ตอนที่ 11 : ไม่อยากพบ
Smile of : 11
“โธ่โว้ย...” คิบะสบถกับตัวเองก่อนจะทรุดกายลงนั่งพิงประตูด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างที่สุดกับการกระทำอันเลวร้ายทั้งหมดของตน เพราะเค้าเองที่พลั้งเผลอจนทำร้ายอีกฝ่ายลงไปให้เจ็บปวดจนเกินจะให้อภัยได้ เพราะตัวเค้าเองที่ทำให้ร่างบอบบางนั้นต้องเจ็บช้ำและมีน้ำตา…
“ขอโทษนะ...นารูโตะ...ชั้นขอโทษ นายอย่าร้องไห้อีกเลยน่ะ...” ถ้อยคำที่ไม่มีโอกาสได้เอื้อนเอ่ยออกไปก่อนหน้านี้ มายามนี้กลับเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกทรมานยิ่งนัก คิบะทำได้แค่กล่าวฝากไปกับสายลมที่พัดผ่านมาเท่านั้นเค้าไล่ฝ่ามือไปตามบานประตูช้า ๆ ราวกับว่าถ้าสัมผัสมันแล้วจะสามารถเข้าใกล้ใครบางคนได้มากกว่านี้...
...คำขอโทษที่ฝากไปให้รับรู้
ว่าชั้นเองเป็นผู้ที่ผิดพลั้ง
ฝืนทำร้ายกายใจจนชิงชัง
เกลียดตัวเองทุกครั้งที่นึกตรอง…
...จะไม่ขอให้เธอยกโทษให้
หวังแค่เพียงใจเธอคลายเศร้าหมอง
ชั้นยอมเป็นเพียงแค่คนเฝ้ามอง
ไม่เรียกร้องสิทธิ์ใดจนเกินเลย...
...เช้าวันใหม่มาเยือนด้วยบรรยากาศที่อึมครึมจนไม่น่าไว้ใจ นารูโตะนอนร้องไห้มาตลอดจนถึงตอนนี้ ความเจ็บปวดที่ร่างกายได้รับมันเทียบไม่ได้กับความบอบช้ำทางจิตใจจากน้ำมือของใครบางคน เค้าไม่เคยคิดว่าตัวเองจะสามารถร้องไห้ได้มากมายและยาวนานขนาดนี้ ดวงตาที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างยาวนานบัดนี้กลับบวมช้ำไม่เหลือร่องรอยความสดใสอยู่เลยซักนิด ร่างกายที่เคยบอบช้ำจากการรุกล้ำที่รุนแรงของใครบางคนก็ค่อย ๆ ฟื้นคืนอย่างที่เคยเป็นทุกทีเมื่อบาดเจ็บ นั้นก็เพราะจักระพิเศษที่อยู่ในตัวเค้านั่นเอง...
...คิบะนั่งอยู่หน้าประตูห้องของนารูโตะมาตลอดทั้งคืนโดยไม่คิดจะขยับไปใหน นั่นก็เพราะเค้าคิดว่าถ้าอีกฝ่ายออกมาเค้าคงมีโอกาสได้เอ่ยขอโทษกับเรื่องราวทั้งหมด เค้าคอยเงี่ยหูฟังเสียงสะอื้นไห้จากด้านในอยู่ตลอดทั้งคืนจึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่หยุดร้องไห้ ดังนั้นความรู้สึกเจ็บปวดและทรมานในใจของเค้ายามนี้มันจึงยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นตามระยะเวลาที่อีกฝ่ายต้องมีน้ำตา แต่จะให้เค้าอดทนรอต่อไปแบบนี้ก็ทำไม่ได้เช่นกันพอคิดได้แบบนั้นคิบะจึงตัดสินใจกระทำในสิ่งที่คิดว่าเค้าน่าจะทำมากที่สุดในตอนนี้...
“ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...”
“.............................” มีเพียงความเงียบงันที่คิบะได้รับกลับมาเค้าจึงตัดสินใจกระโกนร้องเรียกคนข้างใน
“นารูโตะ !!!...ชั้นขอโทษ...ได้โปรดฟังที่ชั้นพูดก่อนได้มั้ย นารูโตะ...” คิบะร้องบอกไปด้วยจิตใจที่ว้าวุ่น แม้ประตูนั้นมันจะไม่ได้ล็อคแต่เค้าก็ไม่กล้าจะเปิดมันออกเพราะถ้าเค้าทำแบบนั้นอีกฝ่ายก็คงจะยิ่งโกรธเคืองจนอาจกลายเป็นปัญหาที่เค้าไม่มีวันแก้ได้ในที่สุด
“.............................” ยังคงมีแต่ความเงียบเช่นเดิม มันยิ่งทำให้คิบะยิ่งไม่สบายใจ แล้วความคิดหนึ่งก็ปรากฏเข้ามาในหัว
“หรือว่า...” คิบะบ่นพึมพำกับตัวเองด้วยสีหน้าตกใจ ก่อนจะรีบโดดขึ้นไปบนหลังอากามารุแล้วออกวิ่งไปยังสถานที่ที่เป็นเป้าหมายทันที
“ออกไปแล้วเหรอครับ...” คิบะร้องถามกลับไปด้วยความตกใจเมื่อไปที่บ้านของซากุระแล้วได้รับคำตอบมาเช่นนั้นทำให้เค้าต้องรีบมุ่งหน้าไปอีกที่หนึ่งเพื่อพบคนที่ต้องการ
“ซากุระอยู่หรือเปล่าครับ...” คิบะพุ่งตรงเข้าไปถามที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาลโคโนฮะด้วยความรีบร้อน
“ยังไม่มาเลยนะค่ะ...” พยาบาลสาวคนหนึ่งเอ่ยตอบกลับมาด้วยทีท่าตกใจไม่แพ้กันที่จู่ ๆ อีกฝ่ายก็กระโจนพรวดพราดเข้ามา
“หือ...ถ้าไม่อยู่บ้าน โรงพยาบาลก็ไม่ได้มาแล้วซากุระหายไปใหนเนี่ย...” คิบะบ่นกับตัวเองเสียงไม่เบานักก่อนจะรีบผล่ะจากไป แต่ขณะที่กำลังจะออกจากโรงพยาบาลคนที่เค้าต้องการพบก็ปรากฏตัวขึ้นมาพอดี
“ซากุระ...มาแล้วเหรอหาตัวตั้งนาน...” คิบะร้องทักอย่างยินดีก่อนจะตรงเข้าไปหาอีกฝ่าย
“หวัดดีคิบะ...ตามหาชั้นมีอะไรเหรอหรือว่าจะมาชวนไปเดินเล่นอีก...” ซากุระร้องทักทายไปด้วยทีท่าที่ไม่จริงจังเท่าใดนัก
“เปล่า...แต่มีเรื่องจะขอร้องเธอหน่อย ตอนนี้มีแต่เธอเท่านั้นที่ชั้นจะขอความช่วยเหลือได้น่ะ...” คิบะเอ่ยด้วยทีท่าร้อนรน ก่อนจะคว้าแขนอีกฝ่ายแล้วรั้งให้ตามมาด้วยกัน
“เฮ้...เดี๋ยวคิบะ...มันเรื่องอะไรงั้นเหรอ...” ซากุระที่ถูกอีกฝ่ายลากให้ตามมาร้องถามด้วยความไม่เข้าใจ
“ขึ้นมาก่อนแล้วจะบอกระหว่างทาง...” คิบะร้องสั่งเมื่อตนเองขึ้นไปอยู่บนหลังอากามารุแล้วยื่นมือมารั้งร่างอีกฝ่ายให้ขึ้นไปบนนั้นด้วยกันก่อนจะบอกให้อากามารุวิ่งกลับไปที่บ้านนารูโตะอีกครั้ง
“มาทางนี้จะไปบ้านนารูโตะใช่มั้ย...” ซากุระร้องถามคนข้างหลังไปเพื่อต้องการประเมินสถานการณ์
“อืม...ชั้นอยากให้เธอช่วยดูอาการนารูโตะให้หน่อยน่ะ...” คิบะตอบกลับไปเบา ๆ
“นารูโตะเป็นอะไรงั้นเหรอ...” พอได้ยินแบบนั้นซากุระเองก็ร้องถามกลับมาด้วยน้ำเสียงเครียดขึ้นเล็กน้อย แต่คิบะยังไม่ทันได้ตอบอะไรอากามารุก็พาทั้งสองคนมาหยุดอยู่หน้าบ้านนารูโตะเรียบร้อยแล้ว และทันทีที่อากามารุหยุดวิ่งคิบะกับซากุระก็โดดลงมาจากหลังอากามารุพร้อม ๆ กัน ขณะที่ซากุระกำลังจะเคาะประตูคิบะก็ร้องเรียกไว้เสียก่อน
“ซากุระ...อย่า !!...” พอถูกห้ามซากุระก็หันมาถามคนข้าง ๆ ด้วยสีหน้างุนงง
“ทำไมล่ะ...” คิบะลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะร้องตอบกลับไปด้วยสีหน้าที่คนมองรู้สึกว่ามันดูเศร้าสร้อยเสียเหลือเกิน
“นารูโตะเจ็บตัวเพราะชั้น...แต่พอชั้นพยายามเรียกเค้าก็ไม่ตอบแล้วประตูมันก็ไม่ได้ล็อคอยู่ ชั้นไม่กล้าเปิดเข้าไปเพราะกลัวว่านารูโตะจะเกลียดชั้นมากกว่านี้...เพราะฉะนั้นเธอช่วยเข้าไปดูอาการของเค้าให้ทีนะ ชั้นอยากรู้ว่าเค้าเป็นไงบ้าง แล้วก็เอ่อเลิกร้องไห้หรือยัง...” ประโยคท้ายของคิบะมันแผ่วเบาราวกับกระซิบแต่ซากุระก็ยังได้ยินมันอย่างชัดเจน
“ร้องไห้ ???...” ซากุระทวนคำ ๆ หนึ่งขึ้นมาเบา ๆ ซึ่งคิบะก็พยักหน้ารับไปตามตรงโดยไม่ได้เอ่ยอะไร
“นายทำอะไรร้ายแรงจนนารูโตะต้องบาดเจ็บเลยงั้นเหรอ แล้วก็ยังเรื่องที่บอกว่านารูโตะร้องไห้อีก...มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่...” คำถามที่คิบะไม่กล้าตอบและไม่มีวันที่จะตอบมันออกไปเด็ดขาดนั้นทำให้เค้าตัดสินใจใช้ความเงียบมาแทนคำตอบ
“ถ้านายไม่พูดให้รู้เรื่องแล้วชั้นจะเข้าใจได้ยังไง...” ซากุระเริ่มคาดคั้น
“เรื่องนั้นช่างมันก่อนได้หรือเปล่า...ตอนนี้เธอช่วยเข้าไปดูอาการนารูโตะก่อนได้มั้ย...” คิบะเลี่ยงที่จะตอบแต่กลับเอ่ยเร่งอีกฝ่ายให้เข้าไปข้างในโดยเร็ว แม้ซากุระจะอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่ความเป็นห่วงเพื่อนมันมีมากกว่าจึงหันกลับไปเปิดประตูบานนั้นออกและมันก็เป็นจริงตามที่คิบะบอกคือ ประตูไม่ได้ล็อคเอาไว้ เมื่อซากุระเข้ามาภายในแล้วก็ต้องนิ่วหน้าด้วยความแปลกใจเพราะในห้องนั้นกลับว่างเปล่า...
“นารูโตะไม่อยู่...” ซากุระเดินกลับออกมาพร้อมกับร้องบอกคนที่ยังเฝ้ารออยู่ด้านนอก
“หือ...เจ็บขนาดนั้นจะไปใหนอีก...” คิบะอุทานออกมาด้วยความตกใจระคนห่วงใย
“ไม่รู้เหมือนกัน...แต่ว่าที่ชั้นอยากรู้ตอนนี้ก็คือมันเกิดอะไรขึ้น นายบอกว่านารูโตะเจ็บหนักงั้นเหรอ คนอย่างนารูโตะเนี่ยน่ะเจ็บหนัก...แถมยังบอกว่าร้องไห้ไม่เลิกอีก...
“ชั้นคงบอกอะไรมากกว่านี้ไม่ได้...แต่ถ้าเธอเจอนารูโตะก็ช่วยบอกเค้าทีว่า...ชั้นขอโทษ...” คิบะบ่ายเบี่ยงที่จะเอ่ยถึงเรื่องราวความผิดที่ก่อไว้กับนารูโตะให้คนอื่นฟัง จากนั้นก็รีบผล่ะจากไปพร้อมกับอากามารุปล่อยให้ซากุระยืนงงอยู่ตรงนั้นโดยไม่ได้รับความกระจ่างแต่อย่างใด
...คิบะพยายามตามหานารูโตะไปทั่วหมู่บ้านทุกที่ที่คาดว่านารูโตะจะไป บ้านเพื่อนทุกคนเค้าก็ไม่ถามหามาแล้วแต่ก็ไม่มีใครเห็น ห้องทำงานของโฮคาเงะเค้าก็บากหน้าเข้าไปถามมาแล้วเช่นกันแต่ก็ไม่อยู่ หรือแม้กระทั้งบ้านของชิกามารุที่เค้าได้แต่ภาวนาในใจว่าขออย่าให้เจอร่างบอบบางที่นี่เลยและมันก็เป็นความจริงที่ว่าตั้งแต่นารูโตะกลับไปเมื่อคืนก็ไม่ได้มาที่นี่อีก...
“เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอ...” ชิกามารุร้องถามคิบะด้วยสีหน้าและแววตาที่ดูเหมือนกับจะค้นหาบางอย่าง
“ไม่มีอะไร...ชั้นก็แค่อยากเจอนารูโตะเท่านั้น...” คิบะร้องตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ
“ถ้าเจอแล้วจะทำอะไรล่ะ...” คำถามของชิกามารุทำให้คิบะต้องหันกลับไปจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยแววตาวาววับ
“แล้วทำไมชั้นต้องบอกนายด้วยล่ะ...” คิบะตัดบทก่อนจะรีบจากมา ตอนนี้เค้ากำลังโกรธทั้งตัวเองและโกรธทั้งชิกามารุที่เป็นเหมือนชนวนความผิดพลาดของเค้า นั่นก็เพราะเมื่อวานเค้าเฝ้ามองการกระทำของนารูโตะและชิกามารุมาตลอดทั้งวันและท่าทางกับความสัมพันธ์แบบนั้นมันทำให้เค้ารู้สึกหงุดหงิดจนแทบทนไม่ไหว ขณะที่คิดว่าอารมณ์ของตัวเองพอจะสงบลงได้บ้างก็ต้องมาเห็นการกระทำของชิกามารุกับนารูโตะที่เหมือนกับจะจูบกันในตอนนั้น และเพราะเหตุการณ์นั้นเองมันจึงเหมือนกับระเบิดเวลาที่ได้เริ่มนับถอยหลังไปแล้ว สุดท้ายพอตัดสินใจจะไปหานารูโตะก็ต้องมาได้ยินคำพูดของนารูโตะที่เหมือนกับจะไม่ได้มีเยื่อใยอะไรกับเค้าเลยซักนิด ดังนั้นความอดทนของเค้าจึงพังทลายลงไปพร้อมกับสำนึกในทุก ๆ ด้านจนสร้างบาดแผลให้กับอีกฝ่ายได้อย่างเลือดเย็น...
...พอคิบะจากไปแล้วชิกามารุก็ย้อนกลับเข้ามาในบ้านแล้วคว้าเครื่องแบบจูนินมาใส่ก่อนจะออกจากบ้านไปอย่างรีบร้อน เพราะเค้าเริ่มรู้สึกว่ากำลังมีบางอย่างเกิดขึ้นกับคนที่คิบะมาถามหาและมันก็คงเป็นเรื่องที่หนักหนามากสำหรับคน ๆ นั้น แต่ถึงจะคิดและรู้สึกแบบนั้นตัวเค้าเองก็ไม่รู้ว่าจะไปตามหาอีกฝ่ายได้ที่ใหน...
...บนเนินเขาใกล้ ๆ กับหมู่บ้านร่างบอบบางในชุดลำลองนั่งพิงลำต้นของไม้ใหญ่ แววตาสีฟ้าที่เคยสดใสมายามนี้กลับดูหมองเศร้าขณะที่เหม่อมองทิวทัศน์เบื้องล่างอย่างเลื่อนลอย เมื่อเช้านารูโตะรับรู้ว่าคิบะยังอยู่ที่หน้าห้องของเค้าไม่ได้ขยับกายไปใหนเลยแม้แต่น้อย ถึงอีกฝ่ายจะร้องเรียกแต่เค้าก็ไม่มีความคิดที่จะเปิดเพราะตอนนี้เค้ายังไม่อยากเจอหน้าอีกฝ่ายนั่นก็เพราะทั้งกายและใจมันยังจดจำได้ถึงเรื่องราวเลวร้ายที่ผ่านพ้นไปในค่ำคืนที่ผ่านมา ดังนั้นพออีกฝ่ายจากไปเค้าก็อาศัยจังหวะนั้นหนีออกมา จริงอยู่ว่าถ้าเป็นคนปกติคงไม่สามารถจะลุกมาเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างที่ตัวเค้าทำ แต่เพราะตัวเค้าที่ไม่เหมือนคนอื่นจึงสามารถจะพาตัวเองออกมาให้ไกลจากหมู่บ้านได้มากขนาดนี้...
...นารูโตะนั่งทบทวนมาตลอดว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นมันมีสาเหตุมาจากอะไร แต่ไม่ว่าเค้าจะพยายามนึกเท่าไหร่สิ่งเดียวที่ค้นพบก็คือ...ความเกลียดชังที่ปรากฏชัดเจนอยู่ในแววตาคู่คม ยามที่จ้องมองเค้าในเวลานั้น...นารูโตะนั่งกอดเข่าพร้อมกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่และในขณะที่กำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเองเสียงที่คุ้นเคยของใครบางคนก็ดังขึ้นมาด้านหลัง...
“มานั่งถอนหายใจให้ต้นไม้มันเฉาเล่นไกลขนาดนี้เลยเหรอ...นารูโตะ...” พอได้ยินแบบนั้นนารูโตะจึงหันกลับไปแล้วก็พบเข้ากับคนที่คาดไม่ถึงว่าจะได้เจอในตอนนี้
“ชิโนะ...”
“ใช่...ชั้นเอง ทำหน้าเหมือนเห็นผีแบบนั้นมันหมายความว่าไง แล้วมีอะไรหนักใจเหรอ...” ชิโนะกล่าวพลางเดินมาทรุดกายลงนั่งข้าง ๆ ร่างที่ยังคงนั่งกอดเข่าอยู่
“ก็ไม่มีอะไร...” นารูโตะร้องตอบไปเบา ๆ
“รู้หรือเปล่าว่านายโกหกไม่เก่งเลยนะ...มีปัญหาก็ปรึกษาคนอื่นบ้างก็ได้อย่าเก็บเอาไว้ในใจคนเดียวเพราะว่ามันจะคิดไม่ออก และที่สำคัญนายไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกแล้วนะ...” ชิโนะเอ่ยพร้อมกับชำเลืองมองดูคนข้าง ๆ ที่ยังเอาแต่นั่งนิ่งไม่ยอมตอบอะไร เห็นแบบนี้แล้วชิโนะก็ไม่คิดจะฝืนใจให้อีกฝ่ายเอ่ยออกมา เค้าจึงปิดปากเงียบแล้วนั่งอยู่ข้าง ๆ อีกฝ่ายต่อไปแบบนั้นโดยไม่พูดอะไรอีก แล้วระหว่างคนสองคนก็มีเพียงสายลมที่พัดผ่านมาพร้อมกับความเงียบงันเท่านั้น...จนกระทั้งอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าร่างบางก็ยังคงนิ่งเฉยไม่มีทีท่าว่าจะกลับเข้าหมู่บ้านเลยแม้แต่น้อย...
“เย็นมากแล้ว...กลับเข้าหมู่บ้านกันดีกว่าอยู่ในป่านาน ๆ ในสภาพแบบนั้นเดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก...” ชิโนะกล่าวด้วยน้ำเสียงห่วงใย เพราะสภาพของอีกฝ่ายมันไม่เหมาะที่จะอยู่ในป่าที่อากาศชื้นแบบนี้นาน ๆ
“นายกลับไปก่อนเถอะ...” เสียงที่แผ่วเบานั้นเอ่ยตอบมาอย่างไม่ใส่ใจ แล้วร่างบางก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นร่างอีกฝ่ายมาทรุดกายลงเบื้องหน้าตน
“ถ้าปัญหาของนายมันหนักหนาขนาดนั้นก็ขอให้ชั้นช่วยแบ่งเบามันบ้างได้มั้ย...หรืออย่างน้อยถ้านายจะร้องไห้ก็ขอให้ชั้นได้ช่วยปลอบโยนซักเล็กน้อยก็ยังดี...” ถ้อยคำที่อบอุ่นถูกเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกห่วงใยอย่างแท้จริง ชิโนะสังเกตุได้จากดวงตาคู่สวยที่บวมช้ำคู่นั้นเหมือนกับผ่านการร้องไห้มาอย่างยาวนาน และในยามนี้เค้าก็คิดว่าอาจเป็นเพราะแสงของอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าหรือเพราะว่าอีกฝ่ายกำลังหวั่นไหวแววตาคู่นั้นมันจึงได้ดูเศร้าหมองขนาดนั้น...สุดท้ายเค้าจึงตัดสินใจทำบางอย่างด้วยหวังจะช่วยลบเลือนแววตาโศกเศร้าคู่นั้นให้จางหายไป...
“ชิโนะ !!!...” นารูโตะอุทานออกมาผะแผ่ว เมื่อถูกอีกฝ่ายรั้งร่างเข้าไปกอดไว้หลวม ๆ
“ร้องออกมาเถอะ...ถ้ามันจะทำให้ความทุกข์ในใจของนายลดน้อยลงแม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม ชั้นจะช่วยแบกรับความรู้สึกนั้นของนายเอง...” ชิโนะกล่าวพร้อมกับลูบเรือนผมสีดวงตะวันนั้นเบา ๆ เป็นการปลอบโยน แม้ในคราแรกนารูโตะจะยังไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายทำแบบนี้เพื่ออะไร แต่จากสัมผัสที่อ่อนโยนของอีกฝ่ายนั้นมันทำให้สิ่งอัดอั้นอยู่ในใจมันกำลังพรั่งพรูออกมาอย่างสุดจะกลั้นไว้ได้อีก แล้วเสียงสะอื้นจากร่างบางที่สั่นสะท้านอยู่ในอ้อมกอดของร่างสูงก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องยาวนานจนจันทราลอยเด่นกลางหมู่ดาวอยู่บนฟากฟ้า...นารูโตะจึงค่อย ๆ ผล่ะออกมาจากแผ่นอกกว้างของร่างสูงที่เค้าใช้เป็นที่พักพิงมาอย่างยาวนาน และบัดนี้มันเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาของเค้าเอง...
“ขอโทษนะ...ชิโนะ...” เสียงที่ยังคงสั่นเครือเอ่ยออกมาเมื่อเห็นว่าเสื้อของอีกฝ่ายชุ่มโชกไปด้วยน้ำตาของเค้า
“ไม่เป็นไรหรอก...แค่นี้เอง...” ชิโนะกล่าวพร้อมกับไล่ปลายนิ้วไปช่วยเช็ดน้ำตาที่ยังหลงเหลืออยู่บนใบหน้านวลออกให้อย่างเบามือ และการกระทำคราวนี้ของชิโนะก็ช่วยทำให้ใบหน้านวลที่เคยขาวซีดแปรเปลี่ยนเป็นแดงระเรื่อขึ้นอย่างช้า ๆ
“พอแล้วล่ะ...” นารูโตะกล่าวพร้อมกับขยับตัวถอยห่างอีกฝ่ายออกมาเล็กน้อย ชิโนะเองก็หยุดมือของตัวเองลงแล้วเช่นกัน
“ชั้นจะไม่ถามหรอกนะว่าอะไรเป็นสาเหตุให้นายเป็นแบบนี้...แต่เมื่อไหร่ที่นายต้องการใครซักคนอยู่เคียงข้างยามที่ทุกข์ใจชั้นอยากให้นายนึกถึงชั้นนะ...นารูโตะ...” คำพูดที่แฝงไว้ด้วยความหมายลึกซึ้ง ถ้าเป็นเมื่อก่อนนารูโตะคงจะไม่เข้าใจแต่ตอนนี้มันต่างกัน เค้าเข้าใจดีว่าถ้อยคำนั้นมันสื่อถึงอะไรจึงเอ่ยตอบอีกฝ่ายกลับไปเบา ๆ
“ขอบใจนะชิโนะ...” ถ้อยคำขอบคุณที่ส่งมาพร้อมรอยยิ้มจาง ๆ เท่านั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับชิโนะนิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ขอสักเรื่องให้ชิโนะเป็นพระเอกเถอะนะคะคนอะไรอบอุ่นยิ่งกว่าไมโคเวฟ
แต่นายอบอุ่นมาก อ่อนโย๊นอ่อนโยน แบ่งใจให้หนึ่งในพันล้าน(?)นะแจ๊ะ ฮุฮิ
คิบะะะะะ! ตื๊อลูก ตื๊อ! เคยได้ยินมั้ยว่า ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก! เดี๋ยวจะคอยซัพพอร์ตให้เองนะจ๊ะ (อย่างแกจะทำไรได้- -) ตามตื้อนัตจังซ้าาาา
นัตจังงงง คิบะเค้ารักหนูน้า อย่าคิดว่าเค้าเกลียดซี่ ยอมๆฟังเค้ามั่งเหอะ เชื่อปรมาจารย์(?)สิ!
และแล้วเขาก็จากเจ้าไปหาคนอื่น TT^TT ชีวิตคู่กับโตะช่างดราม่า
คิบะหึง หวงโตะจนพาลใส่ชิกก้ามันไม่ดีเลยน้า
ตอนนี้ชิโนะพระเอกมากกกกกกก
โอ้โห allnaruto เลยนะเนี้ย ใช่ได้เลยล่ะนารูโตะคุงจ้าาา
ชิโนะ นายเท่มากกขอบอก แต่ก็ได้แห้วไปเหมือนเดิมนะ
น่าสงสารจริงๆ(ประชดหรือไงฮะ//ชิโนะ)
นารูโตะก็น่าสงสารนะ
ไรเตอร์ขา ชิโนะเล่นบทรองมาหลายเรื่องแล้ว
เมื่อไหร่จะให้พ่อหนุ่มผู้ใช้แมลงแสนดีคนนี้ขึ้นแท่นพระเอกซะทีละค้า
อยากอ่านคู่ชิโนะนารุแล้วอ่า
เริ่มหมั่นไส้คิบะมากกว่าซาสึเกะซะแล้วซิ
ชิโนะชอบนารูโตะสินะคะ
เรื่องนี้ไม่ใช่ของนายอีกเเร้วล่ะ ถึงตอนนี้จะยังไม่ก็เถอ เเต่เหนเเววรำไรว่านายจะเเห้ว 55+
ต้องมีสักวันที่เป็นของนาย 55+ สู้ต่อไปนะ ชิโนะคุงง
ตอนนี้แอบสครีม(ในใจ)หน้าจอค่ะ พี่ริโกะแอบอวยชิโนะนารุด้วยใช่ไหมค้า~~~~~~~
แต่เรื่องนี้ชิโนะคุงก็คงเป็นได้แค่พระรองที่แสนดีสินะคะ ตั้งแต่เรื่อง Stupid แล้ว =w="
ชิโนะคุงต้องได้เป็นพระเอกสักเรื่องแหละน่า~ อดทนรออีกหน่อยนะจ๊ะชิโนะคุง ต้องรอแล้วแต่พี่ริโกะว่าจะแต่งเมื่อไหร่ (ฮา)