ตอนที่ 23 : จิตใจไหวเอน
Mission : 23
...พอดวงจันทร์ลอยเด่นอยู่กลางฟากฟ้า ทอแสงนวลตางดงามจนน่าหลงใหลจนสะท้อนให้เห็นเงาของคนสองคนที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนไม่มีใครสังเกตุเห็น เงาทั้งสองนั้นค่อย ๆ เคลื่อนหายออกไปจากปราสาทหลังใหญ่เพื่อมุ่งหน้าไปยังจุดมุ่งหมายที่ตั้งใจไว้ แล้วไม่นานพวกเค้าทั้งสองก็มาหยุดลงตรงหน้าต้นไม้ใหญ่สองต้นที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางป่า...
“เอาไงต่อดีครับ...เราจะสำรวจกันยังไง...” เสียงใส ๆ ร้องถามคนตัวสูงกว่าด้วยความสงสัย
“ก็ต้องลองดูหลาย ๆ วิธีที่พอทำได้...” พูดแล้วคาคาชิก็เรียกเนตรวงแหวนขึ้นมาทันที จากนั้นภาพที่ปรากฏผ่านดวงตาข้างนั้นก็แจ่มชัดขึ้นมาทันใด
“เป็นไงบ้างครับ มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า...”
“อืม...ก็ปกติดี เข้าไปข้างในกันเถอะ...” คาคาชิไม่พูดเปล่าแต่เค้ากลับเอื้อมมือไปคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของคนข้างตัวมากุมไว้แล้วออกแรงรั้งเบา ๆ ให้อีกฝ่ายเดินตามมานารูโตะเองก็ยอมเดินตามอีกฝ่ายไปแต่โดยดีเพราะไม่รู้ว่าจะมาเกี่ยงงอนเพื่ออะไร แล้วทั้งสองคนก็เดินเข้ามาตามทางที่เมื่อตอนกลางวันเคยเดินผ่านไปแล้วครั้งนึง
“ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติเลยนี่ครับ...ไม่รู้สึกถึงจักระหรือว่าอะไรเลยซักอย่างเดียว...” เสียงหวาน ๆ เอ่ยขึ้นพร้อมกับกวาดสายตาสำรวจบริเวณโดยรอบ
“ถ้ามันเป็นแค่มิติซ้อนทับอย่างที่บอกจริง ๆ ก็คงไม่น่าเป็นห่วง...แต่ถ้าไม่ใช่ชั้นกลัวว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ที่เราจะรับมือยาก...”
“ครูหมายถึงพวกแสงอุษาใช่มั้ยครับ...” พอได้ยินคำถามนี้ร่างสูงก็หยุดชะงักพร้อมกับเบือนหน้ากลับมาทางคนตัวเล็กที่ยืนจ้องมองเค้าอยู่เวลานี้
“ใช่...ชั้นไม่อยากให้พวกนั้นเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เพราะมันหมายถึงความปลอดภัยของตัวนาย...” น้ำเสียงทุ้มต่ำที่เอ่ยออกมาเหมือนจะแฝงความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ซึ่งนารูโตะในยามนี้สามารถรับรู้และสัมผัสถึงความรู้สึกนั้นได้อย่างชัดเจน
“ครูเป็นห่วงผมด้วยเหรอครับ...” คำถามที่เอ่ยถามออกไปตามประสาซื่อทำให้คนถูกถามต้องยิ้มรับบาง ๆ แต่ไม่ได้เอ่ยตอบสิ่งใดกลับมานอกจากกระชับมือของตนที่เกาะกุมมือเล็ก ๆ นั้นไว้ให้แน่นขึ้นอีก
“เราออกไปข้างนอกกันดีกว่า...” แล้วคาคาชิก็จูงมืออีกฝ่ายให้เดินตามออกไปจากอุโมงค์ของมิติซ้อนทับที่ดูคล้ายภาพลวงตานี้อย่างไม่รีบร้อน แล้วทั้งสองคนก็ก้าวพ้นออกมาจากมิติประหลาดมาหยุดอยู่ตรงทางเดินที่เป็นทางเข้าหมู่บ้านอีกครั้ง
“เป็นอันว่าไม่เจอะไรเลยนะครับ...เหมือนจะมาเสียเที่ยวยังไงไม่รู้...” นารูโตะบ่นเบา ๆ เพราะสิ่งที่คิดและคาดเดาไว้มันไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเลยซักอย่างเดียว
“ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ...แต่ว่าก็ไม่ถึงกับเสียเที่ยวหรอกนะ...”
“หมายความว่าไงเหรอครับ...ที่ว่าไม่เสียเที่ยวนะ...”
“ก็ชั้นไม่ได้คิดจะมาที่นี่ที่เดียวซักหน่อย...”
“อ้าว...แล้วครูจะไปที่ใหนต่อเหรอครับ หรือว่ายังมีที่ที่น่าสงสัยอยู่อีก...”
“ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เองแหละ...ตามมาสิ...” ว่าแล้วคาคาชิก็จูงร่าง ๆ เล็ก ให้ตามมาโดยไม่พูดบอกอะไรให้กระจ่าง นารูโตะเองก็เริ่มจะรู้แล้วว่าถ้าลองอีกฝ่ายเป็นแบบนี้ต่อให้ถามยังไงก็ไม่ได้คำตอบจึงจำใจต้องเดินตามอีกฝ่ายไปเงียบ ๆ โดยไม่ถามอะไรอีก
...ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าใครบางคนในยามนี้กำลังสร้างความตื่นตะลึงให้กับเค้าได้อย่างมากมาย จนลืมเลือนคำพูดทั้งหมดที่คิดไว้ได้แต่จ้องมองภาพเบื้องหน้าด้วยความประหลาดใจ...
“ครูรู้ได้ยังไงครับว่ามีสถานที่แบบนี้อยู่ด้วย...” เสียงหวานใสเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น
“นินจาที่ดี เมื่อต้องทำภารกิจก็จำเป็นจะต้องมีข้อมูลของสถานที่ที่เราจะไปไว้บ้างสิ...”
“แล้วทำไมถึงไม่รู้ว่าที่นี่มีมิติซ้อนทับที่เหมือนกับคาถาลวงตาละครับ...” เสียงใส ๆ เอ่ยย้อนมาให้เบา ๆ
“ชั้นบอกว่าต้องมีข้อมูลไว้บ้าง ไม่ได้บอกว่าต้องมีข้อมูลทั้งหมดนะนารูโตะ...” เสียงทุ่มต่ำเอ่ยตอบกลับมาพร้อมกับใช้มือขยี้เส้นผมสีทองของอีกฝ่ายเล่นเบา ๆ เป็นการหยอกล้อ
“แล้วครูพาผมมาที่นี่ทำไมครับ...”
“ก็เห็นว่ามันสวยดีแล้วก็น่าจะมีประโยชน์กับภารกิจของเราเลยอยากให้นายได้เห็น...”
“ก็จริงนะครับ...เพราะจากจุดนี้เราสามารถมองเห็นหมู่บ้านนี้ได้ทั้งหมดเลย แล้วก็ทำให้รู้อีกว่าพื้นที่รอบ ๆ หมู่บ้านนี้เป็นป่าทึบเหมาะแก่การส่องสุมและซ่อนตัวอย่างมากเลยครับ แต่ถึงอย่างนั้นพอได้เห็นภาพหมู่บ้านตอนกลางคืนแบบนี้แล้วก็ยังรู้สึกว่ามันสวยอยู่ดีเหมือนกับหมู่บ้านของเราที่ซ่อนตัวอยู่หลังใบไม้มากมาย อบอุ่น และสงบสุข
“อย่ามัวแต่ชื่นชมอย่างเดียว นายต้องจำโครงสร้างคร่าว ๆ ของหมู่บ้านไว้ด้วยเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้รู้ว่าต้องทำยังไง...”
“ครับ...” ถึงจะรับคำไปแบบนั้นแต่คาคาชิก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้สนใจในสิ่งที่เค้าพูดซักเท่าไหร่เพราะดวงตาคู่สวยเอาแต่จับจ้องภาพเบื้องล่างไม่วางตา ร่างสูงยืนมองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นก่อนจะสาวเท้าเข้าไปใกล้ร่างเล็กอย่างช้า ๆ คนถูกจ้องไม่ได้รับรู้อะไรเลยจนกระทั้งสัมผัสได้ถึงวงแขนแข็งแรงที่โอบกระชับอยู่ตรงช่วงเอวของตนอย่างอ่อนโยนและจากการกระทำนั้นส่งผลให้ร่างบางต้องสะดุ้งน้อย ๆ ก่อนจะหันหน้ากลับไปเพื่อพบกับใบหน้าคมคายที่ไร้ซึ้งหน้ากากคอยบดบังไว้เหมือนเช่นทุกที ดวงตาคมวาวที่จ้องมองมามันกำลังโยกไหวหัวใจดวงน้อยให้สั่นรัว รอยยิ้มอบอุ่นที่ประดับอยู่บนใบหน้าคมเข้มนั้นมันเหมือนกับกองเพลิงที่กำลังเผาผลาญร่างกายใครบางคนให้มอดไหม้เป็นเถ้าธุลี
“มีอะไรเหรอครับ...” เสียงหวานเอ่ยถามไปเพียงแผ่วเบาพร้อมกับก้มหน้าต่ำเพื่อหลบสายตาของอีกฝ่ายที่จ้องมองมาด้วยใบหน้าร้อนผ่าว
“ก็แค่อยากกอดนายเฉย ๆ...ได้หรือเปล่า...” คำตอบเรียบงายและตรงไปตรงมายิ่งทำให้คนฟังหน้าแดงมากยิ่งขึ้น ใจเต้นรัวจนกลัวว่ามันจะหลุดออกมาเสียเดี๋ยวนี้
“พักหลังมานี่ก็กอดอยู่บ่อย ๆ แล้วนี่ครับ...” เสียงสั่น ๆ ที่เอ่ยออกมานั้นช่วยสร้างรอยยิ้มบนใบหน้าคมให้กว้างมากยิ่งขึ้น
“แต่ดูเหมือนนายไม่ค่อยเต็มใจเลยซักครั้งน่ะ...”
“ก็...แบบว่า...” เจอคำถามแบบนี้เข้าไปคนกล้าอย่างนารูโตะก็ถึงกับตอบไม่ถูกเหมือนกัน ได้แต่ก้มหน้างุดจ้องมองเพียงแผ่นอกกว้างของร่างสูงเท่านั้น แล้วปลายนิ้วเรียว ๆ ก็เลื่อนลงมาแตะที่แก้มนุ่มนิ่มเบา ๆ ก่อนจะเชยคางเล็ก ๆ ให้เงยขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายหันมาสบตากันอีกครั้ง
“ตอนนี้ชั้นอยากทำมากกว่ากอดนายเฉย ๆ แล้วล่ะ...นายจะว่ายังไง...” คำถามที่ดูมีเลศนัยจากร่างสูงนี้มันทำให้คนถูกถามต้องหน้าถอดสีขึ้นมาโดยฉับพลัน ซึ่งคาคาชิก็สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน
“กลัวเหรอ....” คาคาชิโน้มใบหน้าต่ำลงมาแล้วกระซิบถามไปเบา ๆ แล้วเปลี่ยนมาเป็นโอบกอดร่างนั้นไว้อย่างทะนุถนอม
“ครูครับ...” เสียงหวานใสเอ่ยเรียกมาเบา ๆ
“หืม...”
“ครูเคยหัวใจเต้นแรงมาก ๆ จนกลัวว่ามันจะหลุดออกมาจากอกตัวเองบ้างหรือเปล่าครับ...”
“เคยสิ...”
“ตอนใหนเหรอครับ...”
“ตอนที่มีนายมาอยู่ใกล้ ๆ ตัวชั้นอยู่ในระยะที่สองแขนของชั้นจะสามารถเอื้อมไปถึง ตอนที่กอดนายไว้แบบนี้ก็ด้วย แต่ที่ชั้นชอบมากที่สุดก็ตอนที่...” คาคาชิเอ่ยค้างไว้เพียงเท่านั้นแล้วก็คลายอ้อมกอดของตนออกเพื่อจะได้มองใบหน้าอีกฝ่ายให้เต็มตาด้วยรอยยิ้มและแววตาที่ดูหวานเชื่อมจนน่าหลงใหล
“ตอนที่อะไรเหรอครับ...” นารูโตะร้องถามออกไปด้วยความอยากรู้ถึงจะรู้สึกขัดเขินกับคำตอบของอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อยก็ตาม
“ก็ตอนที่ชั้นทำแบบนี้กับนายไงล่ะ...” พูดจบริมฝีปากที่สวยได้รูปก็เคลื่อนเข้ามาทาบทับลงไปบนกลีบปากนุ่มนิ่มอิ่มเอิบชวนให้น่าสัมผัสยิ่งนักริมฝีปากที่บดเบียดลงมาอย่างนุ่มนวลแต่เร่าร้อนนี้มันทำให้นารูโตะแทบทรงกายไม่อยู่แล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของตนเองในยามนี้ซักเท่าไหร่เมื่อตนค่อย ๆ เผยอริมฝีปากรับจูบนั้นอย่างประหม่าแล้วในที่สุดก็ยินยอมให้ลิ้นร้อนของอีกฝ่ายแทรกผ่านเข้ามาภายในอย่างง่ายดาย เมื่ออีกฝ่ายตอบรับมาคาคาชิก็โอบกระชับร่างบอบบางไว้มั่นราวกับจะหลอมรวมร่างสองร่างให้เป็นหนึ่งเดียวได้ภายในวงแขนนี้ สองแขนเรียวเล็กที่กลมกลึงก็ค่อย ๆ เคลื่อนขึ้นไปโอบกอดอยู่รอบคอของร่างสูงโดยไม่รู้ตัว รสจูบที่หว่านล่ำท่ามกลางแสงจันทร์นวลตาอ้อมกอดที่โอบรัดกันไว้ด้วยจิตใจที่แสนเสน่หาดำเนินไปอย่างเนิ่นนานตามอารมณ์และจิตใจที่ไหววูบเอียงเอนไปตามกระแสอารมณ์ของกันและกัน หากแต่ต่างฝายต่างก็เริ่มรับรู้ได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้นภายในใจของตนเองจนมองเห็นเป็นรูปร่างที่ชัดเจนกว่าที่ผ่านมา...
“ผมรู้สึกเหมือนจะขาดใจตายลงไปเลยละครับ...” เสียงใส ๆ เอ่ยออกมาพร้อมกับอาการหอบน้อย ๆ หลังจากที่ริมฝีปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระ คาคาชิจูบที่แก้มเนียน ๆ นั้นไปอีกหนึ่งทีเป็นการปลอบโยนก่อนจะโอบกอดร่างน้อยนั้นไว้อย่างหวงแหน
“แล้วนายล่ะ...รู้สึกใจเต้นแรงตอนใหนบ้าง...” คาคาชิถามกลับด้วยคำถามเดียวกัน นารูโตะซุกหน้าลงไปบนแผ่นอกกว้างพร้อมกับกระชับสองแขนที่โอบรอบร่างสูงไว้เช่นกันให้แน่นขึ้นก่อนจะเอ่ยตอบไปเบา ๆ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แงงงง ละมุนมากกก นั่งยิ้มไม่หุบเบย TT
ทั้งคู่หวานกันไปไหมคะ
ชอบๆๆ
>///<
แอบขอเชียร์ให้เเสงอุษามีบทในฟิคนี้บ้างจัง*0*
ขอตัวไปอ่านตอนต่อไปก่อนนะคะ
พูดกันออกมาซะขนาดนี้แล้วน่าจะรู้แล้วนะ ความรู้สึก
ของทั้งสองฝ่ายที่่มีให้กัน นี่ถ้าบอกรักกันแล้วมันจะ
หวานกันขนาดไหนเนี่ย เขินแทนวุ้ยยย
อิจฉาโตะจริงๆ อยากเป็นโตะจังเลยย
ปล อัพเร็วๆนะค่ะ คนอ่านรออยู่ พรีสสสสสส
จะว่าไปมันก็หวานเกือบทุกคู่
อ่านที่มดขึ้นตลอด รออยู่นะ คริๆ
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 16 มิถุนายน 2557 / 05:13
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 16 มิถุนายน 2557 / 05:21
คาชิหวานมั่ก ละลายอ่ะ
อยากจะแปลงกายเป็นโตะน้อย จะได้
ให้ คาชิจ๊วบๆ บ้างอ่ะ..เริ่มหื่น555