สาว เอลซ่ายิ้มตอบก่อนจะเอ่ยออกมาเหมือนเป็นเรื่องปกติ
“ทีเป็นคนอื่นทำไมไม่แซวฮะตัวแสบ”
“ก็แหม เขาเป็นคู่แข่งทางการเชียวนะ แล้วมองพี่ขนาดนั้นล่ะก็... ถ้าเขาตกหลุมรักพี่ดังตุ้บเราก็สามารถเรียกเอาความลับจากร้านเขาได้สิคะ!! บิงโกเลย!!”อันนาเริ่มวางแผนตัดคู่แข่งทางธุรกิจ เอลซ่าไม่ชอบใจจึงยีหัวอันนาไปทีนึงเป็นการลงโทษ
“พอเลยตัวแสบ ไปทำงาน หรือไม่ก็ไปช่วยคริสตอฟล้างจานหลังครัวนั่นไป”
“เขินล่ะสิ ๆ จริงด้วยสิคะพี่ พี่ตักวานิลลาตัวไหนให้พวกนั้นกินหรือคะ?”ร้านของเธอนั้นทำรสชาติแบบเดียวกันไว้หลายแนวเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า แค่วานิลลารสเดียวก็ปาเข้าไป5ถังแล้ว
“ทุกตัวน่ะ”ก็หมายความว่าทั้ง5ถัง
“5ถังเลยหรือคะ!? รสชาติมันจะเป็นยังไงคะเนี่ย ขนาดหนูยังไม่เคยชิมเลยนะ”
“ก็... ถ้าอยากรู้ก็ลองไปถามพวกนั้นดูสิ พี่ก็เพิ่งลองทำครั้งแรกเหมือนกัน... อ้อ!! ในนั้นมีช็อกโกแล็กชิพด้วยนะ”นับเป็นการลงทุนท่ามกลางความเสี่ยงที่คุ้มค่า ผลลัพธ์คือสองคนนั้นตะลึงในเวทย์มนตร์ไอศกรีมที่เธอเสกใส่อย่างแยบยล
“ใจร้าย หนูไปช่วยคริสตอฟหลังครัวดีกว่าค่ะ”
เป็นเรื่องยากที่ร้านค้าหน้าใหม่จะเข้ามางัดข้อร้านระดับตำนานในย่านเดียวกัน ยิ่งเป็นสินค้าและบริการแบบเดียวกันแล้วยิ่งโอกาสน้อย ดังนั้นหนทางที่จะชนะคือทำให้ดีกว่าไปเลยหรือไม่ก็แอบไปล้วงลึกเบื้องหลังความสำเร็จนั้นมาใช้เอง แต่หากไปปิ๊งรักระยะกี่เซนก็ว่าไปกับเจ้าของร้านเข้าก็อย่าหาว่าไม่เตือน
**********************************
Free Talk :
อยากกินไอศกรีม!! อยากกินมาก ๆ เลยค่ะ เขียนเรื่องนี้แล้วหิวจริง ๆ เดี๋ยวจะได้หิวกันทุกตอนแน่ค่ะ เรื่องนี้จะไม่ใช่แนวแปป ๆ ก็รักกันเหมือนเรื่องที่แล้วแน่นอน แต่คือแจ็คเข้าใจผิดไปแล้วว่าเอลซ่ามีแฟนในเรื่อง เอลซ่าเองก็ไม่ชอบผู้ชายแบบแจ็คเสียด้วยค่ะ มาลุ้นกันเถอะค่ะว่าจะรักกันได้ยังไง ฝากติดตามกันด้วยนะคะ
ความคิดเห็น