ตอนที่ 2 : คิดไม่ออก
Smile of : 2
...คิบะมาส่งนารูโตะถึงหน้าประตูบ้านด้วยเหตุผลที่ว่าตัวเองเป็นคนพานารูโตะไปก็ต้องเป็นคนพานารูโตะกลับมานั่นเอง...
“ขอบใจนะคิบะ...ที่อุตส่าห์มาส่ง...” นารูโตะร้องบอกไปขณะที่ถูกอีกฝ่ายประคองให้ลงมาจากหลังอากามารุ
“ไม่เป็นไรไม่ต้องคิดมากหรอกน่า...งั้นชั้นไปก่อนนะ...” คิบะเอ่ยลาก่อนจะโดดขึ้นหลังอากามารุแล้วจากไปทันที
“อะไรของเค้าล่ะเนี่ย...” นารูโตะบ่นงึมงำก่อนจะเดินเข้าห้องไป และพอกลับมาอยู่คนเดียวตามลำพังก็หวนนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วแก้มนวล ๆ ก็แดงเรื่อขึ้นมาอย่างระงับไม่อยู่
“คิดบ้าอะไรเนี่ยเรา...เฮ้อ...” เสียงใส ๆ บ่นให้ตัวเองก่อนจะเลิกคิดไร้สาระแล้วหลับไปในที่สุด
...นารูโตะเผลอหลับยาวไปจนถึงเวลาเย็นจนกระทั้งมารู้สึกตัวอีกทีตอนที่ท้องเริ่มร้องประท้วงเพราะความหิวนั่นเอง...
“เย็นแล้วเหรอเนี่ย...หลับนานขนาดนี้ได้ยังไงกันนะ แล้วท้องจะร้องทำไมกันนักกันหนาภารกิจก็ไม่มี เซ็งจริง ๆ...” ถึงจะบ่นไปแบบนั้นแต่สุดท้ายนารูโตะก็ทนการประท้วงของท้องไม่ไหวต้องออกมาหาอะไรใส่เข้าไปให้เลิกร้องเสียทีและแน่นอนว่าของที่จับใส่ลงไปก็คงไม่พ้นราเมงของอิจิราคุนั่นเอง
...พอท้องอิ่มจิตใจก็กลับมาเบิกบานอีกครั้ง นารูโตะเดินทอดน่องไปตามถนนเรื่อย ๆ อย่างไม่รีบร้อนและในขณะที่กำลังเดินเล่นอยู่นั้นก็พบเข้ากับคนบางคน...
“อ้าว...นารูโตะมาทำอะไรแถวนี้เหรอ...” คิบะร้องทักมาอย่างอารมณ์ดีขณะเดินเล่นมากับอากามารุ
“ก็เดินเล่นมาเรื่อย ๆ แล้วนายล่ะ...”
“ก็มาเดินย่อยหลังอาหารเล่นเหมือนกัน...”
“เหรอ...”
“เราไปเดินเล่นด้วยกันดีมั้ย...ยังไงเดินด้วยกันสองคนก็น่าจะดีกว่าเดินไปคนเดียว หรือนายว่าไง...” คิบะยื่นข้อเสนอซึ่งนารูโตะก็ไม่ได้ปฏิเสธจึงพยักหน้ารับไปง่าย ๆ แล้วสองคนกับอีกหนึ่งตัวก็เดินร่วมทางไปด้วยกัน แต่เพราะว่าเย็นมากแล้วทั้งสองจึงไม่ได้เดินไปใหนไกลจึงตัดสินใจเดินไปนั่งเล่นอยู่ริมทางน้ำในหมู่บ้านซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับบ้านของนารูโตะนั่นเอง...
“คิบะ...ทำไมนายถึงไม่ได้ไปทำภารกิจกับพวกชิโนะกับฮินาตะล่ะ...” นารูโตะเริ่มชวนคุยด้วยเรื่องธรรมดาขณะนั่งลงไปบนพื้นหญ้าหนานุ่ม
“ก็ตอนที่สองคนนั้นต้องไปทำภารกิจตัวชั้นยังติดภารกิจอยู่อีกที่นะสิ เลยไม่ได้ไปด้วยกัน...” คิบะตอบกลับมาตามตรงพร้อมกับลงนั่งข้าง ๆ นารูโตะโดยมีอากามารุตามมาเป็นหมอนอิงให้ข้าง ๆ
“แล้วไม่เหงาเหรอที่เพื่อน ๆ ไม่อยู่...” คำถามนั้นแม้จะฟังดูธรรมดาแต่คิบะกลับรู้สึกว่ามันแฝงไว้ด้วยความรู้สึกเศร้าสร้อยอย่างน่าประหลาด และก็รู้ดีว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้รู้สึกเช่นนั้น
“ชั้นไม่เหงาหรอก เพราะถึงสองคนนั้นไม่อยู่แต่ชั้นก็ยังมีอากามารุเป็นเพื่อน และที่สำคัญยังมีพวกชิกามารุและก็นายอยู่เป็นเพื่อนแบบนี้ไง...” คิบะพยายามจะสร้างบรรยากาศเพื่อดึงให้อีกฝ่ายหลุดออกมาจากความรู้สึกเศร้าหมองเช่นนั้น ด้วยน้ำเสียงเริงร่าแต่คนฟังกลับเงียบไม่ยอมตอบอะไร
“นารูโตะ...นายยังคิดเรื่องหมอนั่นอยู่อีกเหรอ...” คิบะเอ่ยถามไปตรง ๆ เพราะการทำอะไรอ้อมค้อมมันไม่ใช่นิสัยของเค้านั่นเอง
“อืม...” นารูโตะรับคำไปเบา ๆ เพราะว่าในหัวของเค้ายังคงมีเงาของเพื่อนที่จากไปไกลแล้วอยู่เสมอ
“ก็คงบอกให้นายเลิกคิดไม่ได้หรอกนะ...แต่ว่านายก็ต้องอยู่กับความจริงตรงหน้าด้วย...” คิบะเอ่ยอย่างเข้าใจตัวเค้าและเพื่อน ๆ รุ่นเดียวกันรู้ดีว่าการที่ใครคนนั้นออกไปจากหมู่บ้านคนที่เสียใจที่สุดก็คือคนตรงหน้าเค้านี่เอง
“เรื่องนั้นชั้นก็รู้แต่ว่า...ยังไงชั้นก็ยังคิดถึงหมอนั่นอยู่ดี แล้วก็คิดถึงมากขึ้นทุกวันด้วย...” คำตอบที่แสนธรรมดาแต่คนรับฟังกลับรู้สึกแปลก ๆ ในใจ
“ต่อให้นายคิดถึงเจ้านั่นมากแค่ใหนตอนนี้ก็คงทำอะไรไม่ได้หรอก...ลองปล่อยใจให้ว่างเปล่าแล้วสัมผัสกับสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบกายดู้บ้างก็ดีนะ...”
“ยังไง...” นารูโตะหันมาถามคนข้าง ๆ ด้วยสีหน้างุนงง คิบะเองพอเห็นอีกฝ่ายเริ่มสนใจกับคำพูดของตนก็รู้สึกพอใจที่สามารถดึงอีกฝ่ายออกมาจากความเศร้าหมองได้สำเร็จ จึงรีบอธิบายต่อไป
“ก็อย่างเช่น จ้องมองท้องฟ้าสีส้มยามที่อาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าไปมันก็ดูสวยกว่าเวลาปกติใช่มั้ยล่ะ แล้วก็สายลมเย็น ๆ ที่พัดผ่านมามันให้ความรู้สึกเย็นสบายใช่หรือเปล่า...”
“พอแล้ว...ไอ้เรื่องที่นายพูดมาเนี่ยชั้นก็รู้อยู่แล้ว ไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจตรงใหนเลย...” เสียงใส ๆ ร้องขัดขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายเริ่มพูดอะไรไร้สาระ แต่คนโดนว่ากลับยิ้มอย่างพอใจเพราะถ้าลองอีกฝ่ายอ้าปากเถียงกลับมาแปลว่าอารมณ์ขุ่นมัวในใจก็เริ่มจางหายไปแล้วเช่นกัน
“จะนั่งแสยะยิ้มแบบนี้อีกนานมั้ย...เห็นแล้วขนหัวลุกเลิกยิ้มได้แล้ว...” นารูโตะร้องว่าอีกฝ่ายที่เอาแต่นั่งยิ้มมองมานิ่ง ๆ โดยไม่พูดอะไร
“ชั้นก็ยิ้มแบบนี้ทุกที ไม่เห็นมีใครเคยบอกเลยว่าเห็นแล้วขนหัวลุก...มีนายคนเดียวนี่แหละที่รู้สึกแบบนั้น...” คิบะร้องตอบมาด้วยทีท่าอารมณ์ดีต่างจากอีกฝ่าย
“ช่างชั้นเหอะน่า...” พูดจบนารูโตะก็ยันกายลุกขึ้นแล้วรีบเดินจากมาทันที
“อ้าว...จะไปแล้วเหรอ รอด้วยสิ...” แล้วคิบะก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินตามอีกฝ่ายไปติด ๆ นารูโตะเองพอเห็นอีกฝ่ายยังเดินตามมาก็เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น แต่แล้วคนที่กำลังเดินหนีก็หยุดฝีเท้าลงอย่างกะทันหันแล้วหมุนกายกลับมาหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าสิ่งที่ปรากฏแก่สายตาคือใบหน้าคมเข้มของใครบางคนและลมหายใจอุ่น ๆ ที่กำลังเป่ารดอยู่เบื้องหน้าตอนนี้ในระยะประชิด สิ่งเหล่านี้ทำให้ใบหน้านวลสวยที่กำลังบูดบึ้งต้องเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดในทันทีเพราะระยะห่างที่มีน้อยเกินไปบวกกับสายตาคม ๆ ที่จ้องมองมานั้นมันเหมือนกับจะสะกดการกระทำของนารูโตะให้ชะงักค้างไปเสียทั้งหมด เนิ่นนานกว่านารูโตะจะหาเสียงของตัวเองเจอก่อนจะกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงไม่มั่นคงเท่าใดนัก...
“จะตามกันไปถึงเมื่อไหร่...กลับบ้านตัวเองไปได้แล้ว...”
“ชั้นไม่ได้ตามนายมาซักหน่อย...แล้วทางนี้มันก็เป็นทางกลับบ้านของชั้นเหมือนกันนะ...” เจอคำตอบยียวนแบบนี้ยิ่งทำให้คนฟังยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น
“ก็ได้...งั้นนายเดินนำไปก่อน...” พูดจบก็ขยับกายถอยห่างออกมาจากร่างสูงนั้นเพื่อให้อีกฝ่ายเดินนำไปก่อน ซึ่งคิบะก็ยอมทำตามอย่างว่าง่ายด้วยการเดินนำหน้าไปก่อนแต่ว่าไม่ได้เดินเฉย ๆ เหมือนตอนเดินตามอีกฝ่ายแต่กลับเดินไปเล่นกับอากามารุไปจนดูเหมือนว่าระยะทางจากจุดนี้ไปจนถึงบ้านของนารูโตะมันไกลเสียเหลือเกิน และเนื่องจากถนนเส้นนี้เป็นเส้นที่ตัดเรียบทางน้ำในหมู่บ้านมันจึงไม่ได้กว้างมากเท่าไหร่ ดังนั้นจึงไม่สามารถให้คนเดินเรียงแถวหน้ากระดานได้เกินสองคน สุดท้ายนารูโตะที่เริ่มจะเหลืออดก็ตะโกนร้องบอกคนข้างหน้าไปอย่างหมดความอดทน
“คิบะ...ถ้าจะเล่นกับหมาก็กลับไปเล่นที่บ้านนายโน่น...ชั้นจะรีบกลับบ้านเข้าใจมั้ย...”
“อ้าวเหรอ...”
“ยังจะมาอ้าวเหรออีก...นายจะกวนประสาทชั้นไปถึงใหนเนี่ย...”
“ใจเย็นน่า...เดี๋ยวหลบให้ก็ได้...” ว่าแล้วคิบะก็กระโดดขึ้นไปบนหลังอากามารุทำให้เหลือพื้นที่ให้อีกคนเดินผ่านไปได้ นารูโตะที่เห็นแบบนั้นก็ให้รู้สึกขัดเคืองอีกฝ่ายที่ไม่ยอมทำแบบนี้ตั้งแต่แรกปล่อยให้เค้าค่อย ๆ เดินตามอยู่ได้ตั้งนาน จากนั้นก็เร่งฝีเท้าเดินผ่านพ่อคนอารมณ์ดีไปด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับ คิบะเองพอเห็นอีกฝ่ายจ้ำอ้าวหนีไปก็หัวเราะชอบใจก่อนจะเร่งอากามารุให้รีบวิ่งกลับบ้านตนเองทันที…
...เช้าวันต่อมานารูโตะก็ถูกใครบางคนมาร้องปลุกแต่เช้า และคนที่มาปลุกก็จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพ่อหนุ่มไฮเปอร์สุดกวนประจำหมู่บ้านนั่นเอง...
“มาเรียกทำไมแต่เช้า...” นารูโตะร้องถามด้วยด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกมาชัดเจนว่าไม่สบอารมณ์ที่ถูกปลุกแต่เช้า
“ชิกามารุให้มาตาม...” คิบะตอบกลับไปแบบไม่เดือดเนื้อร้อนใจกับสีหน้ายุ่ง ๆ และน้ำเสียงแข็ง ๆ ของอีกฝ่าย
“รู้แล้ว...รอก่อน...” นารูโตะตัดบทก่อนจะปิดประตูใส่หน้าอีกฝ่ายแต่คิบะก็ไวพอจะรั้งประตูนั้นไว้แล้วแทรกตัวผ่านเข้ามาข้างในโดยปล่อยให้อากามารุยืนรออยู่ด้านนอกก่อนที่ประตูจะปิดลง
“อะไรอีก...” นารูโตะหันมาตวาดใส่อีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ
“ชิกามารุให้มาตาม...” คิบะยังตอบกลับมาด้วยคำตอบเดิม
“ก็บอกว่ารอก่อนไง...แล้วนายก็ออกไปรอข้างนอกโน่นเลยไป...” ว่าแล้วนารูโตะก็เดินตรงเข้ามาหาอีกฝ่ายพร้อมกับออกแรงพลักเบา ๆ หวังให้อีกฝ่ายออกไปจากบ้านของตนแต่ดูเหมือนว่าอุบัติเหตุคงเกิดขึ้นได้เสมอเมื่อคิบะที่คิดจะถอยหลังหนีก็เกิดพลาดไปสะดุดขาตัวเองล้ม เลยคว้าเอาร่างบางตรงหน้าล้มลงมาด้วยกันอย่างไม่ตั้งใจ...
“โอ๊ย...” เสียงอุทานเบา ๆ จากร่างบางที่รู้สึกได้ว่าศรีษะตัวเองไปกระแทกกับศรีษะของใครอีกคนเข้าอย่างจัง จากนั้นพวงแก้มนวล ๆ ของนารูโตะก็เริ่มขึ้นสีน้อย ๆ ด้วยความรู้สึกขัดเขินจนเกินจะบรรยายได้เพราะเมื่อเห็นสภาพตัวเองที่กำลังนั่งคร่อมร่างอีกฝ่ายไว้ในลักษณะที่ดูล่อแหลมพิกล คิบะเองที่อยู่ในสภาพกึ่งนั่งกึ่งนอนก็โอบรั้งเอวของเค้าไว้อย่างดิบดีอีกด้วย โดยรวมแล้วมันเป็นภาพที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้ระหว่างผู้ชายสองคน...
...ภาพที่แก้มนวล ๆ เปลี่ยนไปเป็นสีแดงจัดอย่างฉับพลันนั้นมันทำให้คิบะรู้สึกพอใจอย่างไรบอกไม่ถูกเวลาที่ได้แลเห็น แล้วยังกิริยาขัดเขินที่ไม่คิดมาก่อนว่าอีกฝ่ายจะมีก็ทำให้คิบะอดยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูไม่ได้ ขณะที่อีกฝ่ายยังนิ่งอึ้งกับสภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้คิบะจึงค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นมานั่งตัวตรงโดยที่ยังมีร่างบางนั่งคร่อมตักเค้าไว้แล้วเฝ้ามองปฏิกิริยาจากคนตรงหน้าอย่างชอบอกชอบใจ...
“มองอะไรเล่า...” ในที่สุดนารูโตะก็เป็นฝ่ายเปิดหัวข้อสนทนาออกมาก่อนด้วยทีท่าประหม่าน้อย ๆ
“มองคนขี้อาย...” คิบะตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มพรายกับแววตาวาวระยับบ่งบอกว่ากำลังถูกใจเป็นอย่างมาก
“ไอ้บ้า...ออกไปจากบ้านชั้นได้แล้ว...” นารูโตะร้องด่าอีกฝ่ายแก้เขินไปอย่างนั้นด้วยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีกับแววตาที่กำลังจ้องมองมา มันเหมือนจะมีบางอย่างซ่อนไว้แต่ก็เดาไม่ออกว่ามันเป็นอะไร
“ถ้าอยากให้ชั้นออกไปนายก็ลุกไปจากตักชั้นก่อนสิ...” พอได้ยินแบบนั้นนารูโตะก็หันกลับมามองตัวเองแล้วใบหน้านวลก็ยิ่งแดงขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นก็รีบดีดตัวลุกขึ้นมายืนห่าง ๆ ก่อนจะเอ่ยปากเร่งให้อีกฝ่ายออกไป
“ออกไปได้แล้ว...” พอโดนไล่บ่อย ๆ เข้าคิบะจึงยันกายลุกขึ้นยืนแต่ไม่ลืมส่งยิ้มกวน ๆ ไปให้อีกฝ่ายแต่แล้วยิ้มนั้นก็ชะงักค้างไว้เพราะสิ่งที่รออยู่ในมือนารูโตะตอนนี้ไม่น่าเสี่ยงด้วยเป็นอย่างยิ่ง
“เฮ้ย...อย่านะเว้ย...” คิบะตะโกนออกมาด้วยความตกใจก่อนจะรีบโดดออกมาจากตรงนั้นแล้วเผ่นออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็วเพราะ ตอนนี้อีกฝ่ายเรียกกระสุนกงจักรมาไว้ในมือเรียบร้อยเตรียมอัดใส่หน้าคิบะเต็มที่เลย “เขินรุนแรงขนาดนี้คราวหน้าถ้าจะแกล้งคงต้องระวังตัวดี ๆ หน่อยแล้วเรา...” คิบะบ่นกับตัวเองอย่างนึกขำ แต่ก็อดนึกถึงพวงแก้มนวลเนียนสีแดงเรื่อเรืองของอีกฝ่ายยามเขินอายไม่ได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองจะต้องไปแกล้งอะไรอีกฝ่ายแบบนั้นด้วย ทั้งที่เมื่อก่อนก็ไม่เคยคิดแบบนี้...
“ดูท่าจะว่างมากเกินไปสมองเลยถดถอยคิดอะไรไร้สาระ...” และนั่นก็คือคำพูดที่คิบะสรุปให้กับความรู้สึกตัวเองในยามนี้
...แล้วคิบะก็พานารูโตะมาถึงยังจุดนัดหมายได้ในที่สุด และเมื่อทั้งสองคนมาถึงคนอื่น ๆ ก็มารอกันอยู่พร้อมกันหมดแล้ว...
“ช้าจังเลยพวกนายสองคนเนี่ย...มัวทำอะไรกันอยู่เหรอ...” อิโนะร้องถามมาด้วยสีหน้าไม่ชอบใจที่ต้องมารอคอยใครนาน ๆ แต่อิโนะคงไม่รู้ว่าคำถามแสนธรรมดากลับทำให้ใครบางคนสะดุ้งสุดตัวแล้วภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ก็ย้อนกลับเข้ามาในหัวอย่างเลี่ยงไม่ได้
“จะทำอะไรก็ช่างเถอะน่า...พูดเรื่องที่เรียกมารวมกันดีกว่า...” คิบะตัดบทเอาดื้อ ๆ เพราะสังเกตุเห็นว่าร่างบางที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ออกอาการสะดุ้งอย่างชัดเจนกับคำถามก่อนหน้านี้
“ก็แค่จะแจ้งให้ทราบกำหนดการในวันสอบแล้วก็วิธีการสอบให้พวกนายรู้เท่านั้นเอง...” ชิกามารุเอ่ยขึ้นมาอย่างเป็นงานเป็นการ พร้อมกับยื่นเอกสารที่เป็นหมายกำหนดการที่ทำขึ้นให้ทุกคนได้ดู เนื่องจากเอกสารมีชุดเดียวจึงต้องเวียนกันดูและเมื่อมันมาถึงมือนารูโตะ ขณะที่ใครบางคนกำลังอ่านเอกสารอยู่นั้นใบหน้าของใครอีกคนก็ยื่นเข้ามาใกล้จนรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่ารดอยู่ข้างแก้มจนต้องขยับกายหนี
“นี่...รอให้ชั้นอ่านจบก่อนไม่ได้รึไง...” นารูโตะหันไปโวยวายกับคนชอบแกล้ง แต่ทางนั้นไม่สะทกสะท้านกลับยังก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารในมือนารูโตะต่อไปอย่างตั้งใจ
“อืม...อ่านจบแล้วล่ะ...” พูดจบคิบะก็ขยับถอยห่างออกไปเอง เล่นเอานารูโตะถึงกับงงกับการกระทำนั้น จนต้องตั้งคำถามกับตัวเองขึ้นมาว่า...อีกฝ่ายจงใจหรือว่าไม่ได้คิดอะไรกันแน่...
“เข้าใจกำหนดการกันแล้วใช่มั้ย...” ชิกามารุร้องถามเมื่อเอกสารถูกส่งกลับมาให้เค้าอีกครั้ง ซึ่งทุกคนก็พยักหน้ารับเหมือน ๆ กัน
“ส่วนวิธีการสอบของปีนี้ที่ชั้นเสนอไปท่านซึนาเดะอนุมัติมาแล้ว...ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับพวกนายแล้วล่ะยังไงก็ขอความร่วมมือหน่อยแล้วกันนะ...”
“อืม...แล้วถ้าระหว่างนี้เกิดมีภารกิจเข้ามาจะไม่เป็นปัญหาเหรอ...ชิกามารุ...” โจจิที่นิ่งเงียบมาตั้งแต่แรกร้องถามถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้
“ยังไงก็คงไม่มีพร้อมกันทั้งหมดหรอก...อาจจะหายไปบ้างแต่ชั้นก็คำนวณคนเผื่อไว้อยู่แล้วล่ะนะ...”
“งั้นเหรอ...”
“เอาเป็นว่าชั้นจะอธิบายวิธีการสอบให้ฟังอย่างละเอียดก็แล้วกัน...เริ่มจาก...” แล้วชิกามารุก็เริ่มสาธยายวิธีการสอบให้ทุกคนฟังอย่างรวดเร็ว ซึ่งดูเหมือนทุกคนเองก็จะเข้าใจได้เป็นอย่างดีไม่เว้นแม้แต่นารูโตะ
“ถ้าไม่มีคำถามอะไรแล้ว...พวกเราก็แยกย้ายกันได้แล้วล่ะ...” ชิกามารุกล่าวสรุปซึ่งทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ชิกามารุว่างหรือเปล่า...ขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ย...” นารูโตะร้องถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเพื่อน ๆ เริ่มจะแยกย้ายกันกลับแล้ว
“มีอะไรงั้นเหรอ...เดินไปคุยไปได้หรือเปล่า...” ชิกามารุเอ่ยถามกลับมา ซึ่งนารูโตะก็พยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายแล้วออกเดินเคียงกันไป โดยไม่ได้สังเกตุเลยว่ามีสายตาของใครจับจ้องอยู่
“คิบะ...ไม่กลับเหรอ หรือว่ามีอะไรกับชิกามารุ...” โจจิร้องทักเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่จ้องมองคนสองคนที่เดินเคียงคู่กันไปด้วยแววตาที่โจจิไม่เคยเห็นมาก่อนจากคิบะ
“ไม่มีอะไรกับใครทั้งนั้นแหละ...ชั้นกลับก่อนนะ แล้วเจอกัน...” พูดจบคิบะก็กระโจนขึ้นไปบนหลังอากามารุอย่างรวดเร็วก่อนจะส่งสัญญาณให้อากามารุออกวิ่งไปในทันที แม้ภายในใจจะรู้สึกไม่ชอบใจอะไรบางอย่างยามที่เห็นว่าร่างบางเดินเคียงไปกับใครอีกคน แต่ตัวเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้ซักทีว่าไอ้ความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไร
“โอ้ย...หงุดหงิดจริง ๆ เลยเว้ย...หงุด...หงิด...คิดไม่ออก !!!...” คิบะตะโกนออกมาราวกับคนเสียสติเมื่อปัญหาคาใจยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้อง
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เอ้าๆ คิบะ หึงแล้วยังไม่รู้ตัวอีกแน่ะ-3- จะบื้อไปถึงไหนน้า
รีบๆรู้ตัวเข้าล่ะ เดี๋ยวจะโดนคนอื่น(ใครอ่ะ?)งาบไปซะก่อน
นัตจังไม่ต้องไปคิดถึงซัสจังหรอก รายนั้นออก(มาแค่ชื่อ)ทุกเรื่องและ ปล่อยๆไปเหอะ
ซัสจังก็นะ ขนาดตัวไม่อยู่ยังมีชื่อไว้คอยรังควานคนอื่นเค้าได้ เก่งจริง- -//ตบมือ
ค่าตัวแพงหรือยังไง ถึงได้โผล่มาแค่ชื่อ แต่ตัวไม่ออกมาให้เห็น
อร๊าย ตอนนี้ขอฟินสองต่อ ชิกก้ากับโตะ(โผล่มานิดเดียวก่อนจบฟินได้ไว้เนี่ยะเรา) คิบะกับโตะน่ารักทั้งคู่
โอ้โห อย่างนี้เขาเรียกว่า หึง นะคิบะ
สนุกเหมือนเดิมค้าา
อย่าลืมมาอัพนะค่ะ
คู่นี้น่ารักมาก นารุน่าร้ากกกก
คิบะแอบหึง ฮิๆๆ
ตามต่อ