ตอนที่ 21 : ไร้วาสนา
Smile of : 21
...ชิกามารุเดินมาส่งนารูโตะที่บ้านแต่บรรยากาศระหว่างคนทั้งสองมันไม่ได้น่าอึดอัดหรืออึมครึมอย่างที่ควรจะเป็นทุกอย่างมันกลับตรงกันข้ามไปเสียหมด ระหว่างทางเดินกลับมาบ้านมีแต่เสียงหัวเราะของคนสองคนที่ดังประสานกันไปมาจนน่าอิจฉา...
“ขอบใจนะ...ความจริงไม่ต้องมาส่งก็ได้...” นารูโตะกล่าวกับอีกฝ่ายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ทั้งที่อีกฝ่ายเพิ่งจะสารภาพเรื่องสุดยอดออกมาแท้ ๆ แม้จะไม่อาจตอบรับความหวังของอีกฝ่ายได้แต่ความสัมพันธ์ของพวกเค้าก็ยังไม่ได้จบลงไปเพียงเพราะฝ่ายหนึ่งปฏิเสธความรู้สึกแบบนั้น...
“อย่าคิดมากเลยน่า...ถือซะว่าเป็นโอกาสให้ชั้นทำคะแนนให้ตัวเองบ้าง ถึงจะไม่มีหวังแล้วก็เหอะ...” คำพูดทีเล่นทีจริงของชิกามารุทำให้ใบหน้านวลปรากฏรอยยิ้มน้อย ๆ ด้วยความขบขันกับความคิดของอีกฝ่าย
“ยังไงก็ขอบใจแล้วกัน...แต่พูดก็พูดเถอะตอนแรกชั้นนึกว่านายจะหลงเสน่ห์สาวสวยจากหมู่บ้านซึนะเสียอีก...”
“หือ...หมายถึงใคร อย่าบอกนะว่าเป็นยัยโหดนั่นน่ะ...” ชิกามารุร้องถามเสียงสูงด้วยความประหลาดใจที่อีกฝ่ายมีความคิดแบบนั้น
“ใช่...ก็คนนั้นแหละ ชั้นเองก็แปลกใจที่นายไม่สนใจเธอ...”
“อย่าเอ่ยถึงให้อารมณ์เสียเลยดีกว่า...นึกขึ้นมาก็เซ็งจะแย่แล้ว...” ถ้อยทำที่เอ่ยออกมาบ่งชัดว่าไม่ชอบใจอย่างไม่ปิดบัง ทำให้นารูโตะต้องหัวเราะคิกกับทีท่าแบบนั้นของอีกฝ่าย
“แต่ชั้นอยากให้นายเปิดใจกับคนอื่นบ้าง...ที่พูดแบบนี้ไม่ได้ผลักไสหรือว่าอะไรน่ะก็แค่อยากให้นายมีความสุขอย่างที่ควรจะเป็น...”
“ชั้นอยู่แบบนี้ก็มีความสุขดี...อย่าห่วงเลยน่า...” ชิกามารุตัดบทไปดื้อ ๆ และพออีกฝ่ายเอ่ยออกมาแบบนั้นนารูโตะจึงไม่กล้าเซ้าซี้อีก
“อืม...งั้นเราแยกกันตรงนี้นะ ขอบใจที่เดินมาส่ง...แล้วเจอกัน...”
“แล้วเจอกัน...” จากนั้นทั้งสองคนก็แยกย้ายกันไปตามทางของตน
...นารูโตะกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งด้วยความรู้สึกเปลี่ยวเหงาเหมือนอย่างทุกที ยามที่อยู่ภายนอกมีผู้คนมากมายทำให้เค้าลืมเลือนความรู้สึกบางอย่างไปได้แต่พอกลับมาอยู่คนเดียวอีกครั้งจิตใจที่คอยพะวงถึงคนบางคนก็ดูจะมีอำนาจเหนือสิ่งอื่นใด นารูโตะเดินมาทรุดกายลงนั่งบนเตียงด้วยทีท่าอ่อนล้าแล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นเสื้อคลุมของใครบางคนที่ลืมทิ้งไว้ที่นี่เมื่อหลายวันก่อน ร่างบางลุกไปหยิบเสื้อคลุมตัวนั้นขึ้นมากอดไว้ด้วยความคิดถึงเจ้าของเสื้ออย่างมากมาย กลิ่นกายอ่อน ๆ ที่หลงเหลืออยู่นั้นมันทำให้จิตใจที่ว้าวุ่นสงบลงได้บ้าง...
“นายกำลังทำอะไรอยู่กันนะ...คิบะ...จะคิดถึงชั้นอย่างที่ชั้นคิดถึงนายมั้ย...” นารูโตะนั่งกอดเสื้อคลุมตัวนั้นแล้วเหม่อมองท้องฟ้าที่พร่างพราวไปด้วยดวงดาวมากมายหากมีใครบางคนเคียงข้างในยามนี้ เค้าคงรู้สึกว่ามันสวยงามมากแต่เวลานี้กลับมีเพียงตัวเค้าเพียงลำพัง ท้องฟ้าในยามนี้กลับดูน่าอิจฉายิ่งนักที่มีหมู่ดาราเคียงข้างมากมาย แล้วนารูโตะก็ปล่อยให้ความคิดถึงล่องลอยไปหาใครบางคนที่ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ ณ ที่ใด...
…ร่างบอบบางที่หลับไหลอยู่ในห้วงนิทราอย่างเป็นสุข ไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งที่กำลังเคลื่อนเข้าหาตัวอย่างช้า ๆ เลยแม้แต่น้อย เงาร่างปริศนาค่อย ๆ ย่างกรายเข้ามาในห้องทีละน้อย เสียงฝีเท้าแผ่วเบาเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียงที่มีร่างบางนอนนิ่งอย่างสงบ ร่างเงานั้นค่อย ๆ ทรุดกายลงนั่งเคียงข้างร่างบางบนเตียงอย่างระมัดระวัง แล้วปลายนิ้วเรียวสวยของใครคนนั้นก็ค่อย ๆ ไล่ไปตามรูปหน้านวลสวยอย่างนุ่มนวลก่อนจะมาหยุดอยู่ที่พวงแก้มนุ่มนิ่มน่าสัมผัส จากนั้นก็เลื่อนลงมาสัมผัสกับริมฝีปากอิ่ม ๆ ที่ชวนให้หลงใหลยิ่งนัก...
...คนที่นอนหลับสนิทมาจนถึงตอนนี้ก็ค่อย ๆ รู้สึกตัวแล้วเช่นกันจากสัมผัสเพียงแผ่วเบาบนร่างกายตน แพขนตาที่เรียงตัวสวยค่อย ๆ ขยับลืมขึ้นช้า ๆ เผยให้เห็นดวงตากลมโตสีฟ้าสดใสราวอาทิตย์รุ่งอรุณ ภาพที่ปรากฏแก่สายตาในคราแรกนั้นเลือนลางและขุ่นมัวจนนารูโตะต้องกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อขับไล่ความง่วงงุนและปรับสายตาให้อยู่ในระดับปกติ แล้วภาพที่เห็นในครานี้ก็ทำให้ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างขึ้นอย่างรวดเร็ว มือเล็ก ๆ คว้ามือที่กำลังสัมผัสอยู่ที่ข้างแก้มของตนไว้มั่นแล้วรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว...
“คิบะ !!!...เป็นนายจริง ๆ ใช่มั้ย...” เสียงหวานใสเอ่ยเรียกออกมาเพียงเท่านั้นก่อนจะโถมกายเข้าไปกอดรัดอีกฝ่ายไว้ด้วยความคิดถึง ฝ่ายที่ถูกกอดเองก็ตวัดแขนโอบรับร่างบางไว้ด้วยความรู้สึกไม่ต่างกัน
“ชั้นกลับมาแล้ว คิดถึงนายที่สุดเลย จริง ๆ นะ...” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด นารูโตะจึงผล่ะกายออกห่างมาเล็กน้อยแล้วมองสำรวจร่างสูงอย่างรวดเร็ว
“บาดเจ็บหรือเปล่า...ไม่เป็นไรใช่มั้ย...” นารูโตะร้องถามก่อนจะไล่ฝ่ามือเล็ก ๆ ไปสำรวจร่างตรงหน้าด้วยความห่วงใย คิบะคว้ามือเล็ก ๆ ที่ปัดป่ายอยู่บนตัวเค้าเข้ามาจูบอย่างรักใคร่ก่อนจะร้องตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ได้เป็นอะไรหรอก...แค่เหนื่อยนิดหน่อยเท่านั้น...” คำพูดของคิบะทำให้นารูโตะสังเกตุเห็นว่าสีหน้าของอีกฝ่ายดูอิดโรยจนน่าใจหาย นารูโตะเอื้อมมือไปแตะผิวแก้มสาก ๆ ของอีกฝ่ายเพียงแผ่วเบาด้วยความรู้สึกเห็นใจ
“ยังไม่สว่างดีเท่าไหร่...พักผ่อนก่อนดีมั้ยจะนอนที่นี่ก่อนก็ได้นะ...” ถ้อยคำเชิญชวนที่ยากนักจะปฏิเสธได้ทำให้คิบะยิ้มรับด้วยความสุขใจก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้กับใบหน้านวลสวยของอีกฝ่ายแล้วริมฝีปากเรียวสวยของร่างสูงก็เข้าสัมผัสกับกลีบปากเนียนนุ่มสีสดอย่างนุ่มนวลและอ่อนหวาน นารูโตะตอบรับสัมผัสนั้นอย่างเต็มใจพร้อมกับเปิดทางให้ลิ้นร้อนแทรกผ่านเข้ามาภายในอย่างโหยหา ฝ่ายที่รุกเร้าเองก็ตักตวงความหอมหวานจากอีกฝ่ายอย่างไม่รอช้าเช่นกัน สัมผัสที่มอบให้แก่กันนั้นมันอบอวลไปด้วยความรักและความเสน่หาอย่างที่สุด เนิ่นนานกว่าคิบะจะถอนริมฝีปากของตนออกมาอย่างแสนเสียดาย...
“สัมผัสที่คนึงหา...ยังคงอ่อนหวานเสมอ...” คิบะกระซิบบอกที่ข้างหูอีกฝ่ายไปเบา ๆ ก่อนจะสวมกอดร่างบอบบางนี้ไว้ด้วยความรักทั้งหมดที่มีในหัวใจ...
“กลับมาถึงก็ปากหวานเลยเหรอเนี่ย...” เสียงใส ๆ เอ่ยตอบไปด้วยความขัดเขินก่อนจะสวมกอดอีกฝ่ายไว้เช่นกัน
“ถึงจะเหนื่อยแต่ก็ถือว่าคุ้มค่าที่เร่งเดินทางกลับมา เพราะมันทำให้ชั้นได้กอดนายเร็วขึ้น...” คิบะเอ่ยก่อนจะซบใบหน้าลงไปบนไหล่แบบบางอย่างอ่อนล้าแต่ก็มีความสุข
“เหนื่อยมากใช่มั้ย...” นารูโตะร้องถามก่อนจะผล่ะออกมาจากอ้อมกอดนั้นแล้วจ้องมองใบหน้าอีกฝ่าย
“อยากนอนแต่ว่าอยากกอดนายไว้แบบนี้ด้วยเหมือนกัน...” เสียงทุ้มนุ่มต่ำเอ่ยออกมาอย่างที่ใจคิด แล้วนารูโตะก็ขยับกายถอยห่างออกมาอักเล็กน้อยจากนั้นก็รั้งร่างอีกฝ่ายให้นอนลงมาโดยยกพื้นที่บนตักนุ่ม ๆ ของตนให้อีกฝ่ายใช้แทนหมอนอย่างยินดี คิบะเองก็ดูจะพอใจกับที่นอนตรงนี้เป็นอย่างมากจึงใช้แขนข้างหนึ่งโอบรั้งเอวบาง ๆ นั้นไว้แล้วใช้มืออีกข้างเอื้อมไปรั้งมือเล็ก ๆ มาเกาะกุมไว้ด้วยเช่นกัน
“ขอนอนหน่อยแล้วกัน...เดี๋ยวพอเช้าแล้วคงมีเรื่องให้ทำอีกเยอะ...” คิบะกล่าวจบก็จูบมือเล็ก ๆ ที่เกาะกุมไว้หนึ่งทีก่อนจะหลับตาลงด้วยความเหน็ดเหนื่อย เพียงไม่นานนารูโตะก็ได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของอีกฝ่ายบ่งบอกว่าร่างที่นอนหนุนตักเค้าอยู่ตอนนี้กำลังหลับสนิท นารูโตะใช้มืออีกข้างที่ว่างเกลี่ยไรผมที่ตกลงมาปรกใบหน้าคมคายออกให้อย่างเบามือ เค้าสังเกตุเห็นถึงความอ่อนล้าและเหน็ดเหนื่อยยามหลับบนใบหน้าคมได้เป็นอย่างดี จากนั้นก็เฝ้ามองอีกฝ่ายไปเงียบ ๆ โดยระมัดระวังไม่ทำให้อีกฝ่ายต้องตื่นมากลางคัน...
...เช้าวันนี้แขกจากซึนะงาคุเระก็มาเยือนตามที่แจ้งไว้ก่อนหน้านี้ แล้วสิ่งที่ชิกามารุกังวลไว้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะคนที่มาในคราวนี้กลับกลายเป็นหญิงสาวที่ชิกามารุมักจะเรียกลับหลังว่ายัยโหดนั่นเอง แต่ใช่ว่าความยุ่งยากลำบากใจของชิกามารุจะหมดไปเพราะคนที่ต้องรับหน้าที่ในการดูแลเทมาริก็คือชิกามารุนั่นเอง...
“ฝากด้วยนะชิกามารุ...” ซึนาเดะร้องฝากฝังมาก่อนจะหันไปสนใจกับกองเอกสารตรงหน้าต่อไป ชิกามารุที่ไม่มีทางเลือกจึงได้แต่ก้มหน้ารับชะตากรรมต่อไปอย่างช่วยไม่ได้ ขณะที่กำลังเดินออกมาจากห้องทำงานของซึนาเดะพร้อมกับเทมาริก็สวนเข้ากับชิโนะที่กำลังจะเดินเข้าไปด้านในพอดีเหมือนกัน
“อ้าว ชิโนะ...กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ...” ชิกามารุเป็นฝ่ายร้องทักไปเพราะไม่คิดว่าจะมาเจออีกฝ่ายที่นี่
“กลับมาเมื่อใกล้สว่าง...” ชิโนะเอ่ยตอบไปตามตรงด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“เอ๋ ???...ทำไมล่ะ...”
“ก็เจ้าลูกหมานั่นแหละ...เซ้าซี้ให้เร่งเดินทางอยู่นั่นแหละ...” คำพูดเพียงเท่านี้ของชิโนะก็พอแล้วที่จะทำให้ชิกามารุเข้าใจอะไรได้ทั้งหมด
“งั้นเสร็จจากตรงนี้แล้วมีธุระที่ใหนอีกหรือเปล่า...” ชิกามารุร้องถามอีกฝ่ายกลับไป ชิโนะหันมามองสบตาอีกฝ่ายครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบไปว่า
“แค่รายงานผลการปฏิบัติภารกิจเฉย ๆ ไม่มีอะไรมากหรอก...นายรอเดี๋ยวก็แล้วกัน...” ว่าแล้วชิโนะก็เดินสวนเข้าไปด้านในทันที
ชิกามารุจึงพาแขกของหมู่บ้านไปยืนรออยู่ห่าง ๆ และเพียงไม่นานชิโนะก็กลับออกมาทั้งสามคนจึงออกเดินไปพร้อมกัน ชิกามารุพาเทมาริมาส่งที่พักแล้วก็รีบแยกตัวจากไปทันทีโดยไม่เปิดโอกาสให้ฝ่ายนั้นได้เอ่ยถามอะไรเลยซักอย่าง...
“นี่นาย...จะปล่อยชั้นทิ้งไว้แบบนี้จริง ๆ เหรอ...” เทมาริร้องถามมาด้วยความขุ่นเคือง
“อยากไปใหนก็เดินไปเองสิ...ไม่ได้ถูกล่ามไว้ซักหน่อยแล้วเธอเองก็มาที่นี่ตั้งหลายครั้งแล้ว รู้จักทุกซอกทุกมุมของหมู่บ้านนี้ดีพอ ๆ กับคนในหมู่บ้านแล้วนั่นแหละ ไม่หลงง่าย ๆ หรอก...” ว่าแล้วชิกามารุก็เผ่นหนีออกมาโดยไม่ฟังอะไรอีก เพราะตอนนี้เค้าต้องการบอกบางอย่างกับชิโนะที่ยืนรออยู่ข้างนอกมากกว่าจะมานั่งเถียงกับผู้หญิง
“หนีออกมาแบบนี้ไม่เสียมารยาทไปหน่อยเหรอ...” ชิโนะร้องถามคนที่เดินจ้ำอ้าวมาหาตนด้วยน้ำเสียงล้อเลียน
“ไอ้เรื่องจะให้ฟังเสียงผู้หญิงบ่นเนี่ย...ชั้นขอฟังแม่คนเดียวก็พอแล้ว คนอื่นอย่างหวังเลยว่าชั้นจะยอม...” ชิกามารุเอ่ยออกมาด้วยทีท่าเข็ดขยาดกับเสียงแหลมสูงเวลาที่ผู้หญิงชอบบ่น ชิโนะเองก็ได้แต่หัวเราะก่อนจะร้องถามถึงเรื่องที่อีกฝ่ายต้องการจะพูดกับเค้า
“แล้วนายมีเรื่องอะไรจะพูดกับชั้นเหรอ...”
“เรื่องนารูโตะ...” คำตอบของชิกามารุทำให้ชิโนะต้องนิ่งเงียบแล้วรับฟังอย่างตั้งใจ
“มีอะไรเหรอ...หรือว่านารูโตะเป็นอะไรไปอีก...”
“เปล่า...นารูโตะไม่ได้เป็นอะไร แต่คนที่เป็นน่าจะเป็นเราสองคนมากกว่า...”
“หือ...เรา ???...”
“ใช่...นายเองก็รู้ดีว่าชั้นรู้สึกยังไงกับนารูโตะ แล้วชั้นเองก็รู้เหมือนกันว่าจริง ๆ แล้วนายคิดยังไง...” คำพูดของชิกามารุทำให้ชิโนะได้แต่มองหน้าอีกฝ่ายเหมือนกับต้องการคำตอบที่แท้จริง
“นายกำลังจะพูดอะไรกันแน่...”
“ชั้นบอกเรื่องนี้ให้นารูโตะรู้ไปแล้ว...ทั้งความรู้สึกของชั้นและความรู้สึกของนาย ขอโทษนะความจริงนายควรจะเป็นคนบอกความรู้สึกของตัวเองมากกว่า แต่เพราะตอนนั้นชั้นคิดว่าคนที่จะมาที่หมู่บ้านเป็นกาอาระไม่ใช่ยัยโหดนั่น เลยตัดสินใจทำไปแบบนั้นน่ะ...”
“งั้นเหรอ...แล้วนารูโตะว่ายังไงบ้างล่ะ...”
“นารูโตะก็แค่ยอมรับพวกเราในฐานะเพื่อนแต่อะไรที่มันเกินกว่านั้น...มันเป็นไปไม่ได้ ซึ่งเรื่องนั้นทั้งนายและชั้นก็น่าจะรู้แก่ใจดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ...ว่าแพ้เจ้าลูกหมานั่นไปแล้ว...”
“แล้วที่นายตัดสินใจบอกเรื่องนี้เพราะนายกลัวว่าถ้ากาอาระรู้เรื่องของนารูโตะแล้วจะก่อเรื่องใช่มั้ย...” ชิโนะคาดเดาเหตุการณ์และถามออกไป
“อืม...แต่นารูโตะบอกว่ากาอาระจะไม่มีวันทำแบบนั้นเด็ดขาด...”
“คนที่จะคาดเดาความคิดของกาอาระได้ก็คงมีแต่นารูโตะคนเดียวละมั๊ง...”
“คงงั้นแหละ...”
“ดูเหมือนคู่แข่งของเราจะทยอยเปิดตัวกันมาเรื่อย ๆ เลยนะว่ามั้ย...” ชิโนะเอ่ยออกมาเมื่อทำใจได้ในที่สุด
“เฮ้อ...แต่ตอนนี้คนที่นารูโตะให้ความสำคัญกลับไม่ใช่กาอาระ ชั้นหรือว่านายแล้วล่ะ...”
“นี่นายรู้มั้ย...พอมาถึงที่นี่เจ้านั่นก็หายตัวไปราวกับล่องหน...”
“เดาได้ไม่ยากหรอกว่าตอนนี้มันไปปรากฏตัวอยู่ที่ใหน...” ชิกามารุเอ่ยออกมาด้วยรู้ดีว่าคนที่พวกเค้าพูดถึงนั้นกำลังทำอะไรอยู่ที่ใหนและกับใคร
“พูดแบบนี้อิจฉาเจ้านั่นรึไง...” ชิโนะร้องแซวมาด้วยแววตาหม่นหมอง
“หรือว่านายไม่รู้สึกแบบนั้น...ใจกว้างจริง ๆ เลยนะนายเนี่ย...” ชิกามารุย้อนถามอีกฝ่ายกลับไปบ้าง
“เรื่องอิจฉาก็มีบ้าง...แต่ชั้นดีใจมากกว่าที่เห็นนารูโตะมีความสุข...”
“อืม...ก็จริงนั่นแหละที่ชั้นเองก็มีความสุขเวลาที่ได้เห็นรอยยิ้มที่มีความสุขของเค้า...”
“คนไร้วาสนาจะได้คนน่ารักมาครองอย่างพวกเรา...ทำได้แค่ทำใจเท่านั้นแหละน่ะ...” คำพูดติดตลกของชิโนะทำให้ชิกามารุต้องหัวเราะออกมาเบา ๆ ด้วยความขบขันกับหนทางความรักของพวกเค้าทั้งสองคน
“ไร้วาสนา ???...อย่างนั้นเหรอ ก็จริงที่พวกเราไร้วาสนา แต่ก็ใช่ว่าจะมีแค่เราสองคนหรอกนะที่ไร้วาสนามันยังมีคนเหมือนเราอีกอย่างน้อยก็สองคนแหละน่า...” ชิกามารุพูดด้วยรอยยิ้มที่เหมือนกับจะยิ้มเยาะให้กับตัวเอง
“แต่ก็ถือว่ายังพอมีวาสนาอยู่เล็กน้อยล่ะน่า...ชั้นว่า...” ชิโนะเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง
“ยังไง...ไม่เห็นเข้าใจเลย...” ชิกามารุเอ่ยถามขึ้นมาด้วยสีหน้างุนงงกับคำพูดของอีกฝ่าย
“ก็เรามีวาสนาได้อกหักพร้อมกับท่านคาเสะคาเงะเลยไม่ใช่รึไงเล่า...”
“นายกำลังจะบอกว่านี้เป็น...วาสนาในคราเคราะห์...งั้นสินะ...” พูดจบชิกามารุก็หัวเราะเบา ๆ ให้กับความคิดของตน ชิโนะเองก็พลอยขบขันไปด้วยเหมือนกันก่อนจะมาย้อนนึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นซึ่งรวม ๆ แล้วจะเรียกว่า วาสนา หรือว่า เคราะห์กรรม ก็ยังไม่แน่ใจ
“ทีแรกชั้นนึกว่านายจะทำให้ฝ่ายซึนะเสียดุลโคโนฮะด้วยการผูกสัมพันธ์กับพีสาวของคาเสะคาเงะเสียอีก แต่ว่าชั้นคิดผิดเหรอเนี่ย...” ชิโนะเอ่ยถามถึงเรื่องที่ตัวเองเข้าใจว่าเป็นแบบนั้นมาตลอด
“พูดเรื่องอะไรเนี่ย...คนอย่างชั้นไม่มีวันจะไปทำให้ยัยโหดนั่นมาเสียดุลให้หรอก แค่คิดก็เบื่อแล้ว...”
“น่าสงสารเค้าออก...ความจริงนายน่าจะเปิดใจลองรับความรู้สึกของเค้าดูบ้างก็ดีนะ...”
“นายก็อีกคน...พูดเหมือนนารูโตะเลยงั้นชั้นขอถามหน่อย ถ้าชั้นบอกให้นายเลิกรักนารูโตะแล้วลองไปคบคนอี่นดูบ้างนายจะทำได้มั้ย...”
“ไม่มีทาง...”
“นั่นแหละคำตอบของชั้น...เพราะงั้นเลิกพูดได้แล้ว...” สุดท้ายสองหนุ่มก็ได้แต่นั่งมองหน้ากันไปแล้วก็ถอนหายใจกันไปอย่างยอมรับว่าตัวเองคงไม่อาจสมหวังแล้วกับรักครั้งนี้แล้วก็ไม่อาจจะมีใครเข้ามาในใจได้อีกแล้วเหมือนกัน...
...เวลาล่วงเลยมาจนบ่ายคล้อยใครบางคนก็ยังคงหลับไหลอยู่บนตักเล็ก ๆ ของอีกฝ่ายอย่างสงบ ส่วนใครอีกคนก็อดทนเฝ้ารอให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นมาเองโดยไม่คิดจะไปรบกวนการนอนให้ยุ่งยากลำบากใจ นั่นก็เพราะเค้าเข้าใจดีว่าอีกฝ่ายต้องพบเจอกับความยากลำบากมากขนาดใหนดูจากเสื้อผ้าที่สกปรกมอมแมมก็พอรู้ ร่างสูงนี้คงทุ่มเทให้กับภารกิจครั้งนี้อย่างเต็มที่นั่นเอง นารูโตะเอื้อมมือไปแตะสิ่งที่ห้อยอยู่ที่คออีกฝ่ายเบา ๆ ก่อนจะยิ้มออกมาน้อย ๆ เพราะของสิ่งนี้เค้าให้อีกฝ่ายไว้ก่อนจะออกเดินทาง มันเป็นกุญแจห้องของเค้านั่นเองและที่ตัดสินใจให้สิ่งนี้ไปก็เพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงจะมีโอกาสได้ใช้มันในซักวันหนึ่งข้างหน้าแต่ก็ไม่คิดว่าจะได้ใช้มันเร็วถึงขนาดนี้...
...แล้วในที่สุดคนที่หลับไหลมาเกือบตลอดทั้งวันก็ค่อย ๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาช้า ๆ ภาพแรกที่คิบะมองเห็นเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาก็คือรอยยิ้มที่สว่างสดในของคนที่จิตใจเค้าเฝ้าคิดคำนึงถึงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั่นเอง...
“รู้สึกเป็นไงบ้าง...จะนอนต่อก็ได้น่ะหรือว่าจะกลับไปพักที่บ้านนายต่อก็ได้...” เสียงหวาน ๆ เอ่ยถามมาด้วยความห่วงใย คิบะพลิกกายเข้าไปกอดเอวเล็ก ๆ นั้นไว้อย่างรักใคร่ก่อนจะร้องตอบอีกฝ่ายไปเบา ๆ
“ขออยู่ที่นี่ตลอดไปเลยได้หรือเปล่า...”
“ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก...นายมีบ้านยังไงก็ต้องกลับไปบ้าน แล้วชั้นก็ไม่ได้หนีหายไปใหนด้วยยังไงก็อยู่รอนายที่นี่ทุกวันอยู่แล้ว...” คำตอบของร่างบางทำให้คิบะยันกายลุกขึ้นนั่งแล้วเปลี่ยนมาเป็นโอบรั้งร่างอีกฝ่ายเข้ามากอดไว้ให้หายคิดถึง นารูโตะเองก็โอนอ่อนผ่อนตามอีกฝ่ายไปอย่างว่าง่าย
“ว่าแต่ระหว่างที่ชั้นไม่อยู่...เกิดอะไรขึ้นบ้าง มีใครมาเกาะแกะบ้างหรือเปล่า...” คำถามจริงจังของคิบะทำให้นารูโตะต้องหัวเราะออกมาเบา ๆ กับท่าทีแบบนั้น แล้วก็บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้อีกฝ่ายฟังโดยไม่ปิดบัง คิบะเองก็นิ่งเงียบรับฟังตั้งแต่ต้นจนจบก่อนจะกล่าวว่า...
“นายรู้มั้ยคู่แข่งที่ชั้นกลัวที่สุดก็คือชิกามารุเนี่ยแหละ...”
“ทำไมถึงเป็นชิกามารุล่ะ...” นารูโตะร้องถามด้วยความอยากรู้ว่าทำไมร่างสูงนี้ถึงมองคนอย่างชิกามารุเป็นคู่แข่งอันดับหนึ่ง
“เพราะเค้าเข้าใจนายมากกว่าใคร...แล้วก็รักนายมากกว่าใคร อืม แต่น้อยกว่าชั้นนะ...” ประโยคสุดท้ายของคิบะยังไม่วายเข้าข้างตัวเอง
“ก็จริงอยู่ที่ชิกามารุเข้าใจชั้นมากที่สุดในทุก ๆ เรื่อง แต่ความรู้สึกมันบังคับกันได้ซะที่ใหนล่ะ...”
“มันบังคับไม่ได้ก็จริง...แต่ว่ามันก็เปลี่ยนแปลงได้ไม่ใช่เหรอ...” น้ำเสียงที่ยังคงกังวลเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกหวั่นไหว
“คนอื่นอาจจะเปลี่ยน...แต่ความรู้สึกของชั้นมันไม่มีทางเปลี่ยน…ถ้าชั้นบอกว่ารักก็คือรักนั่นแหละคำตอบ...” คำยืนยันหนักแน่นที่ได้รับฟังทำให้จิตใจที่วุ่นวายสงบลงได้ในทันที คิบะจูบเบา ๆ ที่เรือนผมของอีกฝ่ายแล้วกระซิบขอบางอย่างไป
“นารูโตะ...”
“อะไร...” นารูโตะขานรับด้วยน้ำเสียงติดขัด เพราะชื่อของตนที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมานั้นมันชวนให้หวามไหวยิ่งนัก
“บอกทีสิว่านายรักใคร...” ถ้อยคำที่วอนขอแม้จะดูเหมือนธรรมดาแต่กลับทำให้จิตใจของคนรับฟังสั่นรัวได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“ทำไมต้องบอกอีกล่ะ...เคยบอกไปตั้งหลายครั้งแล้ว...” ใบหน้านวลที่เอียงอายซุกซบลงไปกับอกกว้างด้วยความขัดเขินอย่างไม่ปิดบัง
“ชั้นอยากมั่นใจว่าชั้นเป็นเจ้าของหัวใจของนายจริง ๆ...บอกอีกครั้งได้มั้ย...” ว่าแล้วคิบะก็ผล่ะกายออกมาเล็กน้อยแล้วซุกไซร้ไปตามแก้มนวลเบา ๆ อย่างออดอ้อน นารูโตะแม้จะเบี่ยงตัวหลบแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มากเพราะร่างกายยังตกอยู่ในวงแขนของอีกฝ่าย
“บอกก็ได้...หยุดได้แล้ว...” เมื่อทนรุกเร้าไม่ไหวก็ต้องยอมตามใจอีกฝ่ายไปโดยปริยาย
“งั้นบอกมาสิว่านายรักใคร...คนที่นายรักเป็นใคร...” คิบะหยุดการรุกเร้าลงเพียงเท่านั้นแล้วหันมามองสบตาด้วยแววตาหวานซึ้งจนใบหน้านวลสวยต้องเปลี่ยนเป็นสีแดงจัด
“ชั้นรักนาย อินุสึกะ คิบะ...พอใจหรือยัง...” คำบอกรักที่แม้จะดังเพียงแผ่วเบาด้วยคนพูดกำลังขวยเขินแต่คนที่ตั้งใจฟังกลับได้ยินมันชัดเจนและคำพูดนั้นมันก็แทรกซึมลงไปหยั่งรากลึกอยู่ในจิตใจของเค้าอย่างมั่นคง
“ชั้นก็รักนาย...นารูโตะ...รักนายที่สุด...” คิบะเองก็บอกรักอีกฝ่ายกลับไปเช่นกันก่อนจะก้มลงไปฉกฉวยความหวานจากริมฝีปากอิ่ม ๆ
ที่เย้ายวนตรงหน้าด้วยความรักและความคิดถึงที่มีในใจ ยามที่จากกันไปจิตใจก็ห่วงหาและพะวงนึกถึงตลอดเวลา ยามที่กลับมาใกล้ชิดก็ร่ำร้องจะไขว่คว้าครอบครองซึ่งกันและกัน ร่างสองร่างค่อย ๆ เบียดกายเข้าหากันอย่างนุ่มนวลและอ่อนหวาน ท่อนแขนแข็งแรงโอบรัดอยู่รอบเอวบาง สองแขนกลมกลึงปานสลักเสลาก็คล้องอยู่รอบคอของร่างสูงแล้วเช่นกัน...
“ได้กอดนายแบบนี้มีความสุขที่สุดเลยรู้หรือเปล่า...”
“ชั้นเองก็เหมือนกันกอดนายตัวเป็น ๆ แบบนี้อุ่นกว่ากอดเสื้อเน่า ๆ ของนายตั้งเยอะ...” เสียงใส ๆ เอ่ยล้อเลียนอีกฝ่ายออกไปด้วยรอยยิ้มสุดน่ารัก ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกหมั่นเขี้ยวจนอดไม่ได้ที่จะต้องฟัดสองแก้มนวลนั้นไปเสียอีกสองทีติด ๆ กัน ก่อนจะใช้จมูกโด่ง ๆ ของคนคลอเคลียอยู่กับจมูกเล็ก ๆ ของอีกฝ่ายเป็นการหยอกล้อหน้าผากของคนทั้งสองแนบชิดสนิทกัน รอยยิ้มที่ส่งมาให้กันนั้นมันบ่งบอกถึงความสุขที่มี...
“งั้นคืนนี้จะมาให้นายนอนกอดทั้งคืนเลยก็แล้วกันนะ...”
“ว่าไงก็ว่าตามกันอยู่แล้ว...” ความสุขที่รายล้อมอยู่รอบคนสองคน รอยยิ้มที่อบอวลไปด้วยความหมายการรอคอยสิ้นสุดลงแล้ว จากนี้ไปแม้ทุกอย่างจะไม่ได้เป็นไปอย่างที่หวังแต่พวกเค้าก็เชื่อในสิ่งที่ตนเลือกเพราะมันคือสิ่งที่หัวใจของตนปรารถนา...ความรักเมื่อเกิดขึ้นมาแล้วไม่ว่าจะในรูปแบบใหนและไม่ว่าจุดจบของมันจะเป็นเช่นไรจงจำไว้ว่ามันงดงามเสมอ...
...ยามหัวใจห่างไกลให้นึกถึง
คิดคำนึงห่วงหาและหวั่นไหว
ทำได้เพียงแค่เฝ้าฝันภายในใจ
อยากกลับไปบอกรักเธอทุกวันคืน...
...แม้นยามที่หวนคืนกลับมาหา
ในแววตาอบอุ่นและอ่อนไหว
ส่งสัมผัสที่นุ่มนวลจากหัวใจ
กลับมามอบมันไว้ให้แด่เธอ...
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

คิบะน่ารักอะไรอย่างงี้ กลายเป็นสุนัขแสนซื่อสัตย์ไปเลยนะนั่น ควรจะชมนัตจังมั้ย?
ปล.อยากให้ไรท์แต่งฟิค กาอาระxนารูโตะ อีกอ่ะ ชอบกาก้า อยากอ่านอ่ะ เพราะมันหาอ่านยาก แล้วไรท์แต่งดีก็เลยชอบ ยังไงถ้าไม่ขัดข้องก็ช่วยรับฟังความคิดเห็นนี้ด้วยนะคะ(_ _)//โค้งงามๆ
โถ่..ท่านกาอาระโดนหักอกพร้อมเจ้าสองชิเนี่ยะให้ความรู้สึกแบบว่ารับไม่ได้นิดๆ
แต่ดีแล้วล่ะที่ไม่ได้มาร่วมศึกชิงนางไม่งั้นเรื่องใหญ่ชัวร์
เจ้าลูกหมานี้ก็ขี้อ้อน แล้วก็หวานกับนารูโตะได้อย่างไม่อายใครเลยให้ตายสิ
แต่แอบเสียดาย ชิกามารุกับกาอาระเหมือนกันนะเนี่ย
(อวยสองคนนี้อยู่เหมือนกัน)
หวานกันจังนะ คู่นี้อ่ะ
เห็นก็อิจฉา(555+สะใจชมัด อีกนานอ่ะกว่าแกจะมีคู่ได้ 555+//พี่)(พูดมาไม่ดูตัวเองเลยนะ ตัวเองก็ไม่มีไม่ใช่เหรอพี่ 5555+//ma)(อ้ากกกกกกกก//สองพี่น้องตอนนี้กัดกันอยู่)
เข้าเรื่องเลยนะ นอกเรื่องมานานแล้ว
แต่งได้สุดยอดค่ะไรท์สนุกมากค้าาาาาา
จบแล้วสินะคะ
สงสารชิกากับชิโนะอกหักทั้งคู่ แต่แอบขำที่บอกว่าอกหักพร้อมท่านคาเสะคาเงะ 555
แต่ก็ช่วยไม่ได้ละนะก็นี่มันficคิบะนารุนี่นะ คนอื่นเลยอกหักตามระเบียบ
แต่สุดท้ายคิบะก็กลับมาหานารุจนได้
แต่งหนุกมากค่า
เเต่เเร้วกาก้าของโรส?ก็ไม่มา เสียดายจังง555+ เเต่ไม่เป็นไร ไม่อยากไห้กาก้าต้องช้ำใจ อ๊าาา 55+
ใครๆก็เเพ้คิบะนั่นล่ะหนาฟิคนี้ 5555555+ อ๋ายยยยย ย กลอนหวานนๆๆ แฮปปี้เอนนนนนด์