ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หนุ่มวายที่รัก (จบแล้ว)

    ลำดับตอนที่ #4 : เป็นแฟนกันนะ

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.ค. 58


     

                วันนี้เป็นวันเสาร์ลัลล้าที่สุด เพราะไม่มีเรียนครับ ผมเลยโทรไปนัดพี่นาถไปร้านหนังสือด้วยกัน วันนี้ว่าจะไปสอยอันคัตมาสักเล่ม (ใครสงสัยว่าอันคัตคืออะไร มันคือการ์ตูนฉบับไม่ตัดฉากฉึกๆ นั่นเองครับ ของญี่ปุ่นมาเต็มยังไงก็จัดเต็มตามนั้น แต่ถ้าแบบคัตคือที่เค้าเซ็นเซอร์แล้วครับ แต่อันคัตจะราคาแพงกว่ามากๆ)

     

                “ไงแมช มานานแล้วเหรอ?” พี่นาถเดินโบกมือมาแต่ไกล พอถึงตัวผมก็ถามขึ้น

     

                “ไม่เลยพี่ แมชพึ่งมาถึงมะกี้เอง”​ ผมส่ายหน้าแล้วตอบยิ้มๆ

     

                “วันนี้จะซื้อเรื่องไรอ่ะ?” พี่นาถถาม

     

                “เรื่องนี้อ่ะพี่” ผมเลยหยิบมือถือขึ้นมาสไลด์หาภาพหน้าปกให้พี่นาถดู

     

                “เอ้ย เรื่องนี้สนุกๆ พี่อ่านในเน็ตละ เสียดายแปลมาแค่ตอนสองตอนเอง”

     

                “อันนั้นแมชก็อ่านเหมือนกันพี่ พอรู้ว่าเค้าแปลเป็นเล่มขายเลยเก็บเงินรอซื้อเลย”

     

                “ไว้พี่ยืมอ่านบ้างนะ”

     

                “ได้ครับผม” ผมยิ้มตอบพี่นาถ ยกมือขึ้นตะเบ๊ะ พี่นาถยิ้มขำ เห็นหน้าตาหล่อสูงยาวเข่าดี แต่พี่นาถเป็นเกย์ครับ แถมเกย์สาวด้วย มีแฟนแล้วเพราะงั้นห้ามจีบพี่ผมนะครับ หึหึ

     

                เวลามีวันหยุดว่างๆ แล้วเงินพร้อม ผมก็มักจะนัดพี่นาถไปเดินดูหนังสือด้วยกัน ถ้าแกว่างนะครับ เพราะส่วนใหญ่ไม่ค่อยว่างต้องออกไปข้างนอกกับแฟน แต่วันไหนแกว่าง วันนั้นคือวันของผม บางทีก็แอบรู้สึกเหมือนเป็นชู้พี่นาถเลย เหอๆ แต่เพราะพี่นาถเป็นเกย์แล้วชอบอ่านการ์ตูนวายเหมือนกัน เลยต่อกันได้

     

                “เห็นว่าเดือนหน้ามีประกวดภาพวาดนี่ครับ พี่นาถวาดรูปอะไรส่งเหรอครับ?” ผมหันไปถาม เราทั้งคู่กำลังเดินไปร้านหนังสือกัน

     

                “อืม หัวข้อปีนี้ยากเหมือนกันนะ เกี่ยวกับความรักน่ะ”

     

                “ไม่เห็นยากเลย พี่มีพี่เซียเป็นคนรัก พี่ก็วาดจากความรู้สึกนั้นสิครับ” ผมช่วยเสนอแนวคิด แต่พี่นาถกลับส่ายหัวไปมาแทนซะงั้น

     

                “ไม่อ่ะ พี่อยากได้มุมมองใหม่ๆ นี่ก็ใกล้กำหนดเส้นตายมาทุกทีละ แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะวาดอะไร ถ้ายังเป็นแบบนี้ สงสัยปีนี้คงไม่ได้ร่วมประกวดแหงเลย” พี่นาถถอนหายใจแรง สีหน้าบ่งบอกว่ากำลังหนักใจมาก

     

                “ขนาดนั้นเลยเหรอพี่” ผมเองก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะพี่นาถคือทรัพยากรอันทรงคุณค่าของโรงเรียนเลยว่าได้ พี่นาถมักได้รางวัลมาเชิดหน้าชูตาให้โรงเรียนตลอด นี่ถ้าพี่นาถไม่ร่วมประกวดมีหวังคณาครูบาอาจารย์ได้อกแตกตายกันพอดี

     

                “ช่างเถอะ เดี๋ยวไอเดียก็คงมา” ว่าแล้วพี่นาถก็เดินเข้าร้านหนังสือไปโดยไม่รอผม สงสัยจะเครียดมากจริงๆ เห็นหน้ายิ้มๆ อย่างนั้นแต่จริงๆ พี่นาถกำลังเครียดหนักเหมือนกันนะครับ

     

                ผมสะบัดหัวไล่ความคิดออกไป ตอนนี้ผมควรจะใส่ใจกับเรื่องตรงหน้าก่อนดีกว่า ในที่สุดผมก็จะได้มาครอบครองจนได้ การ์ตูนวายอันคัตราคาแพงหูฉี่ ต้องกระเป๋าฉีก TT_TT

     

                หลังจากได้หนังสือกันคนละเล่มสองเล่มแล้ว พี่นาถก็แยกตัวไปหาแฟนทันที ปล่อยให้ผมเปล่าเปลี่ยวเหงาเอกา เลยว่าจะกลับบ้านไปอ่านการ์ตูนดีกว่า อิอิ

     

                ตุบ!

     

                “โอ้ย!” ผมหันหลังจะกลับ แต่ดันชนคนที่เดินมาด้านหลังจนล้มลง ถุงหนังสือในมือตกจนต้องตกใจ รีบเข้าไปเก็บแต่โดนอีกมือคว้าไปเสียก่อน ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่บังอาจหยิบหนังสือของผมไป แต่ก็ต้องตกใจเสียก่อน

     

                “กิต!”

     

                “หวัดดีแมช” กิตยิ้มให้ แล้วยื่นมือมาให้ผมจับเพื่อพยุงตัวลุกขึ้น ก่อนจะยื่นถุงหนังสือมาให้ผม

     

                “เอ่อ... ขอบใจนะ” แค่เห็นหน้าก็เขินแล้ว ทำเอานึกถึงเรื่องเมื่อวันนั้นในห้องชมรมขึ้นมาเลย

     

                “ไม่เป็นไร เราขอโทษที่ทำให้แมชต้องล้มลง” ผมรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที บอกว่าไม่เป็นไรตั้งหลายที่ทำเอารู้สึกตัวเองเปิ่นๆ ยังไงก็ไม่รู้ครับ

     

                “ว่าแต่นายมาทำไรที่นี่อ่ะ?” ผมถามขึ้น หลังจากเรามานั่งคุยกันที่ม้านั่งข้างทางแทน

     

                “เรามาเรียนพิเศษน่ะ เลิกเรียนแล้วกำลังจะกลับบ้านเห็นแมชออกมาจากร้านหนังสือ เลยเดินมาหา ไม่คิดว่าจะหันมากะทันหันเลยไม่ทันตั้งตัวน่ะ ว่าแต่แมชมาทำอะไรอ่ะ?”

     

                “อ้อ เรามาซื้อหนังสือกับพี่นาถน่ะ”

     

                “พี่นาถ?”

     

                “พี่ที่ชมรมน่ะ แต่พี่เค้ากลับไปก่อนแล้วเรากำลังจะกลับพอดี งั้นเราไปก่อนนะกิต” ผมว่าลุกขึ้นโบกมือลา แต่ตอนกำลังจะหันเดินจากไป กิตก็คว้าข้อมือผมไว้เสียก่อน จนต้องหันกลับมามองหน้ากิตเป็นเชิงถามอีกครั้ง

     

                “อย่าเพิ่งกลับสิ ไปซื้อของเป็นเพื่อนเราหน่อยได้ไหม?” กิตถาม แววตาเหมือนลูกหมาอ้อนขอเลย ทำเอาผมใส่อ่อนยวบ ได้แต่พยักหน้ารับไป พอเห็นกิตยิ้มอย่างดีใจ ผมก็รู้สึกดีนะ

     

                “ว่าแต่กิตจะซื้ออะไรเหรอ?” ผมถามขึ้น กิตเดินนำไปห้างดังกลางเมือง ผมได้แต่เดินตามต๋อยๆ เพราะไม่รู้จุดหมายปลายทางที่กิตจะไป

     

                “อยากได้กีตาร์ตัวใหม่” กิตตอบเสียงนิ่ง หน้าตายอีกละ มะกี้ยังยิ้มอยู่เลย

     

                “นายเล่นเป็นด้วยเหรอ?”

     

                กิตพยักหน้า “อืม แต่ตัวเก่ามันพังแล้ว แม่เลยให้เงินมาซื้อตัวใหม่”

     

                “อ่าฮะ​ เราก็ไม่ค่อยรู้เรื่องนี้หรอกนะ แต่จะไปเป็นเพื่อนนายละกัน” ผมว่ายิ้มๆ จริงๆ ก็ตามเค้าต๋อยๆ อยู่แล้ว ยังจะพูดให้ตัวเองดูเหนือกว่าอีกผมเนี่ย

     

                “หึหึ” กิตได้แต่ยิ้มขำๆ จนผมต้องทำหน้าบูดบึ้งอย่างไม่พอใจนัก

     

                “ทำไมทำหน้าอย่างงั้นล่ะ เวลาแมชยิ้มแล้วน่ารักมากเลยรู้ไหม” อ๊ากกกก โดนคนหน้าตายชม แล้วเขินเป็นบ้าเลยครับ ผมเป็นอะไรเนี่ย ทำไมต้องเขินด้วย ไม่ไหวๆ หน้าร้อนผ่าวๆ เลย

     

                “หน้าแดง” ถูกแซวเลย จนต้องหันไปค้อนใส่ กิตถึงได้หุบปากไม่พูดแซวอีก

     

                “นำหน้าไปเงียบๆ เลย ชริ!” ผมยู่ปากใส่ ทั้งผลักทั้งดันคนตัวโตกว่าให้ก้าวต่อไป กิตแค่ยักไหล่ก่อนจะเดินนำหน้าไป

     

                พอถึงร้านขายเครื่องดนตรี ผมก็ปล่อยให้กิตเค้าเลือกกีตาร์ไป ส่วนผมก็เดินดูรอบๆ ร้าน แต่ก่อนผมเคยอยากเล่นดนตรีสักชิ้นเป็นกะเค้าบ้างนะครับ แต่ผมไม่มีหัวทางนี้เลย หัดไปได้นิดหน่อยก็เลิกซะก่อน ไม่รู้ว่าเพราะไอ้กันสอนโหดหรือว่าผมเรียนแย่เอง มันเล่นตีเอาๆ ตอนผมเล่นไม่ได้ดังใจมัน ผมก็เลยเลิก ขืนหัดต่อได้มีวางมวยกันแน่ และผมก็รู้ว่ายังไงผมก็ต้องแพ้มันอยู่ดี

     

                “แมช!” เสียงกิตตะโกนเรียกจากอีกฝั่งของร้าน ผมเดินไปหามัน เห็นในมือกิตมีกีตาร์ไฟฟ้าสีขาวกับสีดำ กิตยิ้มแล้วพยักหน้าให้

     

                “แมชชอบตัวไหน?” มันถามยิ้มๆ

     

                “เฮ้ย! ของนายนะไม่ใช่ของเรา มาถามเราทำไมเนี่ย”

     

                “อ้าว ก็เราเลือกไม่ได้อยากให้แมชช่วยเลือกนี่นา”

     

                “เอ่อ เหรอ.... อืมมมม นายชอบสีไรอ่ะ?”

     

                “เราชอบทั้งคู่เลย แล้วแมชล่ะ?”

     

                “เราชอบสีดำนะเท่ห์ดี” ผมตอบยิ้มๆ มองกีตาร์สีดำในมือขวาของกิต มันพยักหน้าให้ผมแล้วยื่นกีตาร์สองตัวคืนคนขาย

     

                “ผมเอาสีดำครับพี่” มันพูด ทำเอาผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ ก่อนจะรีบเข้าไปจับแขนมันไว้

     

                “เฮ้ย กิต! เลือกที่นายชอบดิไม่ใช่ที่เราชอบ” ผมว่า แต่กิตส่ายหน้า

     

                “แมชชอบอันไหนเราก็ชอบด้วย” มันว่าแล้วยิ้มหยีจนตาปิดส่งมาให้ ผมได้แต่มองมันอึ้งๆ ไม่คิดว่ามันจะให้ความสำคัญกับสิ่งที่ผมพูดไปขนาดนี้

     

                “น้องสองคนเป็นแฟนกันเหรอ?” พี่คนขายถามขึ้น ผมหันขวับไปส่ายหัวปฏิเสธทันที แต่ไอ้กิตนี่สิ

     

                “ครับ นี่แฟนผมเองน่ารักเปล่าพี่” อ๊ากกกก กูเป็นแฟนมึงตั้งแต่เมื่อไหร่ว๊าาาา แง่ง! ผมก้มหน้างุดอายหน้าแดง ไม่รู้ทำไมถึงไม่พูดปฏิเสธไปก็ไม่รู้

     

                “น่ารักครับ งั้นเดี๋ยวพี่พาไปคิดเงินเลยนะ” ว่าแล้วพี่คนขายกับกิตก็เดินจากไป ปล่อยให้ผมยืนหน้าแดงด้วยความอายอยู่ตรงนั้น อยากจะโกรธมันนะที่เล่นพูดบ้าๆ แบบนั้นไป แต่กลับโกรธไม่ลง เฮ้อ… สงสัยผมคงไม่กล้ามาร้านนี้เป็นครั้งที่สองอีกแน่

     

     

     

     

                “งั้นเรากลับเลยนะกิต ไหนๆ นายก็ได้ของที่อยากได้แล้ว” ผมพูดขึ้นเมื่อเราเดินออกมาจากร้าน ผมหันไปโบกมือลา ยิ้มให้มันนิดๆ รู้สึกปวดหัวนิดๆ จะกลับไปนอนอ่านการ์ตูนละ

     

                “เดี๋ยวสิ ไปกับเราอีกที่ก่อนได้ไหม?” กิตรั้งข้อมือผมไว้ เลยได้แต่พยักหน้าให้ ก่อนจะเดินตามแรงดึงที่แขนไป

     

                พวกเรามาที่สวนสาธารณะใกล้ๆ เงียบสงบมากครับ บรรยากาศก็ดี ต้นไม้เยอะ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาหน่อย แต่คนไม่ค่อยเดินแถวนี้เลยแฮะ กิตพาผมไปนั่งที่ม้านั่งใต้ต้นจามจุรี

     

                “แมชครับ” ผมหันไปมองตามเสียงเรียก กิตส่งยิ้มมาให้ ดวงตาสีฟ้าสดใสที่มองเมื่อไหร่ก็รู้สึกดีทุกครั้ง

     

                “ว่าไง?”

     

                “ที่ผมพูดไปในร้านเมื่อกี้น่ะ..”

     

                “อ้อ ไม่เป็นไร ช่างเหอะ นายคงไม่อยากทำให้คนขายหน้าแตกถ้าปฏิเสธไปสินะ” ผมว่า

     

                “เปล่าครับ ผมอยากให้เราเป็นอย่างนั้นจริงๆ นะ”

     

                “….” ผมได้แต่นิ่งเงียบ ก่อนจะหันไปด้านอื่นแทน เพราะทนเห็นดวงตาสีฟ้านั้นจ้องมองมาไม่ได้ มันรู้สึกเขินๆ ยังไงก็ไม่รู้ครับ

     

                “แมชให้โอกาสกิตนะครับ” กิตพูดขอแล้วเอื้อมมือมาลูบแก้มผม ทำเอาผมสะดุ้งเฮือกตกใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเอียงคอรับเข้ากับฝ่ามือแกร่ง หัวใจก็เต้นตุบจนน่ากลัวว่ามันจะหลุดออกมา กิตเลื่อนมือลงมาแตะที่หน้าอกข้างซ้ายของผม

     

                “หัวใจเต้นแรงจัง เหมือนผมเลย” ว่าแล้วมันก็จับมือผมไปแตะที่หน้าอกซ้ายของมัน เสียงหัวใจเต้นโครมครามจนผมแปลกใจ ไม่คิดว่ากิตจะตื่นเต้นเหมือนกัน ก็เห็นทำหน้านิ่งๆ อ่ะ

     

                “…” ผมได้แต่ก้มหน้างุด ไม่รู้สิ อายมากครับ เขินจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่มองดูมือตัวเองที่กำแน่นอยู่ที่หน้าขา เป็นกิตที่เอื้อมมือมาจับมือข้างนั้นของผมให้คลายออก ก่อนจะเกี่ยวนิ้วทั้งห้าเข้ากับนิ้วของผมช้าๆ หัวใจก็ยิ่งเต้นแรงขึ้นจนคุมไม่อยู่

     

                “แมชก็คิดเหมือนผมใช่ไหม? ตกหลุมรักแรกพบเหมือนที่ผมเป็น” ผมเงยหน้าสบตามันตรงๆ เมื่อได้ยินอย่างนั้น ถามว่าผมเป็นอย่างนั้นไหม ไม่รู้ครับ รู้แต่ว่าแรกพบสบตาตอนที่ชนกัน รู้สึกโดนสายตาของกิตตราตรึงเอาไว้ แต่นั่นจะเรียกว่าตกหลุมรักได้ไหม ผมไม่รู้….

     

                กิตผสานมือกับผมทั้งสองข้าง ดึงไปวางไว้ที่หน้าอกของเขา แววตาที่มองมาที่ผม ทำให้รู้สึกตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อกิตยิ้มส่งมาให้ ผมเลยยิ้มตอบ

     

                “นะครับ เป็นแฟนกันนะ” กิตถามอีกครั้ง

     

                “….” ผมไม่ได้ตอบแต่พยักหน้าให้ แค่นั้นแหละ ผมก็ถูกดึงเข้าไปกอดเต็มตัวทันที จนตั้งรับไม่ได้ ตกใจจนตัวแข็งทื่อ

     

                “ขอบคุณครับ กิตรักแมชนะ รักตั้งแต่แรกเห็นเลย” กิตตอบ หน้าผมอยู่ตรงหน้าอกเค้าพอดี ได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรง ทำเอารู้สึกดีตามไปด้วย ผมยิ้มก้มหน้าชิดอกแกร่ง ก่อนจะยกมือขึ้นกอดตอบ

     

                “อืม.. เป็นแฟนเราแล้วห้ามนอกใจเรานะ” ผมว่าเขินๆ ได้ยินเสียงหัวเราะนิดๆ ก่อนจะรู้สึกว่าถูกหอมหัวเบาๆ แง่ง ได้ทีก็เอาใหญ่เลยนะ ผมเลยเงยหน้ามองค้อนๆ ใส่ กิตหัวเราะขำ แล้วยิ่งกอดผมแน่นขึ้นจนแทบหายใจไม่ออก

     

                “กิตจะรักแมชแค่คนเดียวครับ” กิตพูดย้ำเตือน ทำให้หัวใจของผมพองโต ผมพยักหน้ารับแล้วกอดเค้าตอบ

     

                รู้สึกอายเป็นบ้า แต่ก็รู้สึกดีด้วย ไม่คิดเลยว่าแมนๆ อย่างผมจะต้องมาลงเอยเป็นแฟนกับผู้ชาย เหมือนในการ์ตูนวายที่เคยอ่านเลยครับ นึกแล้วก็ขำ

     

                ว่าแต่… ผมลืมอะไรไปอย่างรึเปล่านะ?

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×