ตอนที่ 32 : แก้ตัวรอบสอง
Mission : 32
...นารูโตะเดินเคียงไปกับร่างสูงเงียบ ๆ โดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีกนับจากที่ได้เอ่ยบอกในสิ่งที่อีกฝ่ายร้องขอมา คาคาชิเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเช่นกันเค้ายังคงก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยหัวในที่พองโต แต่แล้วจู่ ๆ คนตัวเล็กข้าง ๆ ก็เดินเข้ามาใกล้แล้วเอื้อมมือมาเกาะกุมมือเค้าไว้เบา ๆ โดยที่ไม่ได้เอ่ยอะไร คาคาชิกระชับมือน้อย ๆ นั้นไว้มั่นราวกับว่าถ้าปล่อยไปคนร่างบางที่เดินเคียงข้างอยู่ในเวลานี้จะหายไปในทันที...
“ครูครับ...” แต่แล้วจู่ ๆ เจ้าคนตาสวยก็เอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“อะไรเหรอ...” คาคาชิหันไปมองสบตาคนข้าง ๆ ด้วยแววตาอบอุ่น
“ขอขี่หลังได้มั้ย...ไม่อยากเดินเองล่ะ...” น้ำเสียงออดอ้อนที่เอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้มที่หวานละมุนจนคนจ้องมองไม่อาจปฏิเสธได้แม้แต่น้อย
“ได้อยู่แล้ว...” พอได้ยินคำอนุญาติแบบนั้นเจ้าตัวเล็กก็ฉีกยิ้มกว้างก่อนจะรีบกระโดดขึ้นไปขี่หลังอีกฝ่ายทันทีแบบไม่ให้อีกฝ่ายได้ทันตั้งตัว คาคาชิเองก็เกือบจะทรงตัวไปอยู่เหมือนกัน ดีที่ว่าระวังตัวอยู่ก่อนแล้ว
“เกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย...ทำไมจู่ ๆ ถึงได้มาอ้อนแบบนี้...” คาคาชิเอ่ยถามขณะที่เริ่มออกเดินอีกครั้ง
“อยากกอดครูนี่ครับ...” พูดพลางกระชับสองแขนของตนที่โอบรอบคออีกฝ่ายไว้ให้แน่นขึ้นพร้อมกับซบใบหน้าลงไปบนแผ่นหลังกว้างที่แสนจะอบอุ่นนี้อย่างวางใจ คาคาชิพอได้ฟังก็อมยิ้มในหน้ากับกิริยาท่าทางขี้อ้อนของอีกฝ่ายที่เค้าไม่เคยเห็นมาก่อน
“นารูโตะ...”
“ครับ...”
“กลับไปถึงหมู่บ้านแล้วนายจะทำอะไรงั้นเหรอ...” คาคาชิเอ่ยถามเหมือนต้องการจะชวนคุยมากกว่า
“ก็คงกลับไปนอนยาว ๆ ให้หายเหนื่อยแล้วก็รอภารกิจครั้งต่อไป...อ้อ...ต้องไปกินราเมงให้อิ่มจนพุงแตกอีกด้วย...แล้วก็...” เจ้าตัวหยุดประโยคไว้เพียงเท่านั้นทำให้คนที่รอฟังอยู่ยิ่งสงสัย
“แล้วก็อะไรงั้นเหรอ...”
“แล้วก็อยากอยู่กับครูแบบนี้ทุก ๆ วัน...จะได้มั้ยครับ...”
“ชั้นก็อยากให้นายมาอยู่ข้าง ๆ แบบนี้ทุกวันเหมือนกัน ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้อยู่ด้วยกันตลอดไป...” คาคาชิเอ่ยตอบไปด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นและอ่อนโยนทั้งยังแฝงไว้ด้วยความอ่อนหวานและความรู้สึกที่มีต่อร่างแบบบางนี้
“ดีใจจังครับ...” นารูโตะพูดพร้อมกับโน้มใบหน้าของตนเข้าไปจูบที่แก้มของร่างสูงเบา ๆ คาคาชิก็ยิ้มรับกับการกระทำที่แสนจะน่ารักน่าหยิกน่าจับกดเป็นอย่างยิ่งของอีกฝ่าย บรรยากาศที่รายล้อมอยู่รอบตัวของทั้งสองคนในเวลานี้มันทั้งอบอุ่นและอ่อนหวาน...แต่แล้วจู่ ๆ คาคาชิก็หยุดเดินรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเมื่อสัมผัสได้ว่ามีใครบางคนกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
“ครูคาคาชิ...นารูโตะ...” ซากุระที่เห็นชัดว่าสองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นใครก็ตะโกนเรียกมาด้วยความยินดี
“ซาอิ...ซากุระ...” นารูโตะเองก็ดูจะดีใจอยู่เหมือนกันที่เห็นว่าเพื่อนร่วมทีมปลอดภัยดี
“นารูโตะเป็นอะไรเหรอครับ...ทำไมถึงเป็นแบบนี้...” ซาอิเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคาคาชิกำลังแบกร่างเล็ก ๆ ไว้บนหลังเค้าจึงคิดไปว่าอีกฝ่ายคงได้รับบาดเจ็บหรืออาจมีอะไรเกิดขึ้นจนต้องมาอยู่ในสภาพนี้
“นั่นสิค่ะ...นารูโตะบาดเจ็บเหรอค่ะ” ซากุระก็ร้องถามด้วยความสงสัยระคนเป็นห่วงเช่นกัน ขณะที่นารูโตะกำลังจะเอ่ยตอบพร้อมกับจะขยับกายลงมาจากหลังของร่างสูงคาคาชิก็เอ่ยแทรกขึ้นมาเสียก่อน...
“ก็นิดหน่อยแต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว...ให้อยู่แบบนี้ไปอีกซักพักแล้วกัน ชั้นเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ว่าแต่พวกเธอไม่เป็นอะไรใช่มั้ย...”
“ก็เกือบแย่เหมือนกันค่ะ...ถ้าโดนคาถานั้นนานกว่านี้อาจจะตายไปจริง ๆ ก็ได้ โชคดีที่ครูมาช่วยไว้ได้ทันพอดีเลยไม่เป็นอะไรมาก...” ซากุระเอ่ยตอบไปตามตรงเพราะถ้าคาคาชิไม่เข้ามาช่วยตนกับซาอิคงต้องตกอยู่ในคาถาลวงตาของอิทาจิที่ทรมานจนตายไปเลยก็ได้
“ชั้นก็ขอโทษที่ตอนนั้นช่วยพวกเธอไว้แล้วแต่ก็ไม่ได้ดูแลต่อเพราะทางนารูโตะก็น่าเป็นห่วง แต่ก็ดีแล้วที่ไม่เป็นอะไรมากยังไงพวกเรารีบกลับหมู่บ้านกันก่อนดีกว่า...นารูโตะจะได้พักผ่อน...” แล้วคาคาชิก็ออกเดินนำหน้าไป ซาอิกับซากุระก็เลยต้องรีบเดินตามไปด้วยเช่นกัน
“ทำไมไปโกหกสองคนนั้นแบบนั้นละครับ...ผมไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย...” นารูโตะกระซิบถามคนที่อาสาจะแบกเค้าไว้แบบนี้ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกระซิบเพราะไม่กล้าให้อีกสองคนได้ยินว่าพวกเค้าคุยอะไรกัน
“ก็เมื่อกี้นายบอกว่าอยากกอดชั้นไม่ใช่เหรอ...แล้วชั้นเองก็อยากให้นายกอดไว้แบบนี้นาน ๆ เหมือนกัน เพราะฉะนั้นนายก็อยู่บนหลังของชั้นไปจนกว่าจะถึงหมู่บ้านก็แล้วกันนะ...”
“แล้วถ้าเกิดพวกนั้นจับได้ว่าเราโกหกละครับ...จะทำยังไง...” นารูโตะยังไม่วางใจกับสถานการณ์แบบนี้
“ไม่เห็นต้องทำยังไงเลยแล้วนายก็ไม่ได้โกหกซักหน่อย...ร่างกายของนายตอนนี้ยังไม่พร้อมจะเดินทางแบบสมบุกสมบั่นเพราะเมื่อคืนนายผ่านศึกกับชั้นมาอย่างโชกโชน ส่งผลให้ร่างกายของนายต้องการพักฟื้น...เข้าใจมั้ย...” พอคาคาชิเอ่ยถึงเรื่องนั้นขึ้นมาใบหน้านวลสวยก็ต้องขับสีเลือดออกมาแบบระงับไม่อยู่ก่อนจะแอบทุบที่ไหล่กว้างของคนช่างพูดไปเบา ๆ เป็นการแก้เขิน
“บ้า...พูดอะไรออกมาน่ะ ไม่อายบ้างรึไงครับ...”
“อ้าว...ชั้นพูดความจริงผิดตรงใหน แล้วก็อย่าทำร้ายร่างกายคนอื่นตามใจชอบแบบนี้สิเกิดพลาดพลั้งชั้นทำนายหลุดมือร่วงลงไปจะแย่เอาน่า...” พอนารูโตะได้ฟังแบบนั้นก็ต้องเบ้ปากก่อนจะกระชับสองแขนของตนให้แน่นขึ้นแล้วพิงซบใบหน้าของตนลงไปบนไหล่กว้าง เค้าได้แต่คิดในใจว่าเรื่องมันล่วงเลยมาขนาดนี้แล้วอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดไปเถอะ เค้าพร้อมจะเผชิญกับทุกสถานการณ์อยู่แล้วขอแค่มีร่างสูงนี้อยู่เคียงข้างก็พอ...
“นารูโตะเป็นไงบ้าง...อาการแย่มากเลยเหรอ...” ซาอิที่เดินตามมาทันเห็นนารูโตะซบหน้าลงไปบนไหล่ของคนตัวสูงก็ให้นึกเป็นห่วงจึงเอ่ยถามออกไป
“ไม่หรอก...แต่ขออยู่แบบนี้ไปอีกซักพักแล้วกันนะ...แล้วก็ขอบใจนะที่เป็นห่วง...” นารูโตะเอ่ยตอบอีกฝ่ายไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมกับรอยยิ้มบาง ๆ...ทั้งหมดใช้เวลาเดินทางไปอีกหนึ่งวันเต็ม ๆ ก็กลับเข้ามาถึงหมู่บ้านโคโนฮะเป็นที่เรียบร้อย คาคาชิเข้าไปรายงานถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดรวมทั้งนารูโตะ ซากุระ และซาอิก็ต้องไปรายงานผลการทำภารกิจของตนว่าล้มเหลวเพราะเหตุใด แต่ซึนาเดะก็รับฟังอย่างเข้าใจเพราะเธอเองก็ส่งสัยกับภารกิจนี้อยู่เหมือนกันแต่ก็นับว่าโชคดีที่คาคาชิสามารถตามไปช่วยเหลือทั้งหมดไว้ได้ทันท่วงที...
“เอาเป็นว่าทุกอย่างก็จบลงด้วยดี ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจนเสียชีวิตก็ถือว่าดีมากแล้ว...” ซึนาเดะเอ่ยสรุป
“แต่ยังไงการที่ผมออกไปนอกหมู่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตก็เป็นความผิด...สมควรได้รับโทษนะครับ...” คาคาชิเอ่ยขอรับโทษจากโฮคาเงะโดยตรงด้วยแววตาสงบนิ่งไม่สะทกสะท้าน แต่สำหรับใครบางคนกลับกำลังรู้สึกเหมือนหัวใจมันเต้นจนน่าหวาดหวั่น
“ที่ครูทำไปเพราะว่าเป็นห่วงพวกเรานะป้า...คราวนี้ยกโทษให้ไม่ได้เหรอ...” คนตัวเล็กเอ่ยขอร้องขึ้นมาด้วยสีหน้าหวาดวิตกเพราะอย่างไรเค้าก็ไม่อยากให้ร่างสูงนี้ได้รับโทษทัณฑ์ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ซึนาเดะกวาดตามองเจ้าคนตัวเล็กที่ออกอาการร้อนรนแทนคนต้องโทษเสียมากมายแต่มันก็คงเป็นแบบนี้อยู่เสมอ เพราะถ้าเจ้าตัวเกิดไม่เห็นด้วยหรือไม่ชอบใจอะไรก็จะคัดค้านแบบหัวชนฝาอย่างถึงที่สุด
“เอาเถอะ...คราวนี้ถือว่าคาคาชิมีประโยชน์อยู่หรอกนะ จะลงโทษเบา ๆ ด้วยการให้ทำภารกิจพิเศษซักสองสามอย่างก็แล้วกันนะ...” ซึนาเดะสรุปได้ในท้ายที่สุดซึ่งมันสามารถทำให้เจ้าคนตาสวยฉีกยิ้มกว้างอย่างพอใจเป็นที่สุดที่ไม่ต้องเห็นใครบางคนต้องมารับโทษในครั้งนี้ คาคาชิเองก็หันมาส่งยิ้มให้ร่างเล็ก ๆ ที่ช่วยออกหน้าพูดให้เค้าด้วยแววตาอ่อนโยน นารูโตะก็ยิ้มรับอย่างยินดีเช่นกัน...
“ถ้างั้นพวกเราขอตัวก่อนนะครับ...สำหรับภารกิจพิเศษที่จะให้ผมทำจะเริ่มเมื่อไหร่ก็สั่งมาได้เลยครับ...” คาคาชิเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“อืม...แล้วจะบอกวันหลังนะ พวกนายไปพักผ่อนกันเถอะ...” เมื่อได้ยินคำอนุญาติแล้วทั้งหมดก็พากันแยกย้ายออกจากห้องนั้นไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน...พอออกมาจากห้องทำงานของโฮคาเงะแล้วนารูโตะก็ตั้งท่าจะแยกกลับบ้านตนในทันทีแต่ก็ถูกใครบางคนดึงรั้งไว้ให้หยุดก่อน
“มีอะไรเหรอครับ...” นารูโตะร้องถามด้วยความสงสัยเมื่อถูกคาคาชิรั้งตัวเอาไว้
“เย็นนี้นายมาทานมื้อเย็นกับชั้นนะ จะได้แก้ตัวจากคราวก่อนที่นายผิดนัด...” คาคาชิกระซิบบอกอีกฝ่ายเบา ๆ ซึ่งนารูโตะก็พยักหน้ารับ
“งั้นขอเป็นเวลาเดิมแล้วก็ร้านเดิมได้มั้ยครับ...เพราะผมอยากกินราเมงมาก ๆ เลยตอนนี้...” นารูโตะเอ่ยต่อรองซึ่งคาคาชิก็ไม่ได้ขัดข้อง
“ตกลงตามนี้...” คาคาชิไม่พูดเปล่ากลับแอบขโมยหอมแก้มเนียน ๆ นั้นไปติด ๆ ถึงสองทีแบบที่ไม่ทันให้เจ้าของแก้มนวลได้ปฏิเสธหรือปัดป้องแต่อย่างใด สุดท้ายนารูโตะก็ได้แต่ยกมือขึ้นมาแตะผิวแก้มตัวเองเบา ๆ ก่อนจะบ่นพึมพำคนเดียว
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

นัตจังน่ารักอ่ะ มีออกตัวแก้ต่างให้ด้วย
อ่านไปเขินไปเลย>////<
ครูคาคาช่างฉวยโอกาสตลอดเลยนะคะ
ขอตัวไปอ่านตอนต่อไปก่อนนะคะ
อร๊ายยยยย น่าร๊ากกกกกกก >//////0//////<