คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : วันที่ 6 ตกหลุมรักอีกครั้ง
"อาร์ท มีของแค่นี้เหรอ?" เสียงไอ้คุณชาร์ลมันครับ วันนี้มันมาตามที่มันพูดไว้จริงๆ แถมมาถึงก็เรียกชื่อผมซะสนิทเลย มันบอกว่าจะได้ไม่ดูห่างเหิน ถุย ไม่เพียงเท่านี้นะครับ ยังคอยมาจู้จี้จับผมโกนหนวดโกนเคราจนเกลี้ยงเกลาเลย T^T ผมก็ยังเซ็ตให้ซะดูหล่อ อันนี้โอเครับได้ แต่ที่รับไม่ได้นี่สิครับ มันเล่นทำความสะอาดบ้านผมจนสะอาด ตกลงมึงเป็นเมียกูรึไงเนี่ย มีหน้ามาบอกอีกว่า ถึงมันจะหล่อ รวย นิสัยดี ทำได้ทุกอย่าง (แหวะ) แต่เรื่องเข้าครัวนี่ยังไงก็ไม่เอา ต้องเป็นหน้าที่ของภรรยาที่ดีเท่านั้น มันพูดงี้มองหน้าผมแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ ว่าแต่ทำไมต้องมองมาทางนี้ด้วยวะ ผมเลยบอกมันไปว่า ถ้างั้นคุณก็รีบแต่งเมียสิครับ จะได้มีคนคอยทำอาหารให้ (แล้วจะได้เลิกยุ่งกับกูซะที ประโยคนี้ไม่ได้พูดไปครับ) มันยิ้มเหมือนถูกใจคำพูดผม แล้วตอบกลับมาว่า แต่งแน่ แต่เจ้าตัวจะยอมรึเปล่านี่สิครับ แหม~ มีผู้หญิงสำรองก็ไม่บอก มาตามตื้อผมอยู่ทำไม ชิชะ แอบหงุดหงิดนิดๆ
"หมดแล้วนะครับ ป่ะ ไปกัน" ชาร์ลยกกล่องสุดท้ายที่ใส่งานที่ผมเอามาแก้ที่บ้านออกไปยืนรอหน้าห้อง ผมเดินตามออกไป ก่อนจะปิดประตูล็อคห้องเรียบร้อย วันนี้ผมต้องเข้าออฟฟิตไปดูงานที่ค้างคาอยู่ จะหยุดก็ได้เพราะมีลูกน้องในสังกัดคอยดูให้อยู่ แต่ผมอยากให้งานออกมาดี เพราะต้องส่งงานลูกค้าในอีกสัปดาห์ข้างหน้าแล้ว ชาร์ลมันอาสาจะไปส่งผมที่ทำงานให้ ผมก็ไม่ว่าอะไร ไม่ได้คิดมากอะไรด้วย ดีซะอีกมีคนคอยรับคอยส่งให้ เพราะสภาพผมตอนนี้ดูๆ ไปแล้วเอาตัวเองไม่รอดแหงครับ
"หิวข้าวไหม?" อยู่ๆ ชาร์ลมันก็ถามขึ้นมา
"หิวดิ ตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยเนี่ย" ผมลูบท้องตัวเองเบาๆ
"ถ้ามีคนเลี้ยงข้าวสักมื้อก็คงจะดี~~~~~" ผมลากเสียงยาวออกแนวออดอ้อน โอ๊ะ มันยิ้มครับ
"หึหึ จะทุกมื้อผมก็เลี้ยงคุณไหว"
"ไหวจริงเร๊อ~ วันแรกที่พาไปเลี้ยงไม่ใช่ว่าจ่ายไปเยอะเหรอคร๊าบบบ?" แหม ต่อให้รวยยังไง เจอแบบนั้นบ่อยๆ ก็ไม่ไหวเหมือนกันนะครับ
"คนอุตส่าห์ลืมไปแล้ว ยังจะขุดขึ้นมาให้โมโหทำไมครับ จะกินไหมครับคุณอาร์ทข้าวน่ะ" โหย มีงอนด้วยวุ้ย
"โอ๋ๆ อย่างอนน๊า กินสิคร้าบ~~" ผมง้อมันหน่อย เพื่อปากท้องของตัวเอง บวกกับนิสัยผมเป็นงี้อยู่แล้วเลยออกแนวออดอ้อนสุดๆ มึงพลาดแล้วชาร์ล กูขี้อ้อนและกินจุนะมึง
"นี่คุณเป็นคนแบบนี้เองเหรอ?" ชาร์ลขมวดคิ้วนิดๆ
"ทำไม? ไม่ชอบ? นิสัยผมก็เป็นงี้แหละ ไม่ชอบจะเลิกตื้อก็ได้นะ" เลิกดิๆ เลิกเลย กูจะได้เป็นอิสระเสรี~~
"เปล่า" อุ๊ มันปฏิเสธ
"ชอบสิครับ ไม่คิดว่าจะทำตัวได้น่ารักขนาดนี้" .......เหี้ยแล้วไม๊กู ไปเพิ่มดีกรีความชอบมันอีก ทำเอาผมเริ่มรู้สึกเกลียดนิสัยตัวเองสุดๆ แม่ง ไม่น่าอ้อนมันเลย ทำไมเวลาผมอ้อนเจนนี่มันถึงชอบว่าผมจัง รึว่าจริงแล้วเจนนี่มันชอบแต่มันแอ๊บวะ
ผมบอกให้ชาร์ลพาผมไปทานมื้อเช้าที่ร้านใต้บริษัท เพราะมันถูกและอร่อย ผมมองดูนาฬิกาที่มือถือจะสิบโมงแล้ว เข้างานดีกว่า ชาร์ลช่วยขนของขึ้นไปออฟฟิตผมชั้น 11 พอเสร็จก็รีบไล่มันกลับ แต่มันไม่ยอมกลับครับ บอกอยากจะขอดูงานที่ผมทำ ดูไมวะ ผมปลงไล่ก็ไม่ไป เดี๋ยวให้พี่วิลัยมาก่อนเถอะ พี่วิลัยแกไม่ชอบให้พาคนนอกเข้ามาในออฟฟิตครับ คราวก่อนรุ่นน้องในสังกัดผมพาแฟนมันมา พี่วิลัยด่ายับจนมันขยาด แฟนมันด้วย เพราะเจ้แกเล่นด่าทั้งคู่ต่อหน้าประชาชี เอาวะยอมอายสักหน่อย มันจะได้กลับๆ ไป
....
....
....
แต่ไม่เป็นดังคาดครับ!!!! พี่วิลัยแม่งหลงหน้าตา หลงคารมมัน บอกจะดูเท่าไหร่ก็ได้ จะอยู่นานๆ ก็ได้พี่ชอบ เชี่ยแล้วไหมล่ะ แถมมีมาสั่งลูกน้องให้ต้อนรับแขก VIP ดีๆ แปบเดียวมันได้เป็นแขกระดับ VIP เลยเหรอวะ พี่วิลัยแม่งโครตลำเอียงอ่ะ จำไว้เลยพี่...
"ผมอยากเห็นผลงานของคุณอาร์ทจังครับ" ไอ้คุณชาร์ลมันบอกพี่วิลัยว่าอยากดูผลงานผม สงสัยอยู่เฉยๆ แล้วเบื่อล่ะมั้ง
"โอ้ย ได้อยู่แล้วค่ะ คุณชาร์ลขอร้องทั้งที" พี่วิลัยยิ้มหน้าบาน ก่อนจะหันมาสั่งผม
"เฮ้ย ไอ้อาร์ท แกพาคุณชาร์ลไปชมผลงานที่ชั้น 2 ทีสิ" ทีกับผมพูดเสียงแข็งใส่ พี่วิลัยลำเอียงงงงงง ซิกๆ ผมได้แต่ร้องไห้ในใจ
"จริงๆ แล้วพี่อยากพาไปชมเอง แต่พี่ติดภารกิจ เดี๋ยวให้เจ้าของผลงานพาชมแทนละกันนะคะ"
"ได้ครับ ขอบคุณมาก" พอดีมีเสียงเรียกพี่วิลัยมาแต่ไกล ผมแอบเห็นพี่วิลัยหันไปค้อนหน้ามุ่ยใส่
"ไอ้อาร์ทคราวหลังมึงโกนหนวดแล้วแต่งหล่อแบบนี้อีกนะ ในออฟฟิตจะได้กระชุ่มกระชวยบ้าง หน้าตาดีแต่เสือกเก็บไว้ดูคนเดียว" พี่วิลัยแม่งโหด เจ้แกขอตัวกลับไปทำงานก่อน ไม่วายแอบบ่นว่าคนที่เรียกขัดจังหวะ น้องคนนั้นโครตซวยเลยครับเจอพี่วิลัยวีนใส่
"ตามมาดิ" ผมกวักมือเรียก พาชาร์ลลงไปที่ชั้น 2 ทันที บริษัทผมเช่าชั้น 2 ของตึกทั้งชั้นเพื่อใช้แสดงผลงานของบริษัท นอกจากลูกค้าแล้วคนภายนอกทั่วไปก็สามารถเข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ผลงานของผมในชั้นนี้ที่เป็นผลงานของผมเพียวๆ มีแค่ชิ้นเดียว จัดแสดงไว้นอกตัวอาคาร ส่วนที่เป็นระเบียงยื่นออกไป เพราะขนาดใหญ่ไม่สามารถเอาเข้าจัดแสดงภายในตัวอาคารได้ ส่วนงานอื่นๆ ของผมส่วนใหญ่จะเป็นผลงานแบบทีม ซึ่งจะจัดอยู่ภายในอาคาร ผมพาเดินวนหนึ่งรอบก่อนจะพาไปดูผลงานของผมข้างนอก
ชาร์ลเดินช้ามากๆ เพราะมองดูนู้นดูนี่ที่ละนานๆ ผมเห็นจนเบื่อแล้วเลยไม่ค่อยตื่นเต้นสักเท่าไหร่ สักพักก็มาถึงส่วนจัดแสดงภายนอก ผลงานของผมชิ้นนี้จริงๆ เป็นภาคต่อจากผลงานที่อยู่ในห้องนอนของผม จะถือว่ามันเป็นชิ้นเดียวกันก็ได้ เริ่มจากประตูจะมีกระเบื้องหลากสีสรรวิจิตรบรรจงเป็นทางเดินทอดยาว เหมือนอยู่ในโลกแฟนตาซี ระหว่างทางเดินจะมีใบไม้ ดอกไม้ ที่ร่วงหล่นอยู่ ซึ่งทำจากเศษกระเบื้องแตกครับ หากมองขึ้นจากพื้นจะเห็นว่ามันไปบรรจบที่พนังปูน ที่เป็นประติมากรรมภาพทิวทัศน์ที่ตั้งตะหง่ายอยู่เบื้องหน้า ขนาดความกว้างที่ 5 เมตร สูง 7 เมตร ดูเผินๆ เหมือนทางเดินทอดยาวเข้าไปในภาพที่ทำจากเศษกระเบื้องบนฉากตรงหน้า เป็นทางเดินที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ด้านข้างเป็นต้นซากุระ ดอกสีชมพูที่ร่วงโรย และเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง อันนี้ผมทำเป็นคนตัวเล็กๆ ที่แอบอยู่หลังต้นซากุระ ทำโครตยากครับขอบอก ต้องทุบกระเบื้อง เจียให้เข้ารูป เศษเล็กเศษน้อยเก็บหมด งานนี้ผมทำร่วมครึ่งปี ที่นานเพราะถ้าไม่มีอารมณ์งานก็ไม่เดินครับ แฮะๆ แต่พอเสร็จผลงานนี้ผมเลิกไม่ทำแนวนี้อีกเลย ทรมารตัวเองครับ เพราะฉะนั้นจึงมีแค่ผลงานนี้ผลงานเดียวที่เป็นแนวประติมากรรมบนผนังครับ
ผมหันไปมองดูชาร์ลก็ต้องตกใจ มันร้องไห้ครับ!! เฮ้ยๆ ทำเอาผมทำตัวไม่ถูกเลย ไม่เคยมีใครเห็นผลงานผมแล้วน้ำตาไหลมาก่อน ส่วนมากดูๆ แล้วก็ถามนู้นถามนี้ ทำไมต้องเป็นเด็กผู้หญิง ใช้กระเบื้องไปกี่ชิ้น ไม่ก็ชมว่าสวยจังเลย อยากได้แบบนี้ในบ้านบ้าง อันนี้ผมไม่รับทำครับ เลยบอกแนวนี้เอาไว้โชว์เฉยๆ ครับ พี่วิลัยก็เลยบ่นเสียดาย แต่ผมบอกว่าไม่ทำก็คือไม่ครับ พี่วิลัยแกก็ปลงๆ ยอมๆ ผมไป เพราะรู้นิสัยกันครับว่าผมแม่งโครตขี้เกียจเป็นสันดาร
"....ร้องไห้ทำไม?"
"ตื้นตันใจ ผลงานนี้เป็นผลงานต่อจากผลงานที่อยู่ในห้องนอนอาร์ทใช่ไหม?" รู้ด้วยแฮะ
"ใช่ สวยอ่ะดิ แต่มีคุณเป็นคนแรกนี่แหละที่เห็นแล้วร้องไห้" ผมควานหาผ้าเช็ดหน้าแต่ไม่มี ปกติก็ไม่พกอยู่แล้วจะควานหาทำไมวะ ผมเลยจับปลายเสื้อเชิ้ตขึ้นเช็ดน้ำตาให้ ชาร์ลสะดุ้งจับแขนผมไว้
"เฮ้ย อะไร? แค่จะเช็ดน้ำตาให้เฉยๆ"
"........" มันเงียบ จู่ๆ มันก็ก้มหน้าลงมาจูบผม ผมอยากจะผลักมันออก แต่แขนข้างที่ว่างอยู่มันอยู่ในมือมันอ่ะ ผมเลยดิ้น มันเห็นว่าผมไม่ยอมเลยปล่อย
"มึง!!" ผมง้างมือจะต่อยแต่มันก็คว้าข้อมือผมไว้อีกรอบ
"โอ้ย! ปล่อยกู! แม่ง! ทำอะไรไม่อายฟ้าดินนะมึง!!" ผมโมโหมาก
"งั้นถ้าในที่ลับก็ทำได้?" ไอ้...!!!
"ไม่ได้โว้ย ทั้งที่ลับและที่แจ้งนั่นแหละ!" ผมเห็นมุมปากชาร์ลกระตุกนิดๆ เหมือนจะไม่ค่อยพอใจ มันคลายมือที่จับมือผมลง แต่ยังไม่ยอมปล่อย
"คุณอยากรู้ไหมทำไมผมถึงร้องไห้?"
"ไม่อยาก"
"แต่ผมอยากบอก..." ไอ้นี่
"จริงๆ แล้วผมตกหลุมรักผลงานของคุณ ตั้งแต่วันที่พาคุณที่เมาไม่รู้เรื่องไปส่งนั่นแหละ ผลงานที่หัวเตียง หัวใจผมพองโต แถมวันนั้นคุณยังจูบผมอีก..." นั่นกูทำไม่ไปไม่รู้ตัวน๊าาาา
"ตอนนั้นผมไม่คิดว่าคุณจะทำผลงานดีๆ แบบนี้ออกมาได้" อ้าว แขวะกูอีก
"แต่ภาพผลงานนั้นมันตราตรึงอยู่ในใจผมมาก พอคุณจูบผมอีกครั้งที่โรงพยาบาล บอกตามตรง ผมเคลิบเคลิ้มมาก รู้สึกดีสุดๆ แต่ก็มีอีกอารมณ์นึงด้วย .....ผมรู้สึกดีใจ เหมือนเคมีเราเข้ากันได้ดี...." ถึงจุดนี้ผมนิ่งฟังเงียบๆ จริงๆ ผมก็รู้สึกดีนะ จูบกับผู้ชายชวนแหวะก็จริง แต่แอบใจเต้นกับมันนี่ก็ไม่รู้เพราะอะไร
"แค่นั้นก็ทำให้ผมตกหลุมรักคุณเข้าแล้ว พอมาคราวนี้ได้เห็นผลงานเต็มๆ แบบนี้......" คราวนี้ชาร์ลหันมามองผมตรงๆ
"ผมรู้สึกตกหลุมรักคุณเป็นรอบที่ 2 เสียแล้ว..." พูดจบก็ประทับจูบลงมา คราวนี้ผมไม่หนี ไม่ดิ้น ไม่โวยวาย จูบตอบมันไป ลิ้นเราทั้งคู่นัวเนียในปาก ผลัดกันดูดเลียลิ้นแต่ละฝ่ายอย่างหนักหน่วงแต่ไม่รุนแรง ทำเอาผมรู้สึกเคลิบเคลิ้ม จริงๆ ชาร์ลมันจูบเก่งนะ แต่ไม่เท่าผมหรอก ผมตวัดลิ้นรอบปาก กัดริมฝีปากชาร์ลเบาๆ แล้วดูด มันทำให้ผมคืน แต่อ่อนโยนกว่า เราจูบกันต่ออย่างเนิบนาบ โดยมีผลงานของผมเป็นฉากหลัง อย่างกับหนึ่งในฉากหนังยังไงยังงั้น....
“ผมรักคุณครับ อาร์ท...”
ความคิดเห็น