ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    7 ปีให้หลัง (ภาคต่อ 7 วัน) [yaoi]

    ลำดับตอนที่ #3 : ผู้หญิงใจร้าย

    • อัปเดตล่าสุด 4 เม.ย. 60


     

                ผมมองดูหน้าจอมือถือแล้วกดเข้าไปดูเบอร์นั้นทันที หมายเลขที่คุ้นตาทำให้ต้องขมวดคิ้ว ก่อนจะดึงเอาแผ่นกระดาษที่เก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อผู้ป่วยออกมาเทียบ

     

                อืม... เบอร์เดียวกันเลยครับ

     

                “เบอร์ซอนย่านี่” ผมพูดขึ้น

     

                “อย่าพูดชื่อนั้นบ่อยได้ไหม!?” อาร์ทหันมาทำหน้าบูดใส่

     

                “ครับๆ ใจเย็นๆ นะที่รัก” รีบยกมือยอมแพ้เลยครับสำหรับคนนี้ เดี๋ยวได้พานไปโกรธอย่างอื่นต่อ “แต่ผมไม่ได้เป็นคนเมมเบอร์นี้นะ” ผมรีบแก้ตัว

     

                “ไม่ใช่ชาร์ลแล้วเป็นใคร เป็นเรารึไงเล่า” โหยที่รักงอนเหรอเนี่ย

     

                “ก็คงเป็นเจ้าของเบอร์นั่นมั้งครับ” พอพูดจบอาร์ทตาเขียวปัดใส่ผมทันที โอ้ย กลัวแล้วที่ร๊ากกก “แฮะๆ ...ก็ อาร์ทจำเรื่องเมื่อสัปดาห์ก่อนได้ไหมอ่ะครับ”

     

                “อาทิตย์ก่อนวันไหนล่ะ?”

     

                “ก็วันที่มีงานรวมญาติไงครับ ที่อาร์ทติดงานปีนี้เลยไม่ได้ไปด้วยกันน่ะครับ” มานึกดูแล้วหลังจากผมเปิดตัวอาร์ทกับครอบครัวเมื่อ 6 ปีก่อน ทุกปีงานรวมญาติฝั่งคุณแม่ผมมักจะพาอาร์ทไปด้วยเสมอ จนอาร์ทสนิทกับที่บ้านและญาติๆ ผมไปแล้ว จำได้ว่าชาลีน้องชายผมติดอาร์ทมาก มันบอกว่าอาร์ทกวนตีนดีมันชอบ พอปีนี้อาร์ทไม่ได้ไปมีแต่คนถามหาเค้ากันทั้งนั้นเลยครับ บางทีผมก็รู้สึกเหมือนเป็นหมาหัวเน่าของบ้านเหมือนกันนะครับ น่าน้อยใจจริงๆ

     

                “ก็ไปไม่ได้อ่ะ ติดงานอ่ะ มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ?”

     

                “ครับ ครั้งนี้เพื่อนของคุณพ่อเค้ามาร่วมงานด้วย พ่อของซอนย่าน่ะครับ ซอนย่าเลยได้ติดตามมาด้วย” อาร์ทพยักหน้ารับ ตอนนี้ผมไม่รู้เค้าทำหน้ายังไง เพราะเห็นแต่ด้านหลังของอาร์ท “พวกผู้ใหญ่เวลาเจอกันก็มักจะพูดคุยเรื่องความหลังกัน คุยกันไปมาวกเข้าเรื่องผมกับซอนย่าเสียอย่างนั้น เรื่องที่เคยหมั้นหมายกันน่ะ.. ผมขอโทษนะ”

     

                “ขอโทษทำไม?” อาร์ทหันมาถาม คิ้วขมวดกัน

     

                “ก็เรื่องที่ผู้ใหญ่เค้าคุยกัน ทั้งๆ ที่ตอนนี้ผมมีอาร์ทอยู่ทั้งคนแล้วแท้ๆ”

     

                “ไม่เห็นต้องขอโทษเลย พวกเค้าก็แค่คุยกันเฉยๆนี่ ไม่ได้จะแยกเราสองคนสักหน่อย เล่าต่อสิ” โอ้ว อาร์ทของผมช่างเป็นผู้ใหญ่อะไรอย่างนี้ เท่ห์จริงๆ เลยครับ

     

                “ครับ พอเลิกงานซอนย่าก็มาคุยกับผม เธอมาบอกกับผมว่าผมกับเธอยังเป็นคู่หมั้นคู่หมายกันอยู่ แต่ผมปฏิเสธไปแล้ว เรื่องระหว่างผมกับเธอเป็นเรื่องของผู้ใหญ่พูดกันไว้ อีกอย่างผมก็มีคนรักอยู่แล้ว เธอถามว่าใครผมก็บอกชื่ออาร์ทไปแล้วน่ะครับ ส่วนเรื่องระหว่างผมกับเธอไม่เคยเกิดขึ้น เราเป็นแค่เพื่อนที่ดีต่อกันเท่านั้น แต่ว่า....” ผมหยุดพูด

     

                “....” อาร์ทก็ยังคงนั่งฟังเงียบๆ ปล่อยให้เวลาเดินไปอย่างช้าๆ รอจนผมพร้อมจะพูดต่อ

     

                “...แต่ซอนย่าไม่ยอม เธอบอกว่าคุณพ่อของเธอกับผมหมั้นหมายให้แต่งงานกัน เธอปฏิเสธคนอื่นที่เข้าหาเธอหมดทุกคน เพราะต้องการจะแต่งงานกับผมคนเดียว ...หึ น่าตลกนะครับ คนที่ไม่ได้เจอกันเป็นสิบปี อยู่ๆ มาจะบอกให้แต่งงานกัน มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก...”

     

                “ชาร์ล” อาร์ทเปลี่ยนท่ามาตะแคงพิงอกผมแทน ทั้งลูบแขนผมเบา ผมรู้ว่าตัวเองกำลังสั่น สั่นเพราะเรื่องราวบ้าๆ นั่นที่มาทำให้ผมกับอาร์ทต้องผิดใจกัน และผมไม่ยอมแน่นอนครับ ผมยื่นหน้าเข้าไปจูบเขาทีหนึ่ง ก่อนจะเล่าต่อ

     

                “ตอนนั้นผมเดินหนีออกมาจากงาน คุณพ่อผมโทรมาตอนที่ผมขับรถมาถึงคอนโดพอดี ผมบอกท่านว่าผมรักอาร์ท และไม่คิดจะแต่งงานกับซอนย่าเด็ดขาด แต่คุณพ่อผมกลับแปลกใจที่อยู่ๆ ผมพูดเรื่องนี้ขึ้น เหมือนท่านไม่รู้เรื่องที่จะให้ผมซอนย่ากับผมแต่งงานกัน ผมเลยเล่าเรื่องเมื่อตอนงานเลี้ยงให้ฟัง คุณพ่อบอกว่าเขาไม่มีความคิดแบบนั้นอีกแล้ว ส่วนเรื่องหมั้นหมายอะไรนั่นก็บอกกับคุณพ่อของซอนย่าเรียบร้อยแล้ว ว่าผมมีคนรักอยู่แล้ว และทุกคนในครอบครัวก็ยินดีกับเรื่องนี้ด้วย ซอนย่าอาจจะแค่เสียใจที่เรื่องหมั้นหมายอะไรนั่นไม่ได้เกิดขึ้นจริง แต่ท่านก็แปลกใจ เพราะคุณพ่อของซอนย่ามาไทยครั้งนี้มีจุดประสงค์อื่น...”

     

                “จุดประสงค์อื่น?”

     

                “ครับ ตอนนี้ครอบครัวซอนย่าประสบภาวะเศรษฐกิจ บริษัทที่เปิดไว้ที่ออสเตรเลียประสบปัญหาขาดทุนมานานหลายเดือน แถมสาขาที่สิงคโปร์ก็เริ่มได้รับผลกระทบ ดังนั้นท่านจึงเดินทางมาเมืองไทยเพื่อขอให้คุณพ่อของผมช่วย และนั่นทำให้ผมเริ่มรู้สึกตะหงิดใจ ว่าการที่ซอนย่ามารื้อฟื้นเรื่องหมั้นหมายอะไรนั่น ผมไม่อยากคิดในแง่ร้ายเลยครับอาร์ท” ผมซบหน้าลงผมไหล่ของอาร์ท รู้สึกเหนื่อยใจเหลือเกิน เพราะหลังจากนั้นซอนย่าไม่มีทีท่าว่าจะยอมรามือง่ายๆ

     

                “แล้วทำไมในมือถือถึงเมมชื่อนี้ล่ะ?”

     

                “ก็ผมลืมมือถือไว้บนโต๊ะอาหาร จริงๆ ผมเดินออกมาจากงานจนถึงรถแล้ว เพิ่งนึกขึ้นได้ เลยรีบกลับไปเอา น่าจะเป็นช่วงนั้นที่ซอนย่าน่าจะเมมเบอร์ของเธอลงมือถือของผม”

     

                “เข้าใจล่ะ งั้นชาร์ลก็ไม่ได้นอกใจใช่มะ?” อาร์ทหันมามองตาแป๋ว ตัวยังคร่อมผมไว้อยู่

     

                “หึหึ ผมจะกล้านอกใจอาร์ทได้ยังไงละครับ ในเมื่อคุณทำให้ผมตกหลุมรักคุณอยู่ทุกวันอย่างนี้ อ้อ แต่ยกเว้นเมื่อคืนนะ ผมเลยไม่สบายเลย” ว่าแล้วก็งอนบ้าง

     

                “ง่า... ก็... หึงอ่ะ” ห๊ะ!? อะไรนะ

     

                “วะ...ว่าไงนะครับ?” ผมเริ่มรนรานที่ได้ยินว่าอาร์ทหึงผม!!! อาร์ทหึงผม!!! อ๊าาาากกก อยากจะฟัดให้หายอยากจริงๆ แต่ทำไม่ได้ ได้แต่อดทน

     

                “ก็...หึงไงเล่า ไม่พูดแล้ว” โอ้ย น่ารักไปแล้วครับภรรยาสุดที่รัก นี่ถ้าไม่ติดว่าอาร์ทเป็นผู้ชาย มาทำตัวอย่างนี้ คงท้องได้สักโหลแล้ว ฮะฮะฮ่า อารมณ์หื่นมาเต็ม ไม่ได้ๆ อดทนๆ

     

                ผมเลยกอดอาร์ทแน่นๆ แทน

     

                “รักอาร์ทนะครับ” พูดจบผมก็ช้อนคางอาร์ทมารับจูบเต็มๆ ที่แสนจะเร่าร้อนและรุนแรงตามอารมณ์ปรารถนา จนอาร์ทหายใจไม่ทันทุบอกผมถึงได้หยุด

     

                “พอแล้ว อย่ามีอารมณ์ดิ๊ นี่มันโรงพยาบาลนะเฟ้ย!” โอ้ย! โดนอาร์ทชกท้องมาทีจุกเป็นบ้า แต่ยอมครับ ได้ยินว่าอาร์ทหึงผมก็ทำเอายิ้มไม่หุบเลย

     

                “โธ่ อาร์ทผิดเองนะมายั่วผมน่ะ”

     

                “ใคร ใครยั่ว บ้าแล้ว ไม่ได้ยั่วเลยเหอะ ปล่อยเลยจะลง” ใครจะไปยอม ผมยิ่งกระชับอ้อมกอดแน่นเข้าไปอีก จนอาร์ทที่ดิ้นขลุกขลักยอมสงบลง มองหน้าแดงๆ ของอาร์ทแล้วของขึ้นแฮะ แหะๆ

     

                “ไม่ไหวแล้วอ่ะคร้าบบบบ” ผมพูดเสียงกระเส่าเมื่อก้นอาร์ทเสียดสีกับส่วนล่างของผมพอดี

     

                “เฮ้ย! ไอ้บ้า! ไอ้ชาร์ลหื่น!” แน่ะ! ว่าสามีไม่เพราะเลย อุ๊บ! อยู่ๆ อาร์ทก็เลื่อนมือไปแตะส่วนอ่อนไหวจนผมสะดุ้งวาบ ก่อนจะได้ทำอะไรมากกว่านั้น อาร์ทก็ชิงกระโดดลงจากเตียงไปเสียก่อน

     

                หนอยยยย ที่รักทำกันได้ลงคอนะ ได้แต่มองตาละห้อยดูอาร์ทแลบลิ้น แล้วเดินหนีไปเก็บชามโจ๊กไปล้างให้

     

                “ฝากไว้ก่อนเถอะ รอกลับบ้านก่อนเถอะพ่อจะจัดให้หนักเลย”

     

                “ห๊ะ!? อะไรนะชาร์ล?” แทบสะดุ้ง ไม่คิดว่าจะได้ยินนะนั่น

     

                “เปล่าจ้า ไม่มีอะไรจ้า มาไวๆ นะเค้าเหงา”

     

                “ไอ้บ้า!” ฮะฮะฮะฮ่า ไม่ได้ทำก็แกล้งหยอกแทนก็ได้

     

     

     

    ด้านอาร์ท

     

                หลังจากที่เปิดอกคุยกับชาร์ลแล้ว พอได้รู้ความจริงก็รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกเลยครับ มีอะไรให้คุยให้ถามกันตรงๆ อย่างที่เจนนี่บอกนี่ก็ดีเหมือนกันแฮะ แต่ถ้ามีอะไรจริงชาร์ลคงไม่บอกหมดอย่างนี้หรอกมั้ง แต่ก็ช่างมันเถอะ

     

                สิ่งที่ผมกลัวต่อจากนี้ต่างหากล่ะ ถ้ายัยซอยมิลค์อะไรนั่นยังไม่จบละ แล้วถ้าทางบ้านชาร์ลโดนกดดันมาละ อย่างให้ทำตามสัญญาลูกผู้ชายว่าจะให้ลูกแต่งงานกันขึ้นมา ..ปรื้อ!!! ไม่อยากจะคิด แต่ที่ผมรู้แน่ๆ ว่าผมไม่ยอมปล่อยมือชาร์ลแน่ 7 ปีที่คบกันมา เราจับมือก้าวผ่านอุปสรรคกันมาตั้งหลายอย่าง ครั้งนี้ก็เช่นกัน ผมกับชาร์ลต้องผ่านมันไปได้ อีกอย่างยังไงผมก็เชื่อว่ามัมกะแด๊ดต้องเข้าข้างผมมากกว่ายัยนั่นแน่ ฮึ!

     

                ผมล้างจานจนเสร็จออกไปดูเห็นคนป่วยกำลังโทรศัพท์อยู่ พอชาร์ลเห็นผมก็กวักมือเรียก ผมเลยเดินไปนั่งเตียง ชาร์ลหันมายิ้มแล้วกดสปีกเกอร์โฟนให้ผมได้ยินด้วย

     

                [‘32u4@#$%90ugdo5#@!NCW’] โอเค เสียงนี้ผมจำได้ ยัยซอยมิลค์นั่นเอง ว่าแต่ชาร์ลจะเปิดให้ผมฟังทำไม ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าผมฟังไม่รู้เรื่อง ฟังเค้าคุยโต้ตอบกันอย่างออกรสออกชาติ แต่เสียใจไม่รู้เลยสักแอ่ะ รู้อย่างเดียวครับคือมีชื่อผมโผล่ในประโยคด้วย งืมๆ มีผมเป็นตัวแปรสำคัญสินะ ว่าแต่คุยอารายก๊านนนน อยากรู้เฟ้ย อยากรู้ อยากรู้ อยากรู้!!!

     

                ติ๊ด! ชาร์ลวางสายลงด้วยความหงุดหงิด

     

                “ว่าไงอ่ะ?” ผมถาม

     

                “เฮ้อ... ผมบอกไปว่าผมไม่คิดจะแต่งงานกับเค้า อีกอย่างผมมีคนรักอยู่แล้ว แต่ซอนย่าไม่ยอมบอกว่าถ้าผมยังไม่แต่งงานเธอก็มีสิทธิ์”

     

                “เอ้า! ไหงงั้นอ่ะ”

     

                “ผมก็เครียดอยู่นี่ละครับ ขนาดบอกว่าเป็นเกย์ ยังไม่ยอมเชื่อเลย โอ้ย! ปวดหัว”

     

                “ง่าาา ใจเย็นๆ ดิ แล้วยังไงต่อ คุยกันตั้งนานไม่ใช่แค่นี้มั้ง”

     

                “ครับ ผมถามเธอว่าที่เธอทำอย่างนี้เพราะปัญหาธุระกิจที่บ้านใช่ไหม เลยโดนด่ามาว่าผมดูถูกความรักของเธอ ผมเลยบอกว่าถ้าทำอย่างนี้ผมจะไม่ช่วยเหลือพ่อของเธอเลย เธอเลยยิ่งโกรธผม บอกว่ายังไงผมก็ต้องแต่งงานกับเธอ ผมโมโหเลยกดวางสายไปก่อนน่ะครับ”

     

                “ผู้หญิงช่างน่ากลัวจริงๆ” ไม่อยากคิดเลยครับ ผู้หญิงประเภทนี้ล่ะที่ผมไม่อยากยุ่งด้วยสุดๆ จำได้ว่าเคยคบกับผู้หญิงแบบนี้อยู่ช่วงนึง กว่าจะเลิกกันได้เกือบตาย พอหลุดออกมาได้แล้วเหมือนได้รับอิสระภาพยังไงยังงั้นเลยครับ

     

                “เฮ้อ... ช่างเถอะครับ ไว้ผมจะไปคุยกับคุณพ่ออีกที ว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไงดี”

     

                “อืม ไว้พาไปด้วยสิ”

     

                “อยากไปเหรอครับ?” ชาร์ลถามยิ้มๆ

     

                “ก็... ไม่ได้เจอมัมกะแด๊ดนานแล้วอ่ะ คิดถึง” อย่าแปลกใจที่ทำไมผมถึงเรียกพ่อกับแม่ชาร์ลว่าแด๊ดกะมัม ก็พ่อชาร์ลเค้าเป็นฝรั่งน่ะครับ ส่วนแม่เป็นลูกครึ่งครับ หน้าตาฝรั่งทั้งบ้าน ได้เจอครั้งแรกผมก็เรียกเลย อยากเรียกอย่างนี้บ้างนานละ ไม่เห็นมัมกะแด๊ดจะว่าอะไร ก็เลยเรียกจนติดปากครับ มีแต่ชาร์ลกะชาลีนี่ล่ะเรียกซะผู้ดีเลย รู้สึกว่าสมัยเด็กจะเรียนมารยาทกับครูไทยเลยนิสัยดีแบบนี้ละครับ งืมๆ ไม่เหมือนผมห่ามๆ แบบนี้

     

                “โหยยย ได้ข่าวว่าเพิ่งไปเที่ยวด้วยกันเมื่อเดือนก่อนเองนะครับ แถมยังทิ้งผมไว้แล้วไปกับคุณพ่อคุณแม่แค่ 3 คนอีก” อารายเนี่ยมางอนไรเนี่ย

     

                “อย่ามาทำตัวเป็นเด็กหน่อยเลย ใครกันที่ไม่ว่าง แคลเซินไม่ยอมไปด้วยน่ะห๊ะ” ว่าแล้วก็ขอดึงแก้มหน่อยเหอะ หมั่นไส้ ตอนแรกวางแผนกันดิบดีกว่าจะไปทั้งครอบครัว ไปเที่ยวเมืองกาญน่ะครับ แต่สองพี่น้องชาร์ลกับชาลีดันติดประชุมบอร์ดที่ทั้งคู่ดันลืม แล้ววางแผนเที่ยวตรงวันพอดีเลยไม่ได้ด้วย ขอบอกครับว่าทริปนั้นสนุกมากกก อยากได้อะไรมัมบอกให้แด๊ดซื้อให้ผมหมด ฮะฮะฮ่า ก็งี้ล่ะครับลูกรักคนใหม่ อิอิ

     

                “คร๊าบบบ ผมเองคร๊าบบ ขอโทษคร๊าบบบ”

     

                “หึ ดีมาก ยกโทษให้” ผมปล่อยมือที่ดึงแก้มชาร์ลไว้ บอกเลยในบ้านผมใหญ่สุดแล้ว อิอิ

     

                “ผมว่าพรุ่งนี้จะเข้าบริษัทช่วงบ่ายนะครับ”

     

                “อ้าว ชาร์ลยังไม่หายดีเลย จะไปได้ยังไง อีกอย่างหมอก็บอกให้นอนดูอาการก่อน”

     

                “ผมรู้สึกดีขึ้นมากแล้วครับ อีกอย่างไม่ได้เป็นอะไรหนักด้วย ไข้ก็ลดลงแล้ว”

     

                “แต่ว่า…”

     

                “นะครับ”

     

                “ง่า ก็ถ้าหมอให้ออกก็ได้นะ”

     

                “ขอบคุณครับ” ชาร์ลพูดแล้วก้มลงมาหอมแก้มผมไปที งื้อออออ  โดนเอาเปรียบอีกแล้ว ไม่ได้ ผมเลยจุ๊บหน้าผากคืน ก่อนจะบอกฝันดีตอน 2 ทุ่มกว่า แล้วเดินไปนอนที่โซฟาเลยครับ ไม่เห็นหรอกว่าชาร์ลทำหน้ายังไง แต่ต้องยิ้มมากแน่ ก็เล่นหัวเราะร่าขนาดนั้น แง่ง อายเฟ้ย!

     

     

     

                ช่วงสายวันต่อมา หลังจากหมอเข้ามาตรวจชาร์ลก็ขอออกจากโรงพยาบาลเลย สรุปผลเลือดไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ไข้ก็ไม่มี ให้น้ำเกลือไปก็ดีขึ้นเลยได้ออกจากโรงพยาบาลช่วงสายของวันเลยครับ พอถึงบ้านเท่านั้นล่ะไม่อยากจะพูด ฮือๆ ทำไมต้องทำร้ายกันอย่างนี้ ทำเอาลุกไม่ขึ้น ดีนะที่วันนี้ผมลางานกับพี่วิลัยไว้แล้ว ไม่งั้นพ่อจะกัดหูให้แง่งๆ

     

                ช่วงบ่ายหลังจากสบายตัวแล้วชาร์ลก็เข้าบริษัท ส่วนผมยังคงนอนอยู่บนเตียงอย่างสบายใจเฉิบ ก็คนมันปวดหลังอ่ะ กว่าจะดีก็เกือบเย็น วันนี้ชาร์ลกลับมาเร็ว พอๆ กับที่เห็นผมเดินออกจากห้องน้ำมา เพิ่งได้ฤกษ์ไปอาบน้ำครับ ก็หลังจากเสร็จกิจชาร์ลเช็ดตัวให้ ผมก็นอนอย่างนั้นจนเกือบเย็นเลย แฮะๆ ตอนนี้ชักหิวแล้วสิครับ

     

                “ที่บริษัทเป็นยังไงบ้างอ่ะ?” ผมถามเมื่อเห็นสีหน้าชาร์ลดูเคร่งเครียด

     

                “วันนี้ซอนย่าไปอาละวาดที่บริษัทครับ ทำเอาลูกน้องผมขยาดกันเลย แถมอ้างว่าเป็นคู่หมั้นของผมอีก เฮ้อ... ดีนะที่พนักงานเค้ารู้ว่าใครเป็นตัวจริงกันแน่” ก็นะ ผมไปเที่ยวเล่นที่บริษัทชาร์ลก็บ่อย เลยสนิทกับพนักงานที่นั่นหลายคนเลย ยังเคยแอบชาร์ลไปกินเหล้ากับพนักงานที่สนิทด้วยเลย ตอนหลังเลยโดนดุเลยครับ ซวยกันไป

     

                “แล้วทำยังไงอ่ะ?”

     

                “ก็ให้รปภ.มาลากออกไปน่ะสิครับ เลยได้รอยโดนกรีดที่รถมาแผลนึงด้วย นี่ถ้ายามไม่ไปห้ามทัน คาดว่าคงโดนไปรอบคันแน่เลยครับ”

     

                “โอ้ ร๊าย! ไว้ค่อยเอาไปเคลมกับประกันแล้วกันนะ

     

                “เฮ้อ สงสัยคืนนี้คงต้องรีบไปคุยเรื่องนี้กับคุณพ่อแล้วล่ะครับ” ชาร์ลถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆ

               

                “งั้นไปด้วย แต่ก่อนอื่น หาไรกินกันก่อนเหอะ หิวแล้วอ่า”

     

                “หึหึ ครับ เดี๋ยวผมทำให้นะ” ผมพยักหน้าแล้วยิ้มรับ ชาร์ลถลกแขนเสื้อแล้วเดินเข้าครัวไป เรื่องอาหารต้องให้ท่านเค้าละครับ ปกติชาร์ลจะทำมื้อเย็นทิ้งไว้ให้ เพราะบางวันเค้าก็กลับดึก ผมแค่เอามาอุ่นก็กินได้แล้ว สบายแฮ

     

                เรื่องของยัยซอยมิลค์เริ่มจะรุนแรงขึ้นแล้วนะครับนี่ ทำไมเขาถึงต้องพยายามขนาดนี้ด้วย ถ้าแค่เรื่องธุระกิจ ในฐานะเพื่อนแด๊ดต้องช่วยอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องมาอ้างเรื่องหมั้นหมายอะไรนี่เลย หรือว่าจะจริงอย่างที่ชาร์ลเคยเล่า ว่าเค้าชอบชาร์ลจริงๆ

     

                โอ้ย! ช่างเป็นปัญหาจริงๆ จะทำยังไงดีละเนี่ย นี่ถ้าเจนนี่อยู่ตรงนี้ด้วยคงให้คำแนะนำดีๆ ได้แน่เลย ว่าแล้วก็โทรไปหาหน่อยดีกว่า

     

               

                [‘ฮัลหนึ่งโหล ฮัลสองโหลย่ะ’] เสียงร่าเริงมาตามสายเชียวนะ

     

                “อารมณ์ดีอะไรของแกวะ?”

     

                [‘แหม แกก็ นานๆ พี่โก้จะได้หยุดอยู่ด้วยกันนานๆ ทีนึง อิอิ  ว่าแต่แกโทรมามีอะไรยะ?’]

     

                “ปรึกษาหน่อยดิ เรื่องราวเป็นงี้....” ผมก็เล่าเรื่องซอนย่า เรื่องที่ผมเข้าใจชาร์ลผิด จนถึงเรื่องวันนี้ให้เจนนี่ฟัง

     

                [‘โห แก นางร้ายอ่ะ ไม่ได้เค้าก็จะทำลายทรัพย์สินเค้าเลยเหรอเนี่ย ต่อให้เป็นเพื่อนสมัยเด็ก เป็นฉันก็ไม่เอาไว้หรอกนะยะ’] ใส่อารมณ์มากเพื่อน

     

                “วันนี้จะไปคุยเรื่องนี้กับแด๊ดนี่ละ”

     

                [‘ฉันคิดอะไรดีๆ ออก เดี๋ยวฉันไปด้วยคนสิ’]

     

                “เฮ้ย! ไปทำไม ไม่ได้รู้จักพวกเค้าสักหน่อย”

     

                [‘เอาน่า ยังไงพ่อกับแม่คุณชาร์ลก็เคยเป็นลูกทัวร์ฉันมาก่อนนะยะ ก็พอจะนับว่ารู้จักกันได้ล่ะน่า”

     

                ไม่รู้จะห้ามเจนนี่ยังไงไหวเลยครับ เลยปล่อยเลยตามเลย หลังจากวางสายจากเจนนี่ ชาร์ลก็มาพร้อมสปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศสองจาน อร่อยเหมือนเดิมเลยครับ

     

                “ชาร์ล ตอนไปบ้านมัมอ่ะเจนนี่ไปด้วยนะ”

     

                “อ้าว มีอะไรรึเปล่าครับ?”

     

                “ก็ เมื่อกี้โทรไปปรึกษาเจนนี่เรื่องยัยซอยมิลค์นั่นน่ะ”

     

                “ซอยมิลค์? อ้อ ฮะฮะฮ่า อาร์ทไปเรียกเค้าอย่างนั้นไม่ดีนะครับ”

     

                “ก็ไม่อยากเรียกชื่อนี้นี่ ช่างเหอะๆ ทีนี้เจนนี่บอกว่ามีความคิดดีๆ เลยว่าจะขอไปด้วย จะไปช่วยออกความคิดจัดการเรื่องนี้ด้วยอีกแรงน่ะ”

     

                “อืม ก็ได้นะครับ มีคนช่วยคิดเพิ่มขึ้นย่อมดีกว่า รีบทานกันเถอะครับก่อนจะเย็น” ชาร์ลตอนตกลง ผมก็สบายใจลงมือทานมื้อเย็นได้ซะที หิวจะตายแล้วววว

     

                “อืมๆ อร่อยอ่า”

     

                “หึหึ ชอบก็ทานเยอะๆ นะครับ จะได้มีแรงไปคิดหาวิธีรับมือกับซอนย่า” ผมพยักหน้าแล้วจัดการสปาเก็ตตี้แสนอร่อยตรงหน้าต่อ

     

                สรุปตอนเย็นหลังจากชาร์ลจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อย พวกเราก็ไปแวะรับเจนนี่ที่คอนโด ส่วนพี่โก้เลยได้ออกไปสังสรรค์กับเพื่อน ก่อนจะขับรถตรงกลับไปบ้านใหญ่ บ้านที่มัมกับแด๊ดรออยู่ครับ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×