ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หนุ่มวายที่รัก (จบแล้ว)

    ลำดับตอนที่ #2 : กัน vs กิต

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ค. 58


     

                “ไอ้นั่นมันพูดไรกับมึง?” พอผมนั่งลง ไอ้กันที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ถามขึ้นทันที แต่ไม่ยอมหันมามองหน้า แต่ผมก็รู้นะว่ามันกำลังโกรธ ถึงจะไม่รู้ว่าโกรธเรื่องไรก็ตาม

     

                “มันบอกเลิกเรียนให้ไปเจอมันที่ร้านไอติมข้างโรงเรียน” ผมตอบไปตามจริง ไอ้กันหันขวับมามองหน้าผมทันที ทำเอาตกใจหมด

     

                “ไม่ต้องไป เย็นนี้กูจะไปส่งมึงถึงบ้านเลย”

     

    “อืม” ได้แต่ตอบรับไปครับ ก็เพราะหน้าเหมือนยักษ์เหมือนมารของไอ้กันนี่ละ แทบจะกินหัวผมอยู่แล้ว ไม่รู้โกรธอะไรของมัน แต่ตอนนี้ไม่อยากขัดใจ กลัวจะโดนลูกหลงโดยใช่เหตุ

     

     

     

    พอเลิกวิชาคาบบ่ายก็เหลือเวลาให้ไปเตะบอล วันนี้คาบบ่ายเรียนวิชาเดียวครับเลยเลิกเร็ว แต่ไอ้กันกลับเดินมาจูงมือผมพาจะกลับบ้านทันที เฮ้ย! เดี๋ยวเด้! เพิ่งจะบ่ายโมงกว่าๆ เอง จะรีบกลับไปไหน ผมก็ยื้อสิครับ อยากไปดูพวกเย็นเตะบอลอ่ะ ยังไม่อยากกลับ

     

    “ทำไม? จะไปหามันรึไงไอ้หน้าหล่อนั่นน่ะ”

     

    “หือ? อะไรของมึงเนี่ยไอ้คุณฉกรรจ์  กูจะไปดูพวกเย็นเตะบอล มึงอยากกลับก็กลับไปก่อนดิ๊! นี่เพิ่งจะบ่ายกว่าๆ เอง”

     

    “ไม่ต้อง กูบอกแล้วไงว่าเลิกเรียนจะไปส่งมึงที่บ้าน ไม่ต้องเปิดปากพูด มึงรับคำกูแล้ว” มัดมือชกกันชัดๆ

     

    “ไม่เอา!! มึงบอกว่าตอนเย็น นี่ยังไม่เย็นเลย กูไม่ผิดนะ ยังไงก็จะไปดูพวกเย็นเตะบอล!” เอาสิ ผมค้านหัวชนฝาอ่ะ กลับบ้านตอนนี้คุณนายแม่ได้ตกใจกันพอดี ไม่เคยกลับบ้านก่อน 5 โมงเย็นเลยขอบอก เลิกเรียนไม่มีเรียนพิเศษก็ต้องไปเที่ยวกับพวกมันนี่ละครับ นี่อะไรจะให้กลับบ้านตอนนี้ จะกลับไปทำอะไรละ อยู่บ้านไม่มีอะไรให้ทำ น่าเบื่อจะตาย

     

    ผมหน้าบึ้งส่ายหัวไม่ยอม ไอ้กันก็จ้องผมตาดุ แต่ไม่ยอมแพ้ครับ จ้องมากูจ้องตอบอ่ะ แง่ง!

     

    “พวกมึงเป็นไรวะ? ตกลงไปเตะบอลเปล่าวะกัน?” เป็นกายที่เดินมาห้ามทัพ ตามมาด้วยเย็นที่เดินมากอดคอกายมองพวกผมจ้องตากันอยู่

     

    “ไม่!” ไอ้กันหันไปตวาดใส่ นิสัยไม่ดี อารมณ์แปรปวนเป็นคนวัยทองแล้วยังเหวี่ยงคนอื่นอีก ใช้ไม่ได้ ผมหันไปมองหน้าไอ้กายกับไอ้เย็นที่ทำหน้าเหวอ ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ไอ้กันเองก็พอรู้ตัวถึงได้รีบเปลี่ยนสีหน้าแล้วพูดใหม่

     

    “ขอโทษ แต่วันนี้กูจะไปส่งไอ้แมชที่บ้าน พวกมึงไปเตะกันเองเหอะ” ว่าแล้วก็รีบลากผมเดินออกมา ไม่สนใจไอ้สองคนนั้นว่ากำลังทำหน้างงขนาดไหน ผมพยายามยื้อแต่ใครจะไปสู้แรงควายอย่างมันไหวละครับ เลยต้องปล่อยให้มันลากผมจนมาถึงหน้าโรงเรียน

     

    แต่มันก็หยุดเดินเอาดื้อๆ ทำเอาผมที่โดนดึงให้เดินตามมาเบรกไม่ทันชนหลังมันจังๆ เจ็บจมูกเลยอ่า แดงเปล่าเนี่ย ลูบจมูกเบาๆ

     

    ว่าแต่ทำไมมันถึงหยุดเดินละ ผมเงยหน้ามอง มันกำลังจ้องไปด้านหน้าตาเขม็ง ผมเลยมองตามมั่ง อ้าว! กิตนี่นา มันปรายตามองมาที่ผมแปบนึงก่อนจะหันไปจ้องตากับไอ้กิตต่อ

     

    “แมช มึงอยากไปดูพวกไอ้เย็นเตะบอลใช่ไหม” ไอ้กันหันมาถาม ผมเหล่ตามองมัน แล้วพยักหน้าน้อยๆ “งั้นมึงไปเลย” มันไล่

     

    “แต่..” ผมมองมันกับกิตสลับไปมา แววตาของกิตที่มองมาเหมือนไม่อยากให้ผมไป แต่ชั่วครู่ก็เปลี่ยนเป็นเขม็งเกร็งจ้องตาไอ้กันตอบ

     

                “ไม่ต้องพูด กูมีเรื่องต้องเคลียกับมัน” มันว่าแล้วผลักหัวดันหลัง ผมเลยต้องจำใจเดินกลับเข้าไปโรงเรียน แต่แอบหันไปมองพวกมัน ได้ยินเสียงกิตร้องเรียกชื่อ แต่ไอ้กันหันมาชี้หน้าผมก่อน แล้วลากกิตไปนอกโรงเรียนแทน

     

                ตกลงพวกมันมีปัญหาอะไรกัน แล้วทำไมไอ้กันต้องกันท่าผมด้วยไม่เข้าใจ ว่าแต่กิตเค้าไม่มีเรียนคาบบ่ายเหรอ ถึงมายืนรออยู่หน้าโรงเรียนเวลานี้ได้ แต่ช่างมันเหอะ ไม่สนใจพวกมันหรอก ไหนๆก็ไม่ต้องรีบกลับบ้านไปดูพวกเย็นเตะบอลดีกว่า ลั่ลล้าเป็นที่สุด

     

     

               

                ข้างสนามบอล พวกเย็นกับกายกำลังเตะบอลกับพวกห้อง 5 ถึงได้รู้ว่าวันนี้ห้อง 5 ว่างตลอดบ่าย เพราะอาจารย์ไปอบรม อีกวิชาที่เหลือเรียนคาบสุดท้ายขออาจารย์มาเรียนตอนบ่ายคาบแรกแทน อาจารย์ให้สอบแล้วเลิกได้ พวกนั้นเลยสบายแฮ ยกเว้นตอนที่ต้องสอบนะ นรกแตกมาก (ลอกกันกระจาย)

     

                พอเห็นผมมานั่งอยู่ข้างสนาม กายก็วิ่งมาทักส่วนเย็นแค่โบกมือให้ แปบเดียวพวกมันก็ไปเตะบอลกันสนุกสนาน ผมนั่งดูจนครึ่งเกมได้ไอ้กันถึงได้เดินตามมานั่งข้างๆ อีกข้างเป็นกิต แปลกใจว่าทำไมพวกมันสองคนถึงมีรอยช้ำมุมปากคนละรอย แต่ไม่กล้าถาม เพราะทั้งคู่เล่นปิดปากเงียบ ทักก็ไม่มีทักตอบ ผมเลยหยิบการ์ตูนวายที่ซื้อเมื่อเช้าขึ้นมา แต่ไม่กล้าเปิดอ่านตรงนี้ แต่ใจอยากอ่านใจจะขาด เลยหันไปหากันที่เหลือบมองมาพอดี

     

                “จะไปหาที่อ่านการ์ตูนอีกละสิ ห้องชมรมพี่นาถใช่ไหม” เป็นกันที่เอ่ยขึ้นเหมือนรู้ใจ ผมพยักหน้าแล้วลุกขึ้น แต่คนอีกข้างหนึ่งลุกขึ้นตาม แต่ไอ้กันไม่ว่าอะไรหันไปมองเกมหน้านิ่งไม่สนใจ ผมเลยเดินออกมาว่าจะไปหาที่เงียบๆ อ่านการ์ตูน แต่เดินมาครึ่งทางเงาตามตัวก็ไม่ยอมหายไป กิตยังเดินตามหลังผมต้อยๆ ผมเลยหันไปว่าจะถามว่าเดินตามมาทำไม แต่ก็ต้องชนเข้ากับอกของกิตเข้าจังๆ ขานั้นเขาเดินมาหยุดด้านหลังแทบตัวจะติดกัน

     

                “โอ้ย!” ผมร้อง โดนที่เดิม จมูกของผม! ฮือๆ ตอนหันหลังมาปลายจมูกปาดไปโดนกระดุมคอเสื้อของกิตเข้าอย่างจัง ไม่มีอารมณ์ให้เขินอาย นอกจากตกใจและเจ็บจี๊ดที่ปลายจมูก

     

                “ขอโทษ” กิตว่าแล้วยื่นมือมาแตะจมูกผม แต่ผมขืนตัวถอยหนี ไม่อยากให้โดน เพราะไม่ได้เจ็บอะไรมาก ร้องโอเวอร์ไปงั้นเอง

     

                “ช่างเหอะ แล้วนายจะเดินตามเรามาทำไม?” ผมถาม แต่คนตรงหน้าไม่ตอบ ดูสีหน้าเหมือนจะซีดนิดๆ ปากเม้มแน่นก่อนจะรีบคลายโดยเร็ว

     

                “อยากรู้ว่าแมชจะไปไหน” มันตอบหน้ามึน คนหล่อก็หน้ามึนได้เว้ย ไม่คิดว่ากิตจะเป็นคนเบลอๆ อึนๆ ยังงี้

     

                “อ้อ... เราจะไปห้องชมรมการ์ตูนน่ะ ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก” อย่าตามมาเลย กูจะหาที่เงียบๆ อ่านการ์ตูนวาย กูก็อายเป็นนะ

     

                แต่ดูเหมือนกิตจะไม่ยอม จะตามผมไปให้ได้ เอาเหอะ ขี้เกียจไล่ จะทำอะไรก็ทำ เชอะ

     

     

     

                “ไม่มีใครอยู่เลยเหรอเนี่ย” ผมบ่น อ้อ ลืมไปคงจะยังไม่เลิกเรียนกัน ก็นี่ยังอยู่ในเวลาเรียนอยู่เลย ปกติพี่นาถที่เป็นประธานชมรมมักจะอยู่ประจำ เวลาว่างหรือตอนเลิกเรียน พี่นาถมันจะมาหมกตัววาดการ์ตูนอยู่ที่นี่ พี่นาถวาดรูปเก่งมาก เป็นความภาคภูมิใจของโรงเรียน เพราะนอกจากการ์ตูน พี่นาถยังมีความสามารถทางศิลปะอื่นๆ ทั้งภาพสีน้ำ สีน้ำมัน โปสเตอร์ ทุกแขนงที่ใช้พู่กันปาดป้าย พี่แกทำเป็นหมดแถมทำได้ดีอีกต่างหาก ส่งไปประกวดทีไรเป็นต้องได้อันดับกลับมาทุกที ไม่ที่หนึ่งก็ที่สองนั่นล่ะครับ

     

                ผมเลือกนั่งอยู่มุมหนึ่งของห้องใกล้หน้าต่าง ชี้ให้กิตที่ตามมานั่งอีกมุม จะได้ไม่รู้ว่าผมอ่านอะไร นอกจากกันกับคนในชมรมแล้ว ไม่มีคนอื่นรู้ถึงมุมด้านนี้ของผมเลยสักคน เพราะงั้นนายกิตก็ต้องห้ามรู้ด้วย อายอ่ะ

     

                แต่ขณะที่ผมกำลังอินน้ำตาไหลกับเนื้อหาที่กินใจ ชีวิตนายเอกที่แสนรันทด พระเอกรวยเว่อร์ กว่าทั้งคู่จะรักกันได้ (น้ำตาไหล) อยู่ๆ ก็มีนิ้วโป้งมาเกลี่ยน้ำตาที่ไหลพราก ผมสะดุ้งเอนหน้าหลบ เงยหน้ามองคนที่ย้ายมานั่งข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

     

                สีหน้าแววตาที่ดูหดหู่ ทำเอาผมงงกับสิ่งที่เค้าทำเมื่อครู่

     

                “ขอโทษ เห็นว่าร้องไห้ เราไม่อยากเห็นแมชเสียน้ำตา” อยู่ๆ หน้าก็ร้อนวูบ รู้สึกช่างเป็นคำพูดที่น่าอายเสียเหลือเกิน จนทำอะไรไม่ถูก น้ำตาหยุดไหลทันที

     

                “เอ่อ...แค่อินน่ะ” ตอบได้เท่านี้ก็ต้องเบนหน้าหนี ซุกซ่อนใบหน้าแดงเรื่อไว้ใต้หนังสือ โอ้ย อายๆ ไม่คิดว่าจะอินจนเผลอตัว ปล่อยให้เห็นตอนที่ไม่น่าดูจนได้ แต่อยู่ๆ หนังสือก็ถูกดึงฉึบออกจากมือทันที ผมจะคว้าไว้ก็ไม่ทัน คนตัวโตข้างกันแย้งไปเปิดอ่าน ผมเบิกตากว้างตกใจจนลนลานพยายามจะแย่งมาคืน แต่มันดันยกหนีไปมาเปิดอ่านไปด้วย โอ้ยยยย อย่านะ!!! ความเกรงใจ สมบัติผู้ดีมันไม่มีใช่ไหม!? แง่ง!! โมโห!

     

                “แค่อยากรู้ว่าอ่านอะไรถึงต้องเสียน้ำตาให้ด้วย” มันว่าด้วยโทนเสียงเนิบๆ อย่างเป็นเอกลักษณ์ของมันเอง

     

                “หยุดนะ! เอาคืนมา!!” ยังพยายามแย่งแต่สู้คนตัวโตกว่าไม่ไหว แถมยังถูกโอบเอวรั้งเข้าไปจนตัวติดกันโดยไม่รู้ตัว ผมยังคงพยายามเขย่ง เพราะเตี้ยกว่า ฮือๆ

     

                “แมชชอบผู้ชายเหรอ?” คำถามที่แทงจึกลงใจ ไม่ได้ชอบเว้ย แค่ชอบอ่านการ์ตูนวายเอง!!! เถียงในใจ เพราะต่อหน้าได้แต่เขม็งตาจ้องจะกินเลือดกินเนื้อ แง่ง!

     

                “ไม่ช่ายยยยยยย!!!” โวยวาย พยายามยื้อแย่งแต่กิตก็ไม่ยอม แถมยังเปิดอ่านต่ออีก อยู่ๆ กิตก็หน้าแดงขึ้นแล้วรีบปิดหนังสือฉับ ก่อนจะหันขวับมามองผม

     

                “อะ..อะไร...” พอเจอจ้องเอาๆ ก็ทำเอาผมทำอะไรไม่ถูก กิตไม่ได้ว่าอะไรแค่ยื่นหนังสือคืนมา ผมเลยรีบคว้าเอามาเก็บใส่กระเป๋าโดยไว ไม่มีอารมณ์อ่านแล้วครับ แต่กลัวโดนล้อมากกว่า ผมเหลือบมองกิตที่หันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง หวังว่าคงจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใครหรอกนะ

     

                “นี่” กิตเรียก ผมหันไปมองอย่างหวั่นๆ

     

                “อะ..อะไร?”

     

                “แมชชอบอ่านการ์ตูนเกย์เหรอ” เป็นคำถามที่ตรงเกินไปไหม จี้ใจดำกูเลยแม่ง

     

                “อืม อย่าเอาไปบอกใครนะ” ผมวอนขอ ไม่คิดเลยว่ากิตจะมาล่วงรู้ความลับของผมเข้าให้ แงงงง ไอ้กันจ้าาา มาช่วยเก๊าที TT^TT อึดอัดเป็นที่ซู๊ดดดดด

     

                อย่าเงียบดิ๊!

     

                “เอ่อ... แมช”

     

                “หือ?”

     

                “แมชเคยจูบกับผู้ชายไหม?”

     

                “!?” ไม่รู้จะพูดยังไงเลย หน้าผมแดงแปร๊ดแน่ๆ อยู่ๆ ก็ถามขึ้นมาได้ ไอ้บ้า บ้าบ้าบ้า คนโดนถามอายนะเฟ้ย อีกอย่างถึงผมไม่เคยจูบแต่ก็ไม่อยากจะบอกหรอก แง่ง เดี๋ยวพ่อกัดเลยถามมาได้

     

                กิตหันมามอง ผมรีบหลบสายตาที่จริงจังนั้น สายตาที่ทำให้ผมใจเต้นแรง อย่างไม่รู้สาเหตุ สายตาที่ผมไม่กล้าสู้ กิตไม่ได้พูดอะไรต่อแต่ขยับเข้ามาใกล้ๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ยิ่งใกล้ใจผมก็เต้นแรงขึ้น จะใกล้กันเกินไปละนะ ผมขยับหนีก็ไม่ได้ เพราะที่นั่งติดริมหน้าต่างแล้ว

     

                กิตนั่งลงข้างผม หัวเข่าเราทั้งสองชนกัน ใจเต้นโครมครามไปหมดแล้ว

     

                “แดงถึงหูเลยอ่ะ” กิตล้อ ผมตกใจรีบยกมือขึ้นปิดหูตัวเอง อายโว้ยยย อายจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว ได้ยินเสียงหัวเราะข้างหู เลยหันไปว่าจะค้อนใส่ แต่เมื่อหันไปกลับเจอสายตาที่จ้องมา จมูกเราเกือบจะชนกัน ผมตกใจผงะเงยหน้าหลบ หัวเลยโขกเข้ากับขอบหน้าต่างด้านหลังดังปึก!

     

                “โอ้ยยยยย” ผมยกมือขึ้นกุมหัวตรงที่โขกถูกปอยๆ น้ำตาคลอหน่วย แต่คนตรงหน้าแค่หัวเราะขำ ฮึ่ม!

     

                “หัวเราะอะไร!?” จะหาว่าผมเหวี่ยงก็ได้ แง่ง หัวเราะเยาะกูเหรอ

     

                “แมชนี่ตลกเนอะ” ไม่ว่าเปล่า กิตกุมมือผมไว้ ทำเอาผมสะดุ้งโหยง

     

                “ทะ..ทะ...ทำอะไรน่ะ” ผมลนลานพยายามเอามือออกแต่กิตจับไว้แน่น

     

                “แมช” เสียงเรียกชื่อที่ดูวาบหวามกว่าปกติ ดวงตาปรือปรอยจ้องใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ผมไม่รู้ตัวว่าหลับตาหลบสายตาคู่นี้เมื่อไหร่ รู้สึกถึงความยุ่นร้อนที่ทาบทับริมฝีปาก ผมเบิกตากว้างมองใบหน้าที่ใกล้ติดตา ผมโดนจูบ!!?? ว๊ากกกกก!!!!!!!

     

                “อื้อ!!” พยายามเม้มปากสบัดหน้าหนี แต่โดนจับหน้าเอาไว้ ผมทั้งดันทั้งทุบทั้งตีแต่กิตก็ยังไม่หยุด ผมน้ำตาไหล กลัว กลัวมากๆ นึกถึงหน้าพ่อแม่แล้วก็ไอ้กันขึ้นมา

     

                “แมช” เสียงแหบพร่าเรียกชื่อผม ขณะที่ริมฝีปากเรายังจูบกันอยู่ แต่ผมไม่สมยอม ไม่เอาแบบนี้นะ ไม่เอาๆ

     

                “หื้อ ฮือๆ ม่าย..อาว!!” ผมพยายามดิ้น แต่ติดอยู่ในวงแขนของกิตตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

     

                “ชู่คนดีไม่เอาไม่ร้องนะครับ ผมไม่ทำอะไรแล้ว จริงๆ อย่าร้องนะครับ จุ๊บ” กิตโอบผมเข้าซบอก ลูบหลังเบาๆ ไปมาปลอบเสียงอ่อนโยน แอบจุ๊บมุมปากตอนท้าย ผมสะอื้น แต่ความหวาดกลัวเมื่อครู่เริ่มจางลง ซบหน้าเข้ากับอกแกร่ง กลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำหอมโชยมาติดจมูก ทำเอาเคลิ้ม ยิ่งโดนลูบหลังเบาๆ ลูบหู ท้ายทอย ลาดไหล่ ยิ่งทำให้ผมรู้สึกดีจนแทบจะหลับคาอก

     

                ผมเงยหน้ามองกิต รอยยิ้มอบอุ่นทำเอาใจเต้นตึกตัก นี่ผมเป็นอะไร ผมชอบผู้ชายเหรอ? ไม่นะ ไม่ๆๆๆ ผมแค่ชอบอ่านการ์ตูนวาย ไม่เคยคิดสักครั้งว่าผมจะเป็นเหมือนในการ์ตูนเลย แต่ตอนนี้บอกเลย ว่าเหมือนฉากในการ์ตูนมาก แค่จูบเดียวทำเอาใจผมเต้นตึกถึงขนาดนี้เลยเหรอ แต่ไม่ชอบเลยที่อยู่ๆ ก็ถูกลวนลามแบบนี้ แต่ทำไมหัวใจต้องเต้นถี่รัวขนาดนี้ด้วยเนี่ย

     

                “ทำไมถึงจูบเราละ” ผมเอ่ยถามอย่างอายๆ กิตยังคงยิ้มมาให้ ยกมือขึ้นลูบหน้าผมช้าๆ ผมรีบจับมือเค้าไว้ นี่ผมกำลังจริงจังอยู่นะ ถ้าคิดจะล้อเล่นละก็จะฟ้องให้ไอ้กันมาต่อยเลยคอยดู

     

                “ก็แมชน่ารักนี่ เลยอดไม่ไหว”

     

                “หา? น่ารัก? จะบ้าเหรอ เราเป็นผู้ชายนะ หรือว่า...กิตเป็นเกย์เหรอ?” กิตไม่ตอบเพียงแค่ยิ้มให้เท่านั้น แปลว่ายอมรับใช่ไหมเนี่ย

     

                “แมชรังเกียจเรารึเปล่า?”

     

                “เอ่อ...” ผมอึ้งไม่คิดว่าจะถูกถามแบบนี้ “ก็...ไม่หรอก แค่ตกใจน่ะ”

     

                “ที่จูบน่ะเหรอ”

     

                “อื้อ” ผมอายก้มหน้างุด พยักหน้าน้อยๆ

     

                “น่ารักจัง” กิตล้อ แง่ง! นี่แกล้งผมใช่ไหมเนี่ย ผมเงยหน้าทำหน้ายู่ใส่ โกรธอ่ะ โกรธ

     

                ฟอด! แว๊กกกก โดนหอมแก้มเฉยเลย ไอ้คนฉวยโอกาส งื้ออออ ก้มหน้ากัดคอแม่ม แง่ง งับ!

     

                “โอ้ย!”

     

                “ฮึ สมน้ำหน้า” หมั่นไส้ โทษฐานฉวยโอกาสกับผม ถึงเมื่อกี้จะไม่ใช่จูบแรกก็ตาม แต่โดนผู้ชายจูบมันก็… ก็…. ไม่เลวนัก มั้ง อ๊ากกกก หน้าไหม้ๆๆๆ คิดไปได้ยังไงวะตูเนี่ย แอบเหลือบมองกิต เพราะหล่อหรอก ชริ

     

                “แมชครับ” กิตเรียก ผมเงยหน้ามอง ทำไมต้องมองตาหวานเยิ้มด้วยเนี่ย

     

                “อะไร?”

     

                “แมชเป็นแฟนกับกันเหรอ?”

     

                “ห๊ะ? ไหงคิดงั้น”

     

                “ก็กันบอก” เฮ้ย! ไอ้เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ผมส่ายหน้ายิก ไม่รู้ทำไมต้องรู้สึกไม่อยากให้กิตเข้าใจผิดด้วยก็ไม่รู้

     

                “ไอ้กันเป็นเพื่อน ทำไมมันพูดงั้นอ่ะ”

     

                “งั้นแมชก็โสดน่ะสิ?” รอยยิ้มกว้างทำเอาผมรู้สึกเขิน

     

                “อ่า... ก็...โสด” ตอบเสียงอ้อมแอ้ม ถามงี้มีอะไรรึเปล่า ไม่อยากคิดไปเองอ่า

     

                “งั้น... อะแฮ่ม!” กิตทำท่ากระแอมไอ ก่อนจะก้มมองผมยิ้มๆ รอยยิ้มที่เห็นเขี้ยวนิดๆ ทำเอาใจสั่น

     

                “เป็นแฟนกันนะครับ”

     

                “!!??” อยากจะกรีดร้องเป็นเสียงโอเปร่า นี่ผมกำลังอยู่ในการ์ตูนวายเล่มไหนรึเปล่า หนุ่มสุดหล่อของสายชั้นกำลังขอผมเป็นแฟน

     

                “นะครับ” กิตจับมือผมกุมไว้ แนบอก ได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรง เหมือนผมเลย… ถ้าผมตอบรับก็เท่ากับว่าผมเป็นเกย์น่ะสิ แต่ว่า… มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอ?

     

                “กิตชอบเราเหรอ?”

     

                “หึหึ ไม่ชอบอ่ะ แต่รักเลย” อ๊ากกกกก เขินนนน

     

                “ทำไมอ่ะ เราเพิ่งเจอกันวันนี้ มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอ?”

     

                “ไม่หรอก จริงๆ แล้วเราแอบมองแมชมาตั้งแต่ม.ต้นแล้ว แต่แมชไม่เคยสนใจเราเลย” หา? นี่ผมถูกแอบชอบมานานขนาดนี้เชียว แหม ผมก็เนื้อหอมเหมือนกันนะนี่

     

                “แต่...” ไม่รู้สิ ถึงผมจะดีใจที่เค้ามารักมาชอบก็ตาม แต่จะให้ตอบรับก็… โอ้ย สับสนอ่ะ! ผมว่าผมไม่ได้คิดกับกิตเค้าถึงขั้นนั้นเลยนะ อาจจะปลื้มบ้างที่เค้าหล่อ แต่ให้คบกัน.. มันต้องเกิดจากความรักปะครับ ปวดหัว...อ่ะ

     

                “แมชครับ..”

     

                ปัง! เสียงประตูห้องชมรมถูกเปิดกระทบผนังอย่างแรง ผมกับกิตหันไปมอง

     

                “หยุดแค่นั้นแหละไอ้เหี้ยกิต!” ไอ้กันหน้าเหี้ยมเดินเข้ามา ปิดประตูลงกลอนแน่นแหนา จะล็อคประตูทำเพื่อ!? ผมรีบผละออกจากการสิงร่างของกิต แต่กิตดูจะไม่ยินยอมถึงรั้งเอวผมแน่นขึ้น ไอ้กันจ้องมาที่พวกผมแทบจะกินเลือดกินเนื้อ แงงงงง น่ากลัวโครตครับ!

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×