ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หนุ่มวายที่รัก (จบแล้ว)

    ลำดับตอนที่ #7 : ตัดสินใจ

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ค. 58


     

     

                “พี่นาถว่าผมควรทำยังไงดี?” ผมเอ่ยถามขึ้นเมื่อได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พี่นาถฟัง

     

                “แล้วแมชจะเลือกใครล่ะ?” พี่นาถถามขึ้น

     

                “ถ้าผมเลือกได้คงไม่มาขอให้พี่ช่วยหรอกครับ”

     

                “เรื่องแบบนี้นะแมช ไม่มีใครเลือกให้นายได้หรอก นายต้องถามตัวนายเอง ว่านายน่ะชอบคนไหน เอามือทาบอกแล้วถามใจตัวเองดู” พี่นาถว่าแล้วจับมือผมขึ้นทาบอกผมเอง ก่อนจะยกมืออีกข้างลูบหน้าให้ผมปิดตา

     

                ถามใจตัวเองงั้นเหรอ?

     

                “แมชฟังพี่นะ เรื่องของหัวใจใครก็คิดแทนกันไม่ได้ แมชอยู่กับคนหนึ่งรู้สึกดี แต่ในใจลึกๆ อาจต้องการใครอีกคนนึงก็ได้ ใครที่พร้อมจะเติมเต็มหัวใจอีกครึ่งดวงให้เรา ถ้าขาดเขาแล้วเหมือนจะขาดใจ ใครที่แมชอยากจะใช้เวลาอยู่กับเขาไปนานๆ ต่อให้โลกทั้งใบถล่มลงตรงหน้าก็ตาม ลองคิดสิ บางทีอาจจะไม่ใช่ทั้งสองคนนั้นก็ได้นะ” เสียงทุ้มนุ่มลึกของพี่นาถทำให้ผู้ฟังอย่างผมต้องคล้อยตาม เสียงของพี่นาถเหมือนมีมนต์สะกด ผมรู้สึกผ่อนคลายขึ้น ลมหายใจเข้าออกเป็นปกติ จนสมองรู้สึกโล่ง ผมคิดตามที่พี่นาถแนะนำ คิดถึงคนทั้งสอง

     

                ไอ้กัน... หรือว่า กิต หรือว่าไม่ใช่ทั้งสองคน

     

                ผมลองนึกถึงใบหน้าของพวกเขา ข้างซ้ายเป็นไอ้กัน ข้างขวาเป็นกิต ใครกันที่ครองพื้นที่ในใจของผม ใครกันที่ผมอยากจะอยู่ใกล้ๆ ใครกันที่หากหายไปแล้วผมจะเสียใจ ใครคนนั้นคือ...

     

                ผมลืมตาขึ้นช้าๆ หันไปมองพี่นาถ ก่อนจะเผยรอยยิ้มให้คนข้างตัว ผมเข้าใจแล้ว ว่าใครคนนั้นที่ผมคิดว่าผมจะรักเค้าได้ เป็นใคร

     

                “ผมรู้แล้วครับ”

     

                “อืม” พี่นาถยิ้มตอบ พยักหน้าให้ผมเล็กน้อย ผมเองก็พยักหน้าตอบกลับไป ก่อนจะลุกขึ้น

     

                “ผมจะไปตามหาหัวใจของผม ขอบคุณนะครับพี่นาถ” ผมยกมือไหว้พี่นาถ กล่าวของคุณแล้วเดินไปยังประตูห้องทันที ได้ยินเสียงพี่นาถตามหลังมาเบาๆ ว่า ไม่เป็นไร ผมยิ้มให้กับตัวเอง ผมจะไม่สับสนอีกแล้ว

     

                ถึงผมจะต้องเป็นเกย์ก็ช่างปะไร ในเมื่อหัวใจมันเรียกร้อง

     

                ต่อให้ผมต้องเป็นเหมือนในการ์ตูนวายที่ชอบอ่านก็ช่างปะไร ในเมื่อผมไม่สามารถควบคุมหัวใจได้

     

                และตอนนี้ผมก็รู้แล้ว ว่าหัวใจอีกครึ่งดวงของผมอยู่ที่ไหน ผมจะไม่ทำผิดพลาดอีก เพราะครั้งนี้ผมจะซื่อสัตย์ต่อตัวเองและเขาคนนั้น จะบอกว่าผมเองก็รักเขาเช่นกัน เพราะงั้น เรามาเริ่มต้นใกล้ใหม่เถอะ!!!

     

     

     

                โอเคก่อนจะได้ไปตามหัวใจ ผมต้องมาทนเด็จแม่บ่นจนหูชาเสียก่อน TT__TT

     

                “ไอ้ลูกไม่รักดี แม่ส่งเสียให้เรียนไม่ใช่ให้ไปโดดเรียน รู้ไหมครูหมวยเพื่อนแม่โทรมาเล่าวีรกรรมของลูกให้แม่ฟัง แล้วแม่อยากจะเอาปี๊บคลุมหัวจริงๆ โอ้ย! ฉันล่ะอายจริงๆ ที่มีลูกหนีเรียนแบบนี้ คุณ! ดูสิ ลูกทำผิดทำไมไม่มาช่วยกันจัดการ” จ๊ากกกก เด็จแม่ผู้ประเสริฐเลิศเลอเหนือผู้ใด แค่นี้ผมก็ตัวหดเล็กลงแทบจะเป็นจุลินทรีย์อยู่แล้ว นี่ถ้าหม่อมป๋าไม่เห็นใจ ผมคงระเบิดตัวตายไปแล้ว

     

                “โธ่ แม่ ลูกเรามันโตแล้วนะ จะโดดเรียนบ้างก็ไม่เห็นแปลกตรงไหน วัยรุ่นก็อย่างนี้แหละคุณ อย่าไปว่าลูกเยอะเลย เอาแค่พอดีก็พอนะ” ท่านป๋าผู้ประเสริฐเลิศเลอเหนือสามโลก ซึ้งๆ

     

                “คุณว่ายังไงนะ!?” เด็จแม่หันไปแยกเขี้ยวใส่ ทำไมท่านป๋าถึงต้องหงอด้วย งื้อๆ อยู่ช่วยลูกก่อนนนน

     

                “เปล่าจ้ะแม่จ้า ไอ้แมชเอ็งนี่นิสัยเสียจริงๆ เลย ฟังแม่เอ็งบ่นไปเลยนะ พ่อไปละ” อ้าวพ่อ... ไหงงั้นล่ะ เฮ้ย! ซวยละกู เหมือนสายตาเด็จแม่มีลำแสงฆ่าคนได้ นี่ถ้าโดนจังๆ คาดว่าผมได้กลายเป็นผุยผงแน่

     

                “แม่จะให้โอกาสลูกทำคุณไถ่โทษดีไหมจ้ะลูกรัก?” รอยยิ้มนางพญาชัดๆ ไม่ได้มีความเอ็นดูแฝงมาเลยเด็จแม่

     

                “ค..ครับ แมชจะทำทุกอย่างเลยครับ” ฮือๆๆๆ ได้แต่ก้มหน้ารับกรรม

     

                “ดีมาก ต่อจากนี้ไป 1 อาทิตย์ เวรทำความสะอาดห้องน้ำในบ้านทั้ง 2 ห้อง เป็นของลูก” ห๊ะ!! เวรล่ะ กรรมติดจรวจจริงๆ นี่เจ้แกคิดทบต้นทบดอกที่โดดเรียนพิเศษด้วยเปล่าวะเนี่ย

     

                “แต่แม่คร๊าบบบ ล้างห้องน้ำ 1 อาทิตย์เลยเหรอก๊าบบบ ผมสำนึกผิดแล้ว แม่สมควรจะลดโทษให้กึ่งหนึ่งก็ยังดี”

     

                “2 อาทิตย์!” เด็จแม่เสียงเขียวใส่

     

                “โหย แมชชอบการขัดห้องน้ำมากครับ 1 อาทิตย์ก็พอแล่วก๊าบบบ” ผมยกมือไหว้เลย นี่แค่ต่อรองจะเพิ่มเป็น 2 อาทิตย์เลยเร๊อะ เพราะเป็นเด็จแม่ผู้ประเสิฐเลิศเลอเพอร์เฟ็คหรอกนะ ถึงต้องยอม กาซิกๆ

     

                “ฮึ! แล้วอย่าโดดเรียนอีกล่ะ” ว่าแล้วเด็จแม่ก็เดินสะบัดบ็อบจากไป ส่วนผมก็ต้องก้มหน้ารับกรรมที่ก่อไป ซิกๆ แบบนี้ผมก็ไม่กล้าโดดเรียนอีกแล้วคร๊าบบบบเด็จแม่ ความเจ็บแค้นนี้จะไปลงที่ใครดี ทั้งไอ้กันไอ้กิตเลย แง่ง เพราะพวกมันทำให้ผมต้องโดนลงโทษให้ขัดห้องน้ำ ฮือๆๆๆ เจ็บใจๆๆๆ

               

                หลังจากที่คิดว่าจะไปตามหาหัวใจ ตอนนี้ผมว่าไปตามหาคนรับผิดชอบดีกว่า จะให้พวกมันเลี้ยงให้หมดตัวเลย แง่งๆ

     

                ผมกดโทรหาไอ้กันทันที

     

                “มึงมาเจอกูหน่อย ที่เซเวนเซ่น แถวบ้านกูนี่แหละ รีบมาเลยนะมึง กูมีเรื่องจะพูดด้วย” รีบพูดแล้วกดวางครับ ยังไงมันก็ต้องมา หึหึ

     

                ผมกดโทรหากิตต่อ

     

                “กิตมาหาเราหน่อยสิ ที่เซเวนเซ่นแถวบ้านเราอ่ะ อืมๆ ห้างใกล้โรงเรียนนี่แหละ มาด่วนเลยนะ เรามีเรื่องจะคุยด้วย” แล้วรีบกดวาง

     

                จากนั้นผมก็แต่งตัวออกไปรอกินไอติมฟรี หึหึ จะเคลียทุกปัญหากับพวกมันซะที แต่ก่อนนั้นต้องถลุงเงินในกระเป๋าพวกมันให้หมดเสียก่อน วะฮะฮะฮ่า

     

                “จะไปไหนไอ้ตัวแสบ” จ๊ากกกก เสียงนางมาร เอ้ย นางฟ้านางสวรรค์ผู้ให้กำเนิด ผมหันไปมองหน้าแม่ช้าๆ ยิ้มให้กว้างๆ อย่างเอาใจ

     

                “ไอ้กันมันโทรมาชวนไปกินติมคร๊าบบบ” ออดอ้อนด้วยมารยาสาไถย ก๊าก มองสายตาเด็จแม่ที่เหมือนจะจ้องจับผิด แต่ขอโทษ ไอ้แมชซะอย่าง แถไปเรื่อย เอิ๊กๆ

     

                “แล้วไป อย่าให้รู้นะว่าไปเกเรที่ไหน” โอ้ะ ใครจะไปกล้า ผมรีบเดินเข้าไปนวดแข้งนวดขาให้ทันที

     

                “แหมมม แม่ก็ หนูเป็นเด็กดีไม่เคยเกเรสักครั้งหรอก”

     

                “เหรอยะ ที่โดดเรียนนี่เด็กดีม๊ากมาก”

     

                “โธ่ แม่ก็! นั่นเป็นอดีตไปแล้วอย่าไปรื้อฟื้นมันเลย แมชรับปากว่าจะไม่โดดเรียนอีกแล้ว จริงๆ นะครับ นะนะนะนะนะ” เอาหัวไถแขนออดอ้อน เด็จแม่ยกมือขึ้นลูกหัวผมเบาๆ นั่นปะไร เห็นมะแค่นี้ก็เสร็จไอ้แมชแล้ว กิกิ

     

                “ไม่ต้องมาอ้อนเลย จะไปไหนก็ไป”

     

                “คร๊าบบบ แมชรักแม่นะ จุ๊บ!” หอมแก้มหอมๆ ของแม่ทีนึง เด็จแม่มองยิ้มๆ แล้วผลักหัวผม ผมยิ้มตอบก่อนจะรีบวิ่งออกมา เดี๋ยวไม่ทันพวกมัน

     

     

     

                ณ. หน้าร้านเซเวเซ่น ผมมาถึงก่อนที่พวกมันจะมา ดีแล้ว ถ้าพวกมันมาเจอกันกลัวจะทะเลาะกันเสียก่อน ผมรอไม่นานไอ้กันก็มาถึง

     

                “ว่าไงวะ?” ไม่ทักเปล่ามันผลักหัวผมด้วย แง่ง!

     

                “ผมกูยุ่งหมดไอ้นี่” รีบจัดแต่งทรงให้หล่อเหมือนเดิม

     

                “หึหึ” มันหัวเราะผมอ่ะ

     

                “หุบปากเลย”

     

                “ครับๆ ว่าแต่มึงมีเรื่องไรจะคุยกับกูเหรอ?”

     

                “เดี๋ยวก่อน รออีกคนก่อน”

     

                “ใครวะ?”

     

                ผมไม่ตอบปล่อยให้มันอยากรู้ไป ไม่นานผมก็เห็นกิตมาแต่ไกล รีบโบกมือให้มัน กิตโบกมือตอบ ก่อนจะชักสีหน้าเครียดใส่เมื่อเห็นว่าข้างๆ ผมเป็นใคร

     

                “ทำไมมันมาอยู่นี่ได้ มึงเรียกมันมาด้วยเหรอ?” ไอ้กันถาม

     

                “ใช่ กูมีเรื่องจะเคลียดกับพวกมึงอ่ะ”

     

                “ทำไมมันมาอยู่นี่ได้?” กิตมาถึงก็ชี้หน้าไอ้กันถาม แหม ไอ้พวกนี้ถามเหมือนกันเลย

     

                “เอาน่าๆ เข้าไปข้างในร้านกันเหอะ เราอยากกินติมแล้ว”

     

                “ไม่!” ไอ้กันดื้อแพ่ง

     

                “หึ มันไม่อยากก็ปล่อยมัน ป่ะครับแฟน เราเข้าไปกินกันสองคนนะ” ไอ้กิตได้โอกาสเดินมากอดคอผมเฉยเลย แล้วคนอย่างไอกันจะยอมเหรอครับ มันจับแขนกิตสะบัดออกจากคอผมทันที แล้วจ้องหน้ากันอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ

     

                “ใครบอก่ากูจะไม่กิน แต่กูไม่อยากเห็นหน้ามึง!”

     

                “กูก็เหมือนกัน” โธ่ พ่อทั้งสอง อย่าเพิ่งทะเลาะกันได้ไหมเนี่ย เฮ้อ... ผมเลยต้องควงแขนพวกมันคนละข้าง ลากเข้าร้านไป คนในร้านมองกันเต็มเลยง่า อายเว้ย รีบลากพวกมันเข้าไปนั่งด้านในสุดทันที

     

                “พวกมึงก็ใจเย็นๆ กันหน่อยดิ๊ กูเรียกพวกมึงมาวันนี้ เพราะอยากจะเคลียด้วย แต่ก่อนอื่น สั่งไอติมก่อนนะ” ว่าแล้วผมก็จัดการเลือกไอติมที่ต้องการทันที ไม่ลืมหันไปถามพวกมันว่าจะกินไรกัน แค่เลือกไอติมพวกมันก็กัดกันอีก เฮ้อ ชีวิต! กว่าพี่พนักงานจะได้ไปส่งออเดอร์ พวกมันก็เกือบจะวางมวยกัน

     

                “คุยมาเลยไอ้แมช กูจะได้รีบพามึงกลับบ้าน” ไอ้กันพูดขึ้น

     

                “ว่ามาเลยครับแฟน ขากลับ กลับกับเราดีกว่า ปลอดภัยกว่าคนแถวนี้แน่นอน” กิตพูดขึ้นแล้วเหลือบปลายหางตาไปมองไอ้กัน ไอ้กันก็ไม่ยอมแพ้มันแทบจะลุกขึ้นไปต่อยหน้ากิต แต่ผมยื้อพวกมันไว้ก่อน รีบจับแยกให้นั่งลงตามเดิมทันที อายบ้างไรบ้างเถอะพวกมึง ขนาดอยู่ในร้านนะนี่

     

                “พวกมึง หยุดทะเลาะกันเดี๋ยวได้ไหม ก่อนอื่นเลยที่กูเรียกพวกมึงมานี่ เพราะมีด้วยกัน 2 เรื่อง แต่เรื่องแรกคือ พวกมึงต้องเลี้ยงไอติมกู” ผมพูดขึ้นบ้าง พวกมันหันมามองหน้าผมเป็นตาเดียว

     

                “ทำไมกูต้องเลี้ยงไอติมมึงด้วย?” ไอ้กันไอ้งก

     

                “ก็เพราะพวกมึงเลย ทำให้กูโดนแม่ใช้ให้ขัดห้องน้ำ 1 สัปดาห์” ผมว่า

     

                “เพราะพวกกู? เรื่องไรวะ?”

     

                “เรื่องแรก เพราะมึงเลยไอ้กันทำให้กูต้องโดดเรียนพิเศษเมื่อวันอาทิตย์ และเพราะนายเลยทำให้เราต้องโดดเรียนวันนี้ แล้วพอแม่รู้เรื่องก็โกรธมาก เลยลงโทษให้ขัดห้องน้ำไงล่ะ” ผมอธิบาย พวกมันก็ฟังแล้วพยักหน้าเข้าใจ

     

                “โอเคๆ เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง อยากกินไรอีกก็ตามใจมึง แค่มึงคนเดียวกูเลี้ยงได้” ได้ทีไอ้กันรีบทำคะแนน ดีมากเพื่อนรัก อิอิ

     

                “แมชอยากกินอะไรก็บอก เราจะจ่ายให้เอง เพราะเราทำให้แมชต้องโดนคุณแม่ทำโทษ” โอ้ว กิตใจปล้ำมาก

     

                “อิอิ ดีมาก ว่าง่ายๆ แบบนี้สิถึงจะอยู่ด้วยกันได้” ไม่วายลูบหัวให้พวกมันคนละที อิอิ

     

                “ว่าแต่อีกเรื่องคือเรื่องอะไร?” กิตเป็นคนถามขึ้น พอดีกับไอติมที่สั่งมาส่งถึงโต๊ะพอดี

     

                “กินก่อนค่อยว่ากัน” ผมว่า แล้วลงมือทานไอติมตรงหน้าทันที พวกมันขมวดคิ้วแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากลงมือจัดการไอติมตรงหน้าเท่านั้น

     

                พอหมดถ้วย ผมก็สั่งเพิ่มอีก

     

                “กินเยอะเดี๋ยวก็ปวดท้อง” ไอ้กันพูดขึ้น ผมหันไปค้อนใส่ แต่มันยักคิ้วให้เท่านั้น หมั่นไส้โครตๆ

     

                “ก็อยากกินอีกอ่ะ” งอน

     

                “โอเคๆ ตามใจ ปวดท้องมาอย่ามาร้องไห้ให้กูสนใจแล้วกัน”

     

                “เชอะ!

     

                อยู่ๆ กิตก็หยิบยาอะไรก็ไม่รู้ขึ้นมาวางตรงหน้าผม ผมหันไปมองหน้ามันงงๆ

     

                “กันไว้ เผื่อปวดท้อง” มันว่ายิ้มๆ

     

                “ไอ้นี่นิ!” แง่ง พวกมันได้ทีหัวเราะเยาะผมใหญ่ เชอะ! แต่ก็รับความหวังดีของมันมา  แฮะๆ

     

                “อย่าเล่นตัว มึงมีเรื่องอะไรจะคุยก็พูดมาเลย”

     

                “กูจะบอกพวกมึงว่า กูตัดสินใจได้แล้ว ว่ากูจะเลือกใคร” ผมพูดพลางชูนิ้วชี้ขึ้นตรงหน้า พกมันแลดูจะสนใจขึ้นมาทันที

     

                “ใคร!?” พวกมันถามขึ้นพร้อมกัน ผมยิ้มให้พวกมันก่อนพูดชื่อคนที่ผมเลือก...

     

                “กูเลือก...”

     

                ..........เลือก.........

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×