ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปริศนาวินเดอร์แลร์

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ : การจากไปของจอมโจร

    • อัปเดตล่าสุด 24 พ.ย. 49


    บทนำ : การจากไปของจอมโจร

    วิหารเซ็นต์ซานตานา, ค.ศ.1986          
               
             เจ้าหน้าที่สืบสวนเจม็อค เดอร์เลย์ ก้าวลงจากรถสายตรวจอย่างรีบร้อน งานนี้เขาจะพลาดไม่ได้เด็ดขาดเพราะมันเป็นโอกาสสุดท้ายของเขาแล้ว เขารับทำคดีนี้มา 3 เดือนเต็มๆ จากเบาะแสเพียงเล็กน้อย ค่อยๆขยายผลจนทราบเป้าหมายใหม่ของอาชญากรรายนี้ วันนี้จะเป็นการตัดสินอนาคตในหน้าที่การงานของเขาว่าจะจบลงเพียงเท่านี้ หรือว่าจะก้าวเดินบนเส้นทางสายนี้ได้ต่อไป ทำไมหน่ะรึ ก็สืบเนื่องจากการตามล่าอาชญากรรายนี้ของเขานี่แหละ ในตลอดระยะเวลา 3 เดือน เขาได้เรียกระดมกำลังตำรวจถึง 6 ครั้งในการเข้าจับกุมเป้าหมายแต่ก็คว้าน้ำเหลวทุกครั้งไป สร้างความขุ่นเคืองแก่ผู้บังคับบัญชาของเขาเป็นอย่างมาก งานนี้จึงต้องไม่มีคำว่าพลาดเด็ดขาด

              เจม็อคหยุดฝีท้าวลงอย่างกระทันหัน บัดนี้เขากำลังยืนอยู่ข้างหน้ารูปปั้นหินรูปพระแม่มาเรียแห่งซานตานาเทพีแห่งสันติ ผลงานของปฏิมากรมือหนึ่งที่ได้หล่อหลอมจิตวิญญาณแห่งศิลปินสรรสร้างความงามของเทพีที่ไร้ซึ่งตัวตนให้บังเกิดมีขึ้นในโลก เทพีที่มีรอยยิ้มอันอบอุ่นละมุนละม่อมดุจมารดาผู้อารี รอยยิ้มที่ไม่เคยจางหายไปจากใบหน้าอันหมดจดงดงามตลอดระยะเวลา 700 ปีแห่งกาลสมัย บัดนี้กำลังถูกท้าทายด้วยความโอหังของอาชญากรจอมลวงโลก

           จะมารับรอยยิ้มแห่งซานตานาเมื่อเสียงแห่งสรวงสวรรค์ขานเรียกพระนาง

              ข้อความจากเจ้าอาชญากรที่ส่งมายังเจม็อคคู่ปรับของมัน อาชญากรรายนี้เริ่มก่อคดีเมื่อ 3 เดือนก่อน โดยจะส่งสาห์นท้าท้ายไปยังตำรวจก่อนจะลงมือโจรกรรมผลงานล้ำค่าไปอย่างไร้ร่องรอย ซึ่งบัดนี้ผลงานศิลปะอันทรงคุณค่าตกอยู่ในมือของเจ้าอาชญากรรายนี้ถึง 6 ชิ้น คือ สร้อยคอแห่งยอร์กเชียร์ มงกุฏแห่งโรเทีย ไข่มุกจ้าวราตรี ไหมทองแห่งไทยานา บันทึกของนักบุญโจเซฟ น้ำตาแห่งเพนซิวาเนีย หากครั้งนี้มันได้รอยยิ้มแห่งซานตานาไปโลกคงต้องจารึกชื่อของมันไว้ในฐานะจอมโจรผู้อหังการที่สุดเป็นแน่แท้ จอมโจรวินเดอร์แลร์ผู้ไปมาดุจสายลม

              "กี่โมงแล้ว" เจม็อคหันกลับไปถามตำรวจในเครื่องแบบที่ยืนประจำที่อยู่ข้างรูปปั้น ก่อนจะเบนสายตาของเขากลับไปจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของรูปปั้น

              "23.42 น. ครับ ใกล้ถึงเวลาที่มันบอกไว้แล้ว" นายตำรวจรีบตอบอย่างระมัดระวังเขาคงรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากที่ต้องมารับหน้าที่เฝ้าระวังภายในอยู่คนเดียว เขาจึงถามเจม็อคว่า "สารวัตรครับเจ้าวินเดอร์แลร์จะมาแน่เหรอครับ รูปปั้นรอยยิ้มแห่งซานตานาใหญ่ออกขนาดนี้มันจะเอาไปได้อย่างไรกัน มันไม่ใช่ผู้วิเศษซักหน่อย"

              "ใช่ มันไม่ใช่ผู้วิเศษ" เจม็อคกล่าวสนับสนุนนายตำรวจหนุ่มก่อนจะกล่าวขึ้นว่า "ผู้วิเศษสามารถสร้างสิ่งมหัศจรรย์แต่ผู้วิเศษนั้นไม่เคยโจรกรรม ส่วนจอมโจรนั้นชื่นชอบการโจรกรรมแต่พวกมันกลับไม่เคยสร้างสิ่งมหัศจรรย์ เพราะการโจรกรรมล้วนเป็นความจริงที่ปรากฏชัดสำหรับพวกมัน"

              "ดังนั้นเจ้าวินเดอร์แลร์มันต้องมาแน่ๆ" เจม็อคสรุป

              วิหารแห่งซานตานามีทางเข้าอยู่ 3 ทางคือประตูหน้าของวิหารและประตูด้านหลังรูปปั้นอีก 2บานซึ่งปัจจุบันถูกปิดตายไป หน้าต่างล้วนเป็นกระจกสีสันสวยงามตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตรา ด้วยเนื้อเรื่องในเทพนิยายกรีกโบราณซึ่งปิดสนิทอยู่ตลอดเวลา ด้านบนมีช่องรับแสงรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนกว้างเพียง 30 ซม. ซึ่งจะเปิดเพียงเวลากลางคืนให้แสงจันทร์ในคืนพระจันทร์เต็มดวงส่องลงมากระทบรูปปั้นพระแม่ได้อย่างพอเหมาะพอดีขณะทำพิธีกรรม ตามมาตราการรักษาความปลอดภัยที่เจม็อควางไว้นั้น ประตูหน้าของวิหารซึ่งเป็นทางเข้าออกเพียงทางเดียวของวิหาร มีเจ้าหน้าที่ 2 นายยืนคุมอย่างเข้มงวดตรวจคนเข้าออกวิหารอย่างละเอียด ทางด้านหน้าต่างนั้นปิดสนิทลงกลอนจากด้านในมีเจ้าหน้าที่เฝ้าอยู่โดยรอบถึง 8 นาย ทางช่องรับแสงจันทร์และบนหลังคาก็ให้เจ้าหน้าที่ขึ้นไปดักซุ่มอยู่บนหลังคาอีกถึง 2 นาย ส่วนภายในวิหารมีเจ้าหน้าที่ 1 นายยืนประจำอยู่ตลอดเวลา ยากที่ใครจะเข้ามาถึงรูปปั้นพระแม่มาเรียแห่งซานตานา และยิ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะโจรกรรมรูปปั้นขนาดเท่าคนจริงสูงเกือบ 180 ซม. หนักอีกร่วมตันให้หายไปจากวิหารแห่งนี้

              ภายในวิหารในค่ำคืนนี้จัดตั้งเทียนไขและเครื่องประกอบพิธีกรรมมากมาย คนที่ประกอบพิธีคือบาทหลวงเฒ่าผู้รักษาวิหารแห่งนี้ โดยทุกๆคืนพระจันทร์เต็มดวงช่องรับแสงจันทร์เหนือวิหารจะถูกเปิดออกเพื่อทำพิธีชำระมลทินให้แด่องค์เทพี แสงจันทร์ส่องกระทบรูปปั้นพระแม่มาเรียแห่งซานตานาเกิดเป็นภาพเทพีที่งามล้ำสูงใหญ่เกินจริงจากปกติเมื่อยังไม่ต้องแสงจันทร์ เสียงจากคณะดนตรีหมู่บ้านเริ่มประสานเข้ากับบรรยากาศมืดทึมใต้แสงเทียนที่วูบวับตามสายลมที่พัดผ่านเข้ามาในวิหารจากช่องรับแสงจันทร์

              บาทหลวงเฒ่าเริ่มวาดลวดลายกำกับการบรรเลงของคณะเครื่องประสานเสียงหมู่บ้านอย่างพลิ้วไหวได้อารมณ์ บทเพลงค่อยเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ ไม้คอนดักเตอร์ในมือของบาทหลวงเฒ่าสะบัดไปมาอย่างรวดเร็วเหนือศีรษะ ขณะที่เสียงประสานของนักร้องล้วนแสดงออกมาอย่างเต็มพลัง

              "ลา....ซาตานา............ซาตาโนลา...............ซาตานานา..........เลอูลานาซาตานา.....ลา"เสียงประสานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังเงียบกริบลงพร้อมกันอย่างน่าประทับใจพร้อมๆกับจังหวะที่ไม้คอนดักเตอร์ในมือของวาทยกรเฒ่าสะบัดลงอย่างสุดแรง เหตุการณ์ประหลาดน่ามหัศจรรย์พลันอุบัติขึ้น ศีรษะของพระแม่มาเรียแห่งซานตานากลับหลุดจากตัวรูปปั้นเหมือนถูกตัดด้วยสายลมของปีศาจ พุ่งออกไปจากวิหารผ่านทางช่องรับแสงจันทร์ เหลือเพียงแต่รูปปั้นเทพีที่ไร้ศีรษะ รอยยิ้มแห่งซานตานาหายลับไปกับแสงจันทร์ในคืนวันเพ็ญด้วยเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดสุดที่จะบรรยาย จะมีรอยยิ้มแห่งเทพีได้อย่างไรเมื่อศีรษะแห่งเทพีได้อันตราธารหายไปกับสายลมเสียแล้ว

              "ไอ้วินเดอร์แลร์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" เจม็อคแผดเสียงราวกับซาตานกระหายเลือด เขารีบสั่งลูกน้องทั้งหมดติดตามหาศีรษะของรูปปั้นที่หายไป ลูกน้องสองคนบนหลังคาวิหารลงมารายงานหัวหน้าของตนที่กำลังฉุนขาดทันที

               "ผมสองคนเฝ้าอยู่ข้างบนหลังคาวิหารไม่พบใครเข้าใกล้ตัววิหาร หรือช่องรับเสียงจันทร์เลยแม้แต่คนเดียว" นายตำรวจรูปร่างกำยำรีบรายงานก่อนหันไปขอเสียงสนับสนุนจากเพื่อนนายตำรวจที่เฝ้าอยู่ด้วยกัน

                 "จริงครับสารวัตร" นายตำรวจรูปร่างท้วมรายงานยืนยัน

              "แต่พอตอนเสียงประสานหยุดลง อยู่ดีๆอะไรไม่รู้สีออกขาวๆพุ่งออกมาจากช่องที่พวกเราเฝ้าอยู่แล้วก็หายลับเข้าไปในป่าโน่น พวกเราระวังแต่คนจะเข้าไปในช่องแต่ไม่ยักคิดว่าจะมีอะไรออกมาจากช่องอย่างนี้เลย" นายตำรวจมาดเข้มเริ่มแก้ต่าง

             "จะอะไรซะอีกหล่ะ ก็หัวของเทพีซานตานาหน่ะสิที่พุ่งไปหาพวกเอ็ง" เจม็อคแดกดันลูกน้อง

                 "อะไรนะ!! หัวหรือลูกพี่!! มันๆเป็นไปไม่ได้"

                "เป็นไปแล้วโว้ย! ไปออกไปค้นให้ทั่วหาให้เจอทั้งหัว ทั้งคน"

                "คนเหรอ? มีใครถูกลักพาตัวไปด้วยหรือสารวัตร"

               "ลักพาตัวหน่ะไม่มีหรอก ลักพาหัวต่างหาก ส่วนคนที่ให้หาหน่ะก็ไอ้คนที่มันเอาไป ไอ้วินเดอร์แลร์บัดซบนั่นแหละ ต้องเป็นฝีมือมันแน่ๆ ไปๆค้นให้ทั่วทุกซอกทุกมุม แยกย้ายกันไปได้แล้ว"

               "เออติดต่อเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ มารับรูปปั้นเทพีส่วนที่เหลือไปเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์กลางก่อน ของหลวงนะนั่นเคลื่อนย้ายระวังด้วย เดี๋ยวค่อยไปตรวจสอบกัน เสียหัวไปแล้วเหลือตัวไว้ก็ยังดี" เจม็อคกล่าวด้วยอาการหงุดหงิดก่อนจะวิ่งไปรวมกับทีมค้นหา แค่สิ่งที่เขาค้นหาอาจหายไปกับสายลมแล้วก็ได้

             เจ้าหน้าที่จากพิพิธภัณฑ์กลางมาถึงอย่างรวดเร็ว พวกเขาเคลื่อนย้ายรูปปั้นส่วนที่เหลือไปเก็บไว้ในที่พิพิธภัณฑ์กลางเพื่อความปลอดภัยก่อนจะมีการไปตรวจสอบ และป้องกันการสูญหายที่จะเกิดขึ้น แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น รอยยิ้มแห่งซานตานาได้สูญหายตลอดกาลตั้งแต่ค่ำคืนนั้น ไม่มีใครพบทั้งส่วนหัวและตัวของพระแม่มาเรียแห่งซานตานาอีกเลย เพราะส่วนที่เอากลับไปพิพิธภัณฑ์นั้นได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นของปลอมในเวลาต่อมา ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่ารูปปั้นพระแม่มาเรียแห่งซานตานาได้หายไปจากโลกนี้แล้วทั้งองค์ ไม่ใช่ล่องลอยหายไปแต่หัวอย่างที่ผู้เห็นเหตุการณ์ในวันนั้นให้การเป็นเสียงเดียวกัน ส่วนจอมโจรวินเดอร์แลร์ก็หายสาบสูญไปจากวงการอาชญากรนับตั้งแต่วันนั้นเหลือไว้เพียงข้อความเย้ยหยันที่ว่า

            "จะมารับรอยยิ้มแห่งซานตานาเมื่อเสียงแห่งสรวงสวรรค์ขานเรียกพระนาง"

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2025

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×