ตอนที่ 9 : รับความจริง
Smile of : 9
...วันนี้ทั้งวันคิบะพูดคำพูดประโยคเดิมซ้ำ ๆ กันมาจนถึงตอนนี้กี่รอบแล้วก็จำไม่ได้เหมือนกัน เพราะเค้าใช้วิธีเดียวกันหมดในการจะเข้าหาผู้หญิงพวกนั้นแต่ไม่ว่าจะเป็นใครคิบะก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรือหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อยถึงจะมีการถึงเนื้อถึงตัว เช่น โอบกอด แต่ระดับอารมณ์ของเค้ามันก็ไม่ได้พุ่งสูงเหมือนตอนอยู่กับใครบางคนสุดท้ายคิบะก็มานั่งหมดสภาพกับอากามารุที่มีสภาพไม่ต่างกันเพราะถูกใช้ให้วิ่งไปนู่นมานี่ตลอดทั้งวัน...
“ขอโทษนะอากามารุ...เพราะชั้นแกเลยต้องเหนื่อยแบบนี้...” คิบะเอ่ยกับสุนัขคู่ใจพร้อมกับสวมกอดอีกฝ่ายด้วยความรักใคร่อย่างเช่นปกติ อากามารุเองก็ได้แต่กระดิกหางไปมาอย่างเข้าใจ
“ถ้าอย่างนั้นวันนี้เรากลับบ้านกันดีกว่าเนอะ...” ว่าแล้วคิบะก็ขยับกายลุกขึ้นแล้วออกเดินช้า ๆ ไปตามทางโดยมีอากามารุคอยเดินไปข้าง ๆ เพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านของตนเอง
...ทั้งที่วันนี้คิบะเองก็วิ่งวุ่นไปมาในหมู่บ้านจนเรียกได้ว่าแทบจะครบทุกตรอกซอกซอยอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้สองเท้าของตนก้าวเดินมายังเส้นทางนี้ เพราะตลอดทั้งวันเค้าเลี่ยงที่จะไม่เฉียดกรายมาบริเวณนี้เลยนั่นก็เพราะในใจลึก ๆ ไม่อยากให้ใครบางคนเห็นว่าเค้ากำลังทำอะไรอยู่...
“เฮ้อ...อะไรกันว่ะเราเนี่ย...” คิบะบ่นกับตัวเองเมื่อรับรู้ว่าตัวเองมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของใครบางคน เนื่องจากมันมืดแล้วจึงมองเห็นได้ไม่ดีเท่าไหร่แต่คิบะกลับเห็นได้ชัดว่าร่างบอบบางที่ยืนพิงระเบียงอยู่นั้นเป็นร่างของใคร คิบะเฝ้ามองร่างนั้นจากด้านล่างนิ่งนาน
“ราตรีสวัสดิ์นะนารูโตะ...แล้วก็ถ้าเป็นไปได้ก็ช่วยฝันถึงชั้นบ้างซักคืนนะ...” คิบะเอ่ยฝากไปกับสายลมยามค่ำคืนเพียงแผ่วเบาก่อนจะตัดสินใจหมุนกายจากมาเงียบ ๆ ทันทีที่คิบะจากไปคนที่ถูกเฝ้ามองมาตลอดก็รู้สึกคล้าย ๆ ว่าตัวเองถูกใครบางคนจับจ้องอยู่แต่พอมองสำรวจไปรอบ ๆ ก็พบเพียงความว่างเปล่า...
“คิดไปเองงั้นเหรอ...” นารูโตะบอกกับตัวเองด้วยความสงสัย ก่อนจะเลิกสนใจแล้วปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปกับความมืดอย่างไร้จุดหมาย
...เพราะหลังจากที่แยกกับซากุระแล้วนารูโตะก็มานั่งครุ่นคิดในคำตอบของซากุระและความรู้สึกของตัวเองที่เหมือนกับจะมีจุดเชื่อมโยงบางอย่างคล้าย ๆ กัน...หวั่นไหวเวลาที่อยู่ใกล้กันหัวใจมักจะเต้นรัวทุกครั้งจนน่าตกใจทั้งที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน รู้สึกขัดเขินทุกครั้งเวลาที่ได้สบตาแล้วก็รู้สึกถึงความสุขที่โอบล้อมอยู่รอบกาย...
“ซากุระรู้สึกแบบนี้ยามที่อยู่ใกล้กับซาสึเกะอย่างงั้นเหรอ...ตัวเราเองก็รู้สึกคล้าย ๆ กันเวลาที่คิบะเข้ามาป่วนเปี้ยนใกล้ ๆ แต่เพราะว่าซากุระชอบซาสึเกะไม่ใช่เหรอถึงได้รู้สึกแบบนั้น ถ้าอย่างนั้นที่เรารู้สึกทั้งหมดก็เพราะว่าเรา...” คำพูดสุดท้ายนารูโตะไม่ได้เอ่ยออกมาเพราะตอนนี้ในใจมันกำลังสั่นไหวอย่างหนักเมื่อได้ข้อสรุปที่คาดไม่ถึงกับความรู้สึกของตัวเอง
“จะเป็นไปได้เหรอ...” เสียงใส ๆ พึมพำกับตัวเองด้วยใบหน้าที่เริ่มแดงระเรื่อ
...หลังจากกลับมาถึงบ้านแล้วคิบะก็เก็บตัวอยู่แต่ในห้องครุ่นคิดถึงเรื่องที่ตัวเองทำไปทั้งหมด ทั้งเรื่องที่ไปชวนผู้หญิงคนนั้นคนนี้ให้ไปเที่ยวด้วยกันจนอาจจพูดได้ว่าผู้หญิงที่เดินผ่านหน้าเค้าวันนี้ถูกเอ่ยชวนด้วยประโยคซ้ำ ๆ เหมือนกันหมด และก็มีทั้งที่ตอบรับและปฏิเสธจนบางทีเค้าก็เริ่มคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่มันดีแล้วจริง ๆ เหรอ...
“เฮ้อ...ชั้นควรจะทำยังไงดีน้าอากามารุ...” คิบะหันไปถามสุนัขคู่ใจด้วยสีหน้าที่เหมือนคนคิดไม่ตก
“ชั้นต้องยอมรับความจริงแล้วใช่มั้ย...ว่าคิดแบบนั้นกับนารูโตะจริง ๆ น่ะ...” จากคำพูดนั้นของตนทำให้คิบะย้อนนึกถึงตอนที่ยืนแอบมองอีกฝ่ายอยู่ด้านล่างเงียบ ๆ แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้หันมามองหรือสบตาแต่เพียงเท่านั้นจิตใจของเค้ามันก็สั่นไหวจนผิดปกติเสียแล้ว
“ยอมรับก็ได้ว่าคิดอะไรแปลก ๆ กับนารูโตะแต่ว่านะ ฝ่ายนั้นเค้าดูจะไม่ได้สนใจชั้นเลยเนี่ยสิ...แบบนี้ก็แปลว่าชั้นแอบรักเค้าข้างเดียวเหมือนที่แม่ว่าอย่างนั้นเหรอ...” คิบะสรุปเอาเองก่อนจะกอดอากามารุไว้อย่างท้อแท้ใจกับชะตาแห่งรักของตน
...ฝ่ายนารูโตะพอเริ่มจับความรู้สึกของตัวเองได้แล้วก็หันกลับมาทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ เช่นกันว่าทุกครั้งที่ต้องพบเจอกับคิบะ ตัวเองก็มักจะมีอาการแปลก ๆ และทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะทำมาก่อนอย่างเช่น เขินอายเวลาที่ฝ่ายนั้นมองสบตา หรือว่าโกรธจนลืมตัวเพราะคำพูดที่เหมือนจะไม่ได้สลักสำคัญแต่อย่างใด...
“ถ้าเกิดเรารู้สึกกับคิบะมากกว่าเพื่อนทั่วไปจริง ๆ แล้วจะทำยังไงล่ะ...ก็เราเป็นผู้ชายเหมือนกันแถมยังไม่รู้เลยว่าฝ่ายนั้นเค้าคิดยังไง ถึงจะเคยทำอะไรแปลก ๆ กับเราก็เถอะ...” บ่นกับตัวเองมาถึงตรงนี้นารูโตะก็อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาแตะที่แก้มนวลเนียนของตนเบา ๆ ก่อนจะไล่ปลายนิ้วเรียว ๆ นั้นมาสัมผัสกับริมฝีปากของตนเองอย่างลืมตัว ก่อนจะล้มตัวลงนอนด้วยอาการใจสั่นน้อย ๆ
“คงต้องรอดูท่าทีไปก่อนละน่ะ...เกิดคิดเองเออเองฝ่ายเดียวก็คงแย่...” ในที่สุดนารูโตะก็หาข้อสรุปให้กับตัวเองได้ซักที หลังจากกระวนกระวายใจอยู่พักใหญ่
...เช้าอีกวันขณะที่นารูโตะกำลังเตรียมตัวจะออกจากบ้านจู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น แม้จะรู้สึกแปลกใจแต่ก็ยอมเดินไปเปิดประตูให้แต่โดยดี...
“ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...” ทันทีที่ประตูเปิดนารูโตะก็ยิ่งต้องแปลกใจมากขึ้นก่อนจะเอ่ยถามอีกฝ่ายออกไป
“มีอะไรเหรอ...ชิกามารุมาแต่เช้าเลย...”
“ก็กลัวว่านายจะหายตัวไปก่อนเลยรีบมาแต่เช้า...พอดีว่ามีเรื่องจะขอให้ช่วยนิดหน่อย...”
“อะไรเหรอ...”
“ไปด้วยกันหน่อยได้หรือเปล่า...แล้วจะอธิบายให้ฟังระหว่างทาง...”
“งั้นรอเดี๋ยวนะ...” พูดจบนารูโตะก็ผลุบหายเข้าไปข้างในครู่ใหญ่ก่อนจะโผล่หน้ากลับมาอีกครั้ง
“ไปกันได้เลยใช่มั้ย...” ชิกามารุย้อนถามเพื่อความมั่นใจ
“อืม...ไปได้แล้วล่ะ...” แล้วจากนั้นทั้งสองก็เดินไปด้วยกันซึ่งระหว่างทางชิกามารุก็อธิบายถึงเรื่องที่จะให้อีกฝ่ายช่วยตามที่บอกไว้ตั้งแต่ต้น และพอฟังจบนารูโตะก็พยักหน้ารับด้วยความเต็มใจ
“เอาเป็นว่าชั้นจะช่วยเองเพราะยังไงก็ยังไม่มีภารกิจให้ทำอยู่แล้ว...” เสียงใส ๆ ร้องบอกออกไปด้วยทีท่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีอะไรให้ทำ ซึ่งมันคงดีกว่าการต้องอยู่คนเดียวหรือไปฝึกคนเดียวอย่างแน่นอน
“เริ่มได้ตอนนี้เลยหรือเปล่า...” ชิกามารุร้องถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ได้สิ...”
“งั้นก็ช่วยหน่อยแล้วกันนะ...” พูดจบชิกามารุก็เดินนำไปยังสถานที่ที่เป็นเป้าหมายทันที
...และในเวลาเดียวกันที่บริเวณหน้าบ้านของนารูโตะก็ปรากฏร่างของคนหนึ่งคนและสุนัขอีกหนึ่งตัวที่มายืนเก้ ๆ กัง ๆ ด้วยความลังเลว่าจะเคาะประตูเรียกอีกฝ่ายดีหรือเปล่า แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้เคาะเรียกไปอย่างที่ตั้งใจไว้ เพราะยังนึกไม่ออกว่าถ้าอีกฝ่ายมาเปิดประตูแล้วตัวเองควรจะพูดว่าอะไร...
“โอ๊ย...ทำไมมันถึงได้ดูลำบากยากเย็นขนาดนี้นะ...” คิบะโวยวายออกมากับความไม่เอาไหนของตนก่อนจะตัดใจเดินจากไปโดยที่ไม่ได้รับรู้เลยว่าคนที่ตนมาหาไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว
“ที่นี่ล่ะ...” ชิกามารุร้องบอกอีกฝ่ายเมื่อทั้งคู่มาหยุดอยู่ที่หน้าห้อง ๆ หนึ่งที่นารูโตะไม่รู้จัก
“งั้นชั้นเริ่มเลยนะ...” นารูโตะเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูก่อนจะลงมือทำในสิ่งที่อีกฝ่ายขอมา และสิ่งที่ชิกามารุไหว้วานให้นารูโตะช่วยก็คือการเปิดประตูที่เป็นเหมือนห้องลับ ซึ่งการที่จะเปิดประตูดังกล่าวได้จำเป็นจะต้องใช้จักระมหาศาลในการเปิดเนื่องจากมันถูกตั้งเป็นเงื่อนไขเพื่อรักษาข้อมูลสำคัญที่อยู่ในห้องนี้ จะว่าไปแล้วคนที่สมควรมาเปิดห้องนี้ก็คือซึนาเดะ แล้วชิกามารุก็นึกถึงตอนที่เข้าไปรับคำสั่งกับอีกฝ่ายเมื่อวาน
“นายไปเอาข้อมูลสำคัญที่อยู่ในห้องพิเศษนั้นมาดูเอาเองก็แล้วกัน...”
“ห้องพิเศษเหรอครับ...แต่ว่าคนที่มีสิทธิจะเปิดต้องเป็นโฮคาเงะหรือไม่ก็ต้องเป็นคนที่มีจักระเหลือเฟือนะครับ...”
“นายก็ไปหาคนแบบนั้นมาช่วยสิ...มีไม่ใช่เหรอไอ้คนแบบนั้นที่นายว่ามาน่ะ...”
“แต่ว่าเจ้านั่นไม่ได้เป็นโฮคาเงะแล้วข้อมูลในนั้นก็เป็นความลับนะครับ...”
“เจ้านั่นไม่สนใจหรอก...เอาเป็นว่าชั้นอนุญาติให้เจ้านั่นช่วยนายก็แล้วกัน...”
“แต่ว่า...”
“เลิกเถียงแล้วก็ไปทำตามที่สั่งเถอะ...ชั้นมีธุระต้องไปทำต่อ...” พูดจบซึนาเดะก็เดินออกจากห้องไปหน้าตาเฉย ทิ้งให้ชิกามารุยืนอึ้งกับคำสั่งเผด็จการของอีกฝ่ายแบบงง ๆ สุดท้ายเค้าจึงต้องไปขอร้องนารูโตะตั้งแต่เช้าเพราะคำสั่งมักง่ายของใครบางคนนั่นเอง แต่ถึงจะให้เค้าเปิดเองก็คงทำไม่ได้เพราะจักระของเค้ามันมีจำกัดไม่ได้มีเหลือเฟือเหมือนคนตรงหน้านี่ซะเมื่อไหร่...ระหว่างที่ชิกามารุยืนนึกอะไรเรื่อยเปื่อยประตูห้องลับพิเศษก็ค่อย ๆ เปิดออกช้า ๆ ส่งผลให้ชิกามารุต้องเรียกสติและความนึกคิดของตนกลับมาสนใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแทน
“แค่นี้ได้หรือเปล่า...” นารูโตะหันมาถามคนข้าง ๆ ด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะเหนื่อยเอาการ
“อืม...นายนั่งพักก่อนก็ได้เดี๋ยวชั้นขอเข้าไปเอาเอกสารก่อน...” ชิกามารุร้องบอกอีกฝ่ายก่อนจะรีบพาตัวเองเข้าไปด้านในทันที และพอชิกามารุหายเข้าไปข้างในนารูโตะที่เหนื่อยล้าก็ค่อย ๆ ทรุดกายลงนั่งพิงกรอบประตูเพื่อรอให้กำลังกายฟื้นคืนกลับมาอีกครั้ง ชิกามารุที่หายเข้าไปในห้องได้พักใหญ่ก็กลับออกมาพร้อมกับม้วนเอกสารในมือสองม้วน
“ชั้นรู้ว่านายกำลังเหนื่อยนะนารูโตะ...แต่ไม่ว่ายังไงชั้นก็อยากจะขอให้นายรีบปิดประตูนี้โดยเร็วชั้นไม่อยากให้เปิดทิ้งไว้นาน ๆ น่ะ...”
ชิกามารุเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะรู้สึกผิดและเห็นใจอยู่ในที และนารูโตะเองก็เข้าใจก่อนจะรวบรวมกำลังกายและกำลังใจปิดประตูที่ตัวเองเปิดออกมาอย่างรวดเร็วตามที่อีกฝ่ายร้องขอ แล้วชิกามารุก็ขอให้นารูโตะเปิดห้องพิเศษให้อีกสองห้องเพราะว่าข้อมูลที่เค้าต้องการมันถูกเก็บไว้คนละที่นั่นเอง
“ที่นี่เป็นที่สุดท้ายแล้วล่ะ...ขอโทษจริง ๆ นะที่ทำให้นายต้องลำบากแบบนี้...” ชิกามารุกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อน ๆ
“ไม่เป็นไร...ชั้นยังไหว...” นารูโตะร้องตอบกลับมาทั้งที่เริ่มเหนื่อยจนหอบแต่ก็ยังอยากจะช่วยให้งานนี้สำเร็จลุล่วงลงไป และเมื่อชิกามารุได้สิ่งที่ต้องการนารูโตะก็ทำการปิดประตูนั้นลงด้วยพละกำลังที่เหลืออยู่ทั้งหมดในกายก่อนจะทรุดลงไปนั่งกองกับพื้นอย่างหมดสภาพ
“ประตูห้องพวกนี้ใช้จักระสิ้นเปลืองกว่าที่คิดไว้ซะอีก เล่นเอาชั้นแทบยืนไม่อยู่เลยทีเดียว..." เสียงเหนื่อย ๆ ที่เอ่ยออกมาทำให้ชิกามารุต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“นายใช้จักระไปมากเลยนะ...หิวหรือยังอยากกินอะไรมั้ยเดี๋ยวชั้นเลี้ยงเอง...” ชิกามารุทรุดกายลงนั่งเบื้องหน้าพร้อมกับเอ่ยด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
“ขอกินราเมงหลาย ๆ ชามเลยได้ป่าว...” เสียงใส ๆ เอ่ยตอบมาด้วยรอยยิ้มแช่มชื่นเมื่อพูดถึงของชอบของตน
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะแต่ว่าชั้นขอแวะเอาเอกสารพวกนี้ไปฝากไว้กับครูอิรูกะก่อนได้หรือเปล่า ไม่อยากถือเดินไปเดินมาน่ะ...” ชิกามารุร้องถามซึ่งอีกฝ่ายก็ตอบรับกลับมาด้วยการพยักหน้าเบา ๆ แล้วทั้งสองก็มุ่งหน้าไปหาคนรับฝากของทันที
“รบกวนหน่อยนะครับ มันเป็นข้อมูลที่ท่านซึนาเดะให้ผมไปเอามาดูน่ะครับ...” ชิกามารุเอ่ยกับอิรูกะด้วยทีท่าเกรงใจแต่เค้าเองก็ไม่ไว้ใจจะฝากข้อมูลนี้ไว้กับใครและก็ไม่สะดวกที่จะถือติดมือไปด้วยเช่นกัน
“ไม่เป็นไรหรอก...เสร็จธุระแล้วค่อยมาเอาไปก็ได้...” อิรูกะเอ่ยด้วยท่าทางใจดีเหมือนเช่นทุกที
“ขอบคุณมากนะครับ...”
“อืม...ไม่ต้องเกรงใจ ว่าแต่นารูโตะเถอะไม่เห็นแวะมาหาครูบ้างเลย...” ประโยคหลังอิรูกะเอ่ยถามศิษย์รักด้วยน้ำเสียงตัดพ้อเล็ก ๆ แต่ไม่ได้จริงจังเท่าใด
“เคยแอบมาเมียง ๆ มอง ๆ อยู่เหมือนกันแต่เห็นครูอิรูกะยุ่งอยู่ก็เลยไมได้เข้าไปหา...” นารูโตะตอบกลับมาตามตรงเพราะถ้าจะพูดกันจริง ๆ เค้าแวะมาแอบดูอิรูกะทุกวันว่าว่างหรือยังเพราะอยากปรึกษาอะไรหลายเรื่องแต่อีกฝ่ายก็เหมือนจะยุ่งจนไม่กล้าเข้าไปกวน
“อย่างนั้นเหรอ...ถ้าคราวหน้าแวะมาอีกก็เข้ามาหาได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจ สำหรับนารูโตะครูมีเวลาว่างให้เสมอนั่นแหละ...”
“ขืนเข้าไปกวนครูบ่อย ๆ ป้าซึนาเดะก็จะได้ด่าผมเปิงไปเท่านั้น ข้อหามารบกวนเวลาทำงานของคนอื่น...”
“เอาเถอะ...ยังไงก็แวะมาทักทายกันบ้างก็แล้วกัน...”
“ครับ...งั้นผมไปก่อนนะครับ วันนี้มีคนใจดีจะเลี้ยงราเมงแบบไม่อั้นด้วยล่ะ...” นารูโตะร้องบอกไปพร้อมกับชำเลืองมองคนข้าง ๆ ที่รับปากว่าจะเลี้ยง ฝ่ายชิกามารุพอเห็นสายตาแบบนั้นแล้วก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าพลาดที่ดันไปออกปากว่าจะเลี้ยงเพราะถ้านารูโตะเลือกกินราเมงแล้วล่ะก็มันคงไม่จบแค่ชามเดียวเป็นแน่
“เฮ้อ...ไปล่ะนะครับ...” ชิกามารุกล่าวลา เห็นดังนั้นนารูโตะจึงต้องรีบวิ่งตามมาเพราะถ้าช้าอาจจะไม่มีคนเลี้ยงราเมงเค้าก็ได้ ระหว่างทางเดินไปร้านอิจิราคุจู่ ๆ นารูโตะก็รู้สึกเหมือนตัวเองหน้ามืดก่อนจะทรุดลงไปกองกับพื้นดีที่ว่าคนที่เดินอยู่ข้าง ๆ รับร่างบอบบางนั้นเอาไว้ได้ทัน
“เป็นอะไรหรือเปล่า...” น้ำเสียงห่วงใยเอ่ยถามออกมาด้วยทีท่าตื่นตระหนก
“หิวจนไม่มีแรงแล้วล่ะ...” คำตอบของนารูโตะทำให้ชิกามารุต้องยิ่มออกมาด้วยความเอ็นดู แต่ที่อีกฝ่ายมีสภาพแบบนี้ก็เพราะตัวเค้าเป็นตนเหตุนั่นเอง
“ให้ชั้นแบกนายไปที่ร้านเอามั้ย...” ข้อเสนอของชิกามารุทำให้นารูโตะนิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธ
“แค่ช่วยพยุงก็พอแล้วไม่ต้องแบกหรอก ผู้ชายแบกผู้ชายเห็นแล้วมันแปลก ๆ ว่าป่ะ...”
“อืม...ที่นายพูดมามันก็จริง งั้นก็ค่อย ๆ ลุกแล้วกัน...” ชิกามารุว่าพลางออกแรงรั้งร่างบาง ๆ ให้ยืนขึ้นช้า ๆ ก่อนจะรั้งเอวเล็ก ๆ นั้นไว้อย่างมั่นคงพร้อมกับโอบประคองพาร่างอีกฝ่ายเดินไปด้วยกัน
“ขอโทษนะชิกามารุ ให้นายเลี้ยงแล้วยังมาทำตัวเป็นภาระให้อีกแบบนี้น่ะ...” นารูโตะกล่าวขอโทษอีกฝ่ายด้วยในใจมันรู้สึกไม่ดี จะเพราะความใกล้ชิดหรืออะไรก็ไม่รู้แต่นารูโตะบอกกับตัวเองว่าเค้าไม่ชอบให้ตัวเองอยู่ใกล้ชิดกับคนอื่นมาก ๆ แบบนี้ยกเว้น...
“ไม่ต้องคิดมากน่า...อดทนหน่อยนะอีกนิดเดียวก็จะถึงร้านแล้วล่ะ...” ชิกามารุเอ่ยให้กำลังใจอีกฝ่ายในขณะที่ท่อนแขนแข็งแรงก็ยังคงโอบรัดอยู่รอบเอวบาง ๆ นั้นไม่ยอมปล่อย ภาพที่คนสองคนเดินโอบประคองกันไปอย่างใกล้ชิดแนบสนิทนั้นตกอยู่ในสายตาของใครบางคน และตอนนี้คน ๆ นั้นก็กำลังรู้สึกเหมือนมีใครเอามีดเล็มเล็ก ๆ มาคอยทิ่มแทงหัวใจให้เจ็บช้ำร้าวรานอย่างหนัก
“นารูโตะเค้าคงไม่ได้คิดอะไรกับชั้นจริง ๆ ด้วยสินะ ถึงได้ยอมให้ชิกามารุทำแบบนั้น...” คิบะหันไปถามกับสุนัขคู่ใจที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยแววตาหม่นหมอง
“ถ้าชั้นรู้ตัวเร็วกว่านี้ ว่ารู้สึกยังไงกับนารูโตะ ชั้นคงไม่ต้องมาเจ็บปวดแบบนี้ใช่หรือเปล่า...อากามารุ...” แม้จะตั้งคำถามมากมายเพียงใดอากามารุก็ไม่สามารถจะตอบคำถามพวกนั้นได้ แต่ถึงจะเจ็บปวดแค่ใหนคิบะก็ยังคงติดตามเฝ้ามองร่างสองร่างที่โอบประคองกันไป ทั้งที่ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไปเพื่ออะไร...เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่ตัวเองเห็นนั้นเป็นเรื่องจริง หรือ...เพื่อสร้างความหวังให้ตัวเองว่าสิ่งที่กำลังเห็นอยู่นั้นตัวเค้าเข้าใจผิดไปเอง แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างใหนสองขาของคิบะก็ค่อย ๆ ก้าวตามร่างบางในอ้อมกอดของใครอีกคนไปอย่างเชื่องช้า...พร้อมด้วยจิตใจที่หวาดหวั่นจนยากจะเอ่ยออกมา...
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

นัตจัง บอกคิบะไปเลยว่ารักน่ะ รัก!
ชิก้า นายช่วยเถิบออกไปนิดได้มะ ให้คู่หลักของเรื่องนี้เค้าได้มีเวลาปรับความเข้าใจกันสักที
มีชิกานารุมาให้จิ้นเบาๆ -//////- ชอบคู่นี้อยู่แล้ว..(แต่ที่สุดก็ซาสึนารุคู่มหาชนล่ะนะ)
จู่ๆคำนี้ก็ผุดขึ้นมาในหัว คิบะคุงเจ้าช่างเป็นเมะที่เรียกได้ว่ายอมให้คนที่รักแทบทุกอย่างจริงๆนั้นเหละน่ะ
แอบสงสารแทนที่สุดไปเลยอ่ะ
อืมคิบะ ฉันเริ่มรู้สึกขัดใจยังไงก็ไม่รู้สิ(อะไรของมันเนี้ย//พี่)
ฉันรู้สึกว่าแกมาได้จังหวะตลอดเลนะ
โดยเฉพาะตอนที่นารูโตะอยู่กับคนอื่นเนี้ย
รู้สึกไรเตอร์นิยมแต่งให้ชิกาเป็นตัวละครที่สร้างความเข้าใจผิดไปแล้วนะคะ 555
ทั้งเรื่อง Sandstorm(หวังว่าจะสะกดถูกนะ) จนมาถึงเรื่องนี้
แต่ไม่เป็นไรยังไงเราก็ยังชอบชิกาอยู่ดี เป็นไปได้อยากจับชิกากลับมาเป็นพระเอกแทนคิบะยังไงไม่รู้ ยังเคืองตอนที่แล้วไม่เลิก=_=**
แต่ยังไงก็เชียร์นายอยู่นะคิบะ(แต่ถ้านายทำแบบตอนที่แล้วอีก จะเลิกเชียร์นายแล้ว เคือง)
ยังสนุกเหมือนเดิมคะ
มาอัพต่อเร็วๆ นะคะ
เราจะคอยติดตาม
นายเข้าใจผิดน่ะะ -0- แหมเเต่ภาพที่ที่มันชวนเข้าใจผิดนี่เนอะ555+
ต้องเข้าใจ รักนี้ ต้องมีอุปสรรค55555555+
ตั้งแต่เรื่อง Sandstorm แล้วค่ะ ><
อยากโดดตบหัวคิบะ 1 ทีแล้วบอกว่าเจ้าเป็นพระเอกนะเฟ้ยคิดไรมากมายห๊ะ //โดนแฟนๆคิบะรุมตบ
กลิ่นมาม่าลอยมานิดนึงค่ะ รอตอนต่อไปว่าจะมาม่าน้อยหรือเยอะ =w=
แต่ความจริงมันเริ่มจะไม่ฮาแล้วนิ อืม...เอาเป็นว่าฝากไว้
ให้อ่านเรื่อย ๆ แล้วกันนะ ขอให้มีความสุขกับการอ่านเรื่อง
นี้กันนะจ๊ะ