ตอนที่ 17 : ความอึดอึดใจ
Mission : 17
...นับตั้งแต่ออกจากหมู่บ้านมาก็มีเพียงความเงียบระหว่างคนสองคนเท่านั้น บางครั้งนารูโตะก็แอบชำเลืองมองแผ่นหลังอีกฝ่ายที่นำหน้าอยู่ด้วยความไม่เข้าใจอยากถามอยากพูดอะไรหลายอย่างแต่ก็ไม่กล้า ส่วนคาคาชิเองก็นึกอยากจะหันไปจับเจ้าตัวเล็กด้านหลังของเค้ามาถามมาบอกอะไร ๆ ให้มันจบ ๆ ไปเหมือนกันแต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ที่อยู่ในภารกิจเค้าก็ไม่อาจจะทำตามใจตัวเองได้มากขนาดนั้น สุดท้ายก็เลยมีแต่ความเฉยชาที่เกือบจะกลายเป็นเย็นชาที่ทั้งสองคนใช้สื่อสารกัน แต่เพราะว่าเป็นทีมเดียวกันทำภารกิจร่วมกันมานานจึงเข้าใจในอุปนิสัยของกันและกันเป็นอย่างดี...คาคาชิหยุดการเคลื่อนไหวลงที่ใต้ต้นไม่ใหญ่ต้นหนึ่ง แล้วนารูโตะก็ตามมาหยุดอยู่ที่เดียวกันโดยไม่ต้องบอกนารูโตะก็เข้าใจแล้วว่าคืนนี้ที่นี่จะเป็นที่ค้างแรมของพวกเค้า เนื่องจากพวกเค้าเร่งเดินทางกันมาตลอดโดยไม่ได้หยุดพักและนี่ก็จวนค่ำแล้วคาคาชิจึงมองหาที่ค้างแรมที่พอจะหาได้ตามประสบการณ์ของเค้าที่มีมา...
“คิดจะเงียบแบบนี้ไปตลอดทางเลยรึไงนะ...” นารูโตะบ่นให้คนตัวสูงเบา ๆ แค่พอได้ยินคนเดียวก่อนจะเดินหายเข้าไปในแนวป่าซึ่งไม่ไกลจากตรงนี้มีแนวลำธารเล็ก ๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นตาน้ำเสียมากกว่า นารูโตะเลือกเดินออกมาให้ห่างจากตรงจุดนั้นเพราะบรรยากาศระหว่างเค้ากับคาคาชิมันมีแต่ความอึดอัดเค้ายืนพิงต้นไม้ใหญ่เหม่อมองท้องฟ้าที่ส้มแดงที่แสงสุดท้ายกำลังจะลาลับไปด้วยความรู้สึกเหงาเศร้าในจิตใจอย่างบอกไม่ถูก เปลือกตาบาง ๆ ปิดลงช้า ๆ ด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้าทางจิตใจมากกว่าจะเป็นทางร่างกายอากาศเย็น ๆ รอบตัวเริ่มโรยเข้ามาทีละน้อยให้ความรู้สึกสดชื่นเย็นสบาย ร่างบางยืนนิ่งเพื่อสัมผัสกับธรรมชาติรอบกายไปเรื่อย ๆ ด้วยหวังจะให้ความเย็นของอากาศช่วยทำให้จิตใจที่ขุ่นมัวของเค้าสดชื่นขึ้น...
“มายืนทำอะไรตรงนี้...” เสียงทุ้มนุ่มต่ำฟังดูคุ้นหูที่ดังอยู่ใกล้ ๆ ทำให้ร่างบางต้องสะดุ้งน้อย ๆ พร้อมกับลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็ทำให้ใบหน้านวล ๆ แดงเรื่อขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วเพราะใบหน้าคมเข้มที่เค้าคุ้นเคยมาระยะหนึ่งมันอยู่ห่างจากใบหน้าของเค้าเพียงแค่ฝ่ามือเท่านั้น นารูโตะไม่กล้าสบตากับดวงตาคมกล้าที่ไม่ได้มีแววหวานเชื่อมเหมือนอย่างที่เคยเห็นเมื่อหลายวันก่อนจนต้องเบือนหน้าหนี
“ไม่อยากเห็นหน้าชั้นมากขนาดนั้นเลยเหรอ...นารูโตะ...” คาคาชิที่ยืนท้าวแขนทั้งสองข้างไว้กับลำต้นของไม้ใหญ่โดยที่ร่างสูงยังคงยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้าร่างบอบบางจนตอนนี้ร่างเล็ก ๆ ของใครบางคนเหมือนจะตกอยู่ในวงแขนของร่างสูงกลาย ๆ คำถามที่ได้ฟังนั้นมันฟังดูเหมือนคำตัดพ้อเสียมากกว่านารูโตะรู้สึกว่าในคำพูดเหล่านั้นมันมีอะไรแอบแฝงมาด้วยจนต้องหันกลับมาสบตากับอีกฝ่ายตรง ๆ อีกครั้ง
“เปล่าครับ...ก็แค่...” นารูโตะไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดีแต่คนฟังกลับต่อประโยคที่ขาดหายไปนั้นให้สมบูรณ์ด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แววตากลับแห้งแล้งจนน่าใจหาย
“รังเกียจที่ชั้นมาอยู่ใกล้ ๆ แบบนี้...ใช่มั้ย...” พูดแล้วคาคาชิก็ขยับกายถอยห่างออกไปอีกสองสามก้าวแล้วหมุนกายเดินจากไปทันที ทิ้งให้คนอีกคนต้องรู้สึกผิดที่สถานการณ์กลับกลายมาเป็นแบบนี้
“ครูครับ...เดี๋ยวก่อนสิครับ...” นารูโตะร้องเรียงอีกฝ่ายพร้อมกับวิ่งตามมาด้วยต้องการอธิบายให้เข้าใจแต่ก็ต้องถูกอีกฝ่ายตัดบทเอาเสียดื้อ ๆ อย่างนั้น
“ไปนอนเถอะ...พรุ่งนี้เราต้องเร่งเดินทางโดยไม่มีการหยุดพักอีก...” คาคาชิเอ่ยตอบกลับมาโดยที่ไม่แม้แต่จะหันกลับมาหาคนตัวเล็กที่วิ่งตามมาด้านหลัง แต่คนอย่างนารูโตะไม่มีวันยอมแพ้หรือยอมทำตามคำสั่งใครง่าย ๆ หากตัวเค้าไม่ยินยอมครั้งนี้ก็เช่นเดียวกันร่างบางสาวเท้าให้เร็วขึ้นแล้ววิ่งไปดักหน้าอีกฝ่ายไว้อย่างรวดเร็ว
“ฟังกันก่อนได้มั้ยครับ...ครูกำลังเข้าใจผิดผมไม่ได้รังเกียจครูนะครับ แต่เรื่องวันนั้นมันทำให้ผมคิดไม่ตกว่าควรจะทำยังไงต่อไปดีพอต้องมาทำภารกิจด้วยกันแบบไม่ทันตั้งตัวทั้งที่ยังรู้สึกสับสนแบบนี้มันก็เลยวางตัวลำบาก แล้วที่ผมไม่เข้าใจมากที่สุดก็คือทำไมครูถึงกล้าทำแบบนั้น...กับผม...แถมยัง...” ท้ายประโยคแผ่วเบาลงไปพร้อมกับใบหน้าเนียนใสที่เริ่มเปลี่ยนสี
“แถมยังอะไร...” คาคาชิเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่แสดงอารมณ์จนทำให้คนถูกถามต้องเม้มปากด้วยความขัดใจที่อีกฝ่ายยังมีทีท่าเมินเฉยไม่สนใจ
“ช่างเหอะ...ใหน ๆ ครูก็ไม่ได้สนใจเรื่องในวันนั้นอยู่แล้วจะรู้ไปทำไมคิดซะว่าผมไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน ลืม ๆ มันไปซะก็ดี...” พูดจบนารูโตะก็สะบัดหน้าเดินหนีไปด้วยความโมโหและอารมณ์น้อยใจที่ผสมปนเปกันไป แต่ยังเดินไปได้ไม่ทันไรก็รู้สึกเหมือนร่างตัวเองถูกรั้งให้หยุดแล้วก็สัมผัสได้ถึงวงแขนที่อบอุ่นกำลังโอบล้อมอยู่รอบตัวเค้าอีกทั้งแผ่นอกกว้างที่สัมผัสแนบชิดอยู่กับแผ่นหลังของตนในเวลานี้
“นายพูดถูกชั้นไม่ได้สนใจเรื่องในวันนั้นเลยแม้แต่น้อย...” คาคาชิกระซิบบอกคนในอ้อมกอดเพียงแผ่วเบา แต่ทว่ามันกลับทำให้คนรับฟังต้องนิ่วหน้าด้วยความไม่พอใจก่อนจะพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนแข็งแรงนั้น
“ก็ดีแล้ว...แล้วก็เลิกมาทำอะไรแบบนี้กับผมซักที...” เสียงใสร้องว่าพร้อมกับพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดนั้น
“ชั้นฟังที่นายพูดแล้ว...นายก็ควรจะฟังที่ชั้นพูดบ้างนะนารูโตะ...” เจอประโยคยอกย้อนแบบนี้เค้าไปนารูโตะจำต้องขบริมฝีปากข่มใจตัวเองแล้วหยุดฟังสิ่งทีอีกฝ่ายจะเอ่ยต่อไป พอเห็นอีกฝ่ายหยุดแผลงฤทธิ์คาคาชิก็อมยิ้มน้อย ๆ
“วันนั้นนายคิดว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอ...” คาคาชิเปลี่ยนจากประโยคบอกเล่ามาเป็นประโยคคำถามแทน แต่คนถูกถามยิ่งหน้าแดงก่ำเพราะมันเป็นคำตอบที่ตอบง่ายแต่พูดยากเสียเหลือเกิน
“จะถามอีกทำไมตัวเองทำอะไรลงไปไม่รู้รึไงเล่า ก็เห็น ๆ กันอยู่...”
“ชั้นไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย...อืมจะว่าไม่ได้ทำก็คงไม่ได้เพราะตอนที่นายหลับชั้นไม่ได้ทำแต่ตอนที่นายรู้สึกตัวก็ทำไปอย่างที่รู้ ๆ กันนั่นแหละนะ...” จากประโยคนั้นทำให้นารูโตะต้องหมุนกายกลับมาจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ
“ครูไม่ได้ทำตอนผมหลับ แต่ทำตอนผมตื่น มันหมายความว่าไง...”
“ก็หมายความตามนั้น...” คาคาชิตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงยียวนจนารูโตะนึกหมั่นไส้ขึ้นมาตงิด ๆ
“จะบอกว่าไม่ไดทำได้ไงก็สภาพเราสองคนตอนนั้นมองยังไงก็ไม่มีทางคิดเป็นอย่างอื่นได้หรอก...”
“เหรอ...แต่ชั้นไม่ได้ทำอะไรจริง ๆ แล้วนายคิดเหรอว่าถ้าชั้นทำอย่างที่นายคิดจริง ๆ นายจะไม่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเลยนะ และที่สำคัญที่สุดชั้นไม่ชอบลักหลับใครชั้นชอบให้มีการยินยอมพร้อมใจทั้งสองฝ่ายมากกว่าการฝืนใจ ยิ่งคน ๆ นั้นเป็นนายด้วยแล้วชั้นเองก็ไม่เคยคิดจะฝืนบังคับเลยซักนิด...”
“ก็มัน...เอ่อ...คือว่า...แบบ...” แล้วนารูโตะก็ถึงกับเถียงไม่ออกเพราะเหตุผลและความเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายเอ่ยมามันน่าเชื่อถือจนเค้าไม่รู้จะแย้งกลับไปว่ายังไง
“เพราะนายคิดว่าชั้นทำอะไรลงไปแล้วใช่มั้ย นายถึงได้มีทีท่ารังเกียจชั้นแบบนั้น...”
“เปล่าครับ...ก็ตอนนั้นเป็นใครถ้าตื่นมาแล้วเจอแบบผมก็ต้องคิดต้องรู้สึกเหมือนผมทั้งนั้นแหละคนที่ผิดคือครูต่างหากละครับอยู่ดีไม่ว่าดีมาถอดเสื้อผ้าคนอื่นเค้าเล่นทำไมกันเล่าแถมยังมานอนเปลือยด้วยกันอีกมันคิดเป็นอย่างอื่นได้ที่ใหนกันล่ะ...ครูเพี้ยน...ครูบ้า...ทำอะไรไม่สมเป็นครูเลยซักนิด...”
“ชั้นก็คงไม่สมจะเป็นครูจริง ๆ นั่นแหละ...” คาคาชิยอมรับหน้าตามเฉยทำให้คนกล่าวหาต้องเป็นฝ่ายร้อนรนเสียแทน
“นี่อย่าบอกนะครับว่ากำลังน้อยใจเพราะคำพูดของผมอีกน่ะ...ครูคิดมากไปหรือเปล่าครับ ผมก็พูดไม่เรื่อยไม่ได้คิดแบบนั้นซักหน่อย...” นารูโตะรีบแก้ตัวเป็นพัลวันเพราะไม่อยากให้เกิดการเข้าใจผิดจนสร้างบรรยากาศชวนอึดอัดขึ้นมาอีกครั้ง
“เปล่าเลย...ชั้นไม่ได้คิดมากเพราะคำพูดของนายแค่ชั้นยอมรับความจริงเท่านั้นเองว่า ความคิด การกระทำ และความรู้สึกของชั้นมันไม่สมควรจะเป็นครูของนายเลย...”
“ครูคาคาชิ...” นารูโตะเอ่ยเรียกชื่อนั้นเพียงแผ่วเบาด้วยความรู้สึกที่เหมือนจะเห็นใจหรืออะไรซักอย่างก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
“เอาเป็นว่าต่อจากนี้ไปชั้นจะระมัดระวังคำพูดและการกระทำที่มีกับนายให้มากกว่านี้ก็แล้วกัน จะได้สมกับความเป็นครูให้มากตามที่นายว่า...” เอ่ยจบคาคาชิก็ปล่อยร่างบางที่ตนยึดกอดไว้หลวม ๆ ให้เป็นอิสระพร้อมกับส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้อีกฝ่าย
“ครูครับ...ผมขอถามอะไรซักอย่างได้มั้ยครับ...”
“ถ้าตอบได้ก็จะตอบให้...”
“ครูเคยทำแบบนี้กับคนอื่นมาก่อนหรือเปล่าครับ เคยทำแบบนี้กับผู้หญิงคนใหนหรือว่าผู้ชายคนใหนมาก่อนบ้างมั้ยครับ...” คำถามที่ถูกส่งมาให้จากคนตาสีฟ้าสวยใสที่มีแววซื่อบริสุทธิ์เสียจนดูน่าทนุถนอม
“นายอยากรู้ไปทำไม...”
“ก็แค่อยากรู้เฉย ๆ ไม่ได้จะทำไมหรอกครับ...” นารูโตะตอบคำถามนั้นกลับไปพร้อมกับก้มหน้านิ่งด้วยรู้สึกว่าหัวใจตัวเองมันเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้ว คาคาชิก้าวเข้าไปหาร่างบางตรงหน้าอีกครั้งพร้อมกับใช้ปลายนิ้วเรียวสวยของตนเชยปลายคางกลมมนให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากัน และแววตาที่นารูโตะพบเห็นในคราวนี้มันเต็มไปด้วยความอ่อนหวานจนแทบลืมหายใจ
“อยู่มาจนแก่ป่านนี้แล้วก็ยังไม่เคยคิดจะไปทำแบบนี้กับใครเหมือนกันไม่ว่าจะผู้หญิงหรือว่าผู้ชาย...นายเป็นคนแรกนะที่ทำให้ชั้นรู้สึกแบบนี้และชั้นคิดว่าคงเป็นคนสุดท้ายในชีวิตของชั้นด้วย...” พูดจบเรียวปากสวยได้รูปก็ถือโอกาสเข้าครอบครองริมฝีปากอิ่มสวยของใครบางคนไปอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยนเนิ่นนานด้วยความรู้สึกที่มันกำลังเรียกร้องอยู่ภายในใจ...
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ฟินกับประโยคสุดท้ายมาก
ในที่สุดปริศนาคืนนั้นก็กระจ่างซะที แอบเสียดายเล็กน้อย
ขอตัวไปอ่านตอนต่อไปก่อนนะคะ
ถ้ามีคนมาพูดแบบนี้กับเราเราคงละลายเลยล่ะ
ชอบๆๆๆๆ เขิลวุ้ยๆๆๆๆ
สรุปนารูโตะคุงเข้าใจผิดไปเอง5555