ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Oh My ซาตาน [Fic KyuHyuk]

    ลำดับตอนที่ #2 : ONYL BRACELET !

    • อัปเดตล่าสุด 27 มี.ค. 57


    “เห้ยยย....ไอน้องเลว!ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้นะ”
    ร่างเล็กถือหมอนใบพอตัวไล่ตีน้องชายที่กำลังยุ่งกับของสุดรักสุดหวงของเขา 

     
    “โหยยย พี่อ่ะว่าน้องเลวเลยเหรอใจร้าย! ขอดูนิดหน่อยเองอ่ะ”
    ปากก็พูดเท้าก็ยังคงวิ่งหนีพี่สุดที่รักต่อไป... การแกล้งพี่มันคือหน้าที่ของน้องไม่ใช่รึ ชายผู้เป็นน้องคิดและดำเนินแผนการแกล้งพี่ชายสุดที่รักต่อ....
     
     
    “เอะอะโวยวายอะไรกันห๊ะ สองพี่น้องคู่นี้นิฉันละเบื่อจริงๆคุณ...”
    หญิงสาววัยกลางคนบ่นอุบกับสามีถึงลูกสุดที่รักทั้งสองที่เจอหน้ากันทีไรมีอันบ้านจะแตกไปซะทุกที
     
     
    “ไอซองมินมันคงคิดถึงพี่มันนะคุณ...นานๆทีฮยอกมันจะกลับมาบ้านปล่อยมันไปเถอะ”
    ชายผู้เป็นสามียิ้มกับอาการห่วงลูกของภรรยาแล้วก้มหน้าลงอ่านหนังสือพิมพ์ต่อไป...

     
    “พ่อครับ~ พี่จะแกล้งผมอ่า พี่เขาไล่ตีผมด้วยยยย”
    น้องชายวัยกำลังซนวิ่งหนีพี่ที่ไล่ตามมาติดๆเข้าหาพ่อสุดที่รักและฟ้องอย่างโอดครวญถึงพี่คนโตของบ้าน...

     
    “พ่ออย่าไปฟังมัน...มันโกหก มันเอาของผมไปเล่นอ่ะ เอาคืนมานะ!”
    ชายร่างเล็กผู้เป็นพี่ถลึงตาใส่น้อง

     
    “ฮ่าๆๆ ซองมินครับอย่าแกล้งพี่เขาเลยดูสิพี่เขาถลึงตาจนมันจะหลุดออกมาแล้วนะ ฮ่าๆ”
    ชายผู้เป็นพ่อตอบรับลูกคนเล็กอย่างอารมณ์ดี...
     
     
    “พ่ออ่า ให้ท้ายมันอีกแล้วนะ เอาของพี่คืนมาเลย”
    ร่างเล็กเอามือขึ้นปิดตาเพราะกลัวมันจะหลุดออกมาตามที่พ่อบอกจริงๆ....

     
    “อะๆๆ เอาไปสิ ชิพ่อครับพรุ้งผมไปซื้อมาใส่บ้างนะไอข้อมือสุดเท่เนี่ยอ่ะ”
    ชายผู้เป็นน้องทำหน้าอ้อนวอนผู้เป็นพ่อ...

     
    “ครับ ลูกซองมินอยากได้ก็ไปซื้อเองเลยนะครับ พรุ่งนี้คุณพ่อติดประชุมคงไปช่วยเลือกไม่ได้”
     
     
    “รับทราบครับป๋ม เขาไม่เอาของตัวก็ได้เขาจะไปซื้อใหม่ ชิ”
    ชายผู้เป็นน้องรับคำผู้เป็นพ่อด้วยสีหน้ายิ้มแย้มดีใจแล้วหันกลับมาทำหน้าเหนือกว่าใส่ผู้เป็นพี่...
     
     
    “ตามสบาย...อยากทำไรก็ทำ ไอเด็กอ้วน!”
    ร่างเล็กแกล้งแหย่น้องชาย...เขารู้ดีว่าน้องชายสุดที่รักไม่ชอบให้ใครมาล้อว่าอ้วน...
     
     
    “พี่อ่ะ เค้าไม่อ้วนซะหน่อย พี่อ่ะ พี่อ่ะ”

     
    น้องชายผู้ไร้เดียงสาลงไปนั่งดิ้นๆกับพื้นบ้านเรียกเสียงหัวเราะของทุกคนในบ้านได้เป็นอย่างดี...ขนาดแม่ที่ทำหน้าบูดอยู่ยังหัวเราะเพราะความน่ารักของลูกคนเล็กเลย...
    หลังจากที่ทานข้าวเย็นกับครอบครัวเสร็จผู้เป็นพี่อย่างฮยอกก็กลับขึ้นมาที่ห้องของตนเองและตรวจตราดูสร้อยข้อมือที่น้องแอบขโมยไปเล่น...
    มันน่านักเชียวรู้งี้ใส่เอาไว้ดีกว่าไม่น่าเอามาหลบๆซ่อนๆเลย...ชายร่างเล็กบ่นกับตัวเองโดยไม่รู้เลยว่าสร้อยเส้นนั่นจะพาเขาไปพบกับใครบ้างคนและคนคนนั่นก็กำลังเดินทางมาตามหาสร้อยเส้นนี้   สร้อยที่มีอักษรภาษาอังกฤษตัว E V I L สลักไว้อย่างสวยงาม...หลังจากสวมสร้อยข้อมือเสร็จร่างเล็กก็ผลอยหลับไป.....
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
     
    “ฮยอก~ ตื่นได้แล้วลูก...”
    ผู้เป็นแม่เดินขึ้นมาตามลูกชายคนโตถึงห้องแต่เมื่อเปิดห้องมาก็พบแต่ความว่างเปล่า...ผ้าห่มถูกผับอย่างเป็นระเบียบวางไว้ที่ปลายเตียงผ้าม่านปลิ้วไสวไปตามลม...แล้วลูกชายคนโตผู้น่ารักของเขาละหายไปไหน...
     
     
    “ฮยอก! ลูกอยู่ไหน ไม่ต้องมาแอบแม่เลยนะตื่นสายจริงลูกคนนี้!”
    ผู้เป็นแม่คิดเข้าข้างตนเองว่าลูกคนโตคงแกล้งแอบผู้เป็นแม่เพราะกลัวจะถูกตำหนิเรื่องการตื่นสายแต่...ก็ยังไม่มีวี่แววที่ลูกจะออกมาพบเธอ....
     
     
    “แม่ไม่เล่นนะฮยอก ถ้าไม่รีบออกมาอดไปละกันข้าวเช้านะ”
    เธอมั่นใจว่าลูกต้องอยู่บนห้องเพราะตั้งแต่เธอตื่นมาก็ยังไม่เห็นลูกของเธอออกไปไหนเลย...
     
     
    “แม่~ ทำอะไรอ่าเสียงดังจัง เรียกพี่ทำไมเหรอ...”
    ลูกชายคนเล็กที่เพิ่งตื่นมือก็ขยี้ตาเท้าก็เดินมาหาผู้เป็นแม่...
     
     
    “พี่เรานะสิ หายหัวไปไหนก็ไม่รู้บนห้องก็ไม่มี ข้างล่างก็ไม่อยู่...”
     
     
    “อ้าวว มันหายไปไหนอ่ะแม่”
     
     
    “ถ้าแม่รู้ แม่จะถามลูกไหมละห๊ะเจ้าอ้วน!”
    แม่ทิ้งท้ายด้วยการแหย่ลูกคนเล็กเล่นแล้วเดินลงไปทำกับข้าวต่อปล่อยให้ลูกคนเล็กทำหน้าบูดบึ้งต่อไป...

     
    “แม่ก็เป็นไปกับพี่ด้วยอ่ะ อย่าให้เค้าผอมนะ แง้ๆ”
    ผู้เป็นน้องเดินกลับไปที่ห้องของตัวเองด้วยหน้าตาบูดบึ้ง
     
     
    “โหย~ หอมจังเลยอาแม่”
     
     
    “อ้าว! ฮยอกลูกหายไปไหนมาเนี่ย”
    ผู้เป็นแม่วางมือจากการทำอาหารมาคุยกับเจ้าตัวการที่กำลังตามหา...
     
     
    “อิอิ ไปวิ่งมาค้าบบ”
    ร่างเล็กตอบพร้อมกระโดดกอดผู้เป็นแม่เพราะรู้ตัวว่ากำลังถูกตามหาอยู่...
     
     
    “ไปๆ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเลยจะได้มากินข้าวกินปลากัน”
    หลังจากที่ไล่ลูกชายหน้าหวานเสร็จผู้เป็นแม่ก็หันกลับมาสนใจทำอาหารตรงหน้าต่อ...
     
     
    “เฮ้! หายไปไหนมาเนี่ยแม่เขาตามหาพี่อยู่อะ”
     
     
    “ไปหาอ้อยมาให้น้องชายกิน อิอิ”
     
     
    “พี่บ้า! เค้าไม่ใช่ช้างนะ แง้ๆพ่อครับบบพี่แกล้งน้องอีกแล้วว”
    ผู้เป็นน้องวิ่งลงบันไดไปหาผู้เป็นพ่อที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่...ส่วนผู้เป็นพี่ก็เดินขึ้นห้องไปด้วยสีหน้าอารมณ์ดีสุดๆ แกล้งน้องเนี่ยแหละงานถนัดของผู้เป็นพี่ละ...

     
    ไลน์~ ไลน์! เสียงไลน์น่ารักๆจากมือถือเครื่องสวยดังขึ้น...
     
     
    “ใครมันช่างมารบกวนวันหยุดที่แสนสงบของฉันเนี่ย....”
    ร่างเล็กละจากการแกล้งน้อยสุดที่รักแล้วหยิบมือถือขึ้นมาดู...
     
    “ไอลีทึก!...”
    .
    .
    .
    .
                      ทึกกี้ฮยอง:อยู่บ้านป่ะ ออกมาหาหน่อย*สติ๊กเกอร์อ้อนวอน*
     
                      ฮยอกจี้:ไม่!....
     
    “ใช่ที่ไหนละ อยากเจอกจะตายอิอิ”
     
                     ทึกกี้ฮยอง:น๊านะ...ออกมาหน่อยๆมีคนจะแนะนำให้รู้จักอ่ะ><
     
                     ฮยอกจี้:ใครว่ะ?...
     
                     ทึกกี้ฮยอง:ออกมาเหอะ น๊านะเดี๋ยวเลี้ยงชาใข่มุขแก้วนึง เค?
     
                     ฮยอกจี้:เออๆ อีกชม. เจอกัน จะเอารายงานไปให้ด้วย...
     
                     ทึกกี้ฮยอง:อ่าเค ตามนั้นแล้วเจอกันครับ จุ๊บๆ
     
     
     
     
    “ไอเพื่อนบ้า! ทำอย่างงี้ไม่ให้ตกหลุมรักได้ไงละ อิอิ”
    ร่างเล็กยิ้มจนแก้มปริเมื่อเห็นข้อความจากเพื่อนสนิทที่เขาหลงรักส่งมาให้...แล้วรีบเข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที...
     
     
    หลังจากที่รับประทานอาหารกับครอบครัวเสร็จ....
    ร่างเล็กเดินออกจากบ้านใบหน้าถูกแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มที่แสนจะน่ารักเข้ากับบรรยากาศในฤดูใบไม้ผลิได้ดีเสียจริง..
    เป้าหมายของวันนี้อยู่ที่ร้านกาแฟใกล้ๆสวนสาธารณะเป็นที่ๆเขากับเพื่อนสนิทอย่างลีทึกนัดเจอกันบ่อยๆ วันนี้ก็เช่นกันลีทึกเพื่อนสนิทของเขานัดเขาให้ออกมาพบเขาเลยถือโอกาสเอารายงานที่นั่งทำทั้งคืนจนเสร็จมาให้ลีทึกหนุ่มหน้าหล่อที่มีลักยิ้มแสนเสน่ห์เป็นเพื่อนที่ฮยอกสนิทมากๆ
    และก็เป็นคนคนเดียวกับที่อยู่ในใจของฮยอกมาตลอดแปดปี….
     
     
    กริ่ง ก่อง... เสียงกระดิ่งในร้านกาแฟดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มเผยลักยิ้มที่แก้มออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม...

     
    แค่รอยยิ้มเล็กๆของชายหนุ่มที่ชื่อว่าลีทึกก็ทำให้ร่างเล็กอย่างฮยอกใจละลายกลายเป็นอากาศไปหมดแล้ว...แต่เขาจะแสดงออกมากมายไม่ได้เด็ดขาด ห้ามใจไว้ฮยอกแจ...
     
     
    “เห้ย! ฮยอกทางนี้ๆ มาช้าจริง”
    ชายหนุ่มกวักมือเรียกเพื่อนรักมานั่งโต๊ะเดียวกัน
     
     
    “ไหนๆคนที่จะแนะนำ รบกวนเวลาอันแสนมีค่าจริง...”
    ไม่จริง...เขาอยากเจอเพื่อนสนิทคนนี้มากเลยทีเดียวละแต่ก็ไม่สามารถแสดงมันออกมาได้

     
    “เออน๊ากำลังมา นั่งก่อนดิไม่รีบๆ กินชาไข่มุกก่อนสั่งไว้ให้แล้วอ่ะ”
    ชายหนุ่มพูดด้วยอาการเขินอายเล็กน้อยพร้อมแก้มสองข้างที่เริ่มแดงเหมือนลูกตำลึงสุก
     
     
    “ใครวะ...เออทึกเราเอารายงานมา...”
     
     
    “ทางนี้ๆ ทางนี้ครับ”
    ชายหนุ่มหันไปทางหญิงสาวสุดสวยที่เพิ่งเข้ามาในร้าน...ไม่สิเข้าเป็นผู้ชายที่มีใบหน้าสวยมาก แถมมีตาโต ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูที่ชวนหลงใหลต่างหาก...
     
     
    “พี่ทึกอ่า...ฮีชอลเอารายงานมาให้ฮะ”
    หญิงสาวไม่ใช่ๆชายรูปร่างบางผิวขาวดังน้ำนมคลายผู้หญิงหยิบรายงานเล่มนึงจากกระเป๋าขึ้นมาให้ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าพี่ทึก...
     
     
    “ทึก...ใครอะแก”
    ไม่นะ...ใจดวงน้อยๆของร่างเล็กเริ่มสั่น...
     
     
    “เออ คนนี้แหละที่จะมาแนะนำให้รู้จัก...นี่น้องคิมฮีชอลแฟนฉันเอง...”
    ชายหนุ่มหันหน้าไปสบตาร่างขาวที่ถูกกล่าวถึงในฐานะแฟน...
     
     
    “พี่ทึกอ่ะ ฮีชอลเขินนะฮะ”
    หน้าสวยของร่างขาวถูกแต่งเติมไปด้วยสีชมพูเพราะอาการเขินอาย...
     
     
    “ฟะ...แฟนเหรอ...”
    ไม่นะ...ใจดวงน้อยๆของร่างเล็กที่ประคองและเติบโตมาตลอดเวลาแปดปี แปดปีที่หัวใจดวงนี้เป็นของเพื่อนรักอย่างไม่ทันที่เจ้าตัวจะได้รู้บัดนี้มันได้แตกสลายลงไปแล้ว...ไม่สิๆเราต้องเข็มแข็งไว้ฮยอก...

     
    “ใช่...คนเนี่ยรักจริงจากใจเลยละ ใช่ไหมครับฮีชอลอ่า~”
    ชายหนุ่มผู้ที่ไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เขาพูดทำให้ร่างเล็กอย่างฮยอกต้องเจ็บช้ำมากเท่าไร เขาไม่เคยรู้เลย ไม่เคยรู้อะไรเลย....
     
     
    “เออ เมื่อกี้บอกว่าไรนะ รายงานอะไรอะฮยอก”
    หลังจากที่แกล้งแฟนจนหน้าแดงแล้วชายหนุ่มก็หันมาสานต่อบทสนทนาก่อนหน้า...
     
     
    “มะๆ ไม่มีไรหรอก...”
    พูดไปมือก็กำรายงานไว้แน่นแล้วยัดเข้าไปให้ลึกที่สุดของกระเป๋า...
    ไม่มีความหมายแล้วสินะรายงานที่เขาตั้งใจทำมาให้เพื่อนรัก...
    รายงานของน้องฮีชอลที่ทำมาให้เขามันคงสำคัญกว่าแค่ดูหน้าปกก็รู้แล้วว่าข้างในจะสวยและเรียบร้อยขนาดไหนเมื่อกี้ตอนที่ทึกแอบเปิดดูเขาเห็น..
    .เห็นว่ามันเป็นระเบียบเรียบร้อยมากผิดกับรายงานของเขาที่มองยังไงก็เป็นแค่รายงานธรรมดาๆไม่มีคุณค่าอะไร...
     
     
    “เออ...พี่ฮยอกรึป่าวฮะพี่ทึก ทำไมไม่เหมือนที่พี่ทึกบอกเลยละ”
    ชายหน้าหวานร่างบางจ้องมาที่ฮยอก...
     
     
    “ใช่สิ...พี่ก็ลืมแนะนำเลย นี้ฮยอกเพื่อนสนิทที่สุดของพี่เอง ทันไหม ฮ่าๆ”
     
     
    “ไม่ทันละฮะ แบร่~ พี่ฮยอกน่ารักจะตาย ฮีชอลชอบปากพี่ฮยอกจังเห็นเหงือกชัดด้วยอ่าชอบๆ”
     
     
    “น่ารักอะไรกัน..ยัยเนี่ยดุเป็นบ้า พี่กลับหอช้านี้แถมจะเอาเหงือกฆ่าพี่เนี่ยฮ่าๆ...”
    ร่างเล็กที่ฟังบทสนทนาของคู่รักอยู่เงียบๆรู้สึกยิ่งกว่าเจ็บที่หัวใจแต่หากเป็นอาการอายเสียมากกว่า  เขาไม่คิดว่าลีทึกจะเล่าเรื่องน่าเกลียดๆและป๋มด้อยอย่างเหงือกให้แฟนหน้าสวยของตัวฟัง มันเจ็บจนทนอยู่ไม่ได้อีกแล้ว...

     
    “เออ..ทึกเรากลับก่อนนะ ฮีชอลพี่ไปละนะโอกาสหน้าไว้คุยกันใหม่...”
     
     
    “เห้ย! ฮยอกแกเป็นไรอ่ะ ทำไมรีบขนาดนี้วะ กลับมาคุยกันก่อน...”

     
    ร่างเล็กวิ่งออกจากร้านกาแฟอย่างรวดเร็วโดยไม่ฟังเสียงของทึกที่ไล่ตามหลังมา...เขาไม่อยากได้ยินอะไรอีกแล้ว ไม่อยากเห็นอะไรอีกแล้ว บทสนทนาที่คู่รักนั่นคุยกันมันช่างน่ารักเกินไปเกินกว่าที่ก้างอย่างเขาจะทนอยู่ได้...เขาแอบชอบลีทึกมาตั้งแต่อยู่ม.ต้นจนเข้ามหาวิทยาลัยก็ได้อยู่คณะเดียวกันอีกจึงทำให้เขาสองคนสนิทกันมากขึ้นจนกลายเป็นความรักที่ใจดวงน้อยๆของฮยอกเพียงฝ่ายเดียวแต่ฮยอกก็ยังคงที่จะให้ความรักนี้ดำเนินต่อไป ทุกครั้งที่ได้เห็นลีทึกยิ้มใจของเขาก็พองโตโลกก็กลายเป็นสีชมพูหมดแล้ว...แต่ตอนนี้มันจบแล้ว จบแล้วความรักที่หล่อเลี้ยงหัวใจของเขาให้พองโตมาตลอดแปดปี...มันได้แตกสลายไปแล้วละ....

     
     
    “ฮือ...ทำไมๆ ทำไมนายไม่เคยชมฉันว่าน่ารักบ้างเลย ทำไมไม่เคยทำแบบนี้กับฉันบ้างเลย...ทำไมลีทึก ทำไม~”

     
    พูดไปน้ำใสๆก็ไหลอาบแก้มแดงๆทั้งสองข้างตาของเขาพร่ามัวไปด้วยน้ำใสๆ เขามองอะไรไม่เห็นอีกแล้วแม้แต่หนทางชีวิตตอนนี้เขายังมองไม่เห็นเลย...เจ็บๆเจ็บเหลือเกิน~
     ร่างเล็กเดินมาหยุดที่สวนสาธารณะที่ไม่ค่อยมีผู้คนสักเท่าไรไม่นานร่างเล็กก็ทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นรายงานถูกปล่อยทิ้งไว้ข้างลำตัว...ไร้ประโยชน์สิ้นดีต่อไปก็คงเป็นแค่เศษกระดาษธรรมดา   คิดไปน้ำตาก็ยิ่งไหล ตลอดเวลาแปดปีลีทึกไม่เคยพาแฟนคนไหนมาแนะนำเลยแม้แต่คนเดียวแต่นั่นถือเป็นอะไรที่โชคดีมากๆ เพราะลีทึกเคยบอกกับร่างเล็กไว้ว่าถ้าไม่รักจริงจะไม่พามาแนะนำเด็ดขาดซึ่งเขาก็ทำตามที่พูดมาตลอดระยะเวลาแปดปี...และมันก็มาจบลงในปีที่แปด...สายลมพัดผ่านร่างเล็กอย่างอ่อนโยนเหมือนค่อยปลอมประโลมใจ...  
     
     
    “ฉันคงต้องลืมนายจริงๆใช่ไหมทึก ฉันต้องลืมว่าเคยรักนายใช่ไหม ฮือๆๆๆ”

     
    เวลาผ่านไปเนิ่นนานแค่ไหนไม่ได้มีผลให้ร่างเล็กลุกขึ้นเดินเลยแม้แต่น้อย...ร่างเล็กยังคงนั่งอยู่ที่เดิมที่ๆสายลมและใบไม้พัดผ่าน 
    มันเป็นโมเม้นที่แย่ที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ร่างเล็กปรายสายตามองไปรอบๆมองไปมองมาจนตอนนี้ก็ได้เวลาที่พระอาทิตย์จะตกดินแล้ว...
     
     
    “ได้เวลากลับบ้านแล้วสินะฮยอก...”
    เสียงเรียบนิ่งดังขึ้นจากปากของร่างเล็ก..
     
     
    “เจ็บจัง...เจ็บตรงนี้..”
    ร่างเล็กคอยๆเลือนมือขึ้นมาหยุดที่หน้าอกข้างซ้าย...และเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างคนไร้วิญญาณ...
     
     
    “เห้ย! คุณๆ เป็นอะไรรึป่าว”
    เดินไม่ทันระวังร่างเล็กก็ชนกับใครบางคนที่วิ่งสวนมา...

     
    “มันอยู่นั่น จับมัน!”

     
    “โธ่เว้ย! คุณๆเป็นไรไหม? นี่ตอบผมสิ”
    ชายร่างสูงยังคงถามร่างเล็กด้วยความเป็นห่วงและช่วยประคองร่างเล็กให้ยืนขึ้น...

     
    “เร็วๆ เดี๋ยวมันก็หนีหรอกไอ้พวกบ้า!”
    เสียงพวกนักเลงดังมาแต่ไกลและเหมือนว่านักเลงพวกนั้นจะตามมาหาชายร่างสูงที่ประคองร่างเล็กอยู่ตอนนี้
     
     
    “เห้ยคุณเป็นไรเนี่ย...เอาไปด้วยแล้วกันวะ” 

     
    ร่างเล็กที่ตากลมมาเป็นเวลานานบวกกับแรงกระแทกจากร่างสูงที่วิ่งชนทำให้ร่างเล็กที่ไร้เรี่ยวแรงอยู่แล้วสลบไป...
    และเป็นอันลำบากร่างสูงที่เป็นต้นเหตุวิ่งมาชนต้องแบกร่างเล็กขึ้นหลังแล้ววิ่งหนีพวกนักเลงไปด้วย....
     
     
    “เห้ย! หยุดนะ กูบอกให้หยุดไงไอหน้าหล่อเอ่ย...”
    พวกนักเลงยังคงวิ่งตามร่างสูงมาติดๆ
     
     
    “ไรวะเนี่ย ซวยชิบ แค่วิ่งหนีไอพวกเศษสวะก็เหนื่อยจะตายอยู่ละยังต้องมาแบกใครก็ไม่รู้ด้วยเนี่ย น่ารำคาญจริงๆ ไม่หนีแล้วโวยยย อยู่ตรงนี้ก่อนนะ”
    ร่างสูงหมดความอดทนต่อการวิ่งหนีมานานซึ่งไม่ใช่นิสัยของเขาเลยสุดท้ายเขาก็หยุดวิ่งแล้วหาที่เหมาะๆว่างร่างเล็กที่บังเอิญมาเป็นตัวถ่วงด้วยลงข้างๆพุ่มไม้...
     
     
    “นั่น.. มันอยู่นั่นพวกเราลุย!”
    พวกนักเลงวิ่งเข้าใส่ร่างสูงด้วยความเร็วสูงเหมือนเจอแสงสว่างในชีวิต—“
     
     
    “มาเลย...กล้าก็เข้ามาเลยไอสวะ!”
    ร่างสูงจ้องไออ้วนที่วิ่งถือไม้หน้าสามเข้ามาเป็นคนแรกแล้วหาจังหวะเหมาะปล่อยหมัดเข้าไปที่หน้าท้องหมัดหนึ่ง เจาของหน้าท้องอย่างไออ้วนนั้นก็สลบไป...ทำให้นักเลงที่กำลังวิ่งเข้าหาร่างสูงต้องหยุดชะงัก...
     
     
    “เข้ามาเลยดิ ยืนบื้อกันทำไมละ หึ”
    ร่างสูงกระตุกยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะจัดการกับพวกนักเลงที่คอยๆเข้ามาที่ละคนแค่ร่างสูงต่อยเข้าที่ท้องเพียงหมัดเดียวพวกนักเลงก็นอนแน่นิ่งสลบกันไปหมดแล้ว...
    และทุกครั้งที่มือของร่างสูงปล่อยหมัดก็มีแสงสีฟ้าเป็นประกายออกมาด้วย...
     
     
    “มาดิ เหลือแกคนเดียวแล้วนิ”
     
     
    “ยะๆ...อย่าเข้ามานะเฟ้ย! ฝากไว้ก่อนเหอะ!”
    หัวหน้านักเลงที่เหลือเพียงตัวคนเดียวก็วิ่งหนีไป... 
     
     
    “ทะ..ทำไมใช้เวทได้ว่ะไม่มีสร้อยนิ...เออนายคนนั่นเกือบลืมเลย”

     
    เมื่อร่างสูงนึกขึ้นได้ว่าพาร่างเล็กมาด้วยก็วิ่งกลับมาดูร่างเล็กที่เอามาซ้อนไว้หลังพุ่มไม้...และก่อนที่ร่างสูงจะเดินเข้าไปถึงตัวร่างเล็ก
    ก็มีแสงสีน้ำเงินเป็นประกายออกมาจากข้างๆตัวของร่างเล็กและนั่นยิ่งทำให้ร่างสูงสงสัยและเดินเข้าไปตามหาต้นเหตุที่ทำให้เกิดแสงประกายสีน้ำเงินอร่ามเหมือนกับเวทของเขาไม่มีผิด...
     
     
    “มาอยู่นี้ได้ไงวะ หาตั้งนาน....”
    ร่างสูงยกข้อมือเล็กๆของร่างเล็กขึ้นมาก็พบว่าแสงประกายสีน้ำเงินนั้นมาจากสร้อยข้อมือที่ร่างเล็กใส่ไว้และก็เป็นสร้อยเส้นเดียวกับที่เขาทำหายหลังจากที่มาถึงโลกมนุษย์
     
     
    “งั้นข้อคืนเลยละกันเนอะ...”
    ร่างสูงถือวิสาสะจะถอดสร้อยข้อมือของร่างเล็กหากแต่...ร่างเล็กกับฟื้นขึ้นมาเสียก่อน....
     
     
    “เห้ย! ออกไปนะ ช่วยด้วยฮะช่วยด้วยโจรมันจะ...อุ๊บส์!”
    ร่างสูงถูกเข้าใจผิดอย่างจัง...ร่างเล็กตะโกนโวยวายด้วยความตกใจหากแต่เสียงนั้นเป็นอันต้องหายไปด้วยมือของร่างสูงที่ยกขึ้นมาปิดปากสีชมพูระเรื่อของร่างเล็ก
     
     
    “หุบปากเล็กๆของนายซะ และผมก็ไม่ใช้โจรอย่างที่นายคิด...”
    เมื่อร่างเล็กได้ยินเช่นนั้นก็เงียบเสียงลงและกัดเข้ากับมือหนาๆที่ปิดปากสวยๆด้วยความอึดอัด
     
     
    “โอ้ยยย! ยัยบ้าเอ่ย”
    ร่างสูงสะบัดมืดออกจากปากร่างเล็กด้วยความเจ็บปวด...กัดมาได้ไงเนี่ย ยัยหมาบ้า!
     
     
    “แต่นายจะขโมย สร้อยฉัน นายมันเป็นขโมย!”
    ร่างเล็กตะโกนใส่หน้าร่างสูงแล้วใช้โอกาสที่ร่างสูงสนใจมือที่ถูกกัดลุกขึ้นคิดจะวิ่งหนี
     
     
    “จะไปไหน....ใครขโมยกันแน่! นี้มันสร้อย...”
    ร่างสูงคว้าขอมือร่างเล็กไว้ได้ก่อนที่ร่างเล็กจะวิ่งหนีไปได้
     
     
    “ไอบ้า นายนั่นแหละขโมยโอ้ยๆ ปล่อยสิเว้ยเจ็บ”
    ร่างเล็กดิ้นสุดแรงเกิดเพื่อให้พ้นจากการจับกุมของร่างสูง
     
     
    “หึ ยัยหัวขโมยถอดสร้อยข้อมือมาให้ผมเดี๋ยวนี้นะ!”
    ร่างสูงดึงข้อมือร่างเล็กที่ดิ้นสุดแรงเกิดมาเป็นล็อคคอแทน...
     
     
    “ไอบ้า ปล่อยสิเว้ยหายใจไม่ออก แค่กๆ ฉันไม่ถอดจบป่ะ!”
     
     
    “ไม่จบ ถอดมาเดี๋ยวนี้....โอ้ยย!”
    ร่างเล็กกัดเข้าไปที่แขนขาวๆของร่างสูงแล้วหาจังหวะที่ร่างสูงสนใจกับอาการเจ็บนั้นวิ่งหนีไป...
     
     
    “ยัยบ้าเอ้ย! เหอะครั้งนี้ปล่อยไปก่อน ยังไงสร้อยนั่นก็ต้องกลับมาหาเจ้าของมันอยู่ดี”
     
     
    ร่างสูงมองร่างเล็กวิ่งหายไปในความมืด...แต่แสงสีฟ้าที่ข้อมือของร่างเล็กก็ยังคงสองแสงเป็นประกายอยู่...
     
     
    “แสงนั่นมีผมคนเดียวเท่านั่นแหละที่เห็นมัน...โอ้ยๆยัยหมาบ้ากัดเจ็บชิบหายเลยอ่ะ~....”



     
    .........................................โปรดติดตามตอนต่อไป.................................................
    อันยองอีกครั้งจ้า....(กลับมาอัพอย่างรวดเร็ว อิอิ)
    ตอนนี้อาจนานไปนิดนะ ขอบคุณที่ติดตาม ขอบคุณมากๆคร๊าบบบ....

    ปล.เม้นได้เหมือนเดิมนะ (เม้นมาเถอะ อิอิ) แล้วเจอกันตอนหน้าจ้า...



     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×