ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สิงหราชาวดี [yaoi]

    ลำดับตอนที่ #5 : ตะกร

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ย. 58


     

                ยามเช้ามาถึง แสงแดดอ่อนๆ ที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ทำให้สิงหมารรู้สึกตัวตื่นขึ้นรับอรุณ เขาปรือตาที่ยังง่วงงนกวาดสายตาไปรอบห้อง เขามองไปรอบห้องก็ไม่พบคนที่เขามองหา ก่อนจะยกมือขึ้นขยี้ตาเพื่อไล่ความง่วงออกไป

     

                พอมองไปยังโต๊ะข้างเตียง ที่มีโถน้ำและอ่างน้ำพร้อมผ้าขุนหนูเตรียมไว้ให้สำหรับล้างหน้า ตรงกลางห้องที่เป็นโต๊ะไม้ทรงกลม อาหารเช้าถูกจัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อย เขาก้มลงดูสร้อยลูกโอ๊กที่ได้รับจากราชาดินเมื่อคืน ลูกโอ๊กเม็ดโตสีน้ำตาลไหม้แลดูไปก็น่ารักดี ทำเอาสิงหมารอมยิ้มเมื่อนึกถึงหน้าพี่ดินขึ้นมา

     

                เขากำสร้อยลูกโอ๊กในมือแน่นนึกถึงเรื่องเมื่อคืนก็รู้สึกอายหน้าแดง ทั้งรู้สึกโกรธอยู่นิดๆ ที่ถูกราชาดินกระทำการอันหน้าอับอายแบบนั้นกับเขา พร้อมทั้งความรู้สึกหนึ่งที่แทรกเข้ามา เด็กหนุ่มยกมือขึ้นทาบอกที่ตอนนี้ใจกำลังเต้นตึกตัก รู้สึกแปลกใจที่พอนึกถึงหน้าพี่ดินทำไมถึงได้ใจเต้นแปลกๆ แบบนี้ แต่ก็สรุปความคิดตัวเองว่าสงสัยจะไม่สบายซะอย่างนั้น ก่อนจะฟุ้งซ่านมากไปกว่านี้สิงหมารรีบส่ายหน้าไปมาเพื่อไล่ความคิดน่าอายออกไปเสีย

     

                แกร๊ก ประตูห้องถูกเปิดโดยไม่มีการเคาะประตูขออนุญาต สิงหมารเงยหน้ามองคนที่เดินเข้ามา

     

                ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อน ใบหน้ารูปไข่ได้รูปสวยกับดวงตาสีแดงเหมือนกระต่าย สิงหมารรู้สึกไม่ค่อยถูกชะตากับเขาเลย เพราะสายตาที่เหมือนดูถูกนั่นมองจ้องเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้ามาจนใกล้ตัวเขา แล้วยิ้มให้อย่างมีมารยาท ดูก็รู้ว่าปากยิ้มแต่ตาไม่ได้ยิ้มด้วยเลยสักนิด

     

                "คุณเป็นใคร? เข้ามาทำไมไม่เคาะประตู ไม่รู้จักมารยาทรึไง?" เด็กหนุ่มเอ่ยถามขึ้นอย่างอารมณ์เสียเมื่อกระต่ายป่าเดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้า กระต่ายป่าไม่ว่าอะไรเขาปั้นหน้านิ่งขรึมเหมือนไม่ได้ยินที่สิงหมารต่อว่าเขา

     

                "ผมเป็นเพื่อนกับรา...อ่า....ดิน...น่ะครับ ดินฝากให้ผมช่วยดูแลคุณ และคอยช่วยนำทางในป่าลับแลให้ จนกว่าคุณจะเดินทางไปถึงพระราชวัง" กระต่ายป่าบอกเหตุผลโดยไม่ขอโทษเรื่องมารยาทที่ไม่ดีเมื่อสักครู่ เขาปั้นหน้ายิ้มให้อีกครั้งแต่ช่างเป็นรอยยิ้มที่แสนจะเย็นชา จนสิงหมารรู้สึกขนลุก แต่พอเด็กหนุ่มพอได้ยินชื่อ "ดิน" ก็จะคลายความกังวลต่อคนตรงหน้าลงบ้างเล็กน้อย แต่ความรู้สึกไม่ชอบหน้ายังคงไม่หายออกจากใจ

     

                ‘แล้วยังไง? ทำไมพี่ดินถึงไม่มาด้วยตนเอง ให้ใครก็ไม่รู้มาดูแลเนี่ยนะ’ สิงหมารคิดในใจ พลางมองกระต่ายป่าตั้งแต่หัวจรดเท้าบ้าง ก่อนจะนึกได้ว่าตนควรพูดอะไรออกไปบ้าง เพราะสายตาของคนตรงหน้าเริ่มเขม่นมองเขาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ อย่างน้อยก็ไม่ควรชักใบให้เรือเสียตั้งแต่แรกพบเจอ

     

                "ผมสิงหมาร แล้วคุณ.....เอ่อ....คือใครครับ?" สิงหมารฝืนยิ้มให้คนตรงหน้าบ้างอย่างมีมารยาท

     

                "ผมชื่อตะกร ผมว่าคุณรีบเตรียมตัวแล้วรับประทานอาหารเช้าให้เสร็จก่อนดีกว่าครับ เรื่องแนะนำตัวต่อจากนี้ไว้ค่อยคุยกัน ผมจะรอคุณอยู่ข้างนอก เมื่อเรียบร้อยแล้วเราจะได้เดินทางกันทันที" กระต่ายป่าเอ่ยตอบ แล้วยิ้มให้อีกทีหนึ่งก่อนจะหันหลังเดินออกไปทันที โดยไม่สนใจว่าเด็กหนุ่มจะรับฟังทันหรือไม่

     

                สิงหมารถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อกระต่ายป่าเปิดประตูออกไป รู้สึกบรรยากาศช่างกดดันเสียนี่กระไร หากเขาอยู่นานกว่านี้คงได้มีการวางมวยเพราะความไม่ชอบหน้ากับท่าทางของตะกรคนนั้นเป็นแน่ เด็กหนุ่มลุกขึ้นล้างหน้าล้างตา ทานอาหารเช้าด้วยความเร่งรีบจนเสร็จ ก็เตรียมสัมภาระซึ่งมีอยู่น้อยนิดมาก ก่อนจะออกไปหากระต่ายป่าที่นั่งรออยู่ที่ชิงช้าใต้ต้นจามจุรีขนาดใหญ่ที่อยู่หน้าบ้านพัก

     

                ฤดูนี้จามจุรีเบ่งบานออกดอกสีแดงเต็มต้น ตัดกับสีเขียวของใบไม้ พอลมพัดมาทีใบไม้ที่แก่แล้วและเศษดอกไม้ร่วงหลุดจากกิ่งก้านปลิวตามแรงลม ยิ่งมีชายหนุ่มหน้าตาดีที่นั่งแกว่งชิงช้าช้าๆ ยิ่งเข้ากับบรรยากาศทำให้สิงหมารอดเคลิบเคลิ้มไม่ได้

     

                เขาจ้องมองกระต่ายป่าอยู่นานจนเจ้าตัวรู้สึกตัวหันมามองหน้าตาขวาง ทำเอาสิงหมารแอบตกใจเล็กน้อย แต่แค่ไม่กี่วินาทีกระต่ายก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นส่งยิ้มให้เขาแทน สิงหมารได้แต่ก้มหน้ารีบเดินเข้าไปหากระต่ายป่าที่นั่งรออยู่ คนคนนี้ช่างเปลี่ยนสีหน้าได้ไวเหมือนกิ้งก่าเปลี่ยนสีเหลือเกิน เด็กหนุ่มคิดพรางลอบถอนใจออกมา

     

                สิงหมารเดินไปหาเขาที่ใต้ต้นจามจุรีแล้วมองไปซ้ายทีขวาที จนกระต่ายป่าต้องเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย

     

                "มองหาอะไรครับ?"

     

                "เอ่อ....ผมมองหาสิงโตที่มาด้วยกันเมื่อวาน" สิงหมารเอ่ยตอบ แต่ตายังคงกวาดตาไปมาอยู่เช่นเดิม

     

                "…..สิงโตตัวไหนละครับ?" กระต่ายป่าแกล้งถามเหมือนไม่รู้ว่าสิงโตตัวนั้นคือราชา คำถามไม่ใช่คำโกหกดังนั้นจึงไม่นับว่าเป็นโทษ

     

                "ตัวที่ขนแผงคอนุ่มสลวย เชื่องกับคนแปลกหน้า อ่า…ขนสีส้ม.....ครับ"

     

                "…………………แล้วจะรู้ไหมว่ามันตัวไหนกันแน่ ไม่มีอะไรบ่งบอกลักษณะที่แน่ชัดกว่านี้เลยหรือไงครับ?" กระต่ายป่ารู้แต่ก็ยังคงแกล้งต่อ สิงหมารสะอึกจนพูดไม่ออกได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่นาน จนกระต่ายป่ารู้สึกรำคาญเลยพูดขึ้นว่า

     

                "เดี๋ยวก็คงมา"

     

                สิงหมารมองหน้ากระต่ายป่าด้วยความงุนงง อะไรเดี๋ยวมา? เด็กหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

     

                "ไม่ต้องทำหน้าสงสัย มีแค่ตัวเดียวแหละที่เชื่องยังกับแมวอย่างนั้น" กระต่ายป่าเฉลยเสียทีว่าเขาเองก็รู้ว่าสิงโตที่สิงหมารถามหานั้นหมายถึงสิงโตตัวไหน รอยยิ้มทะเล้นที่ยิ้มให้อย่างชอบใจทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมานิดๆ

     

                "ไหนเมื่อกี้ทำเป็นไม่รู้จัก นี่คุณแกล้งผมเหรอ?" เด็กหนุ่มเริ่มขึ้นเสียง แต่กระต่ายป่าหุบยิ้มแล้วมองด้วยหางตาก่อนจะลุกขึ้นจากชิงช้าก้าวสามขุมเข้ามาใกล้เด็กหนุ่ม

     

                "แกล้งงั้นเหรอ? จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ผมพูดตรงๆ เลยแล้วกัน ผมไม่ชอบใจคุณนักหรอกนะ เพราะหน้าที่ผมถึงต้องมาคอยดูแลเด็กอย่างคุณ” กระต่ายป่าชักสีหน้ากลับมานิ่งขรึมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยั่น เขามองสิงหมารด้วยแววตาที่ดุดัน

     

                ดวงตาสีแดงที่จ้องมองมานั้นเหมือนดั่งสัตว์ป่าที่จ้องจะตะครุบเหยื่อ เด็กหนุ่มเองก็ไม่ยอมแพ้จ้องตอบด้วยความไม่พอใจ ก่อนที่เหตุการณ์จะเลวร้ายลงไปกว่านี้ เสียงเหยียบใบไม้ด้านหลังเด็กหนุ่มก็เหมือนระฆังพักยก กระต่ายป่าสะบัดหน้าหนี ก้าวถอยหลังออกไปสองสามก้าว สิงหมารหันหลังกลับไปมองทางต้นเสียง

     

                สิงโตขนสีส้มกำลังเยื้องย่างเข้ามาใกล้ ดวงตาวาวกล้าที่จ้องมองมาทำให้รู้สึกน่ากลัว แต่สายตาที่สิงโตกำลังจ้องมองไม่ใช่เขาแต่เป็นที่กระต่ายป่า พร้อมเสียงขู่กรรออกมาเบาๆ กระต่ายป่าได้แต่ก้มหน้านิ่ง

     

                เด็กหนุ่มดีใจรีบวิ่งเข้าไปใกล้สิงโต จากดวงตาที่ไม่เป็นมิตรของสิงโตหนุ่มแปรเปลี่ยนเป็นแววตาที่อ่อนลงมองกลับมายังสิงหามาร

     

    “แกหายไปไหนมา” ว่าแล้วเด็กหนุ่มก็ยกมือขึ้นลูบหัวสิงโตหนุ่มทันที ราชาดินในร่างสิงโตได้แต่ครางครือในคออย่างอารมณ์ดี โดยมีกระต่ายป่ามองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความไม่พอใจ

     

                ทำไมราชาต้องเอาใจเจ้าเด็กนั่นด้วย ทำไมราชาถึงยอมให้มันแตะต้อง ยังมีหน้ามาครางเสียงครืดครือในลำคออย่างสบายอารมณ์อีก แถมเมื่อกี้ยังส่งกระแสจิตมาต่อว่าต่อขานที่ผมแสดงอาการไม่พอใจเจ้าเด็กนั่น ซ้ำยังดุผมด้วยสายตาอีก นี่ราชาเป็นถึงเจ้าแห่งพื้นปฐพีนะ ท่านอยู่สูงเหนือกว่าพวกข้าราชบริพารอย่างพวกเรา สูงกว่าเจ้าเด็กนั่น ไหนจะเรื่องคำทำนายที่ต้องมานั่งกังวลนี้อีก ฮึ่ย!!

     

                ‘ราชาท่านช่วยทำตนให้เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ของท่านด้วยครับ’ กระต่ายป่าส่งกระแสจิตเตือนราชาขึ้นทันทีที่เห็นว่าราชาเริ่มแสร้งทำเป็นออดอ้อนสิงหมาร ส่ายหางไปมาอย่างอารมณ์ดี

     

                ‘…..ข้ามิได้อนุญาตให้เจ้าสื่อจิตมาต่อว่าข้านะกระต่ายป่า เจ้าเตือนตัวเองเถอะ ตอนนี้ข้ามอบหมายหน้าที่ใดให้เจ้า ไม่ใช่ในฐานะกระต่ายป่า เจ้าคงไม่ลืมหรอกนะ’ ราชาสื่อจิตตอบ เขายังคงคลอเคลียสิงหมารต่อ

     

                ‘ขออภัยครับท่านราชา....’ กระต่ายป่าสื่อจิตตอบ สีหน้าหมองเศร้าลงเล็กน้อย ก่อนจะปรับอารมณ์และสีหน้าให้นิ่งขรึมเหมือนดังเดิม เขาหันไปหาสิงหมารที่กำลังหยอกล้อกับสิงโตหนุ่มเบื้องหน้า

     

                “นี่ก็เสียเวลามามากแล้ว เราควรรีบเดินทางกันทันที จากที่นี่กว่าจะไปถึงหมู่บ้านถัดไป ผมเกรงว่าจะมืดค่ำเสียก่อน” ว่าแล้วกระต่ายป่าก็ลุกขึ้นปัดเศษดอกไม้สีแดงที่ร่วงติดเสื้อออก แล้วเดินนำไปทันที สิงหมารจึงรีบปล่อยมือจากสิงโตเดินตามไป

     

                “ทำไมคุณต้องช่วยเหลือคนนอกอย่างผมด้วย” เด็กหนุ่มเอ่ยถามขึ้นระหว่างเดินออกห่างจากต้นจามจุรีมาได้สักครู่ พวกเขาเดินมาตามทางที่ทอดยาวออกไปทางท้ายหมู่บ้าน ซึ่งสองข้างทางเต็มไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ ไม่มีสิ่งก่อสร้างใดๆ ขึ้นแทรกระหว่างทางจนกระทั่งถึงเขตรั้วที่ทำขึ้นจากไม้ตรงหน้า บ่งบอกถึงสิ้นเขตแดนหมู่บ้านแห่งหมอก ป้ายบอกทางที่ตั้งอยู่เลยเขตสิ้นสุดเขตแดน ชี้ไปทั้งสี่ทิศ ซ้ายไปหมู่บ้านน้ำตก ขวาไปหมู่บ้านวิหค ตรงไปข้างหน้าเป็นหมู่บ้านแห่งแสง ด้านหลังที่ป้ายชี้คือหมู่บ้านแห่งหมอกที่พวกเขาเพิ่งผ่านมา

     

                “......หน้าที่” กระต่ายป่าเอ่ยตอบแค่นั้นก็หันไปมองป้ายบอกทางต่อ สิงหมารทำหน้ามุ่ยแก้มป่อง เริ่มโมโหขึ้นอีกครั้ง คนถามดีๆ ทำไมต้องตอบเสียเย็นชาอย่างนั้น ซ้ำยังหน้าก็ไม่ยอมหันมามองกันอีก

     

                “ถ้าแค่หน้าที่ก็ขอขอบใจ ส่งแค่นี้ก็พอ ผมไปต่อเองได้ ไม่ได้อยากขอพึ่งคนที่ไม่เต็มใจหรอกนะ” สิงหมารเอ่ยประชด กระต่ายป่าหันหน้าขวับกลับมามองด้วยความหงุดหงิดใจเป็นที่สุด อยากจะตะโกนตอกหน้ากลับเหลือเกินว่าไม่ได้เต็มใจ ไม่ได้อยากทำ แต่ก็เกรงราชาดินที่จ้องมาที่เขาอยู่ จึงรีบคว้าแขนสิงหมารที่ทำท่าจะเดินหนีไปทางหมู่บ้านน้ำตกไว้

     

                “....เฮ้อ~ ก็ได้ๆ ยอมแพ้คุณจริงๆ” กระต่ายป่าทอดถอนใจแล้วปล่อยมือที่จับแขนเด็กหนุ่มลง

     

                “ผมว่าเราคุยกันดีๆ ดีกว่า เพราะเราต้องร่วมเดินทางกันอีกนาน ผมขอโทษที่แสดงกิริยาไม่ดีออกไป ผมแค่หงุดหงิดที่ต้องมารับหน้าที่นี้โดยไม่ทันได้ตั้งตัว แถมผมยังไม่ได้นอนมาสองคืนแล้ว เลยแสดงอาการหงุดหงิดใส่คุณไป เฮ้อ~ ผมขอโทษด้วย” กระต่ายป่าพูดขึ้นเสียยืดยาวโดยทุกคำที่พูดขึ้นล้วนเป็นจริงดังที่เขาคิด หลังจากคืนนั้นที่เขาอยู่กับเสือดำ เขาต้องตามแก้ตามเช็ดงานที่ราชาทิ้งไว้ ซ้ำยังปัญหาของเขากับเสือดำอีก ทำให้เขายังไม่ได้นอนเต็มอิ่มสักที มีแต่แอบงีบหลับไม่กี่นาทีเท่านั้น เหนื่อยก็เหนื่อยยังต้องมานั่งตามใจราชาอีก

     

                “....อืม....เข้าใจแล้ว แค่คุณบอกเหตุผลมาผมก็เข้าใจ ขอโทษด้วยที่ทำให้คุณต้องมาเหนื่อยเพราะผมอีก” สิงหมารรู้สึกผิดขึ้นมาจับใจ เขาไม่รู้ว่ากระต่ายป่าเหนื่อยแค่ไหนก่อนมาพบเขา ไม่รู้ว่ากระต่ายป่ายังไม่ได้หลับมาสองวันแล้ว ไม่แปลกที่จะรู้สึกหงุดหงิด แถมยังต้องมาทำหน้าที่ที่ไม่เต็มใจนี่อีก

     

                “แต่คุณก็ไม่น่าจะใจร้ายทำเย็นชาใส่ผมแบบนั้น”

     

                “เฮ้อ~ คุณสิงหมารครับ ผมเหนื่อยมาสองวันแล้ว จะให้ปั้นหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลาก็คงไม่ไหวนะครับ ผมขอโทษที่ทำให้คุณรู้สึกไม่ดี” ว่าแล้วกระต่ายป่าก็ยกมือขึ้นขยี้หัวสิงหมารเพื่อปลอบใจ สิงหมารรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกว่าท่าทางของกระต่ายป่าอ่อนลงมาก แถมน้ำเสียงที่รู้สึกผิดนั่นอีกทำให้ความรู้สึกที่ไม่ดีต่างๆ ที่คิดกับกระต่ายป่าปลิวหายไปเสียสิ้น เขาพยักหน้าเล็กน้อยเชิงเข้าใจ

     

                “คุณไม่ต้องเรียกชื่อเต็มผมแบบนั้นก็ได้ เรียกผมว่า สิง เถอะนะครับ ผมก็จะเรียกคุณว่า พี่ตะกร แล้วกันนะ” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมกับเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มกว้างให้กระต่ายป่า เห็นดังนั้นกระต่ายป่าจึงส่งยิ้มกลับให้ ความรู้สึกที่แง่ลบแย่ๆ ถูกรอยยิ้มกว้างจนเห็นฟันครบซี่ของเด็กหนุ่มปัดกระเด็นไปตอนไหนก็ไม่รู้

     

                พอปรับความเข้าใจกันได้สิงหมารก็เข้าใจกระต่ายป่ามากขึ้น เขาก็มองกระต่ายป่าในแง่ดีขึ้นจึงอยากกระชับความสัมพันธไมตรีด้วย กระต่ายป่าเองแม้ตอนแรกจะจำใจทำเพราะหน้าที่ แต่พอเห็นรอยยิ้มของเด็กหนุ่มเข้าให้ความรู้สึกแง่ลบต่างๆ ก็แปรเปลี่ยนเป็นมุมมองดีขึ้น ยิ่งรอยยิ้มที่ทำให้นึกถึงน้องชายจากไปของเขาขึ้นมา จึงลืมเรื่องคำทำนายและเรื่องที่สิงหมารมาเพื่อฆ่าราชาไปจนหมด ทำให้บรรยากาศของพวกเขาทั้งสองดีขึ้นมาก โดยหารู้ไม่ว่าราชาดินกลับรู้สึกแน่นอกเมื่อเห็นกระต่ายป่าลูบหัวสิงหมารอย่างนึกเอ็นดู ราชาเดินเข้าไปกัดแขนของกระต่ายป่าด้วยความหมั่นไส้ทันที

     

                “โอ้ย!” กระต่ายป่าร้องขึ้นสะบัดแขนข้างที่ถูกกัดไปมา เลือดสีแดงไหลซิบจากรอยเขี้ยวที่บุ๋มลงไปลึกถึงกระดูก สิงหมารตกใจเข้าไปผลักหัวสิงโตออกห่าง ก่อนจะเข้าไปดูแผลรอยเขี้ยวที่กัดฝังลึกจนได้เลือด

     

                “โอ้ยๆ อย่าจับ!” กระต่ายป่าสะดุ้งตะโกนห้ามด้วยความเจ็บปวดที่บาดแผล สิงหมารรีบชักมือกลับ หันไปค้อนใส่สิงโตหนุ่มทีหนึ่งแล้วตีเข้าปลายจมูกสิงโตหนุ่มเพื่อสั่งสอน ทำเอาราชาหงอหูลู่ลงไปด้านหลัง หางตกขดลง ทำท่านั่งสำนึกผิดอยู่กับที่

     

                กระต่ายป่าเหลือบมองแอบอมยิ้มด้วยความสะใจเล็กน้อย แม้เขาจะเกรงและเคารพราชาดินเพียงใด แต่เมื่อได้เห็นราชาดินอีกมุมหนึ่งที่ต้องจนมุมแบบนี้ทำให้อดขำเสียมิได้ ท่าทางของราชาดินที่เขาไม่เคยเห็น สิงหมารกลับทำให้ราชาแสดงท่าทีเช่นนี้ได้ พอนึกได้อย่างนี้ก็แอบรู้สึกหวั่นใจขึ้นมา เขายกมือขึ้นกุมหน้าอกอย่างไม่รู้ตัว ความกลัวที่แล่นจี๊ดขึ้นมาชั่ววินาทีก่อนจะจางหาย เป็นความรู้สึกเหมือนลางสังหรณ์ในเรื่องร้ายแรง..

     

                "พี่ตะกรเจ็บหน้าอกด้วยเหรอ?" สิงหมารหน้าซีดมองแผลที่มือและที่หน้าอกกระต่ายป่าสลับไปมา กระต่ายป่าสะดุ้งสติกลับคืน เขารีบละมือลงจากอกตนแล้วส่ายหน้าไปมา ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งแล้วหยิบกระบอกน้ำที่เหน็บไว้ข้างเอวออกมายื่นให้คนตรงหน้า เด็กหนุ่มเอียงคอด้วยความสงสัยแต่ก็รับกระบอกน้ำนั่นเอาไว้

     

                "ช่วยหน่อย ล้างแผลให้ผมหน่อย ผมไม่สะดวกเท่าไหร่" ว่าแล้วพรางยกแขนข้างที่โดนกัดขึ้น สิงหมารพยักหน้าแล้วเปิดฝากระบอกน้ำเทน้ำราดที่แผลช้าๆ กระต่ายป่าซี๊ดปากด้วยความแสบ หน้านิ่วปากเบ้จากความเจ็บแปร๊บ

     

                "ผมขอโทษ...." สิงหมารเอ่ยขึ้น เขาก้มหน้าพยาบาลคนตรงหน้าต่อโดยไม่เงยหน้าขึ้น เหมือนรู้สึกผิดในใจ กระต่ายป่าอมยิ้มด้วยความเอ็นดู เขายกมือข้างที่ไม่เจ็บลูบหัวสิงหมารช้าๆ เป็นการปลอบ รอยยิ้มเล็กๆ ของเด็กหนุ่มปรากฏขึ้นให้เห็น พอล้างคราบเลือดเสร็จสิงหมารจึงดึงชายเสื้อตนเองขึ้น หวังจะฉีดมาพันแผลแต่โดนกระต่ายป่ากลับคว้าข้อมือรั้งไว้เสียก่อน

     

                "ไม่ต้อง ข้างทางมีหญ้าที่ใช้สำหรับสมาญแผลขึ้นอยู่ ช่วยไปเด็กยอดหญ้าให้ผมสักสามสี่ใบก็พอ ใบสีแดงที่เหมือนต้นหญ้านะครับ" กระต่ายป่าพูดขึ้นแล้วชี้ไปยังตำแหน่งของหญ้าดังกล่าว หญ้าที่มีใบสีแดงขึ้นแซมไปทั่วบริเวณด้านข้างทางเด่นชัดทำให้แยกออกในทันใด

     

                สิงหมารลุกขึ้นไปเด็ดยอดหญ้าก่อนจะนำมันมาให้กระต่ายป่าที่นั่งรออยู่ กระต่ายป่าอธิบายวิธีใช้ต่อ โดยให้สิงหมารนำยอดใบหญ้าสีแดงในมือมาบดให้เป็นผงสีแดง เด็กหนุ่มเงยหน้าด้วยความฉงนในคำอธบายจะให้บดอย่างใดให้เกิดเป็นผงได้? กระต่ายป่ายิ้มด้วยความเข้าใจว่าโลกภายนอกกับที่แห่งนี้แตกต่างกัน

     

                "หญ้าจำพวกนี้จะเกิดขึ้นแต่ในดินแดนลับแลเท่านั้น เวลาบดเพียงวางยอดหญ้าไว้บนฝ่ามือ แล้วรีดใบจากด้านหนึ่งไปที่ปลายด้านหนึ่ง ใบหญ้าจะแตกกระจายตัวกลายเป็นผงเองครับ" สิงหมารพยักหน้าแล้วลงมือทำตามทันที จากใบหญ้าสีแดงกลายเป็นผงในบัดดล

     

                กระต่ายป่าให้สิงหมารนำผงสีแดงดังกล่าวมาโรยลงบนบาดแผลโดยตรง เมื่อผงสีแดงถูกกับแผลก็ซึมหายลงไปบนแผลแล้วทำการสมารตัวแผลจนหายเป็นปลิดทิ้ง ส่วนไหนที่อยู่บนเนื้อนอกบาดแผลก็ยังคงเป็นผงสีแดงดังเดิม สร้างความแปลกใจให้กับเด็กหนุ่มยิ่งนัก

     

                "เวลาคุณได้แผลให้ทำอย่างนี้นะครับ" กระต่ายป่าส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มก่อนจะพลิกดูแขนข้างที่ถูกกัด ที่ตอนนี้ไร้ซึ่งบาดแผลใดๆ ไม่มีร่องรอยแผลเป็นปรากฏให้เห็น สิงหมารยิ้มรับก่อนจะหันไปหาสิงโตหนุ่ม หมายจะสำเร็จโทษที่สิงโตก่อไว้ แต่ก็ถูกกระต่ายป่าขัดขึ้นอย่างรู้ใจเสียก่อน

     

                "ไม่ต้องลงโทษเขาหรอกครับ เขาคงไม่ได้ตั้งใจ คงจะอิจฉาผมกับคุณก็แค่นั้น" กระต่ายป่ายกยิ้มมุมปากอย่างผู้ได้รับชัยชนะ ที่ได้แอบแขวะผู้เป็นนาย

     

                'ได้ทีของเจ้าไป อย่าเผลอก็แล้วกัน' ราชาส่งกระแสจิตตอบด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ในตอนนี้

     

                "แต่มันกัดพี่ตะกรนะครับ เด็กไม่ดีต้องสั่งสอน" สิงหมารไม่ยอม กระต่ายป่าได้แต่ส่ายหัวไปมาเท่านั้นไม่ได้ว่าอะไรต่อ ทำให้เด็กหนุ่มหันขวับไปมองตาสิงโตทันที่

     

                "คราวนี้จะยกโทษให้ แต่ห้ามทำแบบนี้อีกนะ" เด็กหนุ่มชี้หน้าสิงโตเชิงตำหนิ ราชาได้แต่พยักหน้าเข้าใจ ทำเอาเด็กหนุ่มยิ้มออกมาด้วยความพอใจ

     

                "ดีมากๆ สิงโตฉลาดเข้าใจภาษามนุษย์" ว่าแล้วสิงหมารก็ลูบหัวสิงโตหนุ่มอย่างอ่อนโยน

     

                "ปกติคุณเรียกเขาว่าอะไรเหรอครับ?" กระต่ายป่าถามขึ้นแทรกบรรยากาศอบอุ่นนี้ ก่อนจะลุกยืนปัดฝุ่นที่ก้นสองสามที

     

                "สิงโต" สิงหมารเอ่ยตอบ

     

                "ผมว่าเราน่าจะตั้งชื่อให้คุณสิงโตเขาดีกว่านะครับ เรียกแต่สิงโตๆ แล้วฟังดูทะแม่งๆ ชอบกล" กระต่ายป่าแสดงความคิดเห็น โดยนัยแอบรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่เห็นสิงหมารทำกับราชาเหมือนสัตว์เลี้ยง แต่อีกใจก็แอบสะใจเล็กๆ เหมือนกันที่เห็นราชาหงอให้สิงหมารขนาดนี้

     

                "นั่นสิครับ แต่ก่อนอื่น ผมว่าพี่ตะกรน่าจะพูดปกติกับผมดีกว่า แทนผมแทนคุณ ฟังแล้วห่างเหินยังไงก็ไม่รู้" ได้ทีสิงหมารขอแอบอ้อนเล็กน้อย

     

                "งั้นผม ไม่สิ พี่จะเรียกคุณว่า น้องสิง แล้วกันนะครับ จะได้สนิทสนมกันยิ่งขึ้น"

     

                "ดีเลยครับ พี่ตะกร" ทั้งสองยิ้มแล้วหัวเราะออกมาพร้อมกัน ทำเอาราชาดินรู้สึกหงุดหงิดเหมือนถูกมองข้าม จึงเอาหัวดันตัวสิงหมารด้วยความน้อยใจ

     

                "อะไรอ่ะ?"

     

                "สงสัยจะน้อยใจที่ถูกลืมล่ะมั้งครับ"

     

                "เหรอครับ โอ๋ๆ ไม่น้อยใจนะ สิงโต เดี๋ยวเรากับพี่ตะกรจะตั้งชื่อให้เจ้าเดี๋ยวนี้แหละ" สิงหมารลูบหัวปลอบใจราชา ทำเอาราชาอดเคลิ้บกับคำพูดหวานหูและการกระทำนี้เสียมิได้

     

                "งั้นชื่ออะไรดีละครับ?" กระต่ายป่าถามขึ้น สิงหมารทำท่าครุ่นคิดสักครู่ก่อนจะเอ่ยตอบ

     

                "ตะวันดีไหมครับ เพราะขนสีส้มกับนัยตาสีแดงเหมือนพระอาทิตย์ เรียกง่ายดีด้วย" จริงๆ แล้วสิงหมารแค่ขี้เกียจคิดชื่อเลยนึกขึ้นมาลอยๆ เท่านั้นเอง กระต่ายป่ารู้ดีเพราะท่าทางของสิงหมารดูออกง่ายขนาดนี้ จึงทำได้เพียงส่ายหน้าไปมาด้วยความรู้สึกเอ็นดูในความคิดของเด็กหนุ่ม

     

                "ชื่อตะวันจะดีหรือครับ มีคำว่า ตะ เหมือนชื่อของผมเลย" กระต่ายป่าแย้งขึ้นเมื่อทวนชื่อนี้อีกครั้ง เหมือนจะนึกขึ้นได้สิงหมารตาโตขึ้นด้วยความตกใจ เขาแค่คิดชื่อลอยๆ ลืมนึกไปว่าจะมีอักษรตรงกับใครหรือไม่

     

                "ขอโทษครับ ผมลืมนึกไป งั้นชื่ออะไรดีละครับ?"

     

                "อืม นั่นสิครับ งั้นเรียกว่า ไกรสร แล้วกันนะครับ"

     

                "อ้าว คำนี้แปลตรงตัวเลยนี่ครับ แถมเหมือนชื่อคนมากกว่าจะนำมาตั้งชื่อสัตว์นะครับ"

     

                "ได้สิน้องสิง หรือน้องสิงอยากได้ชื่ออื่น อย่างไอ้ด่าง ไอ้แดง อะไรแบบนี้เหรอครับ?" กระต่ายป่าตอบขำๆ

     

                "ไม่เอาอ่ะครับ เรียกแบบนั้นตลกจะตายไม่เข้ากับสิงโตเลยสักนิด ไกรสรก็ไกรสรครับ เรียกๆ ไปเดี๋ยวคงจะชินเอง" สิงหมารตอบ กระต่ายป่ายังอดขำไม่ได้ พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะลูบหัวเด็กหนุ่มด้วยความเอ็นดู ส่วนราชาดินหรือได้แต่อารมณ์เสียนอนหมอบอยู่ใกล้ๆ คิดแก้แค้นที่โดนหยามศักดิ์ศรีอยู่ในใจ อย่าให้ถึงทีข้าบ้างแล้วกัน ราชาดินได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างหงุดหงิดใจ แต่พอสิงหมารลูบหัวลูบหูให้ก็เคลิ้มจนลืมโกรธกระต่ายป่าเสีย อารมณ์ดีขึ้นมาทันที…

     

                เมื่อตกลงเรื่องชื่อกันได้แล้ว พวกเขาจึงเดินทางกันต่อโดยมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านวิหคทางด้านขวามือทันที.....

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×