คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 2nd Taste : Chocolate Forest
“เหนื่อยไหมคริสโตเฟอร์”สาวเสิร์ฟหนึ่งเดียวไร้พ่ายแห่งร้านไอศกรีมเอเรนเดลเดินเข้ามาในห้องครัวทักทายหนุ่มล้างจานเพื่อนร่วมชะตากรรม
“คริสตอฟต่างหาก”เขาแก้ชื่อของตัวเองที่เธอเพิ่งจะเรียกผิดไปเมื่อครู่
“โทษที... พี่สั่งฉันให้มาช่วยนายล้างจาน”เธอเดินเข้าไปช่วยเขาอย่างขวยเขิน ค่อย ๆ หยิบจานที่ล้างเสร็จแล้วมาเช็ดให้แห้ง ระยะห่างของทั้งสองมีไม่ถึงสิบเซน สร้างความประหม่าและลำบากใจได้ในคราวเดียวกัน
“ไม่เห็นต้องมาช่วย ไปทำหน้าที่สาวเสิร์ฟทรงเสน่ห์ที่หน้าร้านซะไป”คริสตอฟออกปากไล่ หน้าที่ล้างจานไม่ใช่หน้าที่ของอันนา เธอไม่จำเป็นต้องทำ และมันเป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องทำเอง
“กล้าไล่ฉันหรือ? ฉันไล่นายออกได้นะ!!”อันนาแหวใส่บ้าง คริสตอฟหัวเราะเสียงทุ้มต่ำในลำคอ เขายิ้มอย่างมีเลศนัยและตอบกลับผู้มีฐานะเป็นน้องสาวเจ้าของร้านอย่างเป็นต่อ
“แต่สิทธิในการจะไล่ใครออกเป็นของเจ้าของร้าน ไม่ใช่น้องสาวเจ้าของร้าน แล้วถ้าฉันให้เดา การที่เธอสั่งให้เธอมาช่วยฉันล้างจานน่าเป็นเป็นการบอกเธออ้อม ๆว่า’จานข้างนอกหมดแล้ว ไปเอาจากที่คริสตอฟล้างมาให้ใหม่ที’แบบนี้น่าจะใช่กว่านะแม่คุณ”อันนาไม่สบอารมณ์ในความปากร้ายของชายล้างจาน
“อุ๊บส์ ฉันรู้อยู่แล้ว แค่สงสารนายเฉย ๆ น่ะถึงได้มาช่วยล้างจาน...”อันนาแสร้งทำเป็นหยิบฉวยถ้วยชามใส่กะละมังใบใหญ่เตรียมยกไปหน้าร้านกันหน้าแตก แม้คริสตอฟจะทำงานในร้านเอเรนเดลมาได้ไม่นานแต่เขารู้สึกชินไปเองเสียแล้วกับเรื่องแบบนี้
อันนากระแทกประตูออกจากหลังครัวอย่างไม่สบอารมณ์ ใครจะไปคิดว่าผู้ชายยุคนี้จะปากร้ายได้โล่ขนาดนี้ ในเทพนิยายเขียนเอาไว้ว่าผู้ชายไม่ว่าใครล้วนแสนวิเศษ ให้เกียรติสุภาพสตรี แต่ดูท่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปเร็วพอสมควร เรื่องในเทพนิยายที่เธออ่านมามันถึงกลับตาลปัตรไปเสียหมด
“อ้าว ขอบใจนะอันนาที่ไปเอาจานมาให้”เอลซ่าปลีกตัวไปช่วยน้องสาวของเธอถือกะละมังใส่จานใบโตก่อนนำมาจัดเรียงไว้ให้สวยงามน่ามอง
“ไม่เป็นไรค่ะ... พี่คะ!! คิดเมนูใหม่กันเถอะนะคะ ถ้าไม่ทำอะไรซักอย่างเราจะถูกแย่งลูกค้าไปหมดนะคะ”ผู้เป็นน้องยังคงยืนยันคำเดิมให้พี่สาวผู้เป็นเจ้าของร้านและผู้จัดการสรรหาเมนูใหม่ ๆ มาเอาใจลูกค้า เอลซ่านิ่งเงียบไม่ตอบอะไร เธอยังตั้งหน้าตั้งตาจัดเรียงจานอยู่ที่เดิม
“ไม่เอาน่าอันนา จะรีบไปทำไม? ยังไม่ถึงคราววิกฤติสักหน่อย เรายังมีเวลาใจเย็นเห็นความพินาศของฝั่งนั้นอยู่นะ”เอลซ่าเอ่ยอย่างใจเย็นเหมือนเคย แต่ไหนแต่ไรเธอก็ไม่เคยยี่หระกับอะไรอยู่แล้วถ้าไม่ใช่คราววิกฤติจริง ๆ
“โธ่พี่คะ เมนูใหม่ของเรามันตั้งแต่เดือนที่แล้ว ลูกค้าต้องการอะไรใหม่ ๆ ตลอดเวลานะคะ”อันนายังคงรบเร้าเธอต่อไป
“พี่คะ!! พี่ไม่เห็นหรือคะว่าฝั่งนั้นมีผู้ชายคนนั้นอยู่ด้วย นั่นน่ะตัวเรียกลูกค้าชั้นยอดเลยนะคะ พี่ไม่รู้หรือคะว่าเดี๋ยวนี้สาว ๆ ชอบเข้าร้านที่พนักงานหล่อ ๆ”ทฤษฏีมองคนที่หน้าตาของมนุษย์นั้นพิสูจน์ได้จริง เช่น การที่หญิงสาวมองหารักแท้จากผู้ชายหน้าตาดี เป็นต้น
“สาว ๆ อาจแค่เข้าไปดูหน้าหล่อ ๆ ของหมอนั่นแล้วก็ออกมาก็ได้”อันนาได้ยินดังนั้นจึงเบ้ปากใส่เอลซ่าบ่งบอกถึงอารมณ์น้อยใจ ทำไมพี่สาวของเธอจึงชอบคิดว่าผู้หญิงทุกคนไม่ต่างจากตัวเองเท่าไหร่นักนะ พี่สาวของเธอน่ะทั้งเก่ง ทั้งใจแข็ง แล้วก็ไม่สนผู้ชายไม่ว่าจะเป็นคนแบบไหน ผู้หญิงแบบนี้หายากจะตาย
“นี่ ฟังพี่นะอันนา อย่ามาปั้นหน้าไม่พอใจใส่พี่แบบนั้น แล้วพี่ก็บอกแล้วว่าเรายังมีเวลาคิดเมนูใหม่เหลือเฟือ บางทีเราอาจจะยังไม่ทันได้คิดแต่พวกนั้นย้ายร้านหนีไปแล้วก็ได้”คนน้องไม่คิดว่าพี่สาวตัวเองจะมองโลกในแง่ดีขนาดนั้น คนที่ไม่ไว้ใจใครแต่พอเป็นเรื่องทางธุรกิจกลับวางใจและไม่ไม่ทำอะไรเลยสักอย่าง
“พี่มีญาณทิพย์หรือคะ? รู้ได้ยังไง?”
“เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เธอกลับจากโรงเรียนเมื่อไหร่เธอจะเห็นร้านนั้นทั้งโล่ง ทั้งเงียบเลยล่ะ เชื่อพี่สิ”เอลซ่าตอบโดยไม่หันไปมองหน้าน้องสาวตัวเอง นั่นยิ่งทำให้อันนารู้สึกน้อยใจเมื่อรู้สึกว่าตัวเองมีค่าน้อยกว่าถ้วยชาม
“พี่ก็แบบนี้ทุกทีเลย เคยฟังหนูบ้างไหม!!”อันนาเดินกระแทกส้นไปหลังครัว คริสตอฟผู้น่าสงสารแม้พยายามทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรแต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามอันนาด้วยความเป็นห่วง
“พี่ไม่รักหรือ?”นี่คือถามด้วยความเป็นห่วง
“เรื่องของฉัน”เธอถอดผ้ากันเปื้อนออก วางถาดเสิร์ฟสแตนเลสเสียงดังลั่นครัว เอาให้เอลซ่าได้ยินให้ได้ว่า ณ จุด ๆ นี้เธอไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“ฝากบอกพี่ด้วยว่าฉันขอเลิกงานก่อนเวลา ฮานส์ชวนฉันไปดูหนัง”เธอสั่งคริสตอฟเอาไว้ก่อนคว้าโทรศัพท์มือถือสีขาวกดโทรหาหมายเลขที่ขึ้นชื่อว่า’ฮานส์’ แค่นี้คริสตอฟก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
“ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้นัดหมอนั่นเอาไว้ มีปัญหากับพี่สาวเธอก็บอกมาตรง ๆ เถอะ”คริสตอฟดักทางคนขี้งอน อันนามองหน้าเขาทำตาขวาง นี่มันไม่ใช่กงการอะไรของคนล้างจานเลยแท้ ๆ
อันนาไม่มีเวลาจะสนทนากับคริสตอฟสักคำเดียว เธอเดินออกทางประตูหลังร้านและอ้อมไปรอคนที่ชื่อฮานส์ที่หน้าป้ายรถเมล์ที่อยู่ติดกับร้านเธอไม่ถึง200เมตร
“ฮานส์คะ วันนี้ว่างไหม? ไปดูหนังกับฉันหน่อยสิ”อันนาเอ่ยชวนก่อน
‘ดูหนังหรือ? ได้สิอันนาผมมีหนังเรื่องนึงที่อยากดูกับคุณพอดี จะให้ผมไปรับที่ไหนหรือ?’ชายหนุ่มปลายสายตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลชวนฟัง สะกดให้ฝ่ายที่โทรหายิ่งอยากพบหน้าเขาเข้าไปใหญ่
“ป้ายรถเมล์หน้าร้านพี่ค่ะ ฉันจะรอ”
‘ได้ครับ อีก10นาทีเจอกัน’ฮานส์วางสาย อันนาเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋านั่งรอชายหนุ่มอยู่หน้าป้ายรถเมล์ เหตุผลที่เธอวิ่งหนีพี่มาคือพี่เห็นเธอมีค่าน้อยกว่าถ้วยชาม ดูเป็นเหตุผลที่ตลกแต่กับเด็กผู้หญิงมาตลอดอย่างอันนานั้นถือเป็นเรื่องปกติ และเอลซ่าไม่จำเป็นต้องมาตามง้อเธอเพราะเดี๋ยวซักพักเธอก็หายเอง
10นาทีต่อมาฮานส์ก็มาถึงจุดนัดพบ เขาขับรถสปอร์ตสีแดงคันงามมาจอดหน้าป้ายรถเมล์ให้สาว ๆ แถวนั้นน้ำลายหกเล่น ๆ เขาเดินลงมาจากรถเพื่อมารับหญิงสาวผู้โชคดีเหมือนเจ้าหญิงที่มีราชรถมาเกยถึงที่ ทำเอาสาว ๆ ในบริเวณนั้นมองเธอด้วยความอิจฉาตาร้อน
“ไปกันหรือยังครับ?”ชายหนุ่มหน้าตาดีถามเธออย่างสุภาพ
“ค่ะ”เธอส่งมือให้เขา ฮานส์เปิดประตูรถให้เธอเข้าไปและปิดเบา ๆ เพราะรถมันแพง เขาเดินอ้อมไปอีกฝั่งเปิดประตูให้ตัวเองก่อนจะค่อย ๆ เคลื่อนรถไปตามถนนบรอดเวย์มุงหน้าไปยังโรงภาพยนตร์ที่ใกล้ที่สุด
“วันนี้พี่สาวคุณให้เลิกงานเร็วหรือ? ร้านยังไม่ปิดเลย”ชายหนุ่มถามถึงผู้เป็นพี่สาวของเธอ อันนานั่งหน้าง้ำหน้างอไม่อยากจะพูดถึงพี่สาวใจร้ายของเธอ
“โกรธกันอยู่สินะ ถ้าคุณไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไรอันนา ผมเข้าใจว่าปัญหาระหว่างคุณกับพี่สาวมันเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณที่ผมไม่ควรจะไปก้าวก่าย”ฮานส์เอ่ยอย่างเป็นสุภาพบุรุษ อันนาเริ่มร้องไห้เพราะสำนึกที่เธอทำกับพี่สาว
“ฮานส์... ฉันโกรธพี่ที่พี่ไม่ฟังฉัน ฉันเอาแต่ใจตัวเองอีกแล้ว...”เธอเริ่มร้องไห้ ฮานส์ได้แต่มองเธอไม่ตอบอะไร
“แต่พี่ก็ผิดเหมือนกันที่ไม่ฟังฉัน ร้านจะเจ๊งแหล่ ไม่เจ๊งแหล่อยู่แล้วยังมาทำใจเย็นอยู่ได้”เธอยังคงไม่ยอมรับผิด เธอโทษว่าส่วนหนึ่งเป็นความของเอลซ่าที่ละเลยหน้าที่การเป็นพี่สาวโดยการไม่สนใจเธอ
“ใจเย็น ๆ นะอันนา ผมว่าไปดูหนังให้ใจเย็นก่อนเถอะ เผื่อดูจบแล้วคุณคิดอะไรได้”ฮานส์มาจากตระกูลผู้รากมากดี เขารู้ว่าควรจะปฏิบัติต่อสุภาพสตรีอย่างไร อันนาปาดน้ำตาแล้วหันมาขอบคุณฮานส์
“ขอบคุณนะฮานส์ คุณอยู่ข้างฉันเสมอเลย”
“ผมไม่มีวันทิ้งคุณหรอกอันนา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมก็จะอยู่เคียงข้างคุณ”สัญญาจากชายหนุ่มเป็นดั่งน้ำทิพย์ชโลมใจให้หญิงสาว เธอคลายความกังวลไปได้เปราะหนึ่งแล้ว จากนี้เธอคงต้องละวางทุกอย่างแล้วไปดูหนังอย่างสบายใจ
เอลซ่าทำงานงก ๆ อยู่คนเดียวในร้าน เพราะอันนาแอบหนีไปเที่ยวโดยไม่ได้ขออนุญาตเธอ เอลซ่าทำใจในความดื้อรั้นของน้องสาวตัวเองและตั้งหน้า ตั้งตาทำงานในร้านอย่างขยันขันแข็ง คริสตอฟเห็นใจเอลซ่าที่ต้องเหนื่อยทำงานหน้าร้านคนเดียวจึงตัดสินใจออกมาช่วย
“คุณไม่ว่าอะไรอันนาหรือที่เธอออกจากร้านก่อนเวลา”คริสตอฟที่กำลังทำหน้าที่แคชเชียร์จำเป็นหันมาถามเธอ เอลซ่าเดินเข้ามาหาเขายิ้ม ๆ และตอบกลับอย่างเป็นผู้ใหญ่
“ฉันไม่ว่าอะไรเธอหรอกคริสตอฟ เด็ก ๆ ก็แบบนี้แหละ”แม้ว่าเธอจะไม่เคยประพฤติตัวแบบนี้เลยในช่วงเวลาที่เป็นเด็ก
“ผมว่ายังไงก็ไม่สมควรอยู่ดี คุณเป็นพี่สาวนะเอลซ่า”หญิงสาวถอนหายใจยาว เธอแทบจะปลงกับทุกสิ่งทุกอย่างในโลกเสียแล้ว เพราะตัวเธอนั้นก็ผ่านมาทุกอย่าง
“ฉันก็ทำเท่าที่ฉันจะทำได้แหละคริสตอฟ ทุกคนต้องการอิสระเป็นของตัวเอง และไม่ใช่หน้าที่ของฉันที่จะไปจำกัดอิสระของอันนา”
“ก็ผมไม่ชอบนี่เอลซ่า ก็รู้ว่าร้านเราพนักงานมีกันอยู่3คน คุณก็ทำงานตั้งแต่เช้า ลูกค้าก็เยอะยังจะมาหนีหายไปแบบนี้อีก”คริสตอฟบ่นอย่างอารมณ์เสียและเอือมระอากับพฤติกรรมของเพื่อนอย่างอันนา เธอเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมทุกสิ่งอย่าง ยกเว้นนิสัยเอาแต่ใจที่แก้ไม่หาย
“ยินดีต้อนรับค่ะ... ซิน!! ไม่ได้เจอกันเสียนานเลย”เธอเข้าไปทักทายเพื่อนสมัยเรียนอย่างสนิทสนม ซินเดอเรลล่าเป็นเพื่อนร่วมรุ่นที่เธอสนิทที่สุด และตั้งแต่ที่ซินแต่งงานกับชาร์มมิ่งนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงและไปฮันนีมูนที่ซานฟรานซิสโกทั้งคู่ก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย
“ฉันกลับมาแล้ว!! ร้านยังน่านั่งเหมือนเดิมนะเอลซ่า”เธอเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม การแต่งงานไม่ได้ทำให้ซินดูแก่ลงแม้แต่น้อย เธอยังน่ารักสดใสเหมือนสมัยเรียนด้วยกันที่ดิสนีย์ไฮท์
“ขอบใจซิน ตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง?”เธอถามพร้อมยื่นสมุดเมนูให้ซิน
“ฉันเอาช็อกโกแล็ตฟลอเรสเหมือนเดิมนะ ตอนนี้ฉันหุ้นกับเพื่อนรุ่นเราเปิดห้องเสื้อข้าง ๆ ร้านเธอนี่เอง ว่าง ๆ แวะไปเยี่ยมกันบ้างนะ”ซินยื่นเมนูคืนให้เอลซ่า
“เพื่อนร่วมรุ่นเรา? พวกแก๊งเจ้าหญิงน่ะหรือ?”มันเป็นเรื่องราวสมัยที่เอลซ่าเรียนไฮท์สคูล คลาสของเธอนั้นมีแต่สาว ๆ สวย ๆ ที่ได้รับฉายาว่าเป็นเจ้าหญิงแห่งดิสนีย์ไฮท์ และทุกคนก็สนิทกันทำให้ใคร ๆ ต่างเรียกพวกเธอว่าแก๊งเจ้าหญิง ซึ่งเอลซ่าก็อยู่ในแก๊งด้วย
“ใช่แล้ว มีทั้งสโนวไวท์ ออโรร่า แอเรียล จัสมินแล้วก็เบลล์ ไม่ได้แค่ตัดชุดอย่างเดียวนะ มีหนังสือให้เช่าด้วย”ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฝีมือใครในนั้น เบลล์ชอบอ่านหนังสือและถ้ามาร่วมหุ้นกับอะไรก็ตามเธอก็ไม่พลาดที่จะขอพื้นที่เล็ก ๆ มาทำในสิ่งที่เธอชอบ
“แล้วเทียน่า มู่หลาน แล้วก็โพคาฮอนทัสล่ะ?”
“เทียไปเปิดร้านอาหารที่ถนนลอมบาร์ดตามนาวีนแฟนของเธอ มู่หลานรู้สึกไปเป็นครูฝึกทหารน่ะ ส่วนโพคาฮอนทัส... ฉันได้ยินว่าเธอแต่งงานกันจอร์นแล้วย้ายไปอังกฤษตั้งแต่ปีกลายแล้วล่ะ”ช่วงเวลารำลึกความหลังอันแสนคิดถึง เอลซ่าหัวเราะคิกคักเพราะทุกคนทำตามฝันของตัวเองได้อย่างที่เธอคิดเอาไว้ตั้งแต่สมัยเรียน
“คิดถึงทุกคนจัง ไม่รู้ว่างานเลี้ยงรุ่นปีนี้จะมากันครบหรือเปล่า”เอลซ่าเอ่ยอย่างหมดหวังเพราะเมื่อปี สองปีที่ผ่านมานี้ไม่เคยรวมตัวกันครบสักครั้ง ไม่ขาดมู่หลานก็ขาดโพคาฮอนทัส หรือไม่ก็เทียน่าสักคนนี่แหละ
“เห็นปีนี้ทุกคนบอกว่าจะมากันนะ แก๊งเจ้าหญิงของเราปีนี้ครบรอบ5ปีเลยนะฉันว่าไม่มีใครอยากพลาดหรอก... ไอศกรีมเธอนี่นาทานเหมือนเดิมเลยนะ”ซินเอ่ยชมของหวานตรงหน้าที่เอลซ่าเอามาเสิร์ฟ
“ขอบใจซิน ว่าแต่ดรีมเวิร์กสไฮท์ที่อยู่ข้าง ๆ โรงเรียนเราล่ะ?”
“ก็ยังแข่งกันปั้นเด็กให้ได้ดีกับดิสนีย์ไฮท์อยู่นั่นแหละ ไม่มีอะไรเปลี่ยนนักหรอก”ซินเดอเรลล่าผู้ตามข่าวสารเล่าทุกอย่างให้เอลซ่าฟัง เอลซ่าไม่เปลี่ยนไปเลย เธอไม่ค่อยสนใจเรื่องไร้สาระ สนใจแต่ข่าวสารบ้านเมืองกับกิจการร้านของตัวเอง
“เป็นอะไรไปเอลซ่า? ฉันเห็นเธอทำหน้ากลุ้มมาได้พักใหญ่ ๆ แล้วนะ”ซินเริ่มจับสังเกตเอลซ่าได้ เธอดึงเพื่อนสาวให้นั่งลงคุยกับเธอดี ๆ ก่อนที่เอลซ่าจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ฉันทำอันนาโกรธอีกแล้วล่ะ”
“หา!? ไปว่าอะไรเธออีกล่ะเจ้าตัวถึงได้โกรธเสียขนาดนี้”
“อันนาขอให้ฉันคิดเมนูใหม่ แต่ฉันคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลาก็เลยไม่เอาด้วย ถูกฉันปฏิเสธหลายครั้งเข้าอันนาเลยโกรธน่ะ”ซินลองประมวลผลเหตุการณ์ทุกอย่างดู เธอไม่มีพี่น้องแท้ ๆ มีแต่ลูกพี่ลูกน้องอย่างดริเซลล่ากับอนาสตาเซียซึ่งเธอก็มองทั้งคู่ในฐานะเจ้านายมากกว่าลูกพี่ลูกน้องในอดีตก่อนแต่งงาน
“ฉันว่าอันนาไม่ได้โกรธหรอก เธอแค่งอนที่อะไร ๆ ที่เธอคิดมันไม่เป็นดั่งใจ”ซินตอบปัญหาคาใจให้เอลซ่า เธอพยักหน้าเข้าใจ
“งอน? สรุปฉันต้องง้อสินะ”
“ไม่เชิงหรอก เธอควรจะตามใจน้องบ้างนะในเรื่องนี้เพราะมันก็ไม่ได้ส่งผลเสียอะไรเลยกับร้านเธอนี่ กลับกันนะลูกค้าจะเยอะขึ้นด้วย”ซินเกลี้ยกล่อมเอลซ่า แต่อันที่จริงแล้วซินแค่อยากทานไอศกรีมใหม่ ๆ บ้าง รสชาติพื้น ๆ ธรรมดานั้นเธอกับชาร์มมิ่งทานกันจนเอียนแล้ว
“อืม... คิดอีกทีก็น่าจะดีนะ ขอบใจนะซินที่แนะนำ”เอลซ่าดันตัวเองให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อไปทำงานต่อ ประจวบเหมาะกับที่ซินทานไอศกรีมหมดถ้วยพอดี
“ได้เสมอเพื่อนรัก คิดเงินที่เค้าเตอร์ใช่ไหม?”
“โอ้ไม่เป็นไรซิน ถือว่ามื้อนี้ฉันเลี้ยงเธอแล้วกัน ไม่ได้เจอกันตั้งนาน แถมเจอกันเธอยังต้องมาแก้ปัญหาภายในให้ฉันอีก”ซินยิ้มรับไอศกรีมฟรีถ้วยนั้นอย่างเต็มใจ
“ขอบใจเธอมากนะเอลซ่า แล้วฉันจะแวะมาลองทานไอศกรีมรสใหม่นะ”ซินเดินออกจากร้าน เอลซ่าโบกมือล่ำลาเธอ สิ่งที่ซินพูดก็ดูน่าคิดดี ความเห็นอะไรของน้องสาวที่ทำแล้วมันทำให้เกิดผลดีเธอก็น่าจะลองทำบ้าง ยังไงร้านนี้ก็ไม่ใช่ร้านของเธอคนเดียว นี่ยังเป็นร้านของน้องเธอด้วย เพราะฉะนั้นมีอะไรก็ต้องคุย ต้องปรึกษากันถึงจะถูก
แจ็คนั่งพักผ่อนอยู่ในร้านที่ยังจัดไม่เสร็จดีนัก แม้จะคืบหน้าไปมากแต่ก็ยังเหลืออีกพอสมควร ถึงกระนั้นแจ็คก็ยังจะอู้มานั่งสบายใจเฉิบไม่สนใจจะช่วยผู้สูงอายุทั้ง4ที่ทำงานอย่างยากลำบากเลย
“เฮ้ยไอ้เกรียน ไม่คิดจะมาช่วยกันหน่อยหรือ?”บันนี่เริ่มเหลืออดกับความขี้เกียจของแจ็ค
“พักท้องก่อนสิบันนี่ เมื่อกี้ฉันเพิ่งไปทำภารกิจลับระดับชาติมานะ”
“ทำภารกิจหรือจีบหญิงวะ...”
“ได้ยินนะบันนี่”
“อย่ากัดกันสิทั้งสองคน นี่แจ็คเล่ามาให้ละเอียดเลยนะเรื่องร้านนั้นน่ะ เราจะได้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจว่าควรจะทำร้านไปในทิศทางไหนถึงจะพอสู้รบ ปรบมือกับร้านนั้นได้”หญิงสาวคนเดียวผู้เป็นห่วงเป็นใยร้านมากที่สุดถามแจ็คตรง ๆ คนถูกถามนิ่งเงียบครู่หนึ่งเพื่อเรียบเรียงประโยคก่อนตอบเสียงดัง
“ท่าทางจะแย่ล่ะ...”
เพล้ง!!
ทันทีที่แจ็คพูดจบทูธถึงกับทำชามแก้วใบงามแตกละเอียดเต็มพื้น บันนี่ถึงกับสติแตกต้องวิ่งไปหลังร้านหาไม้กวาดและถังผงมาทำความสะอาดกันยกใหญ่
“หมายความว่ายังไงแจ็ค ร้านนั้นดีขนาดที่ว่าเราจะตีตื้นไม่ได้เลยหรือ?”
“ไม่เชิงทูธ หนทางที่จะตีตื้นได้ก็มีแต่ต้องพยายามกันอย่างสุด ๆ เท่านั้นแหละ”หรือไม่ต่อให้พยายามจนสายตัวแทบขาดก็ไม่มีวันจะเทียบได้ สถานการณ์ร้านไอศกรีมแห่งใหม่ในย่านบรอดเวย์ถึงขั้นวิกฤติตั้งแต่ยังไม่เริ่ม
“สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร แจ็ค... บอกฉันสิว่านายจำรสชาติของไอศกรีมร้านนั้นได้”นอร์ทเดินเข้ามาพร้อมถ้วยไอศกรีม5ใบบนถาดไม้มะฮอกกานีเงางาม ทุกคนพากันเดินเข้ามาหยิบไปชิมกันทีละถ้วย ยกเว้นแจ็คที่หยิบแล้วแต่ยังไม่กินโดยทันที
“จำได้ไม่รู้ลืมเลยล่ะนอร์ท ฉันไม่อยากให้นายเสียใจนะถ้าเกิดฉันชิมไอศกรีมของนายนี่”นอร์ทพยักหน้ามั่นใจ เขาคืออดีตทหารชาญศึกเก่า กะอีแค่มีคนชิมไอศกรีมของตัวเองแล้วบอกว่าอร่อยสู้อีกร้านไม่ได้มันไม่ทำให้เขาบ่อน้ำตาตื้นขึ้นมาหรอก
“มันอร่อยขนาดลืมไม่ได้เลยหรือแจ็ค”ทูธเริ่มสติแตกตามบันนี่ไปอีกคน
“เอาน่าทูธ ฉันมั่นใจว่าทันทีที่แจ็คได้กินไอศกรีมวานิลลาที่ฉันทำเขาจะต้องเลือกที่จะจำรสชาติไอศกรีมของฉันมากกว่าไอศกรีมที่ผู้หญิงเป็นคนทำอยู่แล้ว”นอร์ทเอ่ยอย่างมั่นใจเพื่อให้ทุกคนกลับมามีสติกันอีกครั้ง แจ็คจ้องไอศกรีมถ้วยนั้นนานพอจะทำมันท้องได้ก่อนจะตัดสินใจตักเข้าปากอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่ได้ชิมไอศกรีมของนอร์ท แจ็ครู้สึกไม่แน่ใจในอะไรบางอย่างจึงได้ตักกินอีกคำแล้วคำเล่า สีหน้าของเขาบ่งบอกว่าไอศกรีมถ้วยนี้มีอะไรแปลก ๆ หรือไม่ก็กำลังพิจารณาอะไรบางอย่างอย่างละเอียดถี่ถ้วน
“เป็นยังไงบ้าง?”นอร์ทถาม
“ขอโทษนะนอร์ท แต่... นายเทียบชั้นร้านของผู้หญิงคนนั้นไม่ติดเลย...”แจ็คยื่นถ้วยไอศกรีมคืนนอร์ท ชายสูงวัยทำท่าเหมือนจะหมดกำลังใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเปลี่ยนความสิ้นหวังนั้นเป็นพลัง เขามีไอเดียสุดจะบรรเจิดอยู่เต็มหัว มันน่าจะมีสักไอเดียที่ใช้ได้สิน่า
“ถ้างั้นเราก็ต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ พวกนายคิดว่าลูกค้าจะสนใจสินค้าอย่างใดอย่างหนึ่งเพราะอะไร?”นอร์ทชี้หน้าเหล่าสมาชิกในร้านถามเรียงตัว
“เอ่อ... ราคาถูก!!”บันนี่ตอบ
“หน้าตาดี”อันนี้ของทูธ
“...”แซนดี้ตอบว่าไอเดีย ซึ่งมันเป็นคำตอบที่กว้างจนเกินไป
“แล้วนายล่ะแจ็ค?”ทุกคนหันไปมองที่แจ็ค เขาลูบเคราอากาศพักหนึ่งก่อนตอบเสียงฉะฉาน
“รสชาติ... มั้ง...”ทุกคนคอตกกับข้อเสนอของแจ็ค เพราะในเมื่อเรื่องรสชาตินั้นสู้ร้านตรงกันข้ามไม่ได้แน่ ๆ ก็ตัดเรื่องนี้ไปก่อนได้เลย
“ไม่เอาน่าแจ็ค นายก็รู้ว่ากลยุทธ์รสชาติมันไม่ได้ผลแล้ว”นอร์ทบ่น
“ของมันจะดีมันต้องดีที่ข้างในสิ คุณจะปล่อยข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรงไม่ได้นะนอร์ท...”
“รสชาติไอศกรีมของฉันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นแจ็ค ถ้ามันสวยก็เรียกลูกค้าเด็ก ๆ ได้โขแล้ว... ปิ๊งล่ะ!! เราจะทำอย่างที่ทูธและบันนี่บอก”สมาชิกในร้านทั้ง4มองหน้ากันอย่างมึนงง พวกเขาไม่เข้าใจว่าที่นอร์ทพูดนั้นหมายความว่าอย่างไร
“นี่ฟังนะ เราจะเน้นขายราคาถูกเป็นหลัก เอาหน้าตาสินค้าเป็นสำคัญ และที่สำคัญคือหน้าตาพนักงาน...”
“หน้าตาพนักงาน!?”ทั้ง4ประสานเสียงกันด้วยความมึนงง
“ที่คุณพูดหมายความว่าไงนอร์ท”ทูธถามผู้เป็นเจ้าของร้านตรง ๆ นอร์ทยิ้มอย่างมีเลศนัยทำให้ทุกคนต่างมองหน้ากันและคิดในใจว่า‘ซวยแล้ว’กันถ้วนหน้า เอาล่ะวานอร์ทจะมีกลยุทธ์ประหลาดอะไรมาเสนออีกล่ะเนี่ย...
คู่แข่งสามารถเป็นได้2สถานะ คือ ฝ่ายกดดัน และฝ่ายผลักดัน กรณีที่เป็นฝ่ายกดดันทุกคนล้วนรู้ดีว่ามันทำให้อึดอัดแค่ไหน มาแข่งกันก็จะบ้าตายอยู่แล้วยังจะมากดดันกันอีก ถ้าเป็นแบบนี้มาฆ่ากันเลยดีกว่า... แต่ในกรณีที่เป็นฝ่ายผลักดัน ฝ่ายเราสามารถใช้แรงกดดันที่ได้รับมาเปลี่ยนเป็นแรงใจในการพัฒนาเพื่อสู้ในวันต่อไป จะเป็นอะไรก็ตามอยู่ที่เราเลือกให้เขาเป็นเพราะ ณ จุด ๆ เขาเลือกที่จะเป็นไม่ได้หรอก
********************************
Free Talk :
โอ้ย... ไม่เคยรู้สึกหัวตันแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ ผลสอบออกมาแล้วไม่ได้ดีอย่างเคยเลย ต่อไปนี้ไรต์จะไม่ใช้ดินสอกดแรเงาแล้วค่ะ!! พูดถึงเรื่องสอบไรต์ก็จะสอบอีกแล้วค่ะ คราวนี้สอบปลายภาคเสียด้วยคงลำบากหน้าดู ไรต์เหลือเวลาเรียนให้เต็มที่อีก 1 เดือนแต่ไม่ต้องห่วงค่ะเพราะจะอัพฟิคตามปกติ ช่วงใกล้สอบนี้หัวแล่นไวกว่า 4G ประเทศเพื่อนบ้านอีกค่ะ 555
อ้อ!! ชื่อไอศกรีมที่พบในเรื่องมีอยู่จริงสามารถหาได้ในกูเกิ้ลค่ะ ส่วนใหญ่เป็นรสของเจลาโต้(เพราะไรต์ชอบกิน)แต่อีกเดี๋ยวน่าจะมีพวกไอติมกะทิบ้านเราโผล่มาค่ะ มาดูหน้าตาไอศกรีมที่ปรากฏในตอนที่1-2กันค่ะ เรื่องชื่อไรต์เอามาจากร้านที่ไรต์กินประจำนะคะ แต่ละร้านชื่อไม่เหมือนกันค่ะ แต่รสชาตินี่เป๊ะอย่างกับไปลอกกันมา
ช็อกโกแล็ตฟลอเรสที่ซินเดอเรลล่าสั่งและเป็นชื่อของตอนที่ 2 ค่ะ มันก็แบล็คฟลอเรสดี ๆ นี่แหละค่ะ= =
อันนี้ไรต์เห็นว่าหน้าตาเหมือนกันค่ะ แค่คนละชื่อ รสวานิลลาชิพ ชื่อตอนที่ 1 ค่ะ
และนี่คือไอศกรีมวานิลลาเสิร์ฟคู่กับบราวนี่ที่พวกแจ็คกินค่ะ เคยทำกินเป็นโฮมเมดกับเพื่อน อร่อยน้ำตาจะไหลเลยค่ะ มีโอกาสลองหามากินดูนะคะ หลังจากนี้ก็ฝากติดตามกันเรื่อย ๆ นะคะ สวัสดีค่ะ^^
ความคิดเห็น