ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สิงหราชาวดี [yaoi]

    ลำดับตอนที่ #4 : เสือดำกับกระต่ายป่า

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ย. 58


     ตัดฉากมหัศจรรย์ออก อยากรู้ตามหาอ่านที่ไทยบอยส์เลิฟนะคะ



                ณ.ราชวังสิงหราชาวดี

     

                พระจันทร์ที่ลอยเด่นฟ้าสาดแสงสีนวลผ่องต้องแสงน้ำในสระน้ำกลางราชวัง กระต่ายป่ากลับมาจากเมืองแห่งหมอก เพื่อมาตรวจสอบเอกสารที่คั่งค้างตั้งแต่เมื่อวาน

     

                ตอนนี้เกือบจะเที่ยงคืนแล้วเขาเดินไปนั่งพักที่ม้านั่งยาวข้างสระน้ำ เหม่อมองดวงจันทราที่สะท้อนอยู่บนพื้นน้ำ ยามนี้ช่างเงียบสงบยิ่งนัก

     

                รอบบริเวณที่พอจะมีแสงรำไรจากดวงไฟที่ถูกจุดขึ้น และแสงจากดวงจันทร์ที่ส่องลงมาบนพื้นโลก กระต่ายป่าถอดหน้ากากที่เกะกะออกวางลงข้างตัว

     

                เจ้าเผยหน้าตาจริงแล้วเข้ามาตีสนิทกับเจ้าเด็กนี้ซะ

     

                คำสั่งของราชายังคงก้องอยู่ในหัว เขาส่ายหน้าไปมาเพื่อไล่คำสั่งบ้าๆ นั่นทิ้งไป ไม่อยากทำและไม่อยากรับรู้ความรู้สึกของราชาที่มีให้แก่เด็กหนุ่มคนนั้น เขาเห็นมือข้างขวาสีแดงของสิงหราชา ครุ่นคิดไปถึงคำทำนายเมื่อสิบเจ็ดปีก่อน

     

                เด็กหนุ่มจากทิศตะวันตก

     

                กระต่ายป่าถอนหายใจยาว บัดนี้เขายังไม่ได้คำทำนายส่วนที่เหลือจากราชาแห่งท้องทะเล สาส์นเพื่อการทูตถูกส่งไปมากกว่าร้อยฉบับ ทุกฉบับถูกตีกลับด้วยข้อความเดิมๆ คือไม่ยินยอมให้ความร่วมมือ

     

                สงสัยคงต้องไปด้วยตนเองเสียแล้วกระมัง เขาถอนหายใจอีกระรอก ก่อนจะสะดุ้งตกใจเมื่ออยู่ๆ ก็มีมือคู่หนึ่งโอบรอบคอเขาไว้ กระต่ายป่าหันไปมองคนด้านหลัง คิ้วที่ขมวดอยู่แล้วยิ่งขมวดเป็นปมมากกว่าเดิม

     

                "ท่านทำอะไรครับ.....ท่านเสือดำ" กระต่ายป่าเอ่ยชื่อคนผู้นั้นด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย เหตุการณ์เดิมๆ กับคนเดิมๆ ที่ชอบเข้ามารุ่มร่ามกับเขาตอนเขาเผลอตลอด

     

                "ถอนหายใจทำไม? วันนี้ราชาไม่กลับมาพร้อมกับเจ้าเหรอ?" เสือดำเอ่ยถาม

     

                "ไม่ครับ แล้วก็ช่วยปล่อยมือของท่านด้วย" กระต่ายป่าพยายามแกะมือคู่นั้นออก แต่เสือดำกลับยิ่งกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น กระต่ายป่าหมดความอดทนจึงตะโกนขึ้น

     

                "ท่านเสือดำ!" เสือดำยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะยื่นหน้ามาหอมแก้มกระต่ายป่าแล้วรีบผละมือออก กระต่ายป่าลุกพรวดหันไปมองคนด้านหลังด้วยความโมโห ก่อนจะละสายตาแล้วรีบเดินหนีออกมา

     

    เสือดำไม่รีรอรีกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามกระต่ายป่ามาติดๆ แล้วฉุดแขนของเขาทำให้กระต่ายป่าชะงักเสียหลักหงายหลังกระแทกกับอกแกร่งของเสือดำ

     

                "เจ็บๆ" เสือดำบ่นแต่แอบกระชับวงแขนรอบเอวกระต่ายป่าไม่ยอมปล่อย

     

                "เจ็บก็ปล่อยผม!" ยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ แทนที่จะปล่อยแขนเสือดำกลับยิ่งกอดแน่นขึ้น จนกระต่ายป่ารู้สึกอึดอึดถึงได้คลายวงแขนออกเล็กน้อย เพื่อให้กระต่ายป่าได้หายใจออก

     

                "ข้ารอเจ้ามาหลายวันแล้วนะ เดือนนี้เจ้ายังไม่ได้ทำหน้าที่ของเจ้าเลย" เสือดำก้มหน้ากระซิบเสียงหวานข้างหู กระต่ายป่าหน้าแดงระเรื่อขึ้นด้วยความอับอาย

     

                "…..ผมไม่ว่าง...."

     

                "เจ้าก็เอาแต่หนีด้วยคำว่าไม่ว่างตลอด" ไม่พูดเปล่าเสือดำเลื้อยมือจากเอวลงไปยังบั้นท้ายของคนในอ้อมแขน กระต่ายป่าสะดุ้งเมื่อรับรู้ถึงแรงบีบที่ด้านหลัง

     

                "…อืม!…. ตรงนี้....ไม่เอา...." เขาก้มหน้าพูดเสียงอ่อนด้วยความอาย เสือดำยกยิ้มที่มุมปากอย่างพึงพอใจ ก่อนจะคว้าข้อมือกระต่ายป่าพาไปยังห้องของตนโดยเร็ว

     

     

     

                เสือดำจับมือพากระต่ายป่าผ่านระเบียงเดินยาวไปทางขวา ผ่านประตูห้องหับนับสิบ บันไดอีกหนึ่งชั้น แล้วเลี้ยวซ้ายสู่พื้นที่โล่งอันเป็นห้องโถงทรงกลม ก่อนจะเดินผ่านไปด้วยความรวดเร็วจนถึงห้องสุดท้ายที่ปลายทาง

     

                ประตูไม้สักสีแดงใหญ่สองบานถูกเปิดออกด้วยแขนที่กำยำของเสือดำ ฉุดกระชากกระต่ายป่าไปยังเตียงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ใจกลางห้อง ก่อนจะผลักกระต่ายน้อยในกำมือลงสู่พื้นผ้าหลากสีที่ปูทับบนเตียง

     

                แล้วเดินเข้าไปขึ้นคร่อมไว้เหมือนไม่อยากให้คนตรงหน้าหลุดรอดสายตาเขา สายตาสีเหลืออำพันจับจ้องดวงตาสีแดงที่ฉายใบหน้าเขาสะท้อนกลับมา

     

                "….ผมสงสัย..." กระต่ายป่าที่หลบสายตามองลงล่างเอ่ยขึ้น เสือดำจับจ้องดวงตาที่สั่นระริกไล่ลงมาที่ปลายจมูก ก่อนจะจูบลงที่จุดนั้นอย่างแผ่วเบา

     

                "หืม? สงสัยเรื่องอะไรล่ะ?" ว่าพลางกวาดสายตาไปยังหัวไหล่ข้างซ้ายของกระต่ายป่า ไล่ลงมาถึงมือขาวที่สั่นระริก ก่อนจะคว้าไปที่มือข้างนั้นยกขึ้นประทับจูบ เหลือบมองกระต่ายป่าที่หน้าแดงระเรื่อแต่ยังคงหลบสายตาเขาอยู่

     

                "ทำไม….ท่านถึงยอมยกตำแหน่ง...ผู้บัญชาการรบ...เอ่อ...รัฐมนตรีกลาโหม...ให้กับลิงขาวล่ะครับ..." เสียงหวานสั่นสะท้านหัวใจเขานัก แต่เนื้อหาที่เอื้อนเอ่ยมากลับไปดับอารมณ์ไฟราคะที่ครุกรุ่นให้มอดลง

     

                "เฮ้อ~ เจ้าถามเป็นครั้งที่ล้านได้แล้วกระมัง" เสือดำผละมือออกจากเปลี่ยนไปนั่งลงข้างๆ กระต่ายป่าแทน

     

                "….ก็…..ท่านกับตระกูลอินทรีเหล็กต่างแย่งชิงตำแหน่งนี้กันมาตั้งแต่สมัยก่อน พออินทรีเหล็กทำงานพลาด เมื่อครั้งก่อสงครามกับราชาแห่งท้องทะเล ถูกปลดออกจากตำแหน่ง ท่านจึงได้ขึ้นรับตำแหน่งเดิม แต่ท่านกลับสละตำแหน่งตัวเอง ลดตัวเองลงมาเป็นเพียงเสนาธิการรบ แล้วให้ลิงขาวที่เป็นตระกูลประจำตำแหน่งทหารเอกขึ้นครองอำนาจแทน แถมถูกคนในตระกูลขับไล่.....ทำไมท่านถึงยอมทำถึงเพียงนี้..." เสือดำเกาหัวด้วยความรำคาญ ก่อนจะหันไปสบตากระต่ายป่าที่มองหน้าเขาอยู่

     

                "นี่เจ้าแกล้งโง่หรือแค่อยากลองใจข้า? ข้าตอบเจ้ากี่ล้านครั้งแล้วว่า ที่ข้าทำแบบนั้นก็เพราะเจ้า ถ้าข้าไม่สละตำแหน่ง คนอย่างเจ้าจะมายืนอยู่ที่ตรงจุดนี้ได้งั้นหรือ!? เรื่องอำนาจข้าก็ยังมีกองกำลังเหยี่ยวฟ้าใต้อาณัติกว่าแสนนาย อีกอย่าง....ลิงขาวมีความสามารถ และข้าก็เล็งเห็นถึงความสามารถนั้น ไม่ใช่ทำอะไรโดยไม่ได้ไตร่ตรองก่อน ส่วนเรื่องตระกูลข้า ข้าจัดการเองได้ไม่ต้องให้เจ้ามาวุ่นวาย"

     

                "แต่…"

     

                "หยุดพูดได้แล้ว เจ้ากำลังทำข้าอารมณ์เสีย เหตุผลเชิงลึกกว่านี้ข้าขอไม่พูด ไม่ว่าเจ้าจะคะยั้นคะยอยังไงข้าก็ไม่อยากเอ่ยถึงอีก เจ้าอยากทำให้ข้าเป็นบ้าเพราะเจ้าหรือไง!?" กระต่ายป่าส่ายหน้า น้ำตาคลอเบ้า เขาแค่อยากได้ความมั่นใจจากคนตรงหน้าก็แค่นั้นเอง

     

                "เฮ้อ~ เจ้าตกลงกับข้าแล้ว ว่าเมื่อได้รับตำแหน่งมหาอุปราชของราชา เจ้าจะยินยอมเป็นของข้า ตอนนี้อะไรคือหน้าที่ของเจ้า? หืม? บอกข้าสิ" เสือดำยกยิ้มแล้วปาดน้ำตาที่ไหลรินออกจากแก้มแดงเบาๆ

     

                "……ปะ….เป็นของ..ท่าน...ครับ"

     

                "หึ....ดี .......แล้วอย่าให้ราชาแตะต้องเจ้าอีก เจ้าเป็นของข้าแค่คนเดียวเท่านั้น” ว่าแล้วเสือดำก็ขยับตัวเข้าไปใกล้กระต่ายป่าหมายจะประทับจูบ แต่กระต่ายป่าหันหน้าหนีทำเอาอารมณ์ดีๆ เริ่มหงุดหงิดขึ้นอีกครั้ง

     

                “....ผมจะไปห้ามราชาได้อย่างไร....” สิ้นคำเสือดำขมวดคิ้วเข้าหากัน เขามองหน้าชายคนตรงหน้าที่กำลังสั่นระริก ไม่รู้ว่าด้วยความกลัวหรือความอายกันแน่ เหตุใดจึงกล้าเอ่ยคำพูดเช่นนี้ขึ้นมาในเวลานี้กัน

     

                “เจ้าเป็นของข้า!” เสือดำกระชากแขนทั้งสองข้างของกระต่ายป่าขึ้นด้วยแรงทั้งหมด ทำให้กระต่ายน้อยดูตัวเล็กลงยิ่งกว่าเดิม ร่างกายที่สั่นระริกไม่หยุด ขบกัดริมฝีปากตนเองแน่น หลบตาลงต่ำเหมือนต้องการหนีคนตรงหน้า

     

                “มองหน้าข้า....ข้าสั่งให้เจ้ามองหน้าข้า!” กระต่ายป่ากัดริมฝีปากแน่นขึ้นจนเลือดออก แต่ยังไม่ยอมหันมาสบตาเสือดำ มือที่สั่นนั้นยกขึ้นผลักอกชายแกร่งตรงหน้าออก แต่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะแข็งขืน

     

                “กระต่ายป่า!!!!” เสือดำตะคอกชื่อของคนตรงหน้าด้วยเสียงอันดัง กระต่ายป่าที่เบือนหน้าหนีพยายามหันกลับมามองเขาอย่างยากลำบาก เมื่อตาสีแดงสบกับตาสีขาวของเขา เสือดำก็ก้มหน้าบดจูบขยี้ริมฝีปากแดงระเรื่อนั่น

     

                ความรู้สึกเจ็บที่ถูกฟันกัดริมฝีปากบนและล่างทำให้เลือดไหลซึมออกมากยิ่งขึ้น กระต่ายป่าครางด้วยความเจ็บปวด เสือดำจึงแลบลิ้นเลียหยุดเลือดที่ไหลซึมข้างปากหวานนั่นให้

     

                “...ถึงจะเป็นราชาแต่หากแตะต้องเจ้า ข้าจะไม่ยอมอยู่เฉยอีกต่อไป” กระต่ายป่าลืมตาโพลงมองลึกเข้าไปยังดวงตาเสือดำ ความดิบเถื่อนดั้งเดิมที่ฉายอยู่ในแววตาคู่นี้ทำให้เขาสั่นสะท้าน เสือดำพูดจริงทำจริง ความเกรี้ยวกราดเกิดขึ้นในใจ กระต่ายป่าคว้าไปที่คอเสื้อของเสือดำ ความหวาดหวั่นในดวงตาแปลเปลี่ยนเป็นความโกรธา

     

                “หากท่านแตะต้องราชาผมก็จะไม่ยอมอยู่เฉยเช่นกัน!” ฟันที่กัดกันกรอดกระทบเสียงเล็ดลอดออกมาตามไรฟัน ดวงตาที่ฉายแววความโกรธจ้องตอบดวงตาสีขาวมุขนั่น

     

                เสือดำหายใจแรงขึ้น บัดนี้ความหงุดหงิดในใจยิ่งทวีคูณเป็นร้อยเท่าพันเท่า พอคนตรงหน้าพูดจาปกป้องราชายิ่งทำให้ตนโมโห นึกอยากกระชากแล้วจับกดให้เป็นของตนแต่เพียงผู้เดียวซะเดี๋ยวนั้น อยากได้ดวงใจที่ภักดีให้มาเป็นของตน ไม่อยากแบ่งปันคนตรงหน้ากับผู้ใด แม้แต่ราชาดินก็ตาม

     

                หากทำได้ก็อยากจะขังล่ามโซ่ไม่ให้ออกไปไหน ไม่ให้พบผู้ใดอีกต่อไป เขาจะได้ไม่ต้องมากังวลว่าสักวันหนึ่งกระต่ายป่าจะกระโดดหนีออกจากอุ้งมือเขา อยากจะกำมือให้แน่นเพื่อไม่ให้กระต่ายป่าดิ้นหลุด แต่ก็กลัวจะไปทำร้ายให้บอบช้ำ

     

                เขาคิดผิดใช่ไหมที่ส่งเสริมให้กระต่ายป่าไปอยู่เคียงข้างคอยดูแลราชาดิน กระต่ายน้อยของเขาคนนั้นหายไปไหนเสีย? เด็กน้อยที่นั่งร้องไห้ตัวสั่นด้วยความกลัวกลางป่าใหญ่ พอเขาไปพบเข้าให้ความช่วยเหลือก็ตามติดเขาแจ แต่บัดนี้ความห่างเหินนี้มันคืออะไรกัน ดวงใจน้อยๆ ที่เคยเอื้อนเอ่ยชื่อเขา เกาะแข้งเกาะขาเขาตามติดไปทุกที่ มันจะไม่มีอีกแล้วหรือ?

     

                กระต่ายป่ากำลังแทนที่เขาด้วยราชางั้นหรือ? จุดยืนของเขากำลังสั่นคลอง กลัว....กลัวว่าคนตรงหน้าจะทิ้งเขาไป เสือดำละมือลงแววตาที่ฉายแววความบ้าคลั่งเปลี่ยนเป็นความว่างเปล่า เขาเอนกายลงนอนตะแคงข้างหันหลังให้กระต่ายป่า

     

                บัดนี้ความโกรธที่ครุกรุ่นในใจกระต่ายป่ามอดดับสิ้นเมื่อเห็นดวงตาสีขาวละจากไป เขาหันไปมองเสือดำที่นอนนิ่งข้างกาย

     

                “...ท่านโกรธผมเหรอ?...”

     

                “โกรธ” น้ำเสียงราบเรียบที่ตอบกลับมาช่างบาดลึกในใจกระต่ายป่ายิ่งนัก

     

                “...แต่โกรธตัวเองมากกว่า............ที่ไม่สามารถทำให้เจ้าเป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียวได้...........................ดึกแล้วเจ้านอนเสีย” สิ้นเสียงความเงียบก็ครอบงำทุกสิ่ง กระต่ายป่าถอนหายใจไม่อยากขัดใจคนข้างๆ อีก ไม่อยากตอบโต้คารมให้รู้สึกไม่ดี จึงล้มตัวลงนอนมองแผ่นหลังแกร่งตรงหน้า

     

                ไม่เคยมีราตรีไหนเลยสักครั้งที่เสือดำจะนอนหันหลังให้ตนเช่นนี้ น้ำตาใสๆ เริ่มคลอเบ้าแล้วไหลรินจนมิอาจหยุดยั้ง เสียงสะอื้นที่ดังอื้ออึงในลำคอ เสือดำมิอาจทนหลับตาอย่างไม่ใยดีได้อีกต่อไป เขาลุกพรวดขึ้นหันไปมองร่างกระต่ายป่าที่ขดตัวสะอื้อไห้

     

                “...เจ้าทำอย่างนี้กับข้า แล้วเจ้าจะมาร้องไห้เสียใจอีกทำไม!?”

     

                กระต่ายป่าลืมตาเหลือบมองเสือดำท่ามกลางความมืด มีเพียงแสงจากดวงจันทร์ที่ส่องสะท้อนฉายแววตาสีขาวมุขนั่น น้ำตาที่ไหลรินเมื่อหลั่งออกมาแล้วยากจะหยุดยั้ง เขาเอื้อมมือไปจับแขนของเสือดำแน่น มือที่สั่นสะท้านของกระต่ายป่าทำให้หัวใจของเสือดำรู้สึกเจ็บช้ำ

     

                “...ฮึก....ผมไม่เคย....คิดเปรียบท่านกับราชา....สักครั้ง...........ท่านก็คือท่าน....ราชาก็คือราชา..... ผมจะไปห้ามราชาได้อย่างไร.......ผมบอกท่านแล้ว ..........ผมเป็นของท่าน.......ทำไมท่านไม่เชื่อใจ.........ฮึก...ฮึก...” กระต่ายป่ายังคงสะอื้นไห้เอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก เสือดำมองเขาก่อนจะโค้งตัวก้มลงมาประทับจูบที่หน้าผากแนบนิ่ง

     

                “....เจ้าเป็นของข้าเท่านั้น...ของข้าคนเดียว....” เสือดำแลบลิ้นเลียน้ำตาปลอบขวัญกระต่ายป่า แล้วจูบลงที่หลังตา ไล่ลงมาที่แก้มสีแดงระเรื่อ จนหยุดประกบปากเรียวแดงที่ช้ำเพราะรอยกัดเบาๆ สองมือโอบกอดกระชับกระต่ายป่าเข้ามาในอ้อมแขนของตน ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านเสียงหัวใจที่เต้นดัง ทำให้กระต่ายป่ารู้สึกดีเขาซบหน้าลงที่อกกว้าง กำเสื้อคนตรงหน้าแน่นไม่อยากปล่อยไปให้ อยากให้เสือดำรู้ความในใจตนว่าเขาเองก็ให้ความสำคัญกับเสือดำไม่แพ้ราชา

     

                เพียงแต่ราชาเป็นเจ้านาย ส่วนเสือดำคือเจ้าของหัวใจ แต่หากเอื้อนเอ่ยออกไป เขาก็กลัวว่าสักวันเสือดำจะทอดทิ้งหากเขาให้ใจทั้งหมดไป ของอะไรที่ได้มาง่ายย่อมสูญเสียไปง่าย เขารู้แค่ว่าเสือดำยอมรับตนเพียงเพราะข้อผูกมัดที่ให้กับเขาไว้ หากไม่มีสัญญาผูกมัดนี้เขาก็คงไม่ได้มาอยู่จุดนี้ เขายอมทุกอย่าง ยอมที่จะยกกายให้แก่เสือดำ หากสักวันหนึ่งเสือดำจะมอบดวงใจให้แก่เขาบ้าง หากสักวันที่เขาจะได้เอ่ยบอกคำว่าที่เก็บซ่อนไว้ในส่วนลึกของหัวใจแก่เสือดำ......

     

     

     

    กระต่ายป่าเอ้ย กระต่ายป่า เจ้าช่างไม่รู้อะไรเสียเลย ว่าดวงใจที่เจ้าเฝ้าถวินหานั้นอยู่ที่เจ้าเรียบร้อยแล้ว

    กระต่ายป่าเอ้ย กระต่ายป่า เจ้าล้อเล่นกับหัวใจของเสือดำเพียงเพราะไม่รู้ใจเขาหรือ

    กระต่ายป่าเอ้ย กระต่ายป่า เสือดำพร่ำบอกว่าเจ้าเป็นของเขา แต่เจ้าไม่เชื่อมั่นในคำพูดนั้น ทำไมเจ้าช่างโง่นัก

     

    เสือดำเอ้ย เสือดำ เจ้าปิดใจไม่กล้าเอ่ยคำว่ารักเพื่อผูกมัดกระต่ายป่า โดยหารู้ไม่ว่ากระต่ายป่ารักเจ้าเพียงใด

    เสือดำเอ้ย เสือดำ เจ้าคิดแต่เพียงขอให้ได้ร่างกาย แล้วสักวันหัวใจจะเป็นของเจ้า โดยหารู้ไม่ว่าหัวใจดวงนั้นมอบให้เจ้าหมดทั้งดวงแล้ว

    เสือดำเอ้ย เสือดำ กระต่ายป่าแค่ต้องการความมั่นใจจากเจ้า แต่เจ้ากลับปิดบังความจริงกับเขา ความจริงที่ว่าเจ้ารักเขาหมดหัวใจ

     

                พวกเจ้าทั้งสองต่างหลงรักซึ่งกันและกัน มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน แต่โชคชะตากีดกันให้พวกเจ้านั้นไม่อาจเข้าใจกันได้

     

                หากจะย้อนกลับไปก็เพราะสิ่งที่เจ้าทั้งสองเคยก่อเอาไว้เมื่อหลายภพหลายชาติ ในชาติที่พวกเจ้าทั้งสองเคียงคู่กัน ความรักที่เคลือบแคลงซึ่งกันและกัน เจ้าคนหนึ่งหันหลังทรยศต่อความไว้เนื้อเชื่อใจ หลอกฆ่าอีกคนเพียงเพราะเชื่อในคำลวงทำให้ดวงตามืดบอก ไร้สิ้นหนทางแก้ไขดำดิ่งสู่ทะเลมหาสมุทรจบชีวิตตามคนรัก

     

                ด้วยอำนาจกฎแห่งกรรมพวกเจ้าต้องทุกข์ทรมานจากผลที่เจ้าก่อ จนกว่าใครคนใดคนหนึ่งจะเรียนรู้ที่จะเชื่อใจซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกันเคียงข้างกันต่อสู้ทุกอุปสรรคขวากหนามที่จะทดสอบจิตใจของพวกเจ้า ว่าความรักของเจ้าทั้งสองจะมั่นคงต่อกันตราบสิ้นลมหายใจหรือไม่....

     

     

    ……………

    …………………

    ……………………..

     

     

                ย้อนกลับไปช่วงหัวค่ำที่บ้านพักผู้คุมเขตเมืองแห่งหมอก หลังจากที่กระต่ายป่าเดินออกไป ราชานั่งมองเด็กหนุ่มที่นอนหลับใหลไม่รู้สึกตัว พรางเล่นผมสีทองที่ขดม้วนอยู่ข้างแก้ม

     

                “ผมเจ้าช่างหยาบกระด้างไร้การดูแลยิ่งนัก แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ชอบสีของมัน” ว่าแล้วราชาก็ก้มลงจูบที่เส้นผมสีทองในมือ ก่อนจะไล่นิ้วไปที่จมูกได้รูปสวยที่ยืนออกมาน่ากัดนั้น แล้วไล่นิ้วลงมาถึงริมฝีปากสีส้มแดงนิ่มนิ้วเมื่อกดลงไปเบาๆ เสียงอือในคอก่อนจะเบือนหน้าหนี ราชาหัวเราะคิกถูกใจยิ่งนัก พยายามระงับใจไม่ให้แกล้งคนตรงหน้า ก่อนจะสะกิดเรียกให้ตื่นขึ้น

     

                “ตื่นๆ ตื่นได้แล้วเจ้าหนู” ราชาตบหน้าเด็กหนุ่มเบาๆ เพื่อเรียกสติ สิงหราชาปรือตาขึ้น กวาตามองไปรอบห้องที่ไม่คุ้นตา ก่อนจะสะดุดสายตาที่ใบหน้าของราชาหนุ่ม สิงหมารลุกพรวดขึ้น อาการปวดหัวแทรกเข้ามาทันที ทำเอาเข้าต้องยกมือกุมขมับ

     

                “เฮ้ย อย่าลุงขึ้นพรวดพราดสิ” ราชาว่าพรางเอื้อมมือไปใกล้แต่โดนสิงหมารตีมือไม่ให้แตะต้องตน

     

                “มีแรงตอบโต้แบบนี้คงไม่เป็นไรแล้วสินะ”

     

                “ที่นี่....ที่ไหน?”

     

                “บ้านพักผู้คุมเขต เจ้าหมดสติอยู่หน้าทางเข้าหมู่บ้าน ชาวบ้านเลยช่วยกันแบกเจ้ามาพักที่นี่” สิงหมารพยายามคิดย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ก่อนหน้า เขารู้สึกอับอายเหลือเกินที่เป็นลมล้มพับไปต้องให้คนมาช่วยดูแล แถมคนที่คอยดูแลเค้ายังเป็นชายคนนี้ที่เจอกันที่แม่น้ำ เขาอยากจะบีบคอคนตรงหน้าเสียเหลือเกิด หากไม่ขัดที่คนตรงหน้าเป็นคนช่วยดูแลตนแล้วละก็ คงได้ปะทะฝีมือกันอีกสักรอบแน่นอน

     

                “...ขอน้ำ...” ความรู้สึกแหบพร่าในลำคอทำให้รู้กระหายน้ำยิ่งนัก ราชาเดินไปเทน้ำที่ตั้งไว้ข้างเตียงยื่นมาให้ พร้อมยื่นสร้อยที่ทำจากเชือกร้อยเป็นเส้นหนายาว มีจี้ห้อยทำจากลูกโอ๊กป่า สิงหมารรับน้ำมาดื่มแล้วมองสร้อยในมือราชาที่กำลังแกว่งไปมาอย่างไม่ไว้วางใจ

     

                “อะไร?”

     

                “สร้อยมนตรา” สิงหมารขมวดคิ้ว ดูยังไงมันก็แค่สร้อยที่แขวนลูกโอ๊กป่าเอาไว้ ไม่เห็นมีความขลังหรือเหมือนชื่อที่ถูกเรียกสักนิด

     

                “นายจะแกล้งฉันเหรอ?” เขาสะบัดมือปัดสร้อยนั้นตกลงพื้น ราชานิ่งเฉยไม่ว่าอะไร ก่อนจะเผยรอยยิ้มจางๆ ก้มลงเก็บสร้อยขึ้นมายื่นให้เขาตามเดิม

     

                “ไม่ได้แกล้ง ถึงรูปร่างหน้าตามันจะบ้านๆ ธรรมดา แต่มันก็มีเวทมนต์แฝงอยู่นะ มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถมองเห็นคนในเมืองแห่งหมอกได้ จำเป็นต้องพึ่งเครื่องมือเวทย์มนต์บ้าง หรือว่า....จะใช้วิธีธรรมชาติกว่านั้น เอาดินของที่แห่งนี้ป้ายตาไว้ล่ะ?” สิงหมารชั่งใจ เขาคิดไตร่ตรองถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นจริงตามที่เขาคาดเดาไว้ จึงยอมคว้าสร้อยเส้นนั้นมาสวมใส่

     

                “นอกจากเมืองนี้ สร้อยนี้มีผลกับทุกเมืองที่อยู่ภายในอาณาเขตป่าลับแล แม้แต่ป้ายบอกทาง ป้ายเตือนต่างๆ ก็สามารถมองเห็นได้ ที่จริงข้าอยากให้เจ้าตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ถ้าไม่ติดที่เจ้ามองข้าเป็นศัตรู” ราชาดินอธิบาย เขารู้สึกเช่นนั้นจริง อยากจะให้สร้อยเส้นนี้แก่เด็กหนุ่ม ติดแต่เพียงว่าทำเผลอทำหล่นหายระหว่างทาง จึงต้องเสียเวลาช่วงที่เด็กหนุ่มหลับไปค้นหา กว่าจะเจอก็ถึงเวลาเย็นพอดี

     

                สิงหมารมองราชาตาไม่กระพริบ เขายังไม่ลืมหน้าที่ที่ต้องทำ ทำให้มองว่าชายตรงหน้าคือศัตรูมิเปลี่ยนแปลง แต่อีกในลึกๆ ทำไมถึงได้รู้สึกแปลกๆ กับคนตรงหน้าเสียเหลือเกิน

     

                “ไม่ว่านายจะทำดีกับฉันยังไง ก็ไม่อาจเปลี่ยนใจไม่ให้ฉันฆ่าราชาของนายได้”

     

                ราชาส่ายหน้ากับความคิดนี้ของสิงหมาร

     

                “เราก็ไม่ว่าอะไรนี่ เจ้าจะฆ่าหรือไม่ฆ่าราชา มันก็ไม่ใช่ธุระอะไรของเรา” สิ้นคำราชาดึงสิงหมารเข้ามาสวมกอด เด็กหนุ่มตกใจพยายามดิ้น แต่ยิ่งดิ้นกลับยิ่งรู้สึกอึดอัดจากอ้อมแขนที่แข็งแรงนี้

     

                “ปล่อย!” ราชามิได้สนใจในคำพูดนั้น ยิ่งกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น เชิดคางเด็กหนุ่มให้หันมามองตน ก่อนจะก้มหน้าประทับจูบ แต่เด็กหนุ่มเม้มปากแน่นไม่ยอมให้ราชาล่วงล้ำเข้าไปภายในได้ ราชาจึงบดเบียดลิ้นเลียแล้วกัดไปที่แก้มจนเป็นรอยฟัน สิงหมารสะดุ้งด้วยความเจ็บจึงร้องออกมา จังหวะนั้นเองราชากลับมาบดจูบอันเร่าร้อน สอดลิ้นเข้าไปภายใน กวาดลิ้นเลียทั่วโพรงปากและไรฟัน ตวัดลิ้นไปมาที่เพดานปาก ทำให้เด็กหนุ่มผู้ไม่เคยสัมผัสจูบที่ดุดันเช่นนี้อ่อนไหว เขาแทบจะหายใจไม่ออก มือที่ทุบตีที่แผงอกเริ่มไร้เรี่ยวแรงขัดขืน ราชาพอใจจึงผละออกให้สิงหมารได้หายใจ

     

                ราชามองเด็กหนุ่มที่หอบหายใจแทบไม่ทัน อมยิ้มออกมาด้วยความชอบใจ ราชาคว้าไปที่ต้นเด็กหนุ่มดึงเข้ามาประทับจูบอีกครั้ง ครานี้สิงหมารไร้เรี่ยวแรงที่จะขัดขืนจึงยอมให้ราชาทำอย่างที่ใจต้องการ แต่การจะหายใจตามจังหวะของราชาได้นั้นช่างยากนัก

     

                “หายใจตามเรานะ” ราชาผละริมฝีปากออกเล็กน้อยให้เด็กหนุ่มได้หายใจอีกครั้ง พอลมหายใจสม่ำเสมอ ราชาก็มอบจูบที่แสนหวานและอ่อนโยนให้ สองมือที่เคยพยายามผลักดันร่างแกร่งถูกจับให้ยกขึ้นพาดรอบคอ สิงหมารกระชับวงแขนกอดก่ายรอบคอราชา 


                ความรู้สึกอย่างนี้เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน จนเผลอใจให้กับราชาดิน กระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น

     

                “ใคร?” ราชาเอ่ยถามเสียงแข็ง อารมณ์ที่กำลังได้ที่ถูกขัดขึ้นทำให้รู้สึกหงุดหงิดนัก

     

                “ข้านำมื้อเย็นมาถวา..เอ่อ..มาให้ค่ะ” เสียงหญิงสาวเอ่ยตอบ สิงหมารรู้สึกตัวสะดุ้งผลักราชาออกก่อนจะหันไปนอนคลุมโปงด้วยความอาย หญิงสาวเปิดประตูนำอาหารมาวางไว้บนโต๊ะ เธอแอบเหลือบมองราชาที่นั่งอยู่บนเตียง กับก้อนกลมๆ ในผ้าห่ม แอบหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไป ปล่อยให้ราชาอยู่กับเด็กหนุ่มตามลำพังต่อ

     

                ราชายิ้มหวานด้วยความพอใจ ลุกขึ้นดูอาหารที่ถูกจัดเรียงมากว่าสิบอย่าง รู้สึกว่ามันมากเกินไปแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจนัก ตอนนี้มีคนที่เขาอยากจะใส่ใจมากกว่าอาหารบนโต๊ะ ราชาเดินกลับไปยังเตียงกระชากผ้าห่มออก 

     

                จู่ๆ ก็โดนกำปั้นหนักๆ สอยเข้าที่ปลายคางอย่างไม่ทันตั้งตัว สิงหมารหน้าแดงเรื่อด้วยความอายและความโมโห อยากจะลงมือหนักกว่านี้แต่ท้องเจ้ากรรมก็ดันร้องโครกครากขึ้นอย่างไม่ดูตาม้าตาเรือ จนต้องรีบลุกขึ้นเดินไปยังโต๊ะอาหารโดยไม่สนใจชายหนุ่มที่นั่งหน้ามึนไม่ยอมหุบยิ้มอยู่ที่ปลายเตียง

     

                ราชาจับไปที่คางที่โดนต่อย ความเจ็บแปร๊บขึ้นสมอง น้ำหนักหมัดที่สิงหมารต่อยมาช่างหนักหน่วง แต่ก็ไม่ได้ทำให้อารมณ์ดีที่ได้หยอกเย้าเด็กหนุ่มจางหายลงจากใบหน้าราชาได้เลย ราชาลุกขึ้นเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ข้างสิงหมาร มองดูเด็กหนุ่มตรงหน้าตักอาหารเข้าปากด้วยความหิว อย่างน้อยตอนนี้ความรู้สึกเป็นศัตรูของเด็กหนุ่มต่อตนเองก็ลดน้อยลงไปมาก ราชาใช้พลังแอบดูความคิดของสิงหมาร เมื่อตอนที่ช่วยปลดปล่อยเมื่อครู่ จึงรู้ว่าสิงหมารลดการ์ดป้องกันตัวเองลงเมื่ออยู่กับเขา แม้จะอายจนไม่กล้าสู้หน้า แต่อย่างน้อยก็ลดความแข็งขืนที่เคยมีลง

     

                “ไม่กิน?” สิงหมารชี้ไปที่อาหารก่อนเอ่ยถาม ราชาได้แต่ยิ้มตอบแล้วหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบน่องไก่ใส่ชามข้าวให้เด็กหนุ่ม

     

                “ขอบคุณ......เอ่อ.....ฉันลืมชื่อนายไปแล้วอ่ะ” ราชาตาโต แค่วันเดียวก็ลืมชื่อเขาไปเสียแล้วหรือ น่าน้อยใจยิ่งนัก

     

                “เรียกข้าว่า พี่ดิน แล้วข้าก็จะเรียกเจ้าว่า น้องสิง”

     

                สิงหมารพยักหน้ารับก่อนเอ่ยชื่อคนข้างๆ

     

                “พี่ดิน...” แค่เสียงที่เรียกชื่อเขาก็ทำเอาราชาใจสั่นไหว

     

                “น้องสิงทานเยอะๆ นะ หมูด้วย ผักด้วย” ราชาอมยิ้มแก้มแทบปริด้วยความพอใจ ก่อนจะคีบเนื้อหมู ผักต่างๆ และเนื้อสัตว์อีกมากมายวางลงในจานให้สิงหมาร

     

                “เยอะเกินไปแล้ว พี่ก็กินด้วยกันสิ” สิงหมารว่าแล้วคีบเนื้อหมูใส่จานที่วางเปล่าตรงหน้าราชาคืนบ้าง ราชายิ้มก่อนจะคีบเนื้อหมูตรงหน้าเข้าปากทันที

     

                “อร่อยไหม?”

     

                “อืม อร่อย”

     

                ราชารู้สึกมีความสุขอย่างมาก สุขใจอย่างที่เคยสัมผัสมาก่อนเมื่อนานมาแล้ว กว่ากี่หมื่นปีแล้วที่ความรู้สึกอย่างนี้มันจางหายไป เขารู้สึกอิ่มเอมใจเป็นอย่างมาก จนอยากจะหยุดเวลานี้เอาไว้ การได้อยู่ข้างๆ สิงหมารทำให้ราชารู้สึกเหมือนเคยเกิดเรื่องราวเช่นนี้มาก่อน มันอบอุ่นคะนึงหาจนราชาก็ไม่อาจบอกได้ว่าเพราะเหตุใด ทั้งๆ ที่ก็เพิ่งจะเคยเจอกับสิงหมารแท้ๆ…

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×