ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    7 ปีให้หลัง (ภาคต่อ 7 วัน) [yaoi]

    ลำดับตอนที่ #4 : กลับบ้านใหญ่

    • อัปเดตล่าสุด 4 เม.ย. 60



    “อ้าว หนูเจนนี่ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ ยินดีต้อนรับครับ คุณ! คุณ! หนูเจนนี่มาแน่ะ” พอมาถึงบ้าน เจอแด๊ดกำลังดูต้นไม้อยู่หน้าบ้านพอดี ปกติพอเห็นผมแด๊ดต้องทักผมก่อนแท้ๆ นี่มันอะไรกัน อยู่ๆ ผมก็ถูกลดชั้นลงมาอยู่ระดับเดียวกับชาร์ลเหรอเนี่ย แงงงง แด๊ดไม่ยอมสนใจผมเลย ต้องฟ้องมัม!!

     

                “อะไรคุณตะโกนโหวกเหวกไปได้” มัมมาแล้วววว มัมก๊าบบบ “อ้าว หนูเจนนี่ ต๊าย! ไม่ได้เจอกันนานเลย ไปไงมาไงถึงมาที่บ้านป้าได้ละจ้ะ?” เง้ออออ มัมก็อีกคน

     

                “สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า ไม่ได้เจอกันนานเลยสบายดีใช่ไหมคะ?”

     

                “สบายดีตามประสาคนแก่แหละจ้า ป่ะเข้าบ้านกันดีกว่านะหนูเจนนี่”

     

                “นั่นสิคุณ เข้าบ้านกันก่อนเถอะ ลุงมีเรื่องจะปรึกษาเรื่องทริปเที่ยวกับหนูพอดีเลย”

     

                “อะไรกันครับคุณพ่อคุณแม่ ปกติเห็นอาร์ทมาต้องรีบมาประคบประหงมอาร์ทก่อนแท้ๆ สงสัยอาร์ทจะเป็นหมาหัวเน่าแล้วละมั้งครับ” หนอยยย ได้ทีกัดกันเลยนะเฟ้ย

     

                “อ้าว ลูกอาร์ท ลูกชาร์ล เข้าบ้านก่อนลูก” มัมรีบผละมาจูงมือผมเข้าบ้านเลย นึกว่ามัมจะลืมผมแล้ว แต่ยังงอนอยู่นะ ยังงอนอยู่

     

                “แหมๆ พ่อกับแม่ไม่ได้ลืมลูกหรอกนะลูกอาร์ท หายงอนได้แล้ว โอ้ๆ” แด๊ดตบหัวลูบหลังกันชัดๆ ฮือๆ ยอมก็ได้

     

                “ว่าแต่ทำไมหนูเจนนี่ถึงได้มาพร้อมกันกับลูกอาร์ทได้ละคะ?” มัมหันไปถามเจนนี่

     

                “อ้อ ก็เรื่องเป็นอย่างนี้ค่ะคุณแม่...” เจนนี่เราเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับซอนย่าให้มัมกับแด๊ดฟัง แต่ไม่ได้เล่าพฤติกรรมประหลาดๆ ของเจ้าหล่อนนะครับ และแน่นอนว่าชาร์ลยอมให้เจนนี่เป็นคนเล่าเองแหละครับ เพราะเจนนี่มันมีวาทะศิลป์กว่าพวกผมเยอะ

     

                “อ้าว แต่พ่อคุยเรื่องนี้กับเจ้าเดฟมันแล้วนะ มันว่าถ้าชาร์ลมีคนรักอยู่แล้ว เรื่องหมั้นหมายปากเปล่าอะไรนั่นก็ไม่ต้องใส่ใจหรอก ทำไมหนูซอนย่าถึงยังคิดเป็นจริงเป็นจังเรื่องนี้อยู่ล่ะ?”

     

                “สงสัยจะเค้าจะรักชาร์ลจริงๆ ละมั้งครับ” เชอะ

     

                “ทำไมพูดยังงั้นล่ะคะลูก” โอ้ย เจอมัมตีแขนไปทีนึง

     

                “ก็เค้าตามตื้อชาร์ลขนาดนี้นี่ครับ แถมยังพูดอีกว่าชาร์ลยังไม่แต่งงานเค้าก็มีสิทธิ์ อุ๊บ!” ผมรีบปิดปากแทบไม่ทัน ลืมไปว่าชาร์ลไม่ให้บอกเรื่องนี้ มัมกับแด๊ดมีสีหน้าแปลกใจมากๆ เลย ผมเหลือบตามองดูชาร์ล เห็นชาร์ลถอนหายใจแล้วส่ายหน้าปลงๆ แฮะๆ ก็เก๊าลืมง่ะ

     

                “นี่หนูซอนย่าพูดอย่างนั้นจริงเหรอลูก?” มัมถาม ผมหันไปมองชาร์ลอีกที ชาร์ลพยักหน้าให้ผมพูดได้

     

                “ครับมัม”

     

                “หนูล่ะกลัวจริงๆ ค่ะ กลัวว่าคุณซอนย่าจะทำให้ความสัมพันธ์ของอาร์ทกับคุณชาร์ลต้องสั่นคลอน” เจนนี่พูดขึ้น ผมเลยรีบทำหน้าซึมทันที เรียกคะแนนความเห็นใจจากมัมกับแด๊ดบ้าง

     

                “โธ่ ลูกอาร์ท แล้วเราจะเอายังไงกันดีละคะคุณ ถ้าหนูซอนย่ายังคิดเรื่องหมั้นหมายนั้นอยู่” มัมโอบกอดผมพร้อมลูบหลังปลอบ เลยได้โอกาสซบไหล่มัมอ้อนซะเลย

     

                “แล้วลูกว่ายังไงบ้างล่ะชาร์ล?” แด๊ดครุ่นคิดก่อนจะหันไปขอความเห็นจากชาร์ลบ้าง

     

                “ผมรักอาร์ทได้แค่คนเดียวครับ และไม่คิดจะรักใครอีก ส่วนซอนย่าผมคิดว่าเธอเป็นแค่เพื่อนสมัยเด็ก ไม่เคยคิดเกินเลยมากกว่านี้ครับ” ชาร์ลตอบเสียงฟังชัดหนักแน่น ทำเอาผมรู้สึกซาบซึ้งในความรักของเขาเลยทีเดียวครับ

     

                “อืม เรื่องของแกกับหนูซอนย่ามันไม่สามารถเป็นไปได้อยู่แล้ว เพราะพ่อก็ไม่คิดจะเอาใครมาเป็นลูกสะใภ้แทนลูกอาร์ทแน่ ใช่ไหมแม่?”

     

                “ใช่ค่ะ” มัมกับแด๊ดยิ้มให้ผม และเข้าข้างผมขนาดนี้ จะไม่ให้ดีใจจนน้ำตาไหลได้ไง

     

                “อ้าวๆ ร้องไห้ซะละ ขี้แยจริงๆ เลยเรา” แด๊ดว่าขำๆ พวกเราหัวเราะกันอย่างมีความสุข ผมรักครอบครัวนี้มากเลยครับ ผมถือว่าทั้งมัมกับแด๊ดเป็นเหมือนพ่อแม่แท้ๆ ของผมเลย

     

                “เอาอย่างนี้ไหมคะคุณพ่อคุณแม่” อยู่ๆ เจนนี่ก็เสนอไอเดียขึ้นมา “ไหนๆ คุณซอนย่าก็พูดว่าถ้าคุณชาร์ลยังไม่แต่งงาน เธอก็ยังมีสิทธิ์ งั้นเราทำไมไม่จัดงานแต่งให้ทั้งคู่เลยล่ะคะ?” ทุกคนหันไปมองเจนนี่เป็นตาเดียว รวมทั้งผมด้วย ไม่คิดว่าเจนนี่จะเสนอเรื่องนี้ขึ้นมา

     

                “เอ๋ ก็ดีนี่ เนอะพ่อเนอะ” มัมเป็นคนแรกที่เห็นด้วย ก่อนจะหันไปขอความเห็นจากแด๊ดมั่ง

     

                “อืมมม นั่นสิ ถ้าแบบนี้หนูซอนย่าจะได้ตัดใจได้ซะที”

     

                “เดี๋ยวครับเดี๋ยว! นี่มันเรื่องใหญ่นะครับแด๊ด”

     

                “ทำไมละลูกอาร์ท ไหนๆ ก็อยู่กินกับชาร์ลมาตั้ง 7 ปีแล้ว ถ้าเป็นผู้หญิงป่านนี่เค้าคงมีลูกเต็มบ้านแล้ว เราไม่คิดจะทำอะไรให้ถูกต้องเลยเหรอลูก” สะอึกครับ สะอึก สะอึกที่โดนเทียบกับผู้หญิง ฮือๆ หม่อมพ่อใจร้าย

     

                “แหม พ่อไปพูดอย่างนั้นได้ยังไง แต่ว่านะลูก พ่อกับแม่น่ะรักอาร์ทนะลูก รักเหมือนเป็นลูกชายแท้ๆ ถึงเราจะมีลูกไม่ได้ พ่อกับแม่ก็ไม่เคยมองเรื่องนั้นสำคัญเลย ที่สำคัญคือจิตใจที่ดีงามของเราต่างหาก นี่ถ้าชาร์ลมันทิ้งลูกนะแม่จะไล่มันออกจากบ้านเลยคอยดู”

     

                “อะไรกันครับคุณแม่ ผมไม่มีวันทิ้งอาร์ทหรอก ก็รักมากขนาดนี้” ชาร์ลพูดขึ้นก่อนจะคว้าตัวผมมากอดไว้

     

                เอาเหอะ จะยังไงก็แล้วแต่ แค่นี้ก็ดีอยู่แล้วแท้ๆ

     

                “ว่าแต่เราจะจัดงานแต่งกันที่ไหนกันดีคะ แล้วเราจะจัดใหญ่โตขนาดไหนคะ? หรือเล็กๆ พอคะ?”

     

                “แหม ลูกชายคนโตทั้งทีต้องจัดงานใหญ่โตหน่อยสิจ้ะ ดีไหมคะคุณ”

     

                “นั่นสิ เชิญเดฟกับหนูซอนย่ามาด้วยเลย ทีนี้หนูซอนย่าจะได้ตัดใจเสียที”

     

                “เดี๋ยวก่อนครับ!!!!” ผมรีบพูดแทรก ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ นะคร๊าบบบ “เรื่องนี้เราควรค่อยๆ ปรึกษาก่อนดีกว่านะครับ อีกอย่างถ้าจัดงานแต่งขึ้นจริงๆ จะไม่มีผลกระทบต่อหน้าตาทางสังคมของชาร์ลเหรอครับ?”

     

                “เอ๋? ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ ใครๆ ก็รู้ว่าชาร์ลรสนิยมยังไงนี่จ้ะ อีกอย่างชาร์ลเค้าก็ไม่เคยปิดบัง ผู้ร่วมธุรกิจต่างก็รู้เรื่องนี้กันดีนี่เนอะ”

     

                ห๊า!!?? ผมหันไปมองหน้าชาร์ลทันที

     

                “ใช่ครับ อาร์ทไม่อยากแต่งงานกับผมเหรอ?”

     

                “มะ...ไม่ใช่อย่างนั้น... แต่ว่า...”

     

                “หรือว่าอาร์ทกลัวคนอื่นรู้ว่าอาร์ทเป็นเกย์ แต่งกับผมแล้วทำให้อาร์ทเดือดร้อนเหรอครับ?” เฮ้ย! ไปกันใหญ่ละ ไม่ต้องมาทำหน้าหงอยเลยนะเจ้าบ้า

     

                “ไม่ใช่ซะหน่อย!”

     

                “งั้นก็ไม่มีปัญหา ว่าแต่เราจะจัดที่ไหนกันดีละคะคุณ หนูเจนนี่มีที่ไหนเสนอไหมจ้ะ?” มันหันไปปรึกษาเรื่องงานแต่งต่ออย่างออกรสออกชาติ แถมทุกคนต่างทำเหมือนเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย คงมีแต่ผมคนเดียวที่เห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่สินะ

     

                บางทีผมก็ไม่เข้าใจครอบครัวนี้เลยให้ตายสิ เฮ้อ…. อยากทำอะไรก็ทำ ไปว่ายน้ำคลายอารมณ์ดีกว่า ปวดหัวครับ ปวดหัว แง่ง

     

     

     

    ด้านชาร์ล

     

                ผมยิ้มให้อาร์ทที่ทำหน้าเบื่อโลก ผมเข้าใจนะครับว่าเขาคงกลุ้มใจ แต่ก็อย่างว่า เราคบกันมา 7 ปีแล้ว อายุก็เยอะ หน้าที่การงานก็มั่นคง เรื่องแต่งงานผมก็เคยคิดเหมือนกันนะครับไม่ใช่ไม่เคยคิด แถมยังเคยเอามาปรึกษากับคุณพ่อคุณแม่ด้วย แต่ก็ยังหาโอกาสดีๆ บอกอาร์ทไม่ได้สักที พอมีเรื่องนี้ขึ้นมา แล้วคุณเจนนี่ยังเสนอทางแก้ปัญหาทางนี้อีก เข้าทางเลยครับ ไม่ทำตอนนี้แล้วจะทำตอนไหนถูกไหมครับ

     

                พวกคุณพ่อกับคุณแม่เองก็ดูมีความสุขที่ได้พูดเรื่องนี้กัน ผมหันไปหาอาร์ทอีกทีก็เห็นเดินออกไปที่สวนแล้ว สงสัยจะคิดมากแน่เลย เอาเถอะปล่อยให้เค้าอยู่คนเดียวบ้าง ไว้คืนนี้ค่อยง้อแล้วกันนะครับ

     

                “ว่าแต่ ถึงเราจะจัดงานแต่งกันจริงๆ แต่ก็น่าจะทำอะไรเซอร์ไพรส์อาร์ทกันสักหน่อยดีไหมลูก?” คุณแม่เสนอขึ้นมา ผมก็คิดอยู่นะครับ จริงๆ อยากขอแต่งงานแบบโรแมนติกๆ บ้าง

     

                “คุกเข่าขอแต่งงานดีไหม?” คุณพ่อเสนอบ้าง

     

                “ตอนนี้คงไม่ทันแล้วมั้งคะคุณ”

     

                “เจนนี่ว่าลองถามคุณชาร์ลก่อนดีกว่านะคะว่าอยากทำอะไร คุณชาร์ลมีความคิดดีๆ บ้างไหมคะ?”

     

                “เอ่อ... ก็มีนะครับ” ผมเกาแก้มแก้เขิน ในใจก็วางแผนเอาไว้บ้างแล้วล่ะครับ

     

                “เอ๋ๆ อะไรค่ะ วางแผนอะไรไว้คะคุณชาร์ล บอกให้รู้หน่อยสิคะ” คุณเจนนี่คะยั้นคะยอ แถมแววตายังเป็นประกายอีกต่างหาก พอหันไปมองหน้าคุณพ่อกับคุณแม่ที่อมยิ้มอยู่ก็รู้สึกเขินขึ้นมา

     

                “นั่นสิลูก ไม่ต้องอายนะ เราจะได้ช่วยกันทำเซอร์ไพรส์ลูกอาร์ทกันนะคะ”

     

                “อ่า ครับ คืออาร์ทเค้าเคยพูดเปรยๆ ว่าชื่นชอบผลงานของศิลปินท่านหนึ่ง มีผลงานชิ้นนึงที่เค้าชอบมาก ผมก็เลย...”

     

                “ก็เลยจะซื้อเป็นของขวัญเซอร์ไพรส์อาร์ทเหรอลูก?”

     

                “เปล่าครับ คือ ผมซื้อไว้แล้วน่ะครับคุณพ่อ แต่ราคา...ก็แพงมาก ผมกลัวอาร์ทเค้าจะโกรธก็เลยยังไม่ได้ให้น่ะครับ”

     

                “อ้าว เท่าไหร่ล่ะลูก ทำไมถึงต้องกลัวลูกอาร์ทโกรธล่ะคะ?”

     

                “ก็...” ผมชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้ว ก้มหน้านิดหน่อยอย่างเกรงๆ

     

                “สามแสน?” คุณพ่อทาย ผมส่ายหัว

     

                “สามล้านเหรอคะลูก?” ผมก็ยังส่ายหัว

     

                “แพงกว่านั้นอีกเหรอคะคุณชาร์ล” ผมพยักหน้าให้คุณเจนนี่ แล้วยกนิ้วอีกข้างขึ้นมาหนึ่งนิ้ว

     

                “แฮะๆ สิบสามล้านครับ”

     

                “อะไรน๊า!? สิบสามล้าน!!!” เสียงคุณแม่ตะโกนหวีดขึ้นทันที ทำเอาผมปิดหูแทบไม่ทัน “โอ้ยยย คุณฉันจะเป็นลม” คุณพ่อรีบเข้าไปพยุงคุณแม่ทันที ทำเอาผมรู้สึกผิดมากเลยครับ

     

                “ภาพอะไรทำไมแพงขนาดนั้นล่ะลูก” คุณพ่อว่าขึ้นบ้าง ส่วนคุณเจนนี่นั่งอ้าปากค้างตกใจอยู่

     

                “ก็ภาพของ...น่ะครับ ผมให้คุณดาวไปประมูลให้ที่อังกฤษเมื่อครึ่งปีก่อนน่ะครับ”

     

                “งั้นแปลว่าชาร์ลวางแผนเรื่องแต่งงานเอาไว้บ้างแล้วเหรอลูก” คุณพ่อถามขึ้น

     

                “ครับ จริงๆ ผมคิดเรื่องนี้มานานแล้วล่ะครับ ตั้งแต่ที่ผมคบกับอาร์ทได้ 5 ปี”

     

                “อ้าว แล้วทำไมไม่เคยพูดเรื่องนี้ให้พวกแม่ฟังเลยล่ะคะ?”

     

                “คือ ผมรอให้อะไรพร้อมก่อนน่ะครับ ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องนี้ขึ้น เลยได้มีโอกาสพูดเรื่องนี้กับคุณพ่อคุณแม่นี่ละครับ”

     

                “งั้นก็เป็นโอกาสเหมาะเลยสินะคะคุณชาร์ล แล้วภาพวาดราคาแสนแพงนั่นจะเซอร์ไพรส์อาร์ทยังไงคะ?”

     

                “ผมคิดไว้แล้วครับ ผมอยากให้เค้าในวันแต่งงาน เค้าจะต้องตกใจมากๆ แน่ๆ เลยครับ” ผมตอบยิ้มๆ พอนึกถึงหน้าอาร์ทเวลาได้เห็นภาพที่เจ้าตัวชอบมาก แล้วก็อดจะรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ จนยิ้มแทบปริเลยละครับ

     

                “แหม ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะลูก วางแผนว่ายังไง ไหนบอกแม่มาสิคะ”

     

                “แฮะๆ ครับแม่”

     

                ผมก็เล่ารายละเอียดเรื่องที่จะเซอร์ไพรส์ไป พวกเราสี่คนก็คุยเรื่องวางแผนกับการจัดงานแต่ง แต่ก็ยังไม่ลงตัว คุณแม่เสนอให้หาออแกไนซ์เซอร์มาจัดดีกว่า ก็เลยยังไม่ได้ข้อสรุปกันเลยครับ เพราะพอมาคิดจะจัดงานแต่งแบบกระชั้นชิดแบบนี้ ถึงได้รู้ว่าต้องมีรายละเอียดปลีกย่อยเยอะมากมาย แบบนี้คงต้องพึ่งออแกไนซ์เซอร์อย่างที่คุณแม่เสนอแล้วล่ะครับ

     

                กว่าจะเลิกคุยก็ปาไปเกือบ 2 ทุ่มแล้ว คืนนี้ผมว่าจะค้างที่นี่ ส่วนคุณเจนนี่ คุณแม่ให้ป้าบัวหัวหน้าแม่บ้านจัดการห้องรับแขกไว้ให้ ก่อนจะแยกย้ายกัน ส่วนผมตอนนี้ต้องขอไปง้อภรรยาตัวจริงของผมก่อนละครับ ไม่รู้งอนไปไหนแล้ว

     

               

     

                ผมเปิดห้องนอนของผมเข้าไป ไอเย็นของแอร์ก็ลอยมาปะทะหน้าทันที ในห้องผมเห็นอาร์ทกำลังใช้โน๊ตบุ๊คที่อยู่บนโต๊ะของผมอยู่ เลยแอบย่องเดินไปหาเบาๆ เวลาอาร์ทหมกมุ่นมักจะหูดับอย่างนี้เสมอครับ แต่ถ้าได้ยินเสียงแปลกๆ ก็รู้ตัวอยู่นะครับ เพราะงั้นผมเลยต้องย่องไปหาช้าๆ พอไปยืนอยู่ด้านหลัง อาร์ทก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะรู้ตัวเลย ผมเลยได้โอกาสสวมกอดเค้าจากด้านหลังทันที

     

                “เฮ้ย! ตกใจหมดชาร์ล” อาร์ทสะดุ้ง แต่พอเห็นว่าเป็นผมก็หันกลับไปเล่นเน็ตต่อ ผมชะเง้อดูหน้าจอโน๊ตบุ๊ค อาร์ทกำลังเปิดเว็บ... เอิ่ม... เว็บโป๊ครับ... โธ่ ภรรยาที่รัก มีอารมณ์ก็ไม่บอก แฮ่!

     

                “ทำไมหนีออกมาก่อนละครับ เบื่อเหรอ? หรือว่าไม่อยากแต่งงานกับผม?” ทำเสียงเศร้าๆ เรียกร้องความสนใจ

     

                “เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น แค่คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ แล้วก็ปุบปับไป อีกอย่าง..”

     

                “อีกอย่าง?”

     

                “ก็คิดว่าเพราะเรื่องของซอนย่า ชาร์ลเลยยอมที่จะแต่งงานด้วย ไม่ได้อยากแต่งจริงๆ” ผมรับยกมือปิดปากของอาร์ทเสีย

     

                “อย่าพูดอย่างนั้น” ผมเอ่ยเสียงเข้ม รู้สึกถึงไหล่ที่สะท้านของอาร์ทก็เอามือออก “อาร์ทครับ ถึงผมจะไม่เคยบอก แต่จริงๆ แล้ว คนที่ผมอยากแต่งงานด้วยก็คืออาร์ท และผมเองก็วางแผนเรื่องนี้เอาไว้นานแล้วด้วย” พูดจบอาร์ทก็หันมามองผมตาวาว

     

                “จริงเหรอ?”

     

                “จริงสิครับ” ผมจูบยืนยันไปทีหนึ่ง อาร์ทหน้าแดงหันกลับไป แอบเห็นว่าเขากั้นยิ้มไว้ด้วย ที่รักนี่น่ารักจริงๆ เลยน๊า

     

                ผมเลยเอื้อมมือไปลูบไล้แผ่นอกของเขาเบาๆ อาร์ทสั่นสะท้านเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าพิงไหลผม ตอนนี้ผมย่อตัวกอดเค้าอยู่ เริ่มจะเมื่อยแล้วด้วยครับ

     

                “อือ ไม่เอามัมกะแด๊ดก็อยู่” อาร์ทปรามแต่ปาก ส่วนอื่นอ่อนระทวยไปหมดแล้ว หึหึ เสร็จผมล่ะคืนนี้

     

                “นะครับ” ผมอ้อน พรางงับเบาๆ ที่ติ่งหู อาร์ทสะดุ้งก่อนจะครางครือออกมา ผมรู้ว่าจุดอ่อนเค้าอยู่ตรงไหน ว่าแล้วก็ถกเสื้ออาร์ทขึ้น สอดมือเข้าไปสัมผัสกายเนื้อช้าๆ ลูบขึ้นจนถึงตุ่มไตที่ชูชัน  ก่อนจะชะโงกหน้าไปจุมพิตริมฝีปากหวานของที่รัก จูบที่แผ่วเบาก่อนจะละโมดดูดกลืนอีกฝ่ายทันที


                “พะ…พอแล้ว… อืมมม” อาร์ทยกมือดันหน้าผมออก มือยังคงทำหน้าที่อยู่แถวท้องน้อยของเขา พอลูบผ่านสะดืออาร์ทก็สะดุ้ง ตัวร้อนวาบขึ้นทันที ยิ่งเห็นแก้มเป็นสีแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผมยิ่งรู้สึกได้ใจ จากงับติ่งหูก็เปลี่ยนมาเลียแทนให้รู้สึกเสียวมากยิ่งขึ้น ได้ยินเสียงครางยิ่งตื่นเต้น

     

                แต่ก่อนจะได้จู่โจมต่อ เสียงเคาะประตูก็ดังขัดจังหวะขึ้น แถมเสียงที่เรียกขึ้นหน้าห้องทำเอาผมสองคนรีบผละออกจากกันทันที

     

                “อาร์ทลูก นอนยังคะ แม่เอานมอุ่นๆ มาให้ เปิดประตูให้แม่หน่อยเร็ว” คุณแม่ครับถึงจะให้อาร์ทดื่มนมไปก็ไม่โตขึ้นหรอกครับ! อาร์ทที่จัดเสื้อผ้าตัวเองเสร็จรีบเดินไปเปิดประตูให้คุณแม่ทันที

     

                “อ้าว ทำไมหน้าแดงงี้ล่ะลูก ร้อนเหรอคะ?” คุณแม่ถาม แต่อาร์ทส่ายหน้า ผมเห็นคุณแม่มองมาที่ผมยิ้มๆ คงรู้ล่ะสินะครับ ขอโทษนะครับคุณแม่

     

                “เปล่าครับ ขอบคุณสำหรับนมครับมัม” อาร์ทยิ้มแห้งๆ ให้แล้วรับนมมาดื่มจนหมด

     

                “อร่อยไหมคะลูก?”

     

                “อร่อยครับ” อาร์ทตอบอ้อนๆ แบบนี้จะไม่ให้คุณแม่ผมหลงเค้าได้ยังไงล่ะ

     

                “อีกแก้วนี้ให้พี่เค้านะคะ เสร็จแล้วแม่ไม่กวนแล้ว จะทำอะไรก็เบาๆ เสียงหน่อยนะคะลูก แม่ไปล่ะ ฝันดีค่ะ อิอิ” ง่า คุณแม่ไม่น่าแซวเลย ดูสิที่รักผมหน้าแดงกร่ำเลย แถมยังหันมาค้อนใส่ผมอีก แล้วคืนนี้เราจะได้จิงกะเบลลัลล้ากันไหมละคร๊าบบบ

     

                “ฝันดีครับ” อาร์ทปิดประตูก่อนจะหันขวับมามองผมเขม้ง

     

                “ไหนนมของผมครับ?” ผมเดินเข้าไปหา ยิ้มเข้าไว้ครับ ยิ้มไว้

     

                “ไม่มี!

               

                “เฮ้ย!”

     

                อาร์ทชิงดื่มนมแก้วผมจนหมด ก่อนจะยื่นแก้วเปล่าสองใบมาให้ผมถือ แล้วเดินไปนอนคุมโปงเลยทันที ง่าาา ไม่บอกก็รู้คืนนี้อดสิครับ TT_TT

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×