ตอนที่ 9 : อยากรู้สาเหตุ
Mission : 9
...จนแล้วจนรอดวันนี้ทั้งวันนารูโตะก็ไม่สามารถปลีกตัวหลบไปหาซากุระกับซาอิได้เลย เพราะถูกจับจ้องจากอีกฝ่ายชนิดไม่ให้คลาดสายตา หรือจะพูดให้ถูกต้องบอกว่าถูกใครบางคนกักตัวไว้ไม่ยอมปล่อยน่าจะถูกกว่า...
“นั่งทำหน้าทำตาแบบนี้หมายความว่ายังไงเหรอ...มีอะไรก็บอกมาเถอะอย่าเก็บไว้ในใจ เพราะถึงชั้นจะพอมีฝีมือแต่ก็อ่านใจคนไม่ได้หรอกนะ...” คาคาชิเอ่ยกับคนที่เอาแต่นั่งหน้าหงิกอยู่บนพื้นตรงมุมหนึ่งของห้อง พร้อม ๆ กับอาการถอนหายใจที่เริ่มถี่และดังขึ้นเรื่อย ๆ
“ถ้าผมบอกไปแล้วครูคาคาชิจะยอมช่วยหรือเปล่าละครับ...” น้ำเสียงอ่อย ๆ ของใครบางเอ่ยตอบมาอย่างพยายามคาดคะเนว่าการที่เค้าเอ่ยต่อรองออกไปแบบนี้มันจะเป็นผลดีหรือผลเสียกับตนกันแน่
“ก็ลองว่ามาสิ...” คาคาชิเอ่ยตอบพร้อมกับเดินตรงเข้าไปหาอีกฝ่ายก่อนจะทรุดกายลงนั่งตรงหน้า ราวกับจะบอกว่าเค้าพร้อมจะรับฟังในสิ่งที่อีกฝ่ายบอกแล้วนั่นเอง
“ผมอยากออกไปข้างนอก...หมายถึงไปคนเดียวโดยไม่ต้องมีครูไปด้วยนะครับ...” สุดท้ายแล้วนารูโตะก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเอ่ยบอกไปตรง ๆ ว่าตัวเองต้องการอะไร
“แล้วเหตุผลที่ไม่อยากให้ชั้นไปด้วยล่ะ...มีหรือเปล่า...”
“งั้นครูมีเหตุผลอะไรที่ต้องให้ผมมาทำตัวติดกับครูแบบนี้ตลอดทั้งวันทั้งคืนละครับ...” เสียงใส ๆ ร้องถามกลับไปอย่างเริ่มจะเคือง ๆ อีกฝ่ายขึ้นมาหน่อย ๆ อยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่กล้าออกอาการมากนักจึงได้แต่ส่งสายตาไปให้เท่านั้น ฝ่ายคาคาชิเองพอถูกถามกลับมาตรง ๆ ก็นิ่งเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วถอยห่างออกมาจากคนที่ยังนั่งอยู่ที่พื้นอีกสองสามก้าว
“เอาเป็นว่า...ชั้นยอมให้นายออกไปจากที่นี้ตามที่นายต้องการก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่านายต้องกลับมาหาชั้นที่นี่ภายในเวลาที่ชั้นกำหนดซึ่งก็คือสองชั่วโมง...ตกลงมั้ย...” ถ้อยคำอนุญาตที่ได้รับมามันช่วยเรียกรอยยิ้มกว้าง ๆ จากคนตาใสได้เป็นอย่างดี นารูโตะรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วก่อนจะตรงเข้าไปเกาะแขนของอีกฝ่ายไว้แน่นแบบลืมตัวด้วยความยินดี
“ตกลงครับ...แล้วผมจะกลับมาที่นี่ภายในสองชั่วโมงตามที่ครูบอกนะ...” พอพูดจบเจ้าตัวเล็กที่ร่าเริงแจ่มใสขึ้นมาทันตาเห็นก็เลิกสนใจคนตรงหน้าแล้วก็รีบผล่ะจากไปทันที คาคาชิเองก็เกือบจะเผลอรั้งแขนเรียว ๆ ที่เกาะเกี่ยวอยู่ที่แขนของตนเอาไว้แล้วเหมือนกันดีที่ว่าหยุดความคิดของตัวเองไว้ได้ทันจึงยังไม่ได้ทำอย่างที่คิดลงไป
“หึ...ทำท่าทำทางดีใจขนาดนี้ มันน่าโมโหชะมัดเลยแฮะ...” เสียงทุ้ม ๆ เอ่ยบ่นให้คนที่ลับร่างไปแล้วด้วยอารมณ์หงุดหงิดเล็ก ๆ
...นารูโตะนั้นหลังจากได้รับอนุญาตให้ออกมาข้างนอกได้ตามลำพังก็รีบตรงไปหาอีกสองคนที่คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของเค้าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลอย่างรวดเร็ว เพราะเค้ามีเวลาจำกัดถึงจะไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมคาคาชิจะต้องมาจำกัดอิสระภาพของเค้าขนาดนั้น ส่วนซากุระกับซาอิที่พอเห็นว่านารูโตะอยู่ตามลำพังก็รีบตรงเข้ามาหางเช่นกันเพราะมีหลายอย่างที่อยากรู้และมีหลายอย่างที่ต้องบอกอีกฝ่ายให้รู้เช่นกัน...
“นารูโตะ...ทางนี้...” ซากุระร้องเรียกเพื่อนด้วยทีท่ายินดีที่มีโอกาสได้พูดคุยกันเสียที หลังจากต้องเฝ้าตามดูอยู่ห่าง ๆ มาทั้งวันด้วยความรู้สึกกระวนกระวาย คนถูกเรียกเองก็รีบสาวท้าวเข้าไปหาสองคนตรงหน้าแบบไม่รีรอเช่นกันเพราะถูกจำกัดด้วยเวลา
“ซากุระ...ซาอิ...ดีใจจังที่ทั้งสองคนอยู่ใกล้ ๆ แถวนี้ไม่งั้นคงเสียเวลาตามหากันน่าดูเลย...” นารูโตะร้องบอกออกไปด้วยความยินดีปนโล่งใจที่ไม่ต้องไปเสียเวลาตามหาให้เหนื่อยเปล่า
“อืม...ก็คอยตามดูอยู่ห่าง ๆ นั่นแหละ แต่เข้าไปใกล้มากไม่ได้ไม่งั้นครูคาคาชิคงรู้ตัวแน่ ๆ...”
“แต่ชั้นคิดว่าเหมือนครูจะเริ่มรู้ตัวแล้วล่ะ...ถึงได้กักตัวชั้นไว้แบบนั้น...” คำพูดของนารูโตะทำให้คนทั้งสองที่รับฟังต้องมีสีหน้าหนักใจไม่แพ้คนพูดเลย
“แปลว่าครูคาคาชิรู้ตัวแล้วเหรอว่าพวกเราส่งนายเข้าไปหาครูทำไม...” ซากุระร้องถามด้วยความอยากรู้ แต่นารูโตะกลับส่ายหน้าน้อย ๆ เป็นการปฏิเสธก่อนจะเอ่ยตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย
“ไม่รู้เหมือนกัน...แต่ครูไม่ยอมให้ชั้นคลาดสายตา แถมพอบอกว่าอยากออกมาข้างนอกคนเดียวก็ถามว่าจะออกมาหาใคร มีธุระอะไรถึงต้องออกมาคนเดียว...ชั้นก็เลยคิดว่าครูน่าจะเริ่มสงสัยหรือไม่ก็รู้ตัวแล้วนะสิ...”
“พวกเราเองก็คิดว่าครูคงเริ่มระแคะระคายแล้วเหมือนกัน...” ซาอิเอ่ยออกไปอย่างที่ใจคิด
“งั้นพวกเราจะเอาไงต่อล่ะ...จะหยุดภารกิจไว้แค่นี้หรือเปล่า...” นารูโตะร้องถามความเห็นจากสมาชิกในทีม ซากุระกับซาอิจึงหันมามองหน้ากันแต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร แล้วทั้งสามคนก็ปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบคลุมพื้นที่นั้นไว้ชั่วขณะ...นานเท่าไหร่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน สุดท้ายคนที่เอ่ยทำลายความเงียบออกมาก็เป็นนารูโตะนั่นเอง
“ถ้าอย่างนั้นชั้นขอพิสูจน์ให้แน่ใจก่อนได้มั้ยว่าครูรู้ตัวแล้วจริง ๆ เพราะถ้าเป็นทางเราที่คิดไปเองฝ่ายเดียวคงเสียโอกาสที่สร้างมาได้ขนาดนี้แล้ว...”
“แต่ว่าถ้าครูจับได้ว่าพวกเรากำลังทำอะไรอยู่นายจะทำยังไงล่ะ...” ซาอิเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ก็ไม่ทำยังไงทั้งนั้นแหละ...ชั้นก็คงจะถามครูไปตรง ๆ เท่านั้นแหละว่าครูกลุ้มใจเรื่องอะไร หรือว่ามีปัญหาอะไร ทำไมถึงเป็นแบบนั้นแล้วพวกเราจะช่วยอะไรได้หรือเปล่า อีกอย่างชั้นคิดว่าที่เราทำลงไปก็เพราะว่าเป็นห่วงครู ถึงจะโดนดุหาว่าคิดอะไรเพี้ยน ๆ ทำอะไรแผลง ๆ แต่มันก็คงเท่านั้นยังไงครูก็ไม่ลงโทษอะไรร้ายแรงหรอกมั๊ง...คิดว่านะ...” ท้ายประโยคนั้นนารูโตะเองก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ เพราะภาพที่ตัวเค้าต้องพบเจอตลอดเวลาที่อยู่ใกล้ชิดกับใครบางคนมันชัดเจนอยู่ในความทรงจำขณะนี้นั่นเอง แล้วใบหน้านวลก็ต้องขึ้นสีน้อย ๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เหล่านั้น
“แต่ว่าชั้นก็อดเป็นห่วงไม่ได้...ถ้าเกิดทุกอย่างมันไม่ได้เป็นอย่างที่นายคิดไว้ล่ะจะทำยังไง...” ซาอิเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูร้อนรนและกังวลใจอย่างเห็นได้ชัด
“นั่นสิ...ครูคาคาชิเป็นคนเดียวที่เดาใจไม่เคยออกเลยไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใหน ไม่รู้เลยว่าคิดอะไรอยู่แล้วจะทำอะไรต่อไปทั้งที่อยู่ด้วยกันมาขนาดนี้แท้ ๆ ...” ซากุระเอ่ยเสริมขึ้นมาด้วยอีกคน
“ยังไงก็ตามชั้นก็ต้องกลับไปหาครูอยู่ดี...เพราะถ้าไม่กลับไปตามที่รับปากไว้ ชั้นเองก็ยังนึกภาพไม่ออกเหมือนกันว่าจะเจออะไรบ้าง เอาเป็นว่าตกลงตามนี้นะถ้าแผนแตกชั้นจะยอมรับผิดคนเดียว แล้วก็จะถามครูไปตรง ๆ อย่างที่บอก ส่วนพวกเธอก็แค่ช่วยดูอยู่ห่าง ๆ ก่อน ถ้ามีโอกาสหรือมีอะไรคืบหน้าชั้นจะส่งสัญญาณมา...” พูดจบนารูโตะก็ทำท่ารีบร้อนจะจากไปทันที
“เดี๋ยวก่อน...นารูโตะ...อย่าทำอะไรเกินตัวนะ ถ้าไม่ไหวก็ถอนตัวออกมาเถอะถึงมันจะเป็นภารกิจที่ดูไม่เสี่ยงอันตรายมากมายนักแต่ชั้นรู้สึกไม่ดีเลยจริง ๆ ...” ซาอิเอ่ยออกมาด้วยแววตาที่นารูโตะอ่านไม่ออกว่ามันกำลังจะสื่ออะไร ส่วนคนที่เอ่ยออกไปก็คงไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าสายตาของตนมันกำลังสื่อความหมายอะไรบางอย่างให้อีกฝ่ายได้ค้นหา
“ขอบใจที่เป็นห่วงนะ...แต่ชั้นไม่เป็นไรจะอึดอัดก็แค่ต้องทำตัวติดกับครูตลอดเวลาเนี่ยแหละ อย่างอื่นก็คงพอไหวแหละ...” ถึงจะพูดออกไปแบบนั้นแต่ในใจกลับสั่นไหวอย่างประหลาดโดยไม่ทราบสาเหตุ ยิ่งเมื่อนึกถึงใบหน้าคมเข้มที่ปราศจากหน้ากากของใครบางคนด้วยแล้วสองข้างแก้มยิ่งร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างระงับไม่อยู่
“นารูโตะเป็นอะไรหรือเปล่า...ทำไมหน้าแดง ๆ หรือว่ามีไข้...” ซากุระที่สังเกตเห็นใบหน้าอีกฝ่ายแดงระเรื่อก็เลยพาลคิดและเข้าใจไปแบบนั้น แต่จากประโยคคำถามนั้นมันทำให้นารูโตะต้องรีบยกมือขึ้นมาจับแก้มทั้งสองข้างของตนไว้อย่างรวดเร็วด้วยทีท่าที่ดูเหมือนจะตกใจอยู่ไม่น้อย
“เอ่อ...ชั้นไปก่อนนะ ถ้าเลยเวลาที่ครูกำหนดไว้เดี๋ยวก็ได้เป็นเรื่องยุ่งยากกว่าเดิมอีก...” พูดจบร่างบางก็หมุนกายจากมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับเร่งฝีเท้ากลับไปยังห้องทำงานที่ใครบางคนกำลังรออยู่ เพราะเค้าก็ไม่แน่ใจว่ามันเลยเวลาที่ตกลงกันไว้หรือยัง นารูโตะวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดที่สามารถทำได้พอถึงหน้าประตูก็เอื้อมมือไปหมายจะคว้าลูกปิดเพื่อเปิดออกแต่ทว่าประตูบานนั้นมันกลับเปิดออกก่อนที่เค้าจะทันเอื้อมไปถึงเสียอีกส่งผลให้ร่างที่พุ่งมาอย่างแรงของนารูโตะเซถลาเข้าไปด้านในเต็มที่ นารูโตะรู้สึกว่าหน้าตัวเองกำลังจะทิ่มไปกับพื้นห้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นแบบนั้น
“ปัง...!!!” เสียงปิดประตูที่ดังตามมาติด ๆ พร้อมกับอ้อมแขนของใครบางคนที่โอบรัดร่างเค้าไว้อย่างมั่นคงกำลังรั้งร่างเค้าให้ตั้งตรง แล้วสิ่งที่นารูโตะสัมผัสได้ในเวลาต่อมาก็คือแผงอกกว้างที่แนบชิดอยู่กับแผ่นหลังของตนจนแทบจะไม่มีช่องว่างเลยแม้แต่น้อย ท่อนแขนแข็งแรงที่ช่วยโอบประคองตัวเค้าไว้ไม่ให้ล้มลงไปบัดนี้มันกลับโอบกระชับอยู่รอบเอวของเค้าอย่างแน่นหนาทั้งสองข้าง ยิ่งไปกว่านั้นลมหายใจอุ่น ๆ ของเจ้าของท่อนแขนนี้ที่กำลังเป่ารดอยู่ข้างแก้มมันยิ่งทำให้ตัวเค้ายืนแข็งทื่อราวกับต้องคาถาพันธนาการร่างกายไว้ก็ไม่ปาน
“นายกลับมาช้า...รู้หรือเปล่า...” เสียงกระซิบที่เอ่ยอยู่ข้าง ๆ หูอย่างแผ่วเบามันยิ่งทำให้จิตใจหวั่นไหวอย่างหนัก
“ขะ ขอโทษครับ...ผะ ผมก็รีบที่สุดแล้ว...” เสียงใส ๆ เอ่ยตอบกลับไปแบบตะกุกตะกัก โดยไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวเพราะถ้ายิ่งขยับ ร่างกายของตนก็จะยิ่งเบียดชิดแนบสนิทไปกับร่างสูงด้านหลังมากยิ่งขึ้นนั่นเอง คาคาชิกระชับสองแขนที่โอบอยู่รอบเอวเล็ก ๆ นั้นให้แน่นยิ่งขึ้นพร้อมกับกระซิบบอกอีกฝ่ายไปเบา ๆ ด้วยดวงตาพราวระยับและรอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์ร้ายกาจอย่างไม่ปิดบัง ซึ่งถ้านารูโตะมองเห็นได้ในเวลานี้เค้าคงจะต้องขวัญเสียเป็นอย่างมากแน่ ๆ
“นายจะต้องถูกทำโทษ...นารูโตะ...”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อร๊ายยยย เซนเซย์รุกแล้วววว
แน่ละก็โตะน่ารักนี่^^
คาคาชิแอบเนียนตลอดแต่ก็ชอบค่า>///<
หนุกมาก
ขอตัวไปอ่านตอนต่อไปก่อนนะคะ
แล้วที่โตะจะโดนลงโทษเนี่ยจะเป็นอะไรน๊าาาา
เป็นการลงโทษบนเตียงป่าวคะ
ซาอิชอบนารูโตะหรือเปล่านะ>
ฟินสุด คาคาชิ จะลงโทษ อะไรนารุจัง