ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Barbecue Fantasia

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4 ช่วยเหลือ

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.พ. 58


    .

    ตอนที่ 4 ช่วยเหลือ

    นักศึกษาวิชาทหารทั้งสองพยายามย่างเท้าให้แผ่วเบาที่สุด กระเป๋าของทั้งสองถูกซ่อนไว้ใต้พุ่มไม้ข้างลำธารเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเสียงผิดปกติและลดภาระในการเคลื่อนที่

    ไม้สักกัดฟันระงับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นทั่วร่างในแต่ละย่างก้าว แต่เขาจะปล่อยให้ประดู่มาตามลำพังไม่ได้

    ประดู่ตอนนี้กำกระบองในมือแน่น พยายามก้มให้ต่ำกว่าระดับพุ่มไม้ข้างลำธารไม่ให้การเคลื่อนไหวถูกตรวจพบ เขาสะดุ้งเมื่อสักสะกิดไหล่ชี้ให้ดูน้ำในลำธารสายเล็ก

    สายน้ำไสที่ใช้ต้มล้างแผลเมื่อสักครู่ตอนนี้มีสีแดงฉาน เป็นสีที่ไม่ต้องคาดเดาก็พอทราบได้ว่าคือสีของอะไร โดยเฉพาะกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของมันยามลมพัดโชยมาแตะจมูก

    ประดู่และไม้สักแหวกใบไม้ตรงหน้าออกดูแต่เพียงเล็กน้อยพอให้เห็นพื้นที่โล่งกว้างประมาณสิบเมตรตรงหน้า

    ทั้งสองเห็นสามคนและสามศพ สามศพนั้นมีผิวสีคล้ำเข้มอย่างคนที่ใช้ชีวิตอยู่ใต้แสงแดดอันหยาบกร้าน เป็นศพไร้ศีรษะนอนคว่ำหงายตะแคงอยู่ริมลำธาร ร่างกายส่วนบนของศพทั้งสามจุ่มลงไปในลำธารเหมือนผู้สังหารตั้งใจให้สายเลือดของพวกเขาไหลไปกับสายน้ำ

    หนึ่งคนที่ยังร้องโหยหวนถูกมันมือมันเท้าเอาไว้ด้านหลัง ร่างเขาถูกเหยียบเอาไว้บนพื้นดินไม่สามารถขยับไปไหนได้ เครื่องแต่งขายของเขาเป็นชุดที่ถักทอสานขึ้นจากไม้ประเภทกกและหนังสัตว์ ผมสั้นมัดเป็นเปียสายเล็กรัดปลายด้วยไม้ขนาดเท่าปลายนิ้วมือหลายสี

    ต่างจากชายสองคนที่ยืนเหยียบคอเขาอยู่ ทั้งสองสวมใส่เสื้อผ้าที่ผ่านการทอจากเส้นใยละเอียด เนื้อผ้าแต่ละส่วนมีสีต่างกันแต่โดยรวมดูเป็นชุดที่รัดกุมทะมัดทะแมง ทั้งสองมีปลอกดาบสะพายติดอยู่ที่เอวแต่ดาบยาวเรียวอยู่ในมือพร้อมใช้งาน หนึ่งคนที่เหยียบคอร่างผิวเข้มเอาไว้กำลังใช้ใบไม้สดใบใหญ่เช็ดเลือดออกจากดาบ เขายิ้มกริ่มเหมือนคนที่เห็นการฆ่าเป็นกิจกรรมบันเทิงจิต เป็นสีหน้าของคนที่ไม่เห็นคนอื่นเป็นคนแต่เห็นเป็นสัตว์เป็นก้อนเนื้อ

    อีกหนึ่งคนที่ยืนมองหันหลังให้จึงไม่มีใครทราบว่าสีหน้าเขาเป็นเช่นไร แต่ดาบยาวก็อยู่นอกฝักพร้อมใช้งานไม่ต่างกัน

    ประดู่รู้สึกมวนท้องอยากอาเจียน แขนขาล่อยไม่มีแรง เขาจำความรู้สึกนี้ได้ เป็นความรูปสึกแบบเดียวกันกับตอนที่ได้เห็นคลิปวิดีโอผู้ก่อการร้ายในตะวันออกกลางตัดคอตัวประกันชาวต่างชาติ รสขมแผ่ซ่านขึ้นมาจากกระพุ้งแก้มจนยากจะทนทาน

    ไม้สักยังดีกว่าประดู่เพราะเขาเคยเห็นคนฆ่ากันต่อหน้าต่อตามาแล้ว นักเลงต่างถิ่นที่มากินอาหารในร้านเหล้าแล้วกร่างหาเรื่องเจ้าถิ่นวิ่งหนีคนเข้ามาในร้านสะดวกซื้อยี่สิบสี่ชั่วโมง เขาซึ่งยืนเลือกสบู่อยู่ในร้านสะดวกซื้อเห็นภาพของคนโดนดาบฟันจากไหล่ทแยงเข้าไปจนถึงหัวใจ ใต้หลอดนีออนสว่างจ้าจำนวนมากในร้าน เขามองเห็นภาพตัดขวางของร่างกายมนุษย์เต็มสองตา นักเลงต่างถิ่นผู้นั้นเดินได้สามก้าวแล้วจึงล้มลงเสียชีวิตบนแอ่งเลือดสีแดงเข้ม แดงยิ่งกว่าสีที่มีในร้านขายอุปกรณ์ศิลปะ

    ไม้สักสะกิดไล่ประดู่ถามว่าจะทำอย่างไรต่อ คนที่โดนมัดแขนขานอนอยู่บนพื้นนั้นมีอายุใกล้เคียงกับพวกเขา เขาต้องการความเห็นจากประดู่ว่าต้องการเสนอตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือไม่

    ประดู่มองหน้าเพื่อน จากนั้นมองลอดผ่านม่านพุ่มไม้ไปยังเด็กหนุ่มที่ร้องโหยหวนไม่เป็นภาษาน้ำตานองหน้า ประดู่สังเกตเห็นว่าเด็กหนุ่มคนนั้นไม่ได้มองดูสองคนที่ยืนอยู่แต่จ้องมองไปด้านหลังห่างออกไป เมื่อมองตามไปยังจุดนั้นประดู่จึงได้เห็นศีรษะของคนสามคนมัดรวมกันไว้ด้วยผมของพวกเขา ใบหน้าไร้ร่างกายมีเค้าโครงของเด็กหนุ่มคนนั้นอยู่มากกว่าครึ่ง

    เป็นครอบครัวของเขาเอง เสียงโหยหวนทรมานมีสาเหตุเช่นนี้เอง

    ความโกรธแค้นประดังเข้ามาในหัวใจของประดู่จนท่วมท้น เขาพยักหน้ากับไม้สักส่งภาษามือว่าต้องการช่วยเหลือเด็กหนุ่มคนนั้น

    ไม้สักพยักหน้าตอบรับ นัดหมายด้วยภาษามือให้ประดู่จัดการกับคนที่หันหลังให้ ส่วนตัวเขาจะจัดการกับคนที่เหยียบเด็กหนุ่มผู้นั้นเอาไว้ ไม้สักแนะนำจุดสำหรับการโจมตีให้ประดู่คือให้ฟาดเข้าใส่บริเวณขมับหรือบริเวณหลังศีรษะหนึ่งฝ่ามือจากไรผม ห้ามลังเล ห้ามคิดอะไรนอกจากโจมตีให้สำเร็จ

    ประดู่สูดลมหายใจเข้าปอดเตรียมใจให้มั่นคง เขาทราบดีว่านักศึกษาวิชาทหารจะต้องถูกเรียกเข้าเป็นกำลังหนุนเป็นชุดแรกเมื่อชาติต้องการ เมื่อถึงเวลานั้นเขาก็ต้องจับอาวุธเพื่อฆ่าคน แต่เขาไม่คิดว่าเวลาเช่นนั้นจะมาถึงรวดเร็วเพียงนี้

    ไม้สักสงบจิตใจพยายามลืมความเจ็บปวดที่ร่างกายมี เขาหยิบเอาหินสองก้อนขนาดพอใส่ได้ในกำมือ รอจังหวะที่คนทั้งสองหันไปทางอื่นโยนหินทั้งสองเข้าใส่ต้นไม้ใหญ่อีกฟากของลำธาร

    คนถืออาวุธทั้งสองหันขวับไปยังต้นเสียงที่เกิดจากหินกระทบไม้ก้อนหนึ่ง คนที่เหยียบร่างเด็กหนุ่มเอาไว้ก้าวเดินออกไปก่อนแต่อีกคนหนึ่งยังยืนดูเชิง แสดงให้เห็นว่าทั้งสองไม่ใช่คนที่ขาดประสบการณ์ในการต่อสู้

    ไม้สักก้าวออกไปจากพุ่มไม้ก่อนตามด้วยประดู่ ย่องเข้าหาเป้าหมายของตนเองจากด้านหลัง

    ชายคนที่ยืนเยื้องมาด้านหลังมองเห็นไม้สักที่หางตาแต่ไม่เห็นประดู่ที่ย่องไปด้านหลังตนเอง ในตอนแรกเขาเต็มไปด้วยความสงสัยและสับสน เครื่องแต่งกายที่แปลกประหลาด พฤติกรรมที่ชวนให้มึนงง ถ้าไม้สักตั้งใจลอบโจมตีทำไมจึงเดินเข้าไปหาเพื่อนของเขาโดยไม่สนใจเขาที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ เลย

    และเขาก็รู้ตัวว่าทำไมไม้สักจึงไม่สนใจตัวเขา นั่นก็เพราะว่ายังมีคนลอบโจมตีคนอื่นอีกนั่นเอง เขาร้องตะโกนบอกให้สัญญาณเพื่อนแล้วหันกลับไปพร้อมกับเงื้อดาบเตรียมฟัน แต่สิ่งที่เขามองเห็นก่อนที่ทุกอยากจะดับมืดก็คือส่วนปลายของกระบองเหล็กกล้าพุ่งเข้าใส่ขมับของตัวเอง การฟาดของประดู่ทำให้กะโหลกบริเวณขมับของเขาแตกยุบเข้าไปทำลายเนื้อสมองทำให้เขาหมดสติในทันที

    เป้าหมายของไม้สักหันกลับมาทันได้เห็นคมมีดวาววับเคลื่อนผ่านลำคอของตนเองกินเนื้อคอครึ่งซ้ายไปทั้งหมด เส้นเลือดใหญ่ถูกตัดขาดฉีดเลือดออกมาเป็นเส้นเหมือนน้ำอัดลมที่เปิดหลังผ่านการเขย่ามาอย่างรุนแรงแล้วผ่อนซาไหลเป็นสายน้ำสีแดง

    ไม้สักกระโดดพลิกตัวออกมาเพื่อหลบดาบก่อนตายของชายผู้นั้น เขามองดูเจ้าของบาดแผลใช้มือกุมปิดคอตัวเองเอาไว้เหมือนพยายามสกัดกั้นไม่ให้เลือดไหลหลั่ง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสับสนมึนงง เป็นดวงตาของคนที่ไม่มีเรื่องเช่นนี้อยู่ในจิตใจแม้แต่เศษเสี้ยว เรื่องที่จะโดนฆ่า คนที่เป็นผู้ฆ่ามาโดยตลอดเช่นเขาจะถูกฆ่าได้อย่างไร ทั้งยังเป็นการฆ่าด้วยวิธีการชั้นต่ำอย่างการเบี่ยงเบนความสนใจแบบพื้น ๆ

    เด็กหนุ่มที่ได้รับการช่วยเหลือมองดูเหตุการณ์หมดด้วยสองตา เขาร้องตะโกนบอกไม้สักด้วยภาษาที่ไม้สักไม่เข้าใจ จนกระทั่งนกสีเหลืองตัวเล็กถูกปล่อยออกจากหลอดแก้วข้างเอวของชายผู้นั้นไม้สักจึงเข้าใจว่าเด็กหนุ่มต้องการสื่ออะไร เด็กหนุ่มต้องการให้เขาสกัดการขอกำลังหนุนของชายผู้นั้นนั่นเอง

    “ไอ้สัก” ประดู่ตรงเข้ามาประคองเพื่อน ไม้สักที่ออกแรงทั้งที่ร่างกายยังบาดเจ็บไม่สามารถยืนหยัดต่อไปได้อีก เขาส่งมีดให้ประดู่ไปตัดเชือกปลดปล่อยเด็กหนุ่มจากการพันธนาการ

    เด็กหนุ่มมองดูประดู่ใช้มีดตัดเชือกของตัวเองออกด้วยความรู้สึกคลางแคลง จนกระทั่งมีดของไม้สักตัดเชือกมัดแขนขาของเขาออกจากกันนั้นเองดวงตาเขาจึงเปล่งประกาย

    สิ่งแรกที่เด็กหนุ่มทำหลังได้รับอิสระก็คือการดึงร่างไร้ศีรษะทั้งสามขึ้นจากน้ำ ล้วงเข้าไปในกระเป๋าหยิบของบางอย่างออกมาจากเสื้อผ้าของศพ เขาตรงไปหาศีรษะของคนในครอบครัวทั้งสามใช้มือซ้ายแตะหน้าผากตนเองในขณะที่ใช้มือขวาแตะหน้าผากของศีรษะทั้งสามจนครบ น้ำตาของเขายังคงหลั่งไหลแต่สีหน้าเปลี่ยนเป็นขึ้งคลั่งโกรธแค้น

    “อะ อา …” คนที่โดนประดู่ฟาดที่ขมับส่งเสียงครางเหมือนจะได้สติ

    เด็กหนุ่มผู้นั้นไม่พูดพร่ำทำดนตรี เขายกหินก้อนใหญ่ขึ้นจากพื้นทุ่มเข้าใส่ศีรษะของชายผู้นั้นจนแตกเป็นเสี่ยง เสียงโพละอย่างเดียวกับเสียงที่เกิดขึ้นยามเฉาะมะพร้าวทำให้ประดูต้องเบือนหน้าหนี

    เด็กหนุ่มตรงเข้ามาหาไม้สักและประดู่ พูดกับทั้งสองด้วยภาษาของตนเองอย่างรวดเร็วแต่จนใจที่ประดู่ทำได้เพียงขมวดคิ้วและส่ายหน้าในขณะที่ไม้สักกำลังจะหมดสติเนื่องจากความเจ็บปวด ดูเหมือนแผลเขาจะเปิดอีกแล้ว แผลเปิดไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่ความเจ็บปวดจากแผลช้ำในร่างกายกำลังออกฤทธิ์ทั้งที่เขาเพิ่งจะกินยาแก้ปวดอย่างแรงเข้าไป

    เด็กหนุ่มทั้งดึงแขนและกวักมือให้ทั้งสองติดตามไป

    “เดี๋ยวก่อน ต้องไปเอาของก่อน” ประดู่พอจะตีความหมายจากลักษณะภาษาร่างกายแต่เขาต้องกลับไปเอาสัมภาระของตัวเองติดไปด้วย

    ระหว่างที่รอประดู่ไม้สักมองดูเด็กหนุ่มผู้นั้นคุกเข่าลงหน้าศีรษะของครอบครัวแต่ไม่มีท่าทีว่าจะจัดการอย่างไรกับศีรษะนั้น เขาเพียงแค่พูดพึมพำเหมือนสวดส่งวิญญาณของครอบครัวจนกระทั่งประดู่กลับมาพร้อมกระเป๋าหนักสองใบแล้วจึงนำทางทั้งสอง

    สิ่งหนึ่งที่เป็นที่แน่นอนแล้วก็คือลักษณะของสิ่งมีชีวิตในโลกนี้มีความคล้ายคลึงมนุษย์ หรือจะเรียกว่าเป็นมนุษย์ที่พูดต่างภาษามีชีวิตอยู่ในอารยธรรมอันแตกต่างเลยก็ไม่ผิด เด็กหนุ่มที่พวกเขาช่วยชีวิตไว้มีลักษณะภายนอกไม่ต่างจากชนชาวเผ่าที่อาศัยอยู่ในป่าลึกบนโลก มีร่างกายอันแข็งแรง เคลื่อนไหวในป่าอย่างไร้เสียง ประดู่และไม้สักติดตามหลับไปอย่างยากลำบากโดยเฉพาะไม้สักที่ต้องพึ่งพาให้ประดู่เป็นคนช่วยพยุงเดิน

    จนกระทั่งครึ่งชั่วโมงต่อมาทั้งหมดจึงได้พบกับชนเผ่าคนอื่น

    ชายหนุ่มฉกรรจ์ในชุดที่แนบเนียนกลมกลืนไปกับผืนป่าสองคนโผล่ออกมาจากม่านป่าเหมือนภูตพรายไพร ทั้งสองถือมีดกระดูกสีขาวเตรียมพร้อมจ้องมองดูประดู่และไม้สักอย่างไม่ไว้วางใจ

    เด็กหนุ่มรีบพูดกับทั้งสองด้วยภาษาที่เร็วรัว ชายฉกรรจ์ทั้งสองทำหน้าเหลือเชื่อจนกระทั่งเด็กหนุ่มแสดงบางอย่างในมือให้ดูทั้งสองจึงหันไปมองหน้ากันแล้วรีบนำทางคนทั้งหมดเดินทางต่อโดยเร็ว

    ประดู่และไม้สักเริ่มเห็น “มนุษย์” คนอื่นประปราย ทั้งหญิงชายเด็กหนุ่มเด็กสาวคนแก่ชรา ทุกคนจ้องมองดูประดู่และไม้สักด้วยความอยากรู้อยากเห็นและสับสนไม่แพ้กัน

    ชายฉกรรจ์เริ่มเข้ามาพูดคุยสอบถามชายชาวเผ่าสองคนมากขึ้นเรื่อย ๆ ในตอนแรกทุกคนก็แสดงสีหน้าเหลือเชื่อ จนเด็กหนุ่มแสดงบางสิ่งให้พวกเขาดูจึงได้เปลี่ยนสีหน้าเป็นพรั่นพรึง บ้างก็แสดงความโกรธเกรี้ยวออกมาจนรู้สึกได้

    ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้ประดู่และไม้สักเกินสามเมตร ทุกคนจะจ้องมองดูทั้งสองในระยะห่างแต่เดินตามหลังมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นสงสัยเต็มเปี่ยม

    หมู่บ้านที่อยู่อาศัยของชาวเผ่าปรากฏขึ้นตรงหน้าแล้ว ตัวหมู่บ้านสร้างขึ้นบนที่ว่างในป่าซึ่งมีร่องรอยของการล้มโค่นต้นไม้ลงมา บ้านแต่ละหลังสร้างขึ้นจากไม้โดยมีใต้ถุนลอยสูงสองเมตรเพื่อป้องกันสัตว์และแมลง

    ขบวนของผู้คนหยุดลงเมื่อคนสองกลุ่มปรากฏตัว หนึ่งเป็นกลุ่มชายฉกรรจ์สวมชุดเกราะจากไม้ห้อยมีดดาบกระดูกฝนเอาไว้ที่ข้างเอว หนึ่งคือเหล่าผู้ชราสวมใส่หมวกสานประดับขนนก ทั้งสองกลุ่มตรงเข้ามาหาเด็กหนุ่ม เด็กหนุ่มส่งของในมือให้ฝ่ายของชายฉกรรจ์แทนที่จะส่งให้ชายชราที่ยืนมือมาข้างหน้าเหมือนกัน พูดคุยกันสี่ห้าประโยคชายที่รับของไปจากเด็กหนุ่มก็หันเข้าไปหาชายชรา ใช้มีดกระดูกชี้หน้าชายชรากัดฟันกรอดจนได้ยินเสียงแม้จะยืนห่างออกมาหลายเมตร

    ทั้งประดู่และไม้สักไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม้สักตอนนี้ไม่ไหวแล้วเขาทรุดตัวลงหมดสติลงต่อหน้าคนจำนวนมากที่กลางหมู่บ้านนั้นเอง

    “สัก ไอ้สัก” ประดู่เรียกชื่อเพื่อน เขามั่นใจว่าเพื่อนยังไม่ตายแต่เห็นเพื่อนหมดสติไปต่อหน้าต่อตาก็ทำให้เขาแตกตื่นอยู่ดี

    .

    ไม้สักลืมตาขึ้นมาพบตัวเองอยู่ในบ้านไม้หลังหนึ่ง กลอกตามองซ้ายขวาจึงได้เห็นประดู่นั่งเขี่ยถ่านไฟอยู่ข้าง ๆ

    “ดู่” เขาพูดเสียงแห้ง

    “ไอ้สัก กินน้ำก่อน” ประดู่ประคองเพื่อนให้ลุกขึ้นนั่ง ส่งน้ำในขวดพลาสติกให้เพื่อนดื่ม ไม้สักดื่มน้ำรับความชุ่มชื่นแล้วระบายลมหายใจยาว เขามองดูแขนตัวเองพบว่าปากแผลยาวตอนนี้ปิดสมานกันแล้ว เหลือไว้เพียงอาการปวดตึงใต้ผิวหนังพอให้รู้สึกได้ยามขยับแขนไปมา

    “หมออาหารที่นี่รักษาให้” ประดู่ตอบเหมือนจะทราบคำถามของไม้สักล่วงหน้า

    “หมออาหาร ?”

    “หมออาหาร หมอที่ใช้อาหารในการรักษาโรคและอาการบาดเจ็บ” ประดู่ขยายความ

    ไม้สักขมวดคิ้วมองหน้าเพื่อน เขาสังเกตเห็นว่ารอบคอของเพื่อนมีปลอกคอหนังปักลายตัวอักษรและสัญลักษณ์สัตว์ปีกบางชนิดสวมอยู่

    “นั่นอะไร” เขาใช้มือหนึ่งชี้ไปที่ปลอกคอและใช้อีกมือหนึ่งจับคอตัวเอง พบว่ามีปลอกคอแบบเดียวกันสวมอยู่

    “ปลอกคอทาสน่ะ” ประดู่ตอบง่าย ๆ

    “ปลอกคอทาส! นี่พวกเราเป็นทาสไปแล้วเรอะ” ไม้สักอุทานพยายามถอดปลอกคอออก

    “ใจเย็นไอ้สัก ฟังข้าอธิบายก่อน” ประดู่ดึงมือไม้สักออกจากปลอกคอ

    ไม้สักสูดลมหายใจเข้าปอด พิจารณาร่างกายพบว่าความรู้สึกเจ็บปวดหายไปจนเกือบหมด ความเหนื่อยล้าปวดเมื่อยที่มีไม่ต่างจากที่ได้รับหลังออกกำลังกายอย่างหนัก

    “เอ้า อธิบายมา เอาแบบสรุปเนื้อหาก่อน” ไม้สักผายมือให้เพื่อนหลังตั้งสติได้แล้ว

    ประดู่พยักหน้าให้เพื่อนเริ่มอธิบายเรื่องราวใจความสำคัญในช่วงที่ไม้สักหมดสติไป

    “ที่นี่เป็นหมู่บ้านของชนเผ่า ซิกแอ เป็นชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในป่าลึก คนที่พวกเราช่วยไว้ชื่อ รีดิน

    “เดี๋ยวก่อนไอ้ดู่ เอาเรื่องปลอกคอนี่ก่อนเลย” ไม้สักยกมือขึ้นขัดจังหวะ

    “นี่เป็นปลอกคอทาส นอกจากเอาไว้แสดงว่าคนที่ใส่ปลอกคอเป็นทาสของใครแล้วยังเป็นเครื่องมือช่วยแปลภาษาให้ทาสฟังคำพูดของนายทาสรู้เรื่อง คนที่ซื้อทาสมาส่วนใหญ่จะได้ทาสต่างชาติเลยจำเป็นต้องมีเครื่องมือสำหรับสั่งงานทาสให้ทาสฟังรู้เรื่อง ข้าไม่รู้หรอกนะว่ามันทำงานยังไงแต่มันทำให้เราเข้าใจภาษาของคนในโลกนี้ แต่มันทำงานทางเดียวนะ ฟังรู้เรื่องแต่พูดโต้ตอบกลับไม่ได้ เจ้าของทาสคงไม่อยากให้ทาสเถียงล่ะมั้ง” ประดู่หัวเราะหึ

    “แล้วหมายความว่าพวกเราเป็นทาสไปแล้วเหรอ” ไม้สักถามประเด็นสำคัญ

    “เปล่า ปลอกคอนี่เป็นปลอกคอโบราณ ลูกชายหัวหน้าเผ่าเป็นคนให้มา ไม่มีใครถืออำนาจการเป็นเจ้าของทาสในปลอกคอนี้แล้ว ที่ต้องใช้ปลอกคอนี่เพราะคนที่นี่ฟังพวกเราไม่เข้าใจ”

    ไม้สักใช้มือลูบปลอกคอหนังที่สวมใส่สบายคอแล้วถอนหายใจ แต่ถ้ามันช่วยให้เขาฟังคำพูดของคนในโลกนี้เข้าใจเขาก็คงได้แต่ยอมรับมันเอาไว้แล้ว

    “แล้วที่ฆ่ากันตายที่ริมน้ำนั่นมันอะไร” ไม้สักถามต่อ

    “อย่างที่ข้าบอก คนที่เราช่วยไว้ชื่อรีดิน เป็นลูกชายคนเล็กของตระกูลรี สรุปง่าย ๆ จากที่ข้าได้ฟังคำอธิบายมาก็คือว่า รีดินกับครอบครัวเป็นคนที่ถูกส่งไปทำงานกับคนในเมืองเพื่อยกเว้นไม่ให้ชาวเผ่าที่นี่โดนจับไปเป็นทาส แต่ความจริงที่หัวหน้าเผ่าไม่ได้บอกใครก็คือเรื่องของการใช้คนเป็นเหยื่อสนองความกระหายเลือดของคนในเมือง กระกูลรีถูกฆ่าตายทั้งหมดยกเว้นรีดินที่พวกเราช่วยเอาไว้พอดี รีดินเอาหลักฐานการตายของครอบครัวมาเป็นหลักฐานแล้วก็เป็นพยานว่าหัวหน้าเผ่ารู้เรื่องทั้งหมดตั้งแต่แรก”

    ไม้สักมองผ่านหน้าต่างบ้านออกไปข้างนอกเห็นราตรีโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมาแล้ว เขานอนหลับไปเป็นเวลานานเลยทีเดียว

    “ทีนี้พวกคนหนุ่มในหมู่บ้านที่ได้รู้ความจริงก็ไม่พอใจ ลูกชายหัวหน้าเผ่าเลยยึดอำนาจจากพ่อ จัดตั้งกองกำลังต่อสู้กับคนที่จะตามเข้ามาล้างแค้นเพราะคนที่พวกเราฆ่าตายไปเป็นคนใหญ่คนโตในเมือง นอกจากคนที่จะอยู่สู้กับพวกที่จะมาล้างแค้นแล้วคนอื่น ๆ จะหนีเข้าไปในป่าที่ลึกกว่านี้ ยอมไปสู้กับสัตว์ป่าดีกว่าสู้กับคน ส่วนแกกับข้าต้องหนีออกไปภายในคืนนี้เพราะพรุ่งนี้เช้ากองกำลังล้างแค้นจากในเมืองจะมาถึง”

    ไม้สักพยักหน้าเบา ๆ

    “ขนาดคุยกันไม่รู้เรื่องยังได้เรื่องได้ราวขนาดนี้เลย”

    ประดู่ถอนหายใจ

    “ข้าก็ทำได้แค่ฟัง ๆ แล้วพยักหน้าไปตามเรื่องแหละ คนที่อธิบายเรื่องทั้งหมดให้ข้าฟังก็คือรีดิน เห็นว่าอยากตอบแทนที่พวกเราไปช่วยเลยพยายามเล่าเรื่องราวให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนที่แกนอนอยู่ข้าก็คิดสรุปรออธิบายให้แกฟังเพราะข้านอนไม่หลับ”

    “แกนอนไม่หลับ ?” ไม้สักถาม

    “เออ ข้าไม่ใจแข็งขนาดเห็นคนตายต่อหน้าแล้วจะนอนหลับได้สบาย ๆ ”

    ไม้สักตบไหล่เพื่อนด้วยความเห็นใจ ตัวเขาเห็นตอนที่เห็นคนตายครั้งแรกก็นอนลืมตาโพลงไปทั้งคืนเช่นกัน ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่ว่าบาดเจ็บจนทนไม่ไหวเขาก็คงตกอยู่ในสภาพไม่ต่างจากเพื่อนเท่าไร

    “ตอนที่เชือดคอคนแกรู้สึกยังไงวะ” ประดู่มองหน้าไม้สัก

    “รู้สึกแย่ แต่ตอนนั้นข้าพยายามไม่คิดอะไร คิดแค่ว่าจะขยับมือยังไง จะทำมุมมีดเท่าไหร่ ถ้าเราไม่ลงมือคนที่จะตายก็คือ … รีดิน รีดินใช่มั้ย ให้ลงมือเชือดคอคนด้วยตัวเองยังดีกว่าปล่อยให้คนอื่นเชือดคอคนที่ถูกมัดเอาไว้”

    ประดู่ก้มหน้านิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น

    “พวกเราโชคดีใช่มั้ย คนที่พวกเราฆ่าเป็นคนเลว ถ้าความจริงไม่ใช่แบบนี้พวกเราจะเป็นยังไงวะ ฆ่าคนบริสุทธิ์งั้นเหรอ”

    ไม้สักถอนหายใจ

    “ตอนที่ข้าหลับอยู่แกคงคิดอะไรเยอะแยะเลยสินะ … ถูกอย่างที่แกว่าแล้ว พวกเราแค่โชคดี ยังได้คำตอบที่ช่วยให้นอนหลับได้ แต่ต่อให้ต้องเลือกตัดสินใจอีกครั้งในสถานการณ์อย่างเดียวกันข้าก็คงทำเหมือนเดิม ถึงแกจะบอกว่าไม่ต้องช่วยแต่ข้าก็ทนดูไม่ได้หรอก”

    ประดู่ฟังแล้วถอนหายใจบ้าง

    “ข้าก็คงเหมือนกัน … แต่ว่าพวกเรามาอยู่ในโลกแบบนี้มันจะไหวเหรอวะ ระบบค้าทาสป่าเถื่อนที่เห็นคนเหมือนสิ่งของแบบนี้”

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนา เด็กหนุ่มรีดินที่ทั้งสองช่วยชีวิตเอาไว้เปิดประตูเข้ามาพยักหน้าให้ประดู่และไม้สัก

    “เก็บของเตรียมตัว ได้เวลาแล้ว”

    ไม้สักได้รับทราบการทำงานของปลอกคอทาสเป็นครั้งแรก เขาฟังคำพูดของรีดินเป็นภาษาอื่นแต่เกิดความเข้าใจในความหมายที่รีดินต้องการสื่อในสมองเหมือนอ่านใจรีดินได้

    กระเป๋าเป้ทหารของทั้งสองถูกหยิบขึ้นมาสะพายอีกครั้ง รองเท้าหนังของทั้งสองถูกหุ้มไว้ด้วยใบไม้สดเพื่อพรางร่องรอยการเดินทาง ทั้งรอยเก่าที่เกิดขึ้นระหว่างเดินมาที่หมู่บ้านก็ถูกตามไปลบทำลายทิ้งจนหมดสิ้น

    .

    คุยกับท่านผู้อ่าน

    ดูเหมือนเนื้อหาจะค่อนข้างรุนแรงแฮะ ท่านที่รับไม่ไหวผมขออภัยมาก ๆ เลยครับ

    ชาลี

    14 กุมภาพันธ์ 2558

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×