ตอนที่ 15 : ก็เพราะหนังสือ
Mission : 15
...พอคาคาชิออกมาจากห้องน้ำในห้องนั้นก็ว่างเปล่า ไร้เงาและร่องรอยของร่างบางอย่างสิ้นเชิง เค้าเดินมายืนพิงกรอบหน้าต่างทั้งที่ร่างกายยังพราวไปด้วยหยดน้ำทั่วร่าง สายตาที่เหม่อมองไปด้านนอกในยามนี้มันดูเงียบเหงาและกังวลใจอย่างชัดเจน คาคาชิเองก็ไม่แน่ใจว่าตนทำเกินไปหรือเปล่า แววตาที่อีกฝ่ายจ้องมองมานั้นเค้ายังจำได้ดีว่ามันมีแววหวั่นไหวและเสียใจปะปนอยู่ด้วยและเพราะอย่างนั้นเค้าจึงต้องตัดใจไม่เอ่ยหรือทำอะไรไปมากกว่านี้...นั่นก็เพราะเค้ารู้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่ได้ต้องการความสัมพันธ์แบบนี้ แม้อีกฝ่ายจะมีแววไหวหวั่นในบางครั้งแต่ก็อาจจะเป็นเพราะสถานการณ์บังคับก็เป็นได้...
“อาจจะดีแล้วก็ได้...ควรหยุดเสียตั้งแต่ตอนนี้ก่อนที่ใจมันจะถลำลึกจนเกินจะแก้ไข...เข้าใจมั้ย...คาคาชิ...” คำพูดที่เอ่ยกับตัวเองให้ตัดใจหรือเลิกทำในสิ่งที่ใจปรารถนามันเจ็บปวดขนาดนี้เชียวหรือ แสงทองเริ่มจับขอบฟ้าแล้วสาดส่องไปทั่วผืนดินบ่งบอกว่าเช้าวันใหม่ที่แสนจะสดใสได้มาเยือนอีกคราแล้ว แต่ทว่าจิตใจที่หม่นหมองไม่ได้สดใสของคนสองคนกลับกำลังเจ็บช้ำอยู่เงียบ ๆ โดยไม่มีใครมารับรู้นอกจากเจ้าของหัวใจนั่นเอง...
...หลังจากรีบร้อนออกมาจากบ้านของคาคาชิแล้วนารูโตะก็กลับมาขังตัวเองอยู่ในบ้านของตัวเองเพื่อสงบสติและปรับอารมณ์ให้เข้าที่เข้าทางเพราะถ้าขืนยังปล่อยให้ตัวเองอยู่ที่นั่นต่อไปเค้าก็ไม่กล้ารับรองเหมือนกันว่าใจตัวเองจะเป็นอย่างไรหรือแม้ร่างกายตัวเองจะต้านทานอีกฝ่ายได้มากแค่ใหน เพราะจากเหตุการณ์เมื่อเช้าเค้าก็เริ่มรู้แล้วว่ายามที่อยู่ใกล้กับใครบางคนร่างกายของเค้ามันไม่เคยเชื่อฟังในสิ่งที่เค้าคิดเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นเค้าจึงกลัวว่าหากเผลอปล่อยใจให้คล้อยตามอีกฝ่ายไปมันคงไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน...ถึงแม้ระหว่างพวกเค้าสองคนมันจะดูเกินเลยไปมากแล้วก็ตาม ร่างบางนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงพร้อมกับความคิดที่กระจัดกระจายตัดสินใจไม่ถูกว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี...
“ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...” เสียงเคาะประตูดังขึ้นในตอนบ่ายซึ่งนารูโตะก็ถึงกับสะดุ้งเพราะเค้านั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเองมาตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้โดยไม่ได้ขยับไปใหนพอได้ยินเสียงเคาะประตูก็ให้หวั่นใจกลัวว่าจะเป็นใครคนนั้นมาเรียก แต่คิดไปคิดมาก็ไม่น่าจะเป็นไปได้จึงเดินไปแง้มประตูออกดูแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจเพราะคนที่ยืนอยู่หน้าประตูเป็นเพื่อนร่วมทีมทั้งสองของเค้านั่นเอง...
“ซากุระ...ซาอิ...” น้ำเสียงที่เอ่ยเรียกออกไปมันฟังดูอ่อนล้าเสียเหลือเกิน จนคนฟังต้องรู้สึกแปลกใจถึงแม้ตอนแรกตั้งใจว่าจะมาต่อที่อีกฝ่ายไม่ไปที่จุดนัดพบตามที่ตกลงกันไว้แต่พอเห็นแบบนี้ซากุระและซาอิจึงได้แต่หันมามองหน้ากันโดยไม่ได้เอ่ยอะไร
“ขอเข้าไปคุยข้างในได้มั้ย...” ซาอิเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่อ่อนโยนนารูโตะจึงเปิดประตูให้กว้างขึ้นเพื่อให้สองคนนั้นเดินเข้ามาด้านในได้ก่อนจะปิดประตูลงเบา ๆ แล้วเดินกลับมานั่งลงที่เตียงเพราะทั้งซากุระและซาอิต่างยึดพื้นที่บนเก้าอี้ตัวเล็กและพื้นข้าง ๆ เตียงไปแล้วเรียบร้อย
“เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ...ทำไมทำหน้าอย่างนั้นหรือว่าแผนแตกแล้ว ครูคาคาชิรู้ตัวแล้วใช่มั้ย...” ซากุระเริ่มคาดเดาจากอากัปกิริยาเงียบเฉยของอีกฝ่าย แต่นารูโตะก็ได้แต่ส่ายหน้าน้อย ๆ โดยยังไม่ได้เอ่ยอะไร
“แล้วนายเป็นอะไรล่ะ ทำไมถึงไม่ไปตามนัด...” คราวนี้เป็นซาอิทีเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงห่วงใย แต่นารูโตะก็ได้แต่ส่ายหน้าน้อย ๆ โดยยังไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเช่นเคยทำให้ทั้งซากุระและซาอิต้องรู้สึกหนักใจ
“นายเป็นอะไรกันแน่ มีอะไรไม่สบายใจอย่างนั้นเหรอ ถ้ามีอะไรที่เราช่วยได้ก็บอกมาเถอะเราเป็นเพื่อนกันนะมีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกันสิ...” ถ้อยคำห่วงใยจากซากุระที่เอ่ยออกมาจากใจจริง นารูโตะหันไปมองสบตากับสาวน้อยตรงหน้าเค้าคิดว่าถ้าเป็นเมื่อก่อนหากได้ยินประโยคเหล่านี้เค้าคงหัวใจพองโตเป็นอย่างมาก แต่ทว่ามายามนี้จิตใจเค้ากลับไม่ได้หวั่นไหวไปกับคำพูดหรือการกระทำเหล่านั้นของสาวน้อยตรงหน้าเลยแม้แต่นิดเดียวแต่กับใครบางคนเพียงแค่สบตาจิตใจก็ไหวสะท้าน
“นารูโตะ...เกิดอะไรขึ้น...” ซาอิร้องถามพร้อมกับขยับกายเปลี่ยนที่นั่งขึ้นไปนั่งเคียงข้างร่างบางบนเตียงอย่างถือวิสาสะพร้อมด้วยสีหน้าห่วงใยอย่างเห็นได้ชัด นารูโตะเองพอเห็นอีกฝ่ายขยับมาใกล้ก็เผลอขยับกายถอยห่างออกไปโดยไม่รู้ตัว
“ไม่ต้องขยับมาซะใกล้ขนาดนั้นก็ได้ พูดอยู่ตรงนั้นชั้นก็ได้ยิน...เจ้าบ้า...” เสียงใส ๆ ร้องว่ามาด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ
“ก็นายไม่ยอมพูดยอมบอกอะไรเลยนี่น่าว่าเกิดอะไรขึ้น เอาแต่เงียบแบบนี้ชั้นเองก็อยากรู้เหมือนกันนะสิว่านายเป็นอะไร...หรือว่าหนังสือที่ชั้นให้นายไปมันช่วยอะไรไม่ได้เลย...” ซาอิร้องตอบมาด้วยทีท่าไม่เดือดเนื้อร้อนใจ แต่พอนารูโตะได้ยินคำว่าหนังสือใบหน้าก็แดงก่ำขึ้นมาพร้อมกับนึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ตนทำอะไรล่อแหลมลงไปโดยไม่รู้ตัวเลยว่ามันเสี่ยงแค่ใหนจนส่งผลให้สุดท้ายก็เกิดเหตุการณ์แบบเมื่อเช้านี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหจนต้องคว้าหมอนใบใหญ่ของตนมาปาใส่หน้าอีกฝ่ายด้วยทีท่าขัดเคืองที่ปะปนไปด้วยความเคอะเขิน
“โอ๊ย...” ซาอิร้องอุทานเบา ๆ เมื่อหมอนใบใหญ่ปลิวมากระแทกหน้าซึ่งถ้ามันเป็นหมอนธรรมดาก็คงไม่เจ็บเท่าไหร่แต่เพราะนารูโตะใส่จักระลงไปในหมอนด้วยทำให้พอโดนเข้าจัง ๆ แบบนี้ก็เลยต้องร้องอุทานออกมาด้วยความเจ็บปวด
“ดีสมน้ำหน้า...เพราะนายนั่นแหละ ทุกอย่างมันเป็นเพราะนายนั่นแหละเจ้าหนอนหนังสือลามก ไม่มีหัวคิด โธ่เว้ย ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากฆ่านายจริง ๆ เลย...” นารูโตะร้องด่าอีกฝ่ายพร้อมกับคว้าของใกล้ตัวที่พอจะหาได้ใกล้มือมาเป็นอาวุธที่มันพร้อมใจกันลอยไปหาซาอิที่พยายามโดดหลบอย่างไม่จริงจังเท่าไหร่เพราะยังงง ๆ อยู่ว่าอีกฝ่ายโกรธเคืองเค้าด้วยเรื่องอะไร
“เดี๋ยวก่อนสิ นารูโตะ มันเรื่องอะไรกันอธิบายให้เข้าใจหน่อยสิ...หนังสือมันมีปัญหาอะไรเหรอ แล้วหนังสือมันช่วยไม่ได้เลยอย่างที่นายว่ามาจริงหรือเปล่า...” ซาอิร้องขอมาหลังจากหลบอะไรซักอย่างที่ลอยมาอยู่ตรงหน้าได้ทันแบบฉิวเฉียด
“นั่นสิ...หนังสือที่ซาอิให้นายไปมันมีปัญหาอะไรอย่างงั้นเหรอ...” ซากุระร้องห้ามขึ้นมาอีกคนเพราะตัวเธอเองก็ต้องการอยากรู้เหมือนกันว่าหนังสือเหล่านั้นมีปัญหาอะไร แต่จะว่าไปเธอเองก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าซาอิอ่านหนังสืออะไรถึงได้วางแผนแต่ละแผนออกมาแปลก ๆ พิกล
“ช่วยได้สิเจ้าบ้า...ช่วยได้มากเลยเพราะมันชั้นเลยโดน เอ่อ...แบบว่า...” นารูโตะพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยวแต่พอถึงประโยคสำคัญก็อ้ำอึ้ง มองหน้าซาอิที ซากุระทีด้วยสีหน้าอึกอัก ทั้งสองคนเองก็นิ่งเงียบตั้งใจฟังแต่จนแล้วจนรอดนารูโตะก็พูดไม่ออก
“เอ้า...เงียบอีกแล้ว แล้ววันนี้จะรู้เรื่องกันมั้ยเนี่ย...” ซากุระเอ่ยออกมาด้วยทีท่าขัดเคือง ส่งผลให้นารูโตะต้องหันไปค้นหาอะไรบางอย่างในกระเป๋าเป้ของตนที่วางอยู่ข้างเตียง ก่อนจะหยิบหนังสือสามเล่มมายื่นให้ซากุระโดยไม่ได้เอ่ยอะไรด้วยใบหน้าที่แดงจัดเพราะความขัดเขิน ซากุระก็รับหนังสือทั้งสามเล่มมาแบบงง ๆ แต่พอสายตาเห็นชื่อหนังสือเล่มแรกดวงตาก็เบิกกว้างขึ้น แล้วหยิบหนังสือเล่มที่สองขึ้นมาดูอีกคราวนี้ก็มีทีท่าตกใจมากกว่าเดิม จนมาถึงหนังสือเล่มสุดท้าย
“เจ้าบ้าซาอิ...ใครสั่งใครสอนให้เอาหนังสือแบบนี้มาอ่านเนี่ย...สมองนายมีปัญหาหรือว่าจิตนายมีปัญหากันแน่...” ซากุระร้องว่าขึ้นมาพร้อมกับหันไปถลึงตาใส่คนที่ยังนั่งยิ้มแป้นใจเย็นแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวมีแต่ซากุระที่มีทีท่าเกรียวกราด
“ใช่มั้ยล่ะ...แล้วแผนแต่ละแผนที่ทำกันลงไปก็คงมาจากหนังสือพวกนี้ทั้งนั้นแหละ ถึงว่ามันถึงได้ดูแปลกประหลาดแบบนั้น แต่ละวิธีมันไม่ใช่วิธีธรรมดาที่คนธรรมดาเค้าคิดกันมาหรอก...” นารูโตะเอ่ยเสริมพร้อมกับเขวี้ยงอะไรซักอย่างไปทางซาอิอีกครั้ง
“ดีนะที่เป็นนารูโตะ ถ้าเกิดชั้นต้องเป็นคนทำเรื่องพวกนั้นคงอายแทบแทรกแผ่นดินหนีแน่ ๆ เฮ้อ...พูดแล้วก็น่าโมโหมันน่าอัดให้จมดินจริง ๆ เลย...” ซากุระเอ่ยด้วยทีท่าเข่นเขี้ยวแต่ก็ไม่ด้ทำอะไรนอกจากนั่งบ่นอีกฝ่ายอย่างหัวเสีย
“เอาเลยซากุระเผื่อชั้นด้วยซักสองสามที...เพราะหนังสือบ้า ๆ พวกนี้แหละทำให้ชั้นโดนครูทำ...เอ่อ...” ท้ายประโยคนารูโตะก็ไม่กล้าเอ่ยออกมาเพราะมันไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเที่ยวไปบอกใครต่อใครให้รับรู้ แต่สองคนที่ได้ฟังรู้สึกติดใจในประโยคนั้นจนต้องเลิกทะเลาะกันชั่วคราวแล้วหันมาคาดคั้นด้วยสายตาประมาณว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำให้นารูโตะรู้สึกร้อนวูบไปทั่วใบหน้า
“ไม่ต้องมามองแบบนั้นหรอก...ชั้นจะล้มเลิกภารกิจครั้งนี้นะ ทำต่อไปก็ไม่มีประโยชน์มีแต่จะเสียกับเสียมากกว่า...”
“ครูคาคาชิทำอะไรนายงั้นเหรอ...” ซากุระไม่ได้สนใจคำบอกเล่าของนารูโตะเลยแต่ยังติดใจสงสัยประโยคก่อนหน้านั้นมากกว่า
“เอ่อ...ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะ...” พอถูกถามจี้ใจดำแบบนี้นารูโตะที่ยังไม่ทันตั้งตัวก็มีทีท่าอึกอักอย่างมีพิรุธ
“นารูโตะบอกมา...ครูคาคาชิทำอะไรนาย...” ซาอิเองก็หันมาช่วยคาดคั้นอีกคน
“ก็เปล่า...ไม่ได้...ทำ...แต่เหมือนครูจะรู้ตัวแล้วเท่านั้นเอง ชั้นเลยคิดว่าจะล้มเลิกภารกิจ...” นารูโตะเอ่ยตอบกลับไปแบบไม่เต็มเสียงนัก เพราะมันทำให้เค้านึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ตัวเองไม่กล้าอยู่สู้หน้าอีกฝ่ายจนต้องเผ่นหนีกลับมาบ้านตนเองมาแบบนี้
“นายรู้ได้ยังไงว่าครูรู้ตัวแล้ว...ว่าเรากำลังจะสืบความลับจากครู...” ซากุระตั้งคำถามด้วยสีหน้าที่ยังไม่คลายความสงสัย
“ก็เพราะหนังสือของเจ้าซาอินั่นแหละ...” สุดท้ายนารูโตะที่หาทางออกไม่ได้ก็โยนความผิดไปให้หนังสือของซาอิหน้าตาเฉย
“ห๊า...อย่าบอกนะว่าครูเห็นหนังสือพวกนี้แล้วด้วย...” ซากุระร้องถามเสียงสูงด้วยทีท่าตกใจเป็นอย่างมาก
“อ้าว...แล้วมันเกี่ยวกับหนังสือของชั้นตรงใหน...” ซาอิร้องถามด้วยสีหน้าบ่งบอกชัดว่าไม่เข้าใจ
“แล้วคนปกติที่ใหนเค้าอ่านหนังสือแบบนี้กัน...ห๊ะ...” ซากุระตะโกนถามพร้อมกับยืนท้าวสะเอวด้วยทีท่าดุดัน
“ชั้นคิดว่ามันน่าจะใช้ได้เลยยืมมาจากห้องสมุดน่ะ...ก็ไม่เคยรู้มาก่อนนี่นาว่าหนังสือพวกนี้มันใช้ไม่ได้กับสถานการณ์แบบนี้ตอนแรกที่ชั้นเห็นชื่อหนังสือก็คิดว่ามันน่าจะเหมาะกับแผนการครั้งนี้นี่นา...”
“จะบ้าเหรอ...นายลองอ่านชื่อมันแล้วทำความเข้าใจเสียใหม่นะ...ว่ามันใช้ได้มั้ย...” นารูโตะร้องว่ามาด้วยสีหน้าขัดเคือง
“ทำไมล่ะก็นี่ไง “กลยุทธ์พิชิตใจชายภายในเจ็ดวัน” กับ “ไม้เด็ดเพื่อชนะใจชายในฝัน” แล้วก็ “ยุทธวิธีพิชิตความเป็นชาย”
ครูคาคาชิก็เป็นผู้ชายชั้นเลยคิดว่ามันเหมาะดีออกแล้วก็น่าจะได้ผล...” ซาอิเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าภาคภูมิใจเป็นอย่างมากแต่แล้วก็ต้องรีบวิ่งหลบหลายสิ่งที่ลอยมาหาตนด้วยความเร็วและแรงมากกว่าเดิมจากฝีมือของคนอีกสองคนในที่นั้นนั่นเอง...
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อีกอย่าง ไม่ได้จะพิชิตใจเซนเซย์สักหน่อย แค่จะสืบดูว่าเซนเซย์ไม่สบายใจเรื่องอะไรไม่ใช่รึไง
ถึงกล้าเอาหนังสือพวกนั้นให้โตะ
โอ๊ย รู้สึกปวดตับพิกล
ขอให้คาคากับโตะดีกันไวๆนะคะ
ขอตัวไปอ่านตอนต่อไปก่อนนะคะ
ฉันไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับแกดี
ปวดตับจัง
สู่้ๆ นะคะพี่ริโกะ
ซาอิ คิดได้นะ
อัพต่อเร็วๆนะ รออ่านอยู่ ^^
คาคาชิ นารุโตะ คืนดีกันเร็วๆๆๆนะ
ปล ฟิคสนุกมากกกก ฟินที่สุด ชอบๆๆๆๆ ขอบคุณค๊าาาา
นารุน้อยเลยโดนจัดเต็มเลย