คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : เสือดำกับกระต่ายป่า
ตัดฉากมหัศจรรย์ออก อยากรู้ตามหาอ่านที่ไทยบอยส์เลิฟนะคะ
ณ.ราชวังสิงหราชาวดี
พระจันทร์ที่ลอยเด่นฟ้าสาดแสงสีนวลผ่องต้องแสงน้ำในสระน้ำกลางราชวัง
กระต่ายป่ากลับมาจากเมืองแห่งหมอก เพื่อมาตรวจสอบเอกสารที่คั่งค้างตั้งแต่เมื่อวาน
ตอนนี้เกือบจะเที่ยงคืนแล้วเขาเดินไปนั่งพักที่ม้านั่งยาวข้างสระน้ำ
เหม่อมองดวงจันทราที่สะท้อนอยู่บนพื้นน้ำ ยามนี้ช่างเงียบสงบยิ่งนัก
รอบบริเวณที่พอจะมีแสงรำไรจากดวงไฟที่ถูกจุดขึ้น
และแสงจากดวงจันทร์ที่ส่องลงมาบนพื้นโลก
กระต่ายป่าถอดหน้ากากที่เกะกะออกวางลงข้างตัว
เจ้าเผยหน้าตาจริงแล้วเข้ามาตีสนิทกับเจ้าเด็กนี้ซะ
คำสั่งของราชายังคงก้องอยู่ในหัว
เขาส่ายหน้าไปมาเพื่อไล่คำสั่งบ้าๆ นั่นทิ้งไป
ไม่อยากทำและไม่อยากรับรู้ความรู้สึกของราชาที่มีให้แก่เด็กหนุ่มคนนั้น
เขาเห็นมือข้างขวาสีแดงของสิงหราชา ครุ่นคิดไปถึงคำทำนายเมื่อสิบเจ็ดปีก่อน
เด็กหนุ่มจากทิศตะวันตก
กระต่ายป่าถอนหายใจยาว
บัดนี้เขายังไม่ได้คำทำนายส่วนที่เหลือจากราชาแห่งท้องทะเล สาส์นเพื่อการทูตถูกส่งไปมากกว่าร้อยฉบับ
ทุกฉบับถูกตีกลับด้วยข้อความเดิมๆ คือไม่ยินยอมให้ความร่วมมือ
สงสัยคงต้องไปด้วยตนเองเสียแล้วกระมัง
เขาถอนหายใจอีกระรอก ก่อนจะสะดุ้งตกใจเมื่ออยู่ๆ ก็มีมือคู่หนึ่งโอบรอบคอเขาไว้
กระต่ายป่าหันไปมองคนด้านหลัง คิ้วที่ขมวดอยู่แล้วยิ่งขมวดเป็นปมมากกว่าเดิม
"ท่านทำอะไรครับ.....ท่านเสือดำ"
กระต่ายป่าเอ่ยชื่อคนผู้นั้นด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย เหตุการณ์เดิมๆ กับคนเดิมๆ
ที่ชอบเข้ามารุ่มร่ามกับเขาตอนเขาเผลอตลอด
"ถอนหายใจทำไม?
วันนี้ราชาไม่กลับมาพร้อมกับเจ้าเหรอ?" เสือดำเอ่ยถาม
"ไม่ครับ
แล้วก็ช่วยปล่อยมือของท่านด้วย" กระต่ายป่าพยายามแกะมือคู่นั้นออก
แต่เสือดำกลับยิ่งกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น กระต่ายป่าหมดความอดทนจึงตะโกนขึ้น
"ท่านเสือดำ!"
เสือดำยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะยื่นหน้ามาหอมแก้มกระต่ายป่าแล้วรีบผละมือออก
กระต่ายป่าลุกพรวดหันไปมองคนด้านหลังด้วยความโมโห ก่อนจะละสายตาแล้วรีบเดินหนีออกมา
เสือดำไม่รีรอรีกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามกระต่ายป่ามาติดๆ
แล้วฉุดแขนของเขาทำให้กระต่ายป่าชะงักเสียหลักหงายหลังกระแทกกับอกแกร่งของเสือดำ
"เจ็บๆ"
เสือดำบ่นแต่แอบกระชับวงแขนรอบเอวกระต่ายป่าไม่ยอมปล่อย
"เจ็บก็ปล่อยผม!"
ยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ แทนที่จะปล่อยแขนเสือดำกลับยิ่งกอดแน่นขึ้น
จนกระต่ายป่ารู้สึกอึดอึดถึงได้คลายวงแขนออกเล็กน้อย เพื่อให้กระต่ายป่าได้หายใจออก
"ข้ารอเจ้ามาหลายวันแล้วนะ
เดือนนี้เจ้ายังไม่ได้ทำหน้าที่ของเจ้าเลย"
เสือดำก้มหน้ากระซิบเสียงหวานข้างหู กระต่ายป่าหน้าแดงระเรื่อขึ้นด้วยความอับอาย
"…..ผมไม่ว่าง...."
"เจ้าก็เอาแต่หนีด้วยคำว่าไม่ว่างตลอด"
ไม่พูดเปล่าเสือดำเลื้อยมือจากเอวลงไปยังบั้นท้ายของคนในอ้อมแขน กระต่ายป่าสะดุ้งเมื่อรับรู้ถึงแรงบีบที่ด้านหลัง
"…อืม!….
ตรงนี้....ไม่เอา...." เขาก้มหน้าพูดเสียงอ่อนด้วยความอาย
เสือดำยกยิ้มที่มุมปากอย่างพึงพอใจ
ก่อนจะคว้าข้อมือกระต่ายป่าพาไปยังห้องของตนโดยเร็ว
เสือดำจับมือพากระต่ายป่าผ่านระเบียงเดินยาวไปทางขวา
ผ่านประตูห้องหับนับสิบ บันไดอีกหนึ่งชั้น
แล้วเลี้ยวซ้ายสู่พื้นที่โล่งอันเป็นห้องโถงทรงกลม
ก่อนจะเดินผ่านไปด้วยความรวดเร็วจนถึงห้องสุดท้ายที่ปลายทาง
ประตูไม้สักสีแดงใหญ่สองบานถูกเปิดออกด้วยแขนที่กำยำของเสือดำ
ฉุดกระชากกระต่ายป่าไปยังเตียงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ใจกลางห้อง ก่อนจะผลักกระต่ายน้อยในกำมือลงสู่พื้นผ้าหลากสีที่ปูทับบนเตียง
แล้วเดินเข้าไปขึ้นคร่อมไว้เหมือนไม่อยากให้คนตรงหน้าหลุดรอดสายตาเขา
สายตาสีเหลืออำพันจับจ้องดวงตาสีแดงที่ฉายใบหน้าเขาสะท้อนกลับมา
"….ผมสงสัย..."
กระต่ายป่าที่หลบสายตามองลงล่างเอ่ยขึ้น เสือดำจับจ้องดวงตาที่สั่นระริกไล่ลงมาที่ปลายจมูก
ก่อนจะจูบลงที่จุดนั้นอย่างแผ่วเบา
"หืม?
สงสัยเรื่องอะไรล่ะ?" ว่าพลางกวาดสายตาไปยังหัวไหล่ข้างซ้ายของกระต่ายป่า
ไล่ลงมาถึงมือขาวที่สั่นระริก ก่อนจะคว้าไปที่มือข้างนั้นยกขึ้นประทับจูบ
เหลือบมองกระต่ายป่าที่หน้าแดงระเรื่อแต่ยังคงหลบสายตาเขาอยู่
"ทำไม….ท่านถึงยอมยกตำแหน่ง...ผู้บัญชาการรบ...เอ่อ...รัฐมนตรีกลาโหม...ให้กับลิงขาวล่ะครับ..."
เสียงหวานสั่นสะท้านหัวใจเขานัก
แต่เนื้อหาที่เอื้อนเอ่ยมากลับไปดับอารมณ์ไฟราคะที่ครุกรุ่นให้มอดลง
"เฮ้อ~
เจ้าถามเป็นครั้งที่ล้านได้แล้วกระมัง"
เสือดำผละมือออกจากเปลี่ยนไปนั่งลงข้างๆ กระต่ายป่าแทน
"….ก็…..ท่านกับตระกูลอินทรีเหล็กต่างแย่งชิงตำแหน่งนี้กันมาตั้งแต่สมัยก่อน
พออินทรีเหล็กทำงานพลาด เมื่อครั้งก่อสงครามกับราชาแห่งท้องทะเล
ถูกปลดออกจากตำแหน่ง ท่านจึงได้ขึ้นรับตำแหน่งเดิม แต่ท่านกลับสละตำแหน่งตัวเอง
ลดตัวเองลงมาเป็นเพียงเสนาธิการรบ
แล้วให้ลิงขาวที่เป็นตระกูลประจำตำแหน่งทหารเอกขึ้นครองอำนาจแทน
แถมถูกคนในตระกูลขับไล่.....ทำไมท่านถึงยอมทำถึงเพียงนี้..."
เสือดำเกาหัวด้วยความรำคาญ ก่อนจะหันไปสบตากระต่ายป่าที่มองหน้าเขาอยู่
"นี่เจ้าแกล้งโง่หรือแค่อยากลองใจข้า?
ข้าตอบเจ้ากี่ล้านครั้งแล้วว่า ที่ข้าทำแบบนั้นก็เพราะเจ้า ถ้าข้าไม่สละตำแหน่ง
คนอย่างเจ้าจะมายืนอยู่ที่ตรงจุดนี้ได้งั้นหรือ!? เรื่องอำนาจข้าก็ยังมีกองกำลังเหยี่ยวฟ้าใต้อาณัติกว่าแสนนาย
อีกอย่าง....ลิงขาวมีความสามารถ และข้าก็เล็งเห็นถึงความสามารถนั้น
ไม่ใช่ทำอะไรโดยไม่ได้ไตร่ตรองก่อน ส่วนเรื่องตระกูลข้า
ข้าจัดการเองได้ไม่ต้องให้เจ้ามาวุ่นวาย"
"แต่…"
"หยุดพูดได้แล้ว
เจ้ากำลังทำข้าอารมณ์เสีย เหตุผลเชิงลึกกว่านี้ข้าขอไม่พูด
ไม่ว่าเจ้าจะคะยั้นคะยอยังไงข้าก็ไม่อยากเอ่ยถึงอีก เจ้าอยากทำให้ข้าเป็นบ้าเพราะเจ้าหรือไง!?"
กระต่ายป่าส่ายหน้า น้ำตาคลอเบ้า เขาแค่อยากได้ความมั่นใจจากคนตรงหน้าก็แค่นั้นเอง
"เฮ้อ~
เจ้าตกลงกับข้าแล้ว ว่าเมื่อได้รับตำแหน่งมหาอุปราชของราชา เจ้าจะยินยอมเป็นของข้า
ตอนนี้อะไรคือหน้าที่ของเจ้า? หืม? บอกข้าสิ" เสือดำยกยิ้มแล้วปาดน้ำตาที่ไหลรินออกจากแก้มแดงเบาๆ
"……ปะ….เป็นของ..ท่าน...ครับ"
"หึ....ดี
.......แล้วอย่าให้ราชาแตะต้องเจ้าอีก เจ้าเป็นของข้าแค่คนเดียวเท่านั้น”
ว่าแล้วเสือดำก็ขยับตัวเข้าไปใกล้กระต่ายป่าหมายจะประทับจูบ
แต่กระต่ายป่าหันหน้าหนีทำเอาอารมณ์ดีๆ เริ่มหงุดหงิดขึ้นอีกครั้ง
“....ผมจะไปห้ามราชาได้อย่างไร....”
สิ้นคำเสือดำขมวดคิ้วเข้าหากัน เขามองหน้าชายคนตรงหน้าที่กำลังสั่นระริก
ไม่รู้ว่าด้วยความกลัวหรือความอายกันแน่ เหตุใดจึงกล้าเอ่ยคำพูดเช่นนี้ขึ้นมาในเวลานี้กัน
“เจ้าเป็นของข้า!”
เสือดำกระชากแขนทั้งสองข้างของกระต่ายป่าขึ้นด้วยแรงทั้งหมด
ทำให้กระต่ายน้อยดูตัวเล็กลงยิ่งกว่าเดิม ร่างกายที่สั่นระริกไม่หยุด
ขบกัดริมฝีปากตนเองแน่น หลบตาลงต่ำเหมือนต้องการหนีคนตรงหน้า
“มองหน้าข้า....ข้าสั่งให้เจ้ามองหน้าข้า!”
กระต่ายป่ากัดริมฝีปากแน่นขึ้นจนเลือดออก แต่ยังไม่ยอมหันมาสบตาเสือดำ
มือที่สั่นนั้นยกขึ้นผลักอกชายแกร่งตรงหน้าออก แต่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะแข็งขืน
“กระต่ายป่า!!!!”
เสือดำตะคอกชื่อของคนตรงหน้าด้วยเสียงอันดัง
กระต่ายป่าที่เบือนหน้าหนีพยายามหันกลับมามองเขาอย่างยากลำบาก เมื่อตาสีแดงสบกับตาสีขาวของเขา
เสือดำก็ก้มหน้าบดจูบขยี้ริมฝีปากแดงระเรื่อนั่น
ความรู้สึกเจ็บที่ถูกฟันกัดริมฝีปากบนและล่างทำให้เลือดไหลซึมออกมากยิ่งขึ้น
กระต่ายป่าครางด้วยความเจ็บปวด
เสือดำจึงแลบลิ้นเลียหยุดเลือดที่ไหลซึมข้างปากหวานนั่นให้
“...ถึงจะเป็นราชาแต่หากแตะต้องเจ้า
ข้าจะไม่ยอมอยู่เฉยอีกต่อไป” กระต่ายป่าลืมตาโพลงมองลึกเข้าไปยังดวงตาเสือดำ
ความดิบเถื่อนดั้งเดิมที่ฉายอยู่ในแววตาคู่นี้ทำให้เขาสั่นสะท้าน
เสือดำพูดจริงทำจริง ความเกรี้ยวกราดเกิดขึ้นในใจ
กระต่ายป่าคว้าไปที่คอเสื้อของเสือดำ ความหวาดหวั่นในดวงตาแปลเปลี่ยนเป็นความโกรธา
“หากท่านแตะต้องราชาผมก็จะไม่ยอมอยู่เฉยเช่นกัน!”
ฟันที่กัดกันกรอดกระทบเสียงเล็ดลอดออกมาตามไรฟัน
ดวงตาที่ฉายแววความโกรธจ้องตอบดวงตาสีขาวมุขนั่น
เสือดำหายใจแรงขึ้น
บัดนี้ความหงุดหงิดในใจยิ่งทวีคูณเป็นร้อยเท่าพันเท่า พอคนตรงหน้าพูดจาปกป้องราชายิ่งทำให้ตนโมโห
นึกอยากกระชากแล้วจับกดให้เป็นของตนแต่เพียงผู้เดียวซะเดี๋ยวนั้น
อยากได้ดวงใจที่ภักดีให้มาเป็นของตน ไม่อยากแบ่งปันคนตรงหน้ากับผู้ใด แม้แต่ราชาดินก็ตาม
หากทำได้ก็อยากจะขังล่ามโซ่ไม่ให้ออกไปไหน
ไม่ให้พบผู้ใดอีกต่อไป เขาจะได้ไม่ต้องมากังวลว่าสักวันหนึ่งกระต่ายป่าจะกระโดดหนีออกจากอุ้งมือเขา
อยากจะกำมือให้แน่นเพื่อไม่ให้กระต่ายป่าดิ้นหลุด แต่ก็กลัวจะไปทำร้ายให้บอบช้ำ
เขาคิดผิดใช่ไหมที่ส่งเสริมให้กระต่ายป่าไปอยู่เคียงข้างคอยดูแลราชาดิน
กระต่ายน้อยของเขาคนนั้นหายไปไหนเสีย? เด็กน้อยที่นั่งร้องไห้ตัวสั่นด้วยความกลัวกลางป่าใหญ่
พอเขาไปพบเข้าให้ความช่วยเหลือก็ตามติดเขาแจ
แต่บัดนี้ความห่างเหินนี้มันคืออะไรกัน ดวงใจน้อยๆ ที่เคยเอื้อนเอ่ยชื่อเขา
เกาะแข้งเกาะขาเขาตามติดไปทุกที่ มันจะไม่มีอีกแล้วหรือ?
กระต่ายป่ากำลังแทนที่เขาด้วยราชางั้นหรือ?
จุดยืนของเขากำลังสั่นคลอง กลัว....กลัวว่าคนตรงหน้าจะทิ้งเขาไป
เสือดำละมือลงแววตาที่ฉายแววความบ้าคลั่งเปลี่ยนเป็นความว่างเปล่า
เขาเอนกายลงนอนตะแคงข้างหันหลังให้กระต่ายป่า
บัดนี้ความโกรธที่ครุกรุ่นในใจกระต่ายป่ามอดดับสิ้นเมื่อเห็นดวงตาสีขาวละจากไป
เขาหันไปมองเสือดำที่นอนนิ่งข้างกาย
“...ท่านโกรธผมเหรอ?...”
“โกรธ”
น้ำเสียงราบเรียบที่ตอบกลับมาช่างบาดลึกในใจกระต่ายป่ายิ่งนัก
“...แต่โกรธตัวเองมากกว่า............ที่ไม่สามารถทำให้เจ้าเป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียวได้...........................ดึกแล้วเจ้านอนเสีย”
สิ้นเสียงความเงียบก็ครอบงำทุกสิ่ง กระต่ายป่าถอนหายใจไม่อยากขัดใจคนข้างๆ อีก
ไม่อยากตอบโต้คารมให้รู้สึกไม่ดี จึงล้มตัวลงนอนมองแผ่นหลังแกร่งตรงหน้า
ไม่เคยมีราตรีไหนเลยสักครั้งที่เสือดำจะนอนหันหลังให้ตนเช่นนี้
น้ำตาใสๆ เริ่มคลอเบ้าแล้วไหลรินจนมิอาจหยุดยั้ง เสียงสะอื้นที่ดังอื้ออึงในลำคอ
เสือดำมิอาจทนหลับตาอย่างไม่ใยดีได้อีกต่อไป
เขาลุกพรวดขึ้นหันไปมองร่างกระต่ายป่าที่ขดตัวสะอื้อไห้
“...เจ้าทำอย่างนี้กับข้า
แล้วเจ้าจะมาร้องไห้เสียใจอีกทำไม!?”
กระต่ายป่าลืมตาเหลือบมองเสือดำท่ามกลางความมืด
มีเพียงแสงจากดวงจันทร์ที่ส่องสะท้อนฉายแววตาสีขาวมุขนั่น
น้ำตาที่ไหลรินเมื่อหลั่งออกมาแล้วยากจะหยุดยั้ง
เขาเอื้อมมือไปจับแขนของเสือดำแน่น
มือที่สั่นสะท้านของกระต่ายป่าทำให้หัวใจของเสือดำรู้สึกเจ็บช้ำ
“...ฮึก....ผมไม่เคย....คิดเปรียบท่านกับราชา....สักครั้ง...........ท่านก็คือท่าน....ราชาก็คือราชา.....
ผมจะไปห้ามราชาได้อย่างไร.......ผมบอกท่านแล้ว ..........ผมเป็นของท่าน.......ทำไมท่านไม่เชื่อใจ.........ฮึก...ฮึก...”
กระต่ายป่ายังคงสะอื้นไห้เอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก
เสือดำมองเขาก่อนจะโค้งตัวก้มลงมาประทับจูบที่หน้าผากแนบนิ่ง
“....เจ้าเป็นของข้าเท่านั้น...ของข้าคนเดียว....”
เสือดำแลบลิ้นเลียน้ำตาปลอบขวัญกระต่ายป่า แล้วจูบลงที่หลังตา
ไล่ลงมาที่แก้มสีแดงระเรื่อ จนหยุดประกบปากเรียวแดงที่ช้ำเพราะรอยกัดเบาๆ
สองมือโอบกอดกระชับกระต่ายป่าเข้ามาในอ้อมแขนของตน
ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านเสียงหัวใจที่เต้นดัง ทำให้กระต่ายป่ารู้สึกดีเขาซบหน้าลงที่อกกว้าง
กำเสื้อคนตรงหน้าแน่นไม่อยากปล่อยไปให้
อยากให้เสือดำรู้ความในใจตนว่าเขาเองก็ให้ความสำคัญกับเสือดำไม่แพ้ราชา
เพียงแต่ราชาเป็นเจ้านาย
ส่วนเสือดำคือเจ้าของหัวใจ แต่หากเอื้อนเอ่ยออกไป
เขาก็กลัวว่าสักวันเสือดำจะทอดทิ้งหากเขาให้ใจทั้งหมดไป
ของอะไรที่ได้มาง่ายย่อมสูญเสียไปง่าย
เขารู้แค่ว่าเสือดำยอมรับตนเพียงเพราะข้อผูกมัดที่ให้กับเขาไว้
หากไม่มีสัญญาผูกมัดนี้เขาก็คงไม่ได้มาอยู่จุดนี้ เขายอมทุกอย่าง
ยอมที่จะยกกายให้แก่เสือดำ หากสักวันหนึ่งเสือดำจะมอบดวงใจให้แก่เขาบ้าง
หากสักวันที่เขาจะได้เอ่ยบอกคำว่าที่เก็บซ่อนไว้ในส่วนลึกของหัวใจแก่เสือดำ......
กระต่ายป่าเอ้ย กระต่ายป่า เจ้าช่างไม่รู้อะไรเสียเลย
ว่าดวงใจที่เจ้าเฝ้าถวินหานั้นอยู่ที่เจ้าเรียบร้อยแล้ว
กระต่ายป่าเอ้ย กระต่ายป่า
เจ้าล้อเล่นกับหัวใจของเสือดำเพียงเพราะไม่รู้ใจเขาหรือ
กระต่ายป่าเอ้ย กระต่ายป่า เสือดำพร่ำบอกว่าเจ้าเป็นของเขา
แต่เจ้าไม่เชื่อมั่นในคำพูดนั้น ทำไมเจ้าช่างโง่นัก
เสือดำเอ้ย เสือดำ
เจ้าปิดใจไม่กล้าเอ่ยคำว่ารักเพื่อผูกมัดกระต่ายป่า
โดยหารู้ไม่ว่ากระต่ายป่ารักเจ้าเพียงใด
เสือดำเอ้ย เสือดำ เจ้าคิดแต่เพียงขอให้ได้ร่างกาย
แล้วสักวันหัวใจจะเป็นของเจ้า โดยหารู้ไม่ว่าหัวใจดวงนั้นมอบให้เจ้าหมดทั้งดวงแล้ว
เสือดำเอ้ย เสือดำ กระต่ายป่าแค่ต้องการความมั่นใจจากเจ้า
แต่เจ้ากลับปิดบังความจริงกับเขา ความจริงที่ว่าเจ้ารักเขาหมดหัวใจ
พวกเจ้าทั้งสองต่างหลงรักซึ่งกันและกัน
มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน แต่โชคชะตากีดกันให้พวกเจ้านั้นไม่อาจเข้าใจกันได้
หากจะย้อนกลับไปก็เพราะสิ่งที่เจ้าทั้งสองเคยก่อเอาไว้เมื่อหลายภพหลายชาติ
ในชาติที่พวกเจ้าทั้งสองเคียงคู่กัน ความรักที่เคลือบแคลงซึ่งกันและกัน
เจ้าคนหนึ่งหันหลังทรยศต่อความไว้เนื้อเชื่อใจ
หลอกฆ่าอีกคนเพียงเพราะเชื่อในคำลวงทำให้ดวงตามืดบอก
ไร้สิ้นหนทางแก้ไขดำดิ่งสู่ทะเลมหาสมุทรจบชีวิตตามคนรัก
ด้วยอำนาจกฎแห่งกรรมพวกเจ้าต้องทุกข์ทรมานจากผลที่เจ้าก่อ
จนกว่าใครคนใดคนหนึ่งจะเรียนรู้ที่จะเชื่อใจซึ่งกันและกัน
ช่วยเหลือเกื้อกูลกันเคียงข้างกันต่อสู้ทุกอุปสรรคขวากหนามที่จะทดสอบจิตใจของพวกเจ้า
ว่าความรักของเจ้าทั้งสองจะมั่นคงต่อกันตราบสิ้นลมหายใจหรือไม่....
……………
…………………
……………………..
ย้อนกลับไปช่วงหัวค่ำที่บ้านพักผู้คุมเขตเมืองแห่งหมอก
หลังจากที่กระต่ายป่าเดินออกไป ราชานั่งมองเด็กหนุ่มที่นอนหลับใหลไม่รู้สึกตัว
พรางเล่นผมสีทองที่ขดม้วนอยู่ข้างแก้ม
“ผมเจ้าช่างหยาบกระด้างไร้การดูแลยิ่งนัก
แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ชอบสีของมัน” ว่าแล้วราชาก็ก้มลงจูบที่เส้นผมสีทองในมือ
ก่อนจะไล่นิ้วไปที่จมูกได้รูปสวยที่ยืนออกมาน่ากัดนั้น
แล้วไล่นิ้วลงมาถึงริมฝีปากสีส้มแดงนิ่มนิ้วเมื่อกดลงไปเบาๆ เสียงอือในคอก่อนจะเบือนหน้าหนี
ราชาหัวเราะคิกถูกใจยิ่งนัก พยายามระงับใจไม่ให้แกล้งคนตรงหน้า
ก่อนจะสะกิดเรียกให้ตื่นขึ้น
“ตื่นๆ
ตื่นได้แล้วเจ้าหนู” ราชาตบหน้าเด็กหนุ่มเบาๆ เพื่อเรียกสติ สิงหราชาปรือตาขึ้น
กวาดตามองไปรอบห้องที่ไม่คุ้นตา
ก่อนจะสะดุดสายตาที่ใบหน้าของราชาหนุ่ม สิงหมารลุกพรวดขึ้น อาการปวดหัวแทรกเข้ามาทันที
ทำเอาเข้าต้องยกมือกุมขมับ
“เฮ้ย
อย่าลุงขึ้นพรวดพราดสิ”
ราชาว่าพรางเอื้อมมือไปใกล้แต่โดนสิงหมารตีมือไม่ให้แตะต้องตน
“มีแรงตอบโต้แบบนี้คงไม่เป็นไรแล้วสินะ”
“ที่นี่....ที่ไหน?”
“บ้านพักผู้คุมเขต
เจ้าหมดสติอยู่หน้าทางเข้าหมู่บ้าน ชาวบ้านเลยช่วยกันแบกเจ้ามาพักที่นี่”
สิงหมารพยายามคิดย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ก่อนหน้า
เขารู้สึกอับอายเหลือเกินที่เป็นลมล้มพับไปต้องให้คนมาช่วยดูแล
แถมคนที่คอยดูแลเค้ายังเป็นชายคนนี้ที่เจอกันที่แม่น้ำ
เขาอยากจะบีบคอคนตรงหน้าเสียเหลือเกิด
หากไม่ขัดที่คนตรงหน้าเป็นคนช่วยดูแลตนแล้วละก็ คงได้ปะทะฝีมือกันอีกสักรอบแน่นอน
“...ขอน้ำ...”
ความรู้สึกแหบพร่าในลำคอทำให้รู้กระหายน้ำยิ่งนัก ราชาเดินไปเทน้ำที่ตั้งไว้ข้างเตียงยื่นมาให้
พร้อมยื่นสร้อยที่ทำจากเชือกร้อยเป็นเส้นหนายาว มีจี้ห้อยทำจากลูกโอ๊กป่า
สิงหมารรับน้ำมาดื่มแล้วมองสร้อยในมือราชาที่กำลังแกว่งไปมาอย่างไม่ไว้วางใจ
“อะไร?”
“สร้อยมนตรา”
สิงหมารขมวดคิ้ว ดูยังไงมันก็แค่สร้อยที่แขวนลูกโอ๊กป่าเอาไว้ ไม่เห็นมีความขลังหรือเหมือนชื่อที่ถูกเรียกสักนิด
“นายจะแกล้งฉันเหรอ?”
เขาสะบัดมือปัดสร้อยนั้นตกลงพื้น ราชานิ่งเฉยไม่ว่าอะไร ก่อนจะเผยรอยยิ้มจางๆ ก้มลงเก็บสร้อยขึ้นมายื่นให้เขาตามเดิม
“ไม่ได้แกล้ง
ถึงรูปร่างหน้าตามันจะบ้านๆ ธรรมดา แต่มันก็มีเวทมนต์แฝงอยู่นะ
มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถมองเห็นคนในเมืองแห่งหมอกได้
จำเป็นต้องพึ่งเครื่องมือเวทย์มนต์บ้าง หรือว่า....จะใช้วิธีธรรมชาติกว่านั้น
เอาดินของที่แห่งนี้ป้ายตาไว้ล่ะ?” สิงหมารชั่งใจ
เขาคิดไตร่ตรองถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นจริงตามที่เขาคาดเดาไว้ จึงยอมคว้าสร้อยเส้นนั้นมาสวมใส่
“นอกจากเมืองนี้
สร้อยนี้มีผลกับทุกเมืองที่อยู่ภายในอาณาเขตป่าลับแล แม้แต่ป้ายบอกทาง
ป้ายเตือนต่างๆ ก็สามารถมองเห็นได้ ที่จริงข้าอยากให้เจ้าตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
ถ้าไม่ติดที่เจ้ามองข้าเป็นศัตรู” ราชาดินอธิบาย เขารู้สึกเช่นนั้นจริง
อยากจะให้สร้อยเส้นนี้แก่เด็กหนุ่ม ติดแต่เพียงว่าทำเผลอทำหล่นหายระหว่างทาง
จึงต้องเสียเวลาช่วงที่เด็กหนุ่มหลับไปค้นหา กว่าจะเจอก็ถึงเวลาเย็นพอดี
สิงหมารมองราชาตาไม่กระพริบ
เขายังไม่ลืมหน้าที่ที่ต้องทำ ทำให้มองว่าชายตรงหน้าคือศัตรูมิเปลี่ยนแปลง แต่อีกในลึกๆ
ทำไมถึงได้รู้สึกแปลกๆ กับคนตรงหน้าเสียเหลือเกิน
“ไม่ว่านายจะทำดีกับฉันยังไง
ก็ไม่อาจเปลี่ยนใจไม่ให้ฉันฆ่าราชาของนายได้”
ราชาส่ายหน้ากับความคิดนี้ของสิงหมาร
“เราก็ไม่ว่าอะไรนี่
เจ้าจะฆ่าหรือไม่ฆ่าราชา มันก็ไม่ใช่ธุระอะไรของเรา”
สิ้นคำราชาดึงสิงหมารเข้ามาสวมกอด เด็กหนุ่มตกใจพยายามดิ้น
แต่ยิ่งดิ้นกลับยิ่งรู้สึกอึดอัดจากอ้อมแขนที่แข็งแรงนี้
“ปล่อย!”
ราชามิได้สนใจในคำพูดนั้น ยิ่งกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น
เชิดคางเด็กหนุ่มให้หันมามองตน ก่อนจะก้มหน้าประทับจูบ
แต่เด็กหนุ่มเม้มปากแน่นไม่ยอมให้ราชาล่วงล้ำเข้าไปภายในได้ ราชาจึงบดเบียดลิ้นเลียแล้วกัดไปที่แก้มจนเป็นรอยฟัน
สิงหมารสะดุ้งด้วยความเจ็บจึงร้องออกมา จังหวะนั้นเองราชากลับมาบดจูบอันเร่าร้อน
สอดลิ้นเข้าไปภายใน กวาดลิ้นเลียทั่วโพรงปากและไรฟัน ตวัดลิ้นไปมาที่เพดานปาก
ทำให้เด็กหนุ่มผู้ไม่เคยสัมผัสจูบที่ดุดันเช่นนี้อ่อนไหว เขาแทบจะหายใจไม่ออก
มือที่ทุบตีที่แผงอกเริ่มไร้เรี่ยวแรงขัดขืน ราชาพอใจจึงผละออกให้สิงหมารได้หายใจ
ราชามองเด็กหนุ่มที่หอบหายใจแทบไม่ทัน
อมยิ้มออกมาด้วยความชอบใจ ราชาคว้าไปที่ต้นเด็กหนุ่มดึงเข้ามาประทับจูบอีกครั้ง
ครานี้สิงหมารไร้เรี่ยวแรงที่จะขัดขืนจึงยอมให้ราชาทำอย่างที่ใจต้องการ
แต่การจะหายใจตามจังหวะของราชาได้นั้นช่างยากนัก
“หายใจตามเรานะ” ราชาผละริมฝีปากออกเล็กน้อยให้เด็กหนุ่มได้หายใจอีกครั้ง พอลมหายใจสม่ำเสมอ ราชาก็มอบจูบที่แสนหวานและอ่อนโยนให้ สองมือที่เคยพยายามผลักดันร่างแกร่งถูกจับให้ยกขึ้นพาดรอบคอ สิงหมารกระชับวงแขนกอดก่ายรอบคอราชา
ความรู้สึกอย่างนี้เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน จนเผลอใจให้กับราชาดิน กระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ใคร?”
ราชาเอ่ยถามเสียงแข็ง อารมณ์ที่กำลังได้ที่ถูกขัดขึ้นทำให้รู้สึกหงุดหงิดนัก
“ข้านำมื้อเย็นมาถวา..เอ่อ..มาให้ค่ะ”
เสียงหญิงสาวเอ่ยตอบ สิงหมารรู้สึกตัวสะดุ้งผลักราชาออกก่อนจะหันไปนอนคลุมโปงด้วยความอาย
หญิงสาวเปิดประตูนำอาหารมาวางไว้บนโต๊ะ เธอแอบเหลือบมองราชาที่นั่งอยู่บนเตียง
กับก้อนกลมๆ ในผ้าห่ม แอบหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไป
ปล่อยให้ราชาอยู่กับเด็กหนุ่มตามลำพังต่อ
ราชายิ้มหวานด้วยความพอใจ ลุกขึ้นดูอาหารที่ถูกจัดเรียงมากว่าสิบอย่าง รู้สึกว่ามันมากเกินไปแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจนัก ตอนนี้มีคนที่เขาอยากจะใส่ใจมากกว่าอาหารบนโต๊ะ ราชาเดินกลับไปยังเตียงกระชากผ้าห่มออก
จู่ๆ ก็โดนกำปั้นหนักๆ สอยเข้าที่ปลายคางอย่างไม่ทันตั้งตัว
สิงหมารหน้าแดงเรื่อด้วยความอายและความโมโห
อยากจะลงมือหนักกว่านี้แต่ท้องเจ้ากรรมก็ดันร้องโครกครากขึ้นอย่างไม่ดูตาม้าตาเรือ
จนต้องรีบลุกขึ้นเดินไปยังโต๊ะอาหารโดยไม่สนใจชายหนุ่มที่นั่งหน้ามึนไม่ยอมหุบยิ้มอยู่ที่ปลายเตียง
ราชาจับไปที่คางที่โดนต่อย
ความเจ็บแปร๊บขึ้นสมอง น้ำหนักหมัดที่สิงหมารต่อยมาช่างหนักหน่วง
แต่ก็ไม่ได้ทำให้อารมณ์ดีที่ได้หยอกเย้าเด็กหนุ่มจางหายลงจากใบหน้าราชาได้เลย
ราชาลุกขึ้นเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ข้างสิงหมาร
มองดูเด็กหนุ่มตรงหน้าตักอาหารเข้าปากด้วยความหิว
อย่างน้อยตอนนี้ความรู้สึกเป็นศัตรูของเด็กหนุ่มต่อตนเองก็ลดน้อยลงไปมาก
ราชาใช้พลังแอบดูความคิดของสิงหมาร เมื่อตอนที่ช่วยปลดปล่อยเมื่อครู่
จึงรู้ว่าสิงหมารลดการ์ดป้องกันตัวเองลงเมื่ออยู่กับเขา แม้จะอายจนไม่กล้าสู้หน้า
แต่อย่างน้อยก็ลดความแข็งขืนที่เคยมีลง
“ไม่กิน?”
สิงหมารชี้ไปที่อาหารก่อนเอ่ยถาม
ราชาได้แต่ยิ้มตอบแล้วหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบน่องไก่ใส่ชามข้าวให้เด็กหนุ่ม
“ขอบคุณ......เอ่อ.....ฉันลืมชื่อนายไปแล้วอ่ะ”
ราชาตาโต แค่วันเดียวก็ลืมชื่อเขาไปเสียแล้วหรือ น่าน้อยใจยิ่งนัก
“เรียกข้าว่า
พี่ดิน แล้วข้าก็จะเรียกเจ้าว่า น้องสิง”
สิงหมารพยักหน้ารับก่อนเอ่ยชื่อคนข้างๆ
“พี่ดิน...”
แค่เสียงที่เรียกชื่อเขาก็ทำเอาราชาใจสั่นไหว
“น้องสิงทานเยอะๆ
นะ หมูด้วย ผักด้วย” ราชาอมยิ้มแก้มแทบปริด้วยความพอใจ ก่อนจะคีบเนื้อหมู ผักต่างๆ
และเนื้อสัตว์อีกมากมายวางลงในจานให้สิงหมาร
“เยอะเกินไปแล้ว
พี่ก็กินด้วยกันสิ” สิงหมารว่าแล้วคีบเนื้อหมูใส่จานที่วางเปล่าตรงหน้าราชาคืนบ้าง
ราชายิ้มก่อนจะคีบเนื้อหมูตรงหน้าเข้าปากทันที
“อร่อยไหม?”
“อืม อร่อย”
ราชารู้สึกมีความสุขอย่างมาก
สุขใจอย่างที่เคยสัมผัสมาก่อนเมื่อนานมาแล้ว
กว่ากี่หมื่นปีแล้วที่ความรู้สึกอย่างนี้มันจางหายไป
เขารู้สึกอิ่มเอมใจเป็นอย่างมาก จนอยากจะหยุดเวลานี้เอาไว้ การได้อยู่ข้างๆ
สิงหมารทำให้ราชารู้สึกเหมือนเคยเกิดเรื่องราวเช่นนี้มาก่อน
มันอบอุ่นคะนึงหาจนราชาก็ไม่อาจบอกได้ว่าเพราะเหตุใด ทั้งๆ
ที่ก็เพิ่งจะเคยเจอกับสิงหมารแท้ๆ…
ความคิดเห็น