คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3 : Friends
Chapter 3 : Friends
หลังจากที่นักศึกษาใหม่ทุกคนได้นั่ง เล่น กิน นอน พักผ่อนเป็นเวลา 2 วันเต็ม ก็ได้เวลาเปิดเรียนเสียที
“เคธ ตั้งใจเรียนนะ บายจ้ะ” เพจเข้ามากอดเพื่อนรักก่อนจะวิ่งออกจากห้องไปเรียน เธอเรียนมนุษย์ศาสตร์ แต่เคธเรียนบริหารธุรกิจ ทำให้ตารางเรียนของทั้งคู่ไม่ตรงกัน
“อีกตั้ง 1 ชั่วโมง ไปเดินเล่นก่อนดีกว่า” เคธบ่นพึมพำกับตัวเอง เธอหยิบอุปกรณ์การเรียนที่ต้องใช้ใส่กระเป๋าสะพายข้างสีน้ำตาลใบโปรดของเธอ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปหาที่สงบๆเดินเล่น
หลังบ้านทรินิตี้มีแม่น้ำสายใหญ่ไหลผ่าน จะมีเรือพายผ่านเป็นระยะๆ หรือเช้าๆใครมานั่งแถวนี้ก็จะได้เห็นนักกีฬาพายเรือออกมาซ้อมกันเป็นประจำทุกวัน ส่วนอีกฝากของแม่น้ำเป็นบ้านคิงส์ อีกหนึ่งบ้านที่เก่าแก่ของมหาลัยนี้
เคธนั่งลงบนม้านั่งไม้ใต้ต้นไม้ใหญ่ หยิบหนังสือเดอะ เมซ รันเนอร์ขึ้นมาอ่าน เธอไปหาซื้อมาจากร้านหนังสือของมหาลัย เห็นว่าเรื่องนี้กำลังได้รับความนิยมก็เลยซื้อมาอ่านเวลาว่างเสียหน่อย
“นี่ ๆ ขอโทษนะ คณะบริหารไปหางไหนอะ” เธอละสายตาจากหนังสือที่ยังอ่านไม่พ้นหน้าแรกด้วยซ้ำ นึกตำหนิเขาอยู่ในใจ เดินตามป้ายเอาไม่เป็นรึไง
“ทางนั้น” เคธยกมือชี้ไปทางซ้าย บอกทางให้กับชายหนุ่มสูงร่างใหญ่ ทรงผมจัดแต่งเข้าทรงอย่างดี ไว้หนวดเคราเล็กน้อย...
“ขอบใจนะ” ชายหนุ่มก้มหัวเล็กน้อยแสดงความขอบคุณก่อนจะเดินไปตามทางที่เคธบอก แม้เข้าจะเรียนคณะเดียวกับเธอ แต่เธอก็ไม่สนใจเลยซักนิด
รู้สึกว่ามีแต่คนมาถามทางแหะ หน้าฉันเป็นกูเกิ้ล แมพรึไงนะ เห้ออ เคธบ่นในใจ ก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ เธอมีเวลาเหลือเฟือก่อนที่จะเข้าเรียน
ฝากตรงข้ามของแม่น้ำ
ชายหนุ่มคนนึงนอนเหยียดบนม้านั่งไม้อีกฝั่งของบ้านทรินิตี้มองดูการกระทำของเธออย่างเงียบๆ
พึบ...
เคธพับหนังสือ ก่อนจะยัดลงกระเป๋า ถ้าขืนเธออ่านต่อละก็ ไปเรียนไม่ทันแน่ๆ หนังสือเล่มนี้สนุกจนวางไม่ลงเลยล่ะ เธอก้มดูนาฬิกา.. เหลืออีก 20 นาที ไปเลยก็แล้วกัน
เธอลุกแล้วเดินไปยังคณะบริหารทันที
ตั้งแต่เข้ามาที่มหาลัยนี้เคธรู้สึกแปลกๆมาตลอด เหมือนมีคนมองเธอตลอดเวลา
หวังว่าคงจะไม่ใช่ผีนะ กลางวันแสกๆแบบเนี่ย..
คิดแล้วก็ขนลุกซู่ เคธดึงมือมากอดตัวเองแล้วสาวเท้าให้ไวกว่าเดิม..
ชีวิตมหาลัยวันแรก มาถึงก็เรียนหนักเสียแล้ว อาจารย์เริ่มเข้าเนื้อหาทันที ไม่มีกล่าวทักทายเหมือนช่วงไฮสคูลอีกต่อไป นักเรียนในคลาสต่างนั่งก้มหน้า จดเลกเชอร์เนื้อหาตามที่อาจารย์พูด
เคธไม่ชอบเป็นจุดเด่น เธอเลือกหนังค่อนมาทางหลังห้อง ริมประตูทางออก โต๊ะเรียนทำจากไม้ยาวนั่งได้สองคน เธอเลือกโต๊ะที่ยังไม่มีใครนั่ง เอากระเป๋าวางไว้ที่เก้าอี้อีกข้างจะได้ไม่มีใครมานั่งกับเธอ
แต่วิธีนี้ไม่ได้ผล...
“นี่เธอ” เสียงชายแหลมสูง เรียกเธอ เคธส่ายหัวเบาๆ ทำเป็นไม่สนใจเขา ฟังอาจารย์และจดโน๊ตต่อไป
“เธอ..” ชายคนเดิมเรียกเคธด้วยเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิม เพื่อนโต๊ะข้างๆเริ่มหันมามอง ส่งความไม่พอใจทางสายตาให้กับเขาและเธอ
“อะไร!” เคธหันหน้าไปประจันกับเขา เขาดวงตาสีฟ้าเหมือนกับเธอ ผมสีน้ำตาลกับรูปร่างที่ค่อนข้างเล็ก และ... เขาส่งยิ้มกวนๆให้กับเธอ
“ตรงนี้ว่างป้ะ” เขาชี้นิ้วไปยังกระเป๋าของเคธ ที่กินที่วางมายังเก้าอี้อีกตัว
“ก็เห็นอยู่ว่ามีกระเป๋า ไม่ว่าง” เคธตอบห้วนๆ สะบัดหน้ากลับมาสนใจเนื้อหาต่อ
“อ่า ทีนี่ก็ว่างแล้ว” เคธขมวดคิ้วทันที เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มกำลังหยิบกระเป๋าของเธอออกจากเก้าอี้แล้วเขาก็นั่งลงบนเก้าอี้นั้นแทน
“เห้อ ตามใจ” เธอถอนหายใจ ส่ายหัว ดึงกระเป๋าของตัวเองมาจากมือของชายหนุ่มที่กำลังหัวเราะ
“ลูอี ทอมลินสัน” เคธหันมามองหน้าเขาอีกครั้ง
“ฉันไง ฉันชื่อลูอี ลูอี ทอมลินสัน” ลูอีบอกอีกทีพร้อมรอยยิ้มกวนประสาท
ใครถามนายไม่ทราบ
เคธส่ายหัวรัวๆ พยายามไม่สนใจคนข้างๆ ดึงสมาธิตัวเองให้กับอาจารย์ที่อยู่ข้างหน้า
“นี่เธอจะไม่บอกชื่อเธอบ้างเหรอ” ลูอีสะกิดแขนเคธ เขาทำให้เธอรู้สึกรำคาญอย่างมาก เพราะข้อแรกเธอไม่ชอบให้ใครวุ่นวายโดยเฉพาะเวลาเรียน ข้อสองเธอไม่ชอบพวกเด็กผู้ชายเท่าไหร่
แต่รู้สึกว่าตั้งแต่เข้ามาในรั้วมหาลัยเธอก็มีแต่เด็กผู้ชายมาวนเวียนตลอดเวลา
“เคธี่” เคธตอบห้วนๆ โดยไม่หันมามองเขาสักนิด
“นามสกุล”
“….”
“เธอนามสกุลอะไร” เขายังไม่ลดละความพยายามที่จะรู้จักสาวสวยคนนี้
“คอนเนลลี่” ทนความรำคาญไม่ไหว ก็เลยจำใจตอบไป
“เคธี่ คอนเนลลี่สิน้าาาา”
“…”
“เธออยู่บ้านไหน"
“…”
“บ้านนนนน”
ทำไมผู้ชายคนนี้พูดมากจริงๆเลยนะ เคธก้มหัวลงไปเขกกับสมุดเบาๆ สองสามที เธอรำคาญเขาจนอยากจะลุกหนีแล้วจริงๆนะ
“เฮ้ เธอเป็นอะไรรึเปล่า” ลูอีถามเพราะอยู่ดีๆเธอก็เอาหัวกระแทกโต๊ะซะงั้น หรือยัยนี่จะไม่เต็ม? แต่เท่าที่เขาเฝ้ามองเธอจากอีกฝั่งแม่น้ำ เธอก็ดูปกติดีนี่
ก็รำคาญนายนั่นแหละ!
เคธกัดฟันกรอด.. เธอเริ่มเรียนไม่รู้เรื่องแล้ว
“นายจะถามฉันอีกนายมั้ย” เธอถามเขาด้วยโทนเสียงเรียบ พูดช้าให้คนฟังเข้าใจชัดเจนว่าเธอรำคาญและไม่ชอบแบบนี้จริงๆ..
“โอเค โอเค ไม่กวนแล้วก็ได้” ในที่สุดลูอีก็ลดความพยายามทำความรู้จักกับเธอลง เขาหยิบสมุดและปากกาออกมาจากกระเป๋า
เออ ในที่สุดก็เรียนซะที..
เคธคิด เมื่อเห็นเขาหยิบเครื่องเขียนออกมาเป็นเครื่องหมายว่าเขาจะตั้งใจเรียน แล้วเธอก็จะได้เรียนอย่างมีความสุขซักที
แต่ก็ไม่ใช่..
เคธแอบมองลูอีเป็นระยะ เขาไม่ได้เรียนเลยซักนิด ก้มหน้าก้มตาวาดการ์ตูนลงบนสมุดตลอดเวลา วาดจนเต็มแผ่นหน้ากระดาษ รวมทั้งเขียนตัวหนังสืออะไรเยอะแยะเต็มไปหมดที่ล้วนแล้วไม่เกี่ยวกับเนื้อหา
“มิสเตอร์ ทอมลินสัน” อาจารย์เรียก.. เคธหันไปมองลูอี เขาไม่ได้สนใจซักนิด ยังขีดๆเขียนๆอะไรก็ไม่รู้ลงกระดาษ
“หลุยส์ วิลเลี่ยม ทอมลินสัน” อาจารย์เรียกซะเต็มยศเลย ว่าแต่เขาชื่ออะไรกันแน่เนี่ย
“ครับ” ลูอียืนขึ้น
“ผมเรียกคุณเป็นหนที่สองแล้วนะ มิสเตอร์ทอมลินสัน...”
“ขอโทษฮะ” เขาเกาหัวแกรกๆ แก้เขิน แต่ก็ยังไม่วายส่งยิ้มกวนๆไปให้อาจารย์อีกด้วย
“จากที่ผมสอนไป วิทยาศาสตร์การจัดการนั้น คือศาสตร์เกี่ยวกับอะไรหรือ มิสเตอร์ทอมลินสัน” เอาแล้วไง นายไม่ได้เรียนเลยจะตอบได้ยังไง เคธคิดในใจ
“วิทยาศาสตร์การจัดการ หรือ วิธีการเชิงปริมาณหรือการิจัยการดำเนินงาน คือศาสตร์การบริหารที่ใช้เทคนิคเชิงปริมาณในการตัดสินใจด้านการวางแผนและการควบคุม ซึ่งเป็นการใช้หลักคณิตศาสตร์และสถิติในการบริหาร โดยมีจุดมุ่งหมายที่สำคัญเพื่อให้การบริหารเป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์มากขึ้น” ทั้งห้องเงียบเป็นเป่าสากหลังจากที่ลูอี ร่ายยาวเป็นชุดไม่มีวรรคหยุดคิดหรือเว้นช่วงหายใจ
ตามที่อาจารย์พูดเป๊ะๆ เขาทำได้ยังไง..
เคธตะลึง เมื่อเธออ่านโน๊ตที่เธอจดตามคำพูดของอาจารย์ทุกตัวอักษร ลูอีไม่ได้จด ไม่สิ เขาไม่ได้ฟังด้วยซ้ำ ตอบเป๊ะแบบนี้ได้ยังไงกัน
“ขอบคุณมาก เชิญนั่งได้มิสเตอร์ทอมลินสัน” หลังจากที่อาจารย์หายอึ้ง ก็สั่งให้เขานั่ง
“นายทำได้ไง” เคธถามออกมา
“ฉันฟังไง เห็นว่าฉันไม่เรียนใช่มั้ยล๊าาาา” นี่เพิ่มความงงให้กับเคธไปอีก ไม่เห็นเขาจะฟังซักนิด ไม่งั้นอาจารย์เรียกครั้งแรกก็ต้องลุกแล้วสิ นายคนนี้ต้องเป็นอัฉริยะ ไม่ก็มาเรียนซ้ำแหงๆ
“นี่เธอกำลังคิดว่าฉันเรียนซ้ำหรืออะไรพวกนั้นใช่มั้ยเนี่ย” เธอสะดุ้งเฮือก เมื่อเขารู้ความคิดของเธอ
“เปล่า” เธอตัดบทสั้นๆ แล้วสนใจการเรียนต่อ
“ว่าแต่ เมื่อกี้เธอชวนฉันคุยด้วย นึกว่าเธอรำคาญฉันซะอีก” นั่นไง เอาอีกแล้ว เขาเริ่มพูดอีกแล้ว เคธตัดสินใจผิดจริงๆที่ถามออกไปเมื่อกี้
“ก็รำคาญไง”
“ดี ดี ฮ่า ๆๆๆ” ลูอีหัวเราะยิ้มตาหยี ทำให้คนนั่งข้างสงสัย เขาหัวเราะอะไรของเขา
อย่าไปสนใจ
เธอบอกตัวเองแล้วตั้งใจเรียนอีกครั้ง
ทุกการกระทำของเธอมีสายตาจากหลังห้องเฝ้ามองตลอดเวลา เขานึกอิจฉาผู้ชายข้างๆ เธอเสียจริง
“ไนออล ข้อลอกโน๊ตหน่อยสิ เมื่อกี้ฉันจดไม่ทัน” เขาไม่ได้ยินเสียงเพื่อนข้างๆเรียก เพราะมัวแต่สนใจผู้ชายชื่อหลุยส์ ที่กำลังคุยเล่นกับเธออย่างสนุก
“ห้ะ อะไรนะเลียม” เพิ่งรู้สึกตัวได้ว่ามีคนเรียก ไนออลก็หันไปหาเพื่อนใหม่
“ฉันขอยืมจดหน่อย จดไม่ทัน” เลียมเอ่ยเซงๆ
“อ่ะ ตามสบายเลยเพื่อน” ไนออลยื่นสมุดให้เพื่อนใหม่
ชื่อก็ยังไม่รู้จัก จำเราก็ไม่ได้สักนิด แบบนี้ต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว
*กริ้งงงงงงงงงง*
สิ้นเสียงออดหมดคาบดังขึ้น อาจารย์ก็ปล่อยนักศึกษาให้เป็นอิสระทันที
เคธไม่รอช้ารีบยัดเครื่องเขียนลงกระเป๋า แล้วออกจากห้องทันที
แต่ก็คงเร็วไม่พอ...
“จะรีบไปไหนค๊าบ” น้ำเสียงยียวนของลูอีดังขึ้น ทำให้เคธหยุดชะงัก ทำเสียงฮึดฮัด ก็ไม่ใช่แค่เสียงเรียกนี่ แต่ลูอีเล่นดึงกระเป๋าของเธอไว้ด้วย
“กินข้าว” ตอบฮ้วนๆสั้นๆให้คนฟังรู้สึกว่าเธอไม่พอใจ
“ป่ะ กินข้าวกัน กระเป๋าอะ เอามานี่ ฉันถือให้” คนฟังไม่รู้สึกรู้สาใดๆทั้งสิ้น แถมลูอียังถือวิสาสะเอากระเป๋าของเธอมาสะพายไว้ที่ตัวเองอีก
ถ้าไม่ยึดกระเป๋าไว้ เธอต้องวิ่งหนีฉันแน่ๆเลย แบบนี้แหละดี..
ลูอีหัวเราะอยู่ในใจ
“ใครจะไปกินข้าวกับนาย เอากระเป๋าคืนมา” เคธไม่พอใจอย่างมาก มองลูอีด้วยสีหน้าโกรธจัด แผ่ออร่ารังสีดำมืดออกมา ปกติถ้าใครเห็นเธอโกรธคงไม่กล้าอยู่ใกล้ๆเป็นแน่แท้ แต่รังสีนี้คงแผ่ไปไม่ถึงลูอี
“ไป ฉันหิวสุดๆ” ไม่ฟังสิ่งที่เคธพูดยังไม่พอ เขายังถือโอกาสนี้จับมือเธอเดินออกไป หรือจะพูดให้ถูก เขาลากเธอออกไปจากห้อง
โอ้ย อีตานี่จะอะไรกับฉันนักหนานะ
เพี้ยะ!! เคธตีมือลูอีสุดแรง แต่ก็ไม่ทำให้มือหนารู้สึกแถมเขายังหัวเราะชอบใจอีกต่างหาก
“ฉันจะไม่ไปไหนกับนายทั้งนั้น เอากระเป๋ามา” เธอเริ่มมีน้ำโห ขึ้นเสียงจนคนผ่านไปผ่านมามอง
“กินข้าวเองน่าเคธ” เขากระชับกระเป๋าเธอให้แน่นขึ้น แล้วเรียกเธอด้วยชื่อเล่น... ไม่รอให้เธอตกลง ลูอีก็เดินนำเคธออกไป
สาวสวยจำใจเดิมตาม เพราะกระเป๋าของเธออยู่ที่เขานี่ ยังไงก็ต้องตามไปสินะ
“อ้ะ อ้าวเซน!!” ลูอีร้องตะโกนเสียงดัง เมื่อเจอรูมเมทของตัวเองยืนหาวอยู่หน้าห้องเรียน
“ไงลูอิส” หนุ่มผู้ที่มีใบหน้าคมอันงดงาม หาวอีกครั้ง โบกมือหยอยๆทักทายเพื่อน
แล้วเขาชื่ออะไรนะ?
“อย่าบอกนะว่านาย... เพิ่งมา” น้ำเสียงขอลูอีขึ้นแสร้งทำเป็นตกใจตรงข้ามกับสีหน้า จริงๆเขารู้ดีอยู่แล้วว่าเพื่อนคนนี้ไม่มีทางมาทันแน่นอน คนอะไรขี้เซา นอนปลุกไม่ตื่น
“ก็นายไม่ปลุกนี่” เซนโบ้ยให้เพื่อน ลูอีส่ายหน้าใส่ ปลุกจนไม่รู้จะปลุกยังไงแล้วโว้ยยยยยยย
ผู้หญิงตัวเล็กเจ้าของกระเป๋าที่ลูอีหยิบไปโดยไม่บอกกล่าวยืนทำหน้าเซงซังกะตายอยู่ข้างหลังทั้งคู่
นี่สองคนนี้จะยืนคุยอีกนานมั้ยนะ..
เหมือนลูอีจะอ่านใจเธอออก
“เซนนี่เพื่อนใหม่ เคธี่ คอนเนลลี่จากบ้านทรินิตี้, เคธ นี่เซน มาลิค รูมเมทฉัน” เขาแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกันทันนี้
ฉันยังไม่ได้บอกเลยว่าอยู่ทรินิตี้ เขารู้ได้ยังไง..
“ไปกินข้าวกันเหอะ หิวจะแย่แล้ว” ลูอีกับเซนเดินนำหน้าไปก่อน เคธยืนเฉยอยู่ข้างหลัง เธอกำลังคิดว่าหนีกลับห้องเลยดีมั้ย ทำไมเธอต้องตามเขาไปด้วยล่ะ แค่กระเป๋า...
แค่กระเป๋าที่มีของทุกอย่างของเธอแค่นั้นเอง เมื่อคิดได้เคธก็เดินคอตกตามสองหนุ่มไปยังโรงอาหาร
------------
Writer talk
หนุ่มๆที่เหลือออกโรงกันหมดแล้วเนาะ ;)
เพิ่งสามตอนเอง ไรท์ฝากให้รักกันเยอะๆด้วยนะคะ
คอมเม้นเป็นกำลังใจกันได้ตลอดเลยน้า ว่างๆ เบื่อๆ
ก็มาเม้นไว้ เดี๋ยวไรท์มาตอบ 5555
(เพิ่งรู้ว่ามันตอบได้นี่นา แหะๆ)
รักรีดเดอร์ทุกคนเยยน้าา จุ้บบบ <3
xoxo
ความคิดเห็น