คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ~ รัก ??? ~
~ รัก ??? ~
“อากิระคุง ยกมาตรงนี้สิ หนังสือนั่นมันต้องอยู่ตรงนี้นะ” อายูมิกำลังทำงานพร้อมกับคุยจุ๊กจิ๊กกับอากิระสองคน ทำให้เพื่อนๆที่เหลือ................
“เฮ้ย มันสนิทกันขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ดูแล้วเลี่ยนๆไงไม่รู้ ” อาซูกะพูดยิ้มๆ แน่นอนพวกเธอทั้งหมด ไม่เคยมีใครเห็นอายูมิอาการแบบนี้ อาการที่เรียกว่า อินเลิฟ
“ว่าแต่เค้าเหอะ แล้วแกล่ะ เห็นกุ๊กกิ๊กกับอิบูกิคุงอยู่ช่วงนึงนี่” อาซูกะหันมาถามคุมิโกะ
“ตอนแรกก็ดีนะ แต่หลังๆไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆ เค้าก็ดูเหมือนไม่ค่อยอยากคุยกับชั้น” คุมิโกะตอบด้วยสีหน้าเศร้า หลังจากการแนะนำตัวของชายหนุ่มทั้งสองวันนั้น เธอและอายูมิก็พยายามตีสนิทกับชายหนุ่มทั้งสอง และแน่นอนพวกเธอทำสำเร็จ พวกเธอสนิทกับทั้งสองได้ในเวลาอันรวดเร็ว เร็วจนเพื่อนของเธอตกใจเพราะ คุมิโกะมักจะทำงานชมรมและคุยกุ๊กกิ๊กสองคนกับอิบูกิเสมอ ส่วนอายูมิไม่ต้องพูดถึงเพราะ อายูมิและอากิระนั้น นอกจากจะคุยกุ๊กกิ๊กกันสองคนเวลาอยู่ในชมรมแล้ว สองคนนี้ยังมักโทรศัพท์คุยกันนานเสมอๆ จนเพื่อนต้องคอยลุ้นแล้วว่า สองคนนี้จะได้เป็นแฟนกันไหม?? นอกจากนั้นทั้งสี่คนยังมักไปไหนมาไหนด้วยกันหลังเลิกเรียนก่อนกลับบ้านเป็นประจำ แต่ช่วงหลังๆอิบูกิดูไม่ค่อยอยากคุยกับคุมิโกะ
“เค้าโกรธอะไรชั้นรึเปล่านะ” คุมิโกะเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง พลางพูดเหมือนบ่นกับตัวเองคนเดียว
“ช่างมันเหอะ ชั้นว่าจากที่ดูๆนะอิบูกิคุงก็เป็นคนงี้แหละ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย” ยูมิเดินมาตบไหล่คุมิโกะเบาๆ
“นี่ คุมิกะเย็นนี้ไปเกมเซ็นเตอร์กันมั้ย” อายูมิเอ่ยชวนคุมิโกะที่นั่งอ่านการ์ตูนอยุ่ในสวน โดยที่เพื่อนๆอีกสามคนไปห้องน้ำ
“ใครไปมั่ง” คุมิโกะถามต่อในใจชักหวั่นๆ เพราะช่วงหลังๆเธอไม่อยากไปเที่ยวกับอิบูกิเลย
“ชั้น แก อากิระคุง ละก็ อิบูกิคุง” อายูมิตอบ
“อ้าวแล้ว 3 คนนั่นล่ะ”
“พวกมันไม่ยอมไป มันบอกว่าไปกันสี่คนน่ะดีแล้ว”
“เฮ้อ ชั้นไม่อยากไปเลยอ่ะ แกก็รู้........เรื่องอิบูกิคุงน่ะ” คุมิโกะรู้สึกไม่ค่อยอยากไปเที่ยวครั้งนี้จริงๆเพราะ เธอรู้สึกแย่มากๆ เวลาที่เธอพยายามจะคุยกับอิบูกิแต่อิบูกิแสดงท่าทางว่าไม่อยากคุยกับเธอ
“ไปเหอะน่า นะนะนะ ถ้าแกไม่ไปชั้นก็ไม่ไปน๊า” อายูมิอ้อน สายตาวิงวอนสุดขีด
“อ่ะ เอางั้นก็ได้ แต่ชั้นต้องรีบกลับนะ แกก็รู้ หมู่นี้ชั้นโดนพ่อแม่ดุเรื่องกลับบ้านช้าเป็นประจำ” คุมิโกะตอบ
“จ้า รักแกจัง” อายูมิยิ้มกว้างทันที
เย็นนั้นทั้งสี่เดินทอดน่องตามทางเดินเลียบแม่น้ำข้างโรงเรียนไปเรื่อยๆ วิวทิวทัศน์ยามเย็นแถวนี้เหมาะกับการมาเดินเล่นยิ่งนักเพราะแม่น้ำใหญ่สะท้อนภาพของพระอาทิตย์ดวงกลมโตที่ทอแสงสีส้มอ่อนสว่างนวลไปทั่วแผ่นน้ำ บวกกับต้นไม้น้อยใหญ่ริมฝั่งแม่น้ำ ทำให้สถานที่นี้กลายเป็นจุดพักผ่อนยามว่างของคนแถบนี้
คุมิโกะหันไปมองภาพต่างๆเหล่านั้นพร้อมกับถอนใจออกมา เธอรู้สึกแย่มากเพราะดูเหมือนเธอจะไม่ได้พูดคุยกับใครเลย อายูมิเดินคุยเล่นหัวเราะสนุกสนานไปกับอากิระ ส่วนอิบูกิเดินเงียบๆไม่พูดไม่จา ทำให้เธอยิ่งรู้สึกแย่ยิ่งขึ้นไปอีก นี่เค้าจะไม่พูดคุยกับเธอเลยรึงัยนะ
“เฮ้ อิบูกินายยจะเล่นเกมอะไรวันนี้” อายูมิที่เริ่มรู้ว่าคุมิโกะอารมณ์ไม่ดีจึงหันมาลองเชิงโดยการคุยกับอิบูกิดู
“อ้อ ชั้นว่าจะเล่นแข่งรถล่ะ ไงสนใจเล่นด้วยมั้ย ท้าแข่งเลยล่ะ” อิบูกิที่ดูขรึมๆตอนแรกกลับมีสีหน้าร่าเริงขึ้นมาทันที เค้าเดินไปข้างๆอายูมิพร้อมคุยอย่างสนิทสนม
“อีกแล้วสินะ” คุมิโกะคิด อิบูกิมักจะเป็นอย่างนี้เสมอ เค้าจะคุยจะหัวเราะและเล่นกับทุกคนอย่างปกติ ยกเว้นเธอคนเดียว ที่เค้าไม่ค่อยคุยไม่ค่อยเล่นเหมือนปกติ ซึ่งเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะเหตุใด
“เป็นไง ทำหน้ามู่ทู่เชียว” อากิระเดินเข้ามาคุยกับเธอ
“เอ่อ ก็ไม่มีไรหรอก แค่เบื่อๆน่ะ” คุมิโกะตอบปัดๆ
“งั้นมาคุยเรื่องที่จะทำให้เธอหายเบื่อดีกว่า” อากิระพูดท่าทางสบายๆ เค้าหันมามองหน้าเธอ
“เรื่องอะไรที่เธอสนใจอยู่ตอนนี้ล่ะ”
“เรื่องของอิบูกิคุงน่ะสิ” คุมิโกะคิด แต่เธอรู้ว่าพูดไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงตอบไปว่า
“ก็เรื่องหนังสือการ์ตูน ดารา เพลง อาไรประมาณนี้”
“อืม ดาราชั้นไม่ชอบเหมือนเธอแน่นอน เพราะชั้นเป็นผู้ชายเธอเป็นผู้หญิง ส่วนเพลงเท่าที่ชั้นดูเธอมา เธอชอบฟังเพลงสากลนี่ ต่างกับชั้นโดยสิ้นเชิง เพราะชั้นเป็นพวกชาตินิยม ฮ่ะ ฮ่ะ ก็เหลือแต่เรื่องการ์ตูนล่ะสิ ว่าไง เธอชอบอ่านแนวไหนล่ะ” อากิระพูดขำๆ ก่อนหันมาถามเธอ
“ก็พวกการ์ตูนผู้หญิง แล้วก็แนวสืบสวน” คุมิโกะตอบเค้า
“เธอก็ชอบการ์ตูนแนวสืบสวนเหรอ ชั้นชอบมากเลยล่ะ จะว่าไปพวกการ์ตูนที่ชั้นอ่านอยู่มันก็แนวสืบสวนทั้งนั้นเลยนะ มีทั้งเรื่อง..............”อากิระเริ่มร่ายยาว พร้อมทำสีหน้าเหมือนเจอของเล่นถูกใจ จนคุมิโกะอดคิดไม่ได้ว่าอายูมิจะรู้เรื่องนี้มั้ยหนอ
“เธอนี่ท่าทางชอบการ์ตูนแนวสืบสวนจังเลยนะ” คุมิโกะพูดขึ้นมาลอยๆ
“ชอบสิ ชอบมากด้วย เธอรู้มั้ยชั้นเคยบอกแม่ชั้นแหละว่า ชั้นอยากเป็นนักสืบ”
“จริงเหรอ” คุมิโกะหันมาถามอากิระ ท่าทางแปลกใจเล็กน้อย
“ใช่ แต่แม่บอกว่ามันอาจไม่มั่นคงนัก ให้ทำอาชีพอย่างอื่นดีกว่า หึหึ” อากิระพูดพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ
“เออใช่ เธอมีการ์ตูนแนวสืบสวนเรือ่งไหนมั่งล่ะ” อากิระถามต่อ
“ก็มี..............ละก้อเรื่อง.......” คุมิโกะนับนิ้วตามรายชื่อหนังสือการ์ตูนของเธอ
“หาเธอนั้นด้วยเหรอ มันหายากมากเลยนะสมัยนี้ รู้สึกว่าเล่มแรกที่ออกมามันตั้งแต่ปี 1992 เลยนะ แล้วก็อย่างว่าการ์ตูนพวกนี้ 3-4 ปีก็หมดตลาดแล้ว เธอมีครบเลยเหรอ ดีจัง” อากิระพูดด้วยท่าทางตื่นเต้น
“อยากยืมมั้ยล่ะ เดี๋ยวพุ่งนี้เอามาให้ยืม แต่ต้องสัญญานะว่าจะรักษาอย่างดี ชั้นมันพวกรักษาหนังสือนะ รู้ไว้ซะด้วย”
“ได้ๆ จะรักษาอย่างดีเลย”
“นี่ สองคนนั่นน่ะ คุยอะไรกันอยู่ ถึงเกมเซ็นเตอร์แล้วนะ” อายูมิที่หันมาเห็นทั้งสองคนเดินคุยกันอยู่เดินเข้ามาหา
“อ้ะ คุยเพลินเลย” อากิระพูด
“นี่ อายูมิไหนเธอบอกว่าจะแข่งรถกับชั้นไง” อิบูกิพูดพร้อมกับลากแขนอายูมิไปยังเกมขับรถแข่งทันที โดยที่อายูมิได้แต่ส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปยังคุมิโกะ ซึ่งได้แต่มองอย่าสงสาร
“ชั้นจะไปช่วยอะไรเธอได้ เค้ายังไม่ค่อยอยากจะพูดกับชั้นเลยนะ” คุมิโกะคิดอย่างเศร้าใจก่อนจะมองไปยังแผ่นหลังของอิบูกิ
“ไง อยู่กันสองคนอีกแล้ว หาเรื่องสนุกๆทำดีกว่าว่ามั้ย” อากิระเดินมานั่งข้างๆคุมิโกะ
“ทำอะไรได้ล่ะ” คุมิโกะตอบด้วยท่าทางเซ็งๆ
“ไปเล่นนั่นกันมั้ย” อากิระชี้ไปทางเครื่องเล่นชนิดหนึ่งที่เขียนว่า “ใหม่ล่าสุด” และมีผู้คนต่อแถวรอเล่นมากมายผิดกับเครื่องเล่นเกมชนิดอื่น
“อะไรอ่ะ ชั้นไม่ถนัดเรื่องเกมเลยนะ บอกไว้ก่อน”
“อย่าห่วงเลย เครื่องนั่นไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะการเล่นเกมเลยซักนิด” อากิระพูดพลางเดินน้ำหน้าคุมิโกะไปยังเครื่องเล่นเกมนั่น
“เห ถ่ายรูปตัวคุณในอีก 10 ปีข้างหน้าเหรอ” คุมิโกะอ่านป้าหน้าเครื่องเล่นนั้นพร้อมกับจ้องมองด้วยความสนใจ
“เล่นมั้ย???” ชายหนุ่มข้างตัวเธอหันมาถาม ซึ่งเธอได้แต่พยักหน้าตอบ
“
เฮ้อ แข่งกับนายนี่เหนื่อยชะมัด อึดเป็นบ้าเลย” อายูมิที่หลังจากท้าดวลเกมแข่งรถกับอิบูกิ 5 ตารวด เอ่ยขึ้น
“แล้วสองคนนั้นล่ะ” อิบูกิพูดขึ้นก่อนเริ่มมองหาอีกสองคนที่เหลือ แต่ทว่าไม่เห็นวี่แววของทั้งสองคน เพราะสองคนที่ว่านั้นกำลังถ่ายรูปอยู่ อายูมิและอิบูกิจึงได้แต่นั่งคอย โดยอายูมิมีสีหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย
“ฮ่ะๆๆ นายนี่ อีก 10 ปีก็หน้าตาไม่เปลี่ยนเลยนะ เครื่องเจ๊งรึเปล่า หรือว่าเครื่องมันจะรู้ว่าอีก 10 ปีนายจะไปทำ baby face” คุมิโกะกำลังหัวเราะอย่างเมามันขณะที่ดูรูปของอากิระในอีก 10 ปีข้างหน้า เพราะในรูปนั้นก็ยังคงเป็นหนุ่มผมดำ ตาสีน้ำตาลเข้ม ที่ดูเคร่งขรึม ซึ่งไม่ต่างจากชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอเลยแม้แต่น้อย
“อ๊ะ หรือว่านายจะไม่โตแล้ว ฮ่ะๆ” คุมิโกะยังขำต่อ
“เครื่องเฮงซวยไม่น่าเสียเงินไปกะมันเลย ไหนของเธอล่ะ” อากิระบ่นๆ ก่อนจะหันมาขอดูรูปที่อยู่ในมือของเธอ
“อ้ะ เครื่องเฮงซวยจริงๆด้วย ไม่งั้นก็คงเจ๊งแน่ๆ ดูสินี่มันไม่ใช่เธอนี่ สวยขนาดนี้ ฮ่ะๆๆๆ” อากิระพูดพร้อมกับขำภาพใน ภาพของสาวสวยผมยาวที่น้ำตาลนั้นถูกดัดเป็นลอนน้อยๆ ดวงตาสีน้ำตาลที่กลมโตนั้นก็ดูสดใสกว่าที่เป็นอยู่
“เชอะ นี่แหละความจริงที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง คนสวยมันก็ย่อมสวยเป็นธรรมดา” คุมิโกะพูดพร้อมกับเชิดหน้าขึ้นน้อย โดยมีอากิระมองอย่างขันๆในท่าทางของเธอ ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินไปสมทบกับเพื่อนที่เหลือ
“ไปไหนมาเธอสองคนนี่” อายูมิที่เห็นทั้งสองเดินมา รีบวิ่งเข้ามาหา
“อ้อ ไปเล่นนี่มา” คุมิโกะยิ้มพลางชูรูปที่อยู่ในมือให้อายูมิดู
“
อะไรอ่ะ เฮ้ น่าสนุกจังอยากเล่นมั่ง ไปเล่นอีกเหอะๆ” อายูมิชวนเพื่อนๆ
“กลับเหอะมืดแล้ว” อิ บูกิลุกขึ้นพร้อมกับเดินออกนอกร้านเกมโดยไม่สนใจเพื่อนๆที่เหลือ ทำให้ทุกคนได้แต่จนใจเดินตาม
“นี่ เมื่อกี้ทิ้งชั้นเลยนะ แอบไปเล่นกับอากิระสองคนได้งัย” อายูมิคุยกับคุมิโกะเบาๆ โดยที่ระวังไม่ให้สองคนที่เดินอยู่ข้างหน้าได้ยิน
“อ้าว พูดงี้ได้งัย ใครทิ้งใครก่อนกันแน่ยะ” คุมิโกะตอบกลับ ก็อายูมิหนีไปเล่นเกมกับอิบูกิคุงนี่
“ชั้นไม่รุ้เรื่องเลยนะ อีตาบ้าอิบูกินั่นแหละ เออชั้นเริ่มเห็นด้วยกะแกแล้ว มันไม่พูดกะแกคนเดียวนั่นแหละ ดูสิมันยังคุยกับคนอื่นเหมือนเดิมเลย” อายูมิพูดพลางพยักพะเยิดไปทางอากิระและอิบูกิที่เดินคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่ข้างหน้า
“
จะว่าไป อากิระคุงเนี่ยดูภายนอกไม่รู้เลยนะว่าพูดเก่ง” คุมิโกะพูดขึ้น สายตามองไปที่อากิระ
“ชั้นก็บอกแล้วว่าเค้าน่ะน่ารักกก” อายูมิยิ้มหน้าบาน
“เอาเหอะๆ จะถึงทางแยกแล้ว แกก็กลับอย่างสวีทหวานแหววอีกล่ะสิ เฮ้อ” คุมิโกะพูดด้วยท่าทางเซ็งๆ เพราะพอถึงทางแยกนั้นพวกเค้าทั้งหมดจะต้องแยกกันกลับบ้าน โดยเธอไปทางหนึ่ง อิบูกิไปทางหนึ่ง ส่วนอายูมิกับอากิระนั้นไปทางเดียวกัน โดยอากิระจะเดินไปส่งอายูมิที่บ้านก่อนเสมอๆ
“งั้นแยกกันตรงนี้นะ” คุมิโกะโบกมือให้คนทั้งสองก่อนจะหันหลังเดินออกไป
“อ๊ะ คุมิโกะอย่าลืมที่สัญญาไว้ล่ะ” อากิระตะโกนบอกคุมิโกะ
“จ้าๆๆ”
คุมิโกะเดินกลับบ้านคนเดียว ซึ่งขณะนี้พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว เธอจึงรีบเร่งที่จะกลับบ้าน ทันใดนั้นเธอรู้สึกเหมือนมีคนเดินตามเธออยู่ เธอจึงรีบจ้ำเท้าเร็วขึ้นเรื่อยๆแต่ดูเหมือนว่าเสียงฝีเท้าที่ตามเธอมานั้นก็ยิ่งจ้ำตามเธอเร็วขึ้นเรื่อยๆด้วยเช่นกัน
“บ้าชะมัด ใครตามนะ คนโรคจิตหรือเปล่า แล้วก็คนแถวนี้ในหายไปไหนหมดนะ ปกติมันไม่เงียบอย่างนี้นี่” เธอคิดขณะจ้ำต่อไปเรื่อยๆ ทันใดนั้นมือมือหนึ่งก็ตรงเข้ามาจับไหล่เธอทันที พร้อมกับเสียงที่เบาราวกับเสียงกระซิบ..............
“ไง กลับคนเดียวดึกดื่นไม่กลัวเหรอจ๊ะสาวน้อย”
ความคิดเห็น