คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 ลงเขา
.
ตอนที่ 3 ลงเขา
ประดู่จ้องมองดูสัตว์ขนาดใหญ่ตรงหน้าตาเบิกกว้าง ร่างกายขยับไม่ได้ชั่วขณะด้วยความตื่นตะลึง มันเป็นมังกรที่มีรูปร่างอย่างในอารยธรรมตะวันตก คือมีส่วนหัวคล้ายสัตว์เลื้อยคลานประเภทกิ้งก่าแต่ใกล้เคียงไปทางไดโนเสาร์มากกว่า ใต้คางและหลังหูมีหนามแหลมเหมือนใบหอกสีขาวหม่นเหมือนกระดูก ดวงตาของมันเล็กกว่าตาของกิ้งก่าเมื่อเทียบตามสัดส่วน แต่ที่ว่าเล็กนั้นก็ใหญ่เท่าลูกแฮนด์บอล ปีกของมันถูกหุบพับเอาไว้แต่แน่ใจว่าถ้ากางออกมาแล้วต้องกว้างกว่าสนามบาสเกตบอลสองสนามต่อกัน
ไม้สักให้ความสนใจกับร่างที่ยืนอยู่ด้านหน้าไดโนเสาร์มีปีกมากกว่า ในตอนแรกเขาคิดว่าร่างตรงหน้าแม้จะมีรูปทรงคล้ายมนุษย์คือสองขาสองแขนหนึ่งศีรษะแต่มีเกล็ดมีเขาอย่างมังกร เมื่อมองให้ดี ๆ จึงพบว่านั่นเป็นร่างที่สวมใส่ชุดเกราะสีเดียวกับมังกรด้านหลัง เป็นชุดเกราะที่ปิดมิดจนเกือบทั้งร่างแต่มีชายผ้ายาวออกมาด้านหน้าเป็นสีดำปักลายหัวมังกรสีทองเอาไว้ ใต้ลายมังกรมีตัวหนังสือแต่เขาอ่านไม่ออกและไม่เคยเห็นภาษานี้มาก่อน
แม้จะถูกบังไว้ด้วยหมวกเกราะแต่เด็กหนุ่มทั้งสองก็รู้สึกได้ว่าถูกจ้องมอง ร่างในชุดเกราะมังกรหันหน้าไปดูท่อกระเบื้องเผาแล้วยกมือซ้ายขึ้นโดยหันมาทางเด็กหนุ่มทั้งสอง แบมือเหยียดไปข้างหน้าเหมือนผลักเปิดบานประตู
ประดู่และไม้สักรู้สึกเหมือนโดนผ้านวมผืนใหญ่ห่อหุ้มตัวแล้วยกขึ้น แขนทั้งสองถูกรวบกดเข้ากับลำตัวด้วยพลังที่มองไม่เห็น ต้นขาลงไปถึงหัวเขาถูกบีบเขาหากัน มีเพียงปลายแขนและปลายขาที่ขยับไปมาได้ ความตื่นตระหนกเมื่อถูกพันธนาการโดยสิ่งที่มองไม่เห็นทำให้ทั้งสองดิ้นขัดขืนสุดแรง ทั้งงอตัว กางแขนขา บิดตัวไปมา
ผ้านวมที่มองไม่เห็นถูกแรงของทั้งสองกระทำจากภายในจนคลายตัวลงเล็กน้อย ให้ความรู้สึกเดียวกับการฉีกขนมสายไหมออกจากกันเมื่อออกแรงมากพอ
ร่างในชุดมังกรนั้นหันกลับมามองเด็กหนุ่มทั้งสองแล้วกำมือ ผ้านวมล่องหนม้วนหดตัวเข้าหากันเหมือนเชือกถูกขันชะเนาะ แขนทั้งสองของเด็กหนุ่มถูกรัดเข้ากับลำตัวที่เหยียดตรงไม่อาจขยับตัวได้อีก ร่างในชุดเกราะมังกรก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวโดยบังคับให้มือหยุดนิ่งอยู่กับที่ จากนั้นจึงหยุดลงเมื่อมือเคลื่อนเข้ามาถึงหน้าอก หรือจะบอกว่าขยับหน้าอกเข้าไปหามือโดยงอศอกลงก็ได้
มือที่แนบประชิดตัวถูกดันพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับร่างของไม้สักและประดู่กระเด็นลอยขนานกับพื้นไปจนถึงต้นไม้ใหญ่ที่ริมสุดหน้าผาอีกด้านหนึ่ง ในตอนที่ทั้งสองลอยผ่านกึ่งกลางลานกว้างความรู้สึกของผ้านวมที่ม้วนคลุมตัวก็หายไป แต่แรงส่งนั้นพาพวกเขากระแทกเข้ากับต้นไม้ต้นใหญ่อย่างแรง ทั้งสองจุกจนร้องไม่ออกและไม่ทันได้เห็นว่าเชือกสีดำเส้นเท่านิ้วก้อยพุ่งมาจากที่ใด เชือกเส้นนั้นพันรอบมัดทั้งสองติดไว้กับต้นไม้โดยที่เท้าตกไม่ถึงพื้น
“อู อุ อุ อุ” นั่นเป็นเสียงที่หลุดมาจากลำคอประดู่ แรงกระแทกทำให้เขาตาลายมองรอบข้างไม่ชัด
ไม้สักเองก็จุกแน่นแต่เขาคุ้นเคยกับการตกจากที่สูงในการปีนหน้าผาจึงคืนสภาพได้เร็วกว่าประดู่ เขามองเห็นร่างในชุดเกราะเดินนำหน้ามังกรตรงไปยังท่อดินเผากลางลานกว้าง ร่างนั้นเดินสำรวจดูรอบ ๆ ท่อกระเบื้องอย่างละเอียด คุกเข่าศอกค้ำดินก้มลงไปมองดูผิวท่ออย่างใกล้ชิด สำรวจโดยรอบเรียบร้อยแล้วจึงลุกยืน หันหน้ามาดูไม้สักและประดู่วูบหนึ่งแล้วย่อตัวยกท่อดินเผานั้นขึ้น
ควันสีขาวม้วนคลี่ออกมาเป็นคลื่นจนปกคลุมพื้นดินบนยอดเขาทั้งหมด จากนั้นไหล่ลงจากเขาไปเหมือนของเหลว สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือก้อนเนื้อสีน้ำตาลทองเงาเป็นประกายบนแท่นดินเผา เนื้อก้อนนั้นมีขนาดใหญ่จนต้องใช้สองแขนจึงอุ้มขึ้นมาได้
ประดู่สะดุ้งเฮือกเมื่อมังกรตัวใหญ่ส่งเสียงร้องคำราม ไม้สักเห็นเพื่อนตั้งสติได้แล้วรีบกระซิบเตือนเพื่อนทันที
“เงียบไว้ ข้างหลังเราเป็นหน้าผาชันประมาณหกสิบองศา หลังจากข้าตัดเชือกนี่ขาดแล้วพวกเราไถลผ่านหน้าผาลงป่าไปเลยนะ”
ประดู่ก้มลงมองเห็นเพื่อนใช้มีดหั่นเชือกเข้าไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว
“ลงหน้าผาเลยเหรอ”
“เออ คนในชุดเกราะนั่นมีพลังพิเศษ เหมือนพลังจิต พวกเราไม่มีทางสู้ได้แน่ ๆ มังกรนั่นก็ดูเหมือนจะเชื่อฟังคำสั่งของคนใส่ชุดเกราะ ถ้ามันถูกสั่งให้มาเล่นงานพวกเรารับรองว่าเราไม่มีทางรอดแน่ ตอนนี้มันกำลังทำอะไรซักอย่างอยู่ที่ตรงนั้น เราต้องฉวยโอกาสนี้หนี”
ประดู่ไม่คาใจเรื่องที่ต้องลงหน้าผาอีก
“แล้วตอนลงหน้าผาข้าต้องทำยังไงบ้าง”
“พยายามเอาตัวแนบไปกับผนังให้มากที่สุด ห้ามกระโดด ห้ามตัวลอยจากผนังหน้าผา ไถลลงไปเรื่อย ๆ จนใกล้ถึงพื้นแล้วใช้หน้าผาเป็นฐานยันกระโดดม้วนตัวลงพื้นเหมือนที่ข้าเคยสอนแก”
“ปลาข่อใช่มั้ย”
“ปากัวร์ เชือกนี่เหนียวมาก ขนาดมีดข้าตัดลวดเส้นใหญ่ได้ง่าย ๆ แต่ตัดเชือกนี่ไม่เข้า ไม่รู้ทำจากอะไร แกดูพวกมันเอาไว้นะ”
ประดู่ตอบรับแล้วจ้องมองดูพฤติกรรมของมังกรและร่างปริศนาในชุดเกราะ ร่างในชุดเกราะนั้นกำลังใช้มีดเล่มเล็กเฉือนเอาเนื้อสีสวยชิ้นเล็ก ๆ ใส่ปากเคี้ยว เคี้ยวอยู่นานมากเหมือนจะบดให้ละเอียดโดยไม่จำเป็นต้องย่อยแล้วจึงใช้พลังอย่างเดียวกับที่ใช้ผลักเขาทั้งสองมาติดกับต้นไม้ยกเนื้อชิ้นนั้นขึ้น มังกรตัวใหญ่อ้าปากงับเนื้อรมควันชิ้นโตแล้วเคี้ยวเสียงดัง ตาของมันเบิกโพลงหางสั่นสะบัดไปมาจมูกพ่นลมหายใจฟืดฟาด
“นับสามนะดู่” ไม้สักเตือนประดู่เมื่อเห็นว่าเชือกใกล้ขาดแล้ว ขอเพียงออกแรงเฉือนอีกครั้งเดียวเขาและเพื่อนก็จะเป็นอิสระ
“สาม!”
ถ้าจะมีคนรู้ใจไม้สักก็ต้องเป็นประดู่ ไม้สักไม่เคยนับ หนึ่ง สอง สาม สำหรับไม้สักมีเพียง สาม คำเดียว
เชือกเส้นเล็กแต่เหนียวถูกตัดขาดออกจากกันและร่างของทั้งสองก็ร่วงลงสู่พื้น เสียงแผ่นเหล็กที่ติดอยู่ขอบพื้นรองเท้ากระทบกันทำให้ร่างในชุดเกราะหันมามอง มันชี้นิ้วใส่เด็กหนุ่มทั้งสองสั่งการให้มังกรของตนเข้าโจมตี แต่มังกรตัวนั้นกลับก้มลงสูดดมกลิ่นอะไรบางอย่างอยู่บนพื้นโดยไม่สนใจคำสั่งของเจ้านาย
ไม่มีความลังเลใด ๆ เด็กหนุ่มทั้งสองลดตัวลงจากริมหน้าผาไถลตัวลงไปโดยไม่สนใจว่าความสูงที่เห็นจะสร้างความหวาดเสียวให้เพียงไร
รองเท้าหนังและชุดรด.อย่างหนาแสดงคุณสมบัติของมันให้ประดู่ได้เห็น เขาเคยทะเลาะกับไม้สักตอนที่ถูกบังคับให้สั่งตัดชุดด้วยผ้าชนิดพิเศษที่แพงกว่าผ้าปกติหลายเท่า แต่ตอนนี้เขายินดีมากที่ยอมลงให้เพื่อน ถ้าเป็นผ้าราคาถูกธรรมดาไม่มีทางทนรับการฉีกขาดจากคมหินบนหน้าผาได้เลย เนื้อผ้าชนิดพิเศษที่ไม้สักเลือกให้แม้จะป้องกันแรงกระแทกและแรงขูดจากก้อนหินไม่ได้ แต่มันต้านทานรับคมหินได้อย่างยอดเยี่ยม
“เหวอ” ประดู่ร้องเสียงหลงเมื่อเห็นส่วนเว้าของหน้าผาขวางทางไถลตรงหน้า
“ไอ้ดู่ กระโดด เบา ๆ นะ” ไม้สักร้องตะโกน
ประดู่รวมรวมสมาธิเท่าที่ยังมี จับจังหวะใช้มือและเท้ายันตัวเองให้ลอยห่างจากผนังหน้าผาออกมาเล็กน้อย ท้องเขาโหวงวูบเมื่อตัวลอยผ่านช่วงเว้าเข้าไปข้างในของหน้าผาเพราะไม่มีร่างกายส่วนใดสัมผัสกับผนังหิน
เขาลอยผ่านช่องว่างนั้นมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ร่างกายประดู่กลับเข้าสู่สภาพไถลลงหน้าผาเช่นเดิมแต่ไม้สักตอนนี้กำลังกลิ้งลงหน้ามาล้ำหน้าเขาไปโดยเอาศีรษะพุ่งลงไปก่อน
“ไอ้สัก” ประดู่ร้องตะโกนก้อง หัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม
ในจังหวะที่ไม้สักหันไปร้องเตือนประดู่นั้นเขาก็สะดุดกับแง่หินที่ยื่นออกมาจนเสียหลักล้มตัวไปข้างหน้า ตัวเขาลอยอยู่กลางอากาศสองวินาทีตีลังกาม้วนหน้าหนึ่งรอบจึงตั้งหลักงอขาใช้เท้ายันกับหน้าผาได้ ด้วยแรงส่งจากการหมุนตีลังกาทำให้ตัวเขาม้วนไปข้างหน้า ไม่มีการถอยหลังนอกจากทุ่มแรงสุดตัววิ่งตรงเข้าใส่พื้นดินและผืนป่า
แต่การวิ่งลงหน้าผาชันหกสิบองศานั้นเป็นไปไม่ได้ การใช้เท้ายันผนังเพื่อวิ่งจะส่งตัวไม้สักให้ลอยห่างออกจากหน้าผา เขาวิ่งในลักษณะของการกระโดดด้วยปลายเท้าเพื่อรักษาการทรงตัวให้มองเห็นผืนป่าด้านล่าง กะจังหวะให้แม่นยำที่สุด ย่อขาจนเข่าชิดหน้าอก ใช้ช่วงเวลาเสี้ยววินาทีที่เท้าจะสัมผัสกับหน้าผายันตัวเองกระโดดเข้าใส่ต้นไม้ใหญ่ใบทรงข้าวหลามตัดหวังจะใช้กิ่งและใบในการช่วยลดแรงกระแทก
ประดู่เห็นเพียงร่างของเพื่อนที่พุ่งหายไปกับพุ่มใบของต้นไม้ใต้หน้าผา ตามมาด้วยเสียงกิ่งไม้หักเคลื่อนไปข้างหน้า เขาไม่บ้าถึงขนาดที่จะกระโดดตามลงไป แต่รักษาสภาพไถลลงหน้าผาเช่นเดิมเอาไว้จนกระทั่งใกล้ถึงพื้นจึงกระโดดม้วนหน้าลงสู่พื้นดินอย่างนิ่มนวล เขาลุกวิ่งเข้าหาเพื่อนโดยไม่มีการหยุดพัก ระหว่างวิ่งก็แหงนหน้ามองตามร่องรอยของกิ่งไม้ที่หักเป็นทาง
ถ้าประดู่เสียเวลาสักเล็กน้อยแหงนหน้ามองดูบนยอดเขา เขาจะเห็นส่วนศีรษะของร่างในชุดเกราะมังกรชะโงกลงมาดูเขาทั้งสองที่หายเข้าไปในป่า ร่างในชุดเกราะนั้นละความสนใจจากประดู่แล้วเดินกลับไปหามังกรของตน ใช้เวลาสำรวจรอบซากกองไฟที่ดับไปแล้วครู่หนึ่งจึงได้พบกับสาเหตุที่ทำให้มังกรมีท่าทีผิดปกติ
เนื้อหมูแดดเดียวที่ประดู่กินหล่นเอาไว้ชิ้นเล็กเท่าปลายก้อย ร่างในชุดเกราะใช้ปลายนิ้วพับหน้ากากส่วนล่างขึ้นไปเผยให้เห็นโครงหน้าเรียวขาวผ่องและริมฝีปากจิ้มลิ้มอิ่มเอิบ ชิ้นหมูถูกนำขึ้นมาจ่อกับจมูกเพื่อสูดดม กลิ่นของพริกไทยและรากผักชีโชยเข้าโพรงจมูกของเจ้าของมังกรก่อนอย่างอื่น เธอผงะชักใบหน้าถอยออกมาเมื่อได้รับกลิ่นอันหอมรุนแรงเช่นนี้เป็นครั้งแรก สูดดมอีกสองครั้งจึงแบ่งเนื้อชิ้นเล็ก ๆ เท่าปลายเล็บใส่ปากเคี้ยวหลังปัดเศษดินออกแล้ว ทันทีที่รสชาติอันเข้มข้นของเนื้อหมักบ่มบวกกับซอสปรุงรสผสมกลิ่นหอมและรสเผ็ดสะกิดลิ้นสัมผัสกระพุ้งแก้มเธอก็สำลักไอ น้ำลายไหลเป็นสายจนเยิ้มผ่านริมฝีปากลงมาถึงชุดเกราะส่วนลำตัว
เธอสูดลมหายใจเข้าออกหนักหน่วงแล้ววางเนื้อหมูแดดเดียวย่างชิ้นนั้นลงบนลิ้นของมังกรที่แลบออกมารอ มังกรตัวใหญ่กวาดลิ้นไปมาในปากกระจายรสชาติที่ไม่เคยพบทั่วทั้งกระพุ้งแก้ม มันนอนลงกับพื้นกลิ้งไปมาด้วยอาการอย่างเดียวกับคนเมายา หญิงสาวในชุดเกราะมังกรเดินมายังจุดที่คนแปลกหน้าทั้งสองหายไปอีกครั้ง เธอยืนอยู่เช่นนั้นเป็นเวลานาน รสชาติอันรุนแรงยังประทับอยู่บนลิ้นไม่จางหายไป
.
“พักก่อนมั้ยไอ้สัก” ประดู่ถามเพื่อนที่ตนเองประคองมา สีหน้าของไม้สักดูไม่ดีเอาเสียเลย เหงื่อของเขาไหลอาบหน้า
“ไม่เป็นไร ตอนนี้ยาแก้ปวดยังไม่ออกฤทธิ์ เดี๋ยวก็คงดีขึ้น”
แขนขวาของไม้สักตอนนี้มีผ้าขาวเปื้อนรอยแดงเป็นปื้นพันไว้โดยรอบ ประดู่มาพบไม้สักที่ริมไม้ใหญ่ต้นหนึ่งในสภาพที่ท้องแขนขวามีแผลยาวจากศอกจนเกือบถึงข้อมือ แผลไม่ลึกถึงกล้ามเนื้อแต่กิ่งไม้หักได้ฉีกผิวหนังทะลุผ่านชั้นไขมันลงไปแล้ว ถ้าแผลยาวกว่านี้อีกเล็กน้อยก็คงบาดยาวถึงเส้นเลือดใหญ่บริเวณข้อมือ ผ้ากอซและผ้ายืดพันแผลของไม้สักถูกใช้ประกบกับแผลและพันเพื่อห้ามเลือด ยาแก้ปวดและยาฆ่าเชื้อถูกกินเอาไว้ล่วงหน้า น้ำที่เก็บมาจากยอดเขาถูกนำมาดื่มโดยไม่สนใจว่าน้ำในโลกนี้จะส่งผลใด ๆ กับร่างกายของไม้สักหรือไม่
สิ่งที่ทำให้การเดินทางหนีจากมังกรเป็นไปอย่างลำบากก็คืออาการบาดเจ็บที่เกิดจากการกระแทกกับกิ่งไม้ของไม้สัก ทั้งขาแขนและลำตัวของไม้สักช้ำระบมเพราะกระแทกเข้ากับต้นไม้หลายจุด ไม่ว่าจะก้าวเท้างอตัวเหยียดตัวก็ทำให้เจ็บปวดจนแทบร้องครวญคราง จนกระทั่งยาแก้ปวดอย่างแรงเริ่มออกฤทธิ์ไม้สักจึงรู้สึกดีขึ้นบ้าง
ไม่มีการหยุดพัก ไม่มีการบ่น ประดู่พยุงเพื่อนเดินผ่านป่ามุ่งหน้าลงสู่ที่ต่ำด้วยความตั้งใจที่จะหนีไปจากมังกรตัวนั้นให้ไกลที่สุดเท่าที่ขาจะพาไปได้
จนกระทั่งถึงลำธารสายเล็กกว้างเพียงสามวาทั้งสองจึงได้หยุดลง
ประดู่พยุงเพื่อนนั่งพิงหินใหญ่ก้อนหนึ่งจากนั้นจึงก่อไฟตามคำแนะนำของสักตั้งหม้อต้มน้ำจากลำธารจนเดือด ทิ้งไว้ให้เย็นก่อนจะนำมาราดแผลที่คลายผ้าออกแล้วเพื่อล้างทำความสะอาด เขาตั้งหม้อต้มน้ำเกลือเอาไว้เพื่อฆ่าเชื้ออีกหม้อหนึ่งแยกต่างหาก
“ดูให้ดีว่ามีเศษไม้ติดอยู่ในปากแผลรึเปล่า รูด ๆ พลิกดูใต้เศษเนื้อด้วยก็ดี” ไม้สักพูดก่อนจะยัดผ้ายืดเข้าปากกัดไว้แน่น ปากแผลที่ถูกไม้ครูดของเขาขรุขระน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
ประดู่มองหน้าเพื่อนนิ่งจนสักต้องพยักหน้ายืนยันเขาจึงใช้แหนบลากไล่ไปตามปากแผล ไม้สักตัวเกร็งเขม็งเป็นระยะเมื่อประดู่สัมผัสกับเสี้ยนไม้ซึ่งปักลึกเข้าไปในเนื้อ ประดู่คีบเอาเศษไม้ออกจากแผลของไม้สักชิ้นแล้วชิ้นเล่า สัมผัสถึงอาการตึงและสัมผัสรั้งผิดปกติในปากแผลจนแน่ใจว่าไม่มีเศษไม้เหลืออีกแล้ว เขาใช้น้ำเกลืออุ่น ๆ เทล้างแผลจนไม้สักต้องครางอือในคออีกครั้งแล้วใช้ผ้ากอซเช็ดแผลจนแห้งเห็นเพียงเลือดที่ซึมออกมาจากปากแผลสีแดงสด
“เย็บแผลนะ” ประดู่ร้อยด้ายใส่เข็มเย็บแผลทรงโค้งเรียบร้อยแล้วถามเพื่อนเพื่อยืนยันอีกครั้ง
ไม้สักพยักหน้า ตาเขาจ้องมองดูเข็มโค้งแทงลงไปในผิวหนังของตัวเอง แม้ว่าเขาจะเป็นคนเตรียมสิ่งของสำหรับเอาตัวรอดต่าง ๆ ด้วยตัวเองแต่เขาไม่คิดว่าตัวเองจะได้สัมผัสกับสิ่งเหล่านี้จริง ๆ เข็มและด้ายสำหรับเย็บแผล ผ้ากอซปลอดเชื้อ ผ้ายืดสำหรับพันแผล ยาแก้ปวด ยาฆ่าเชื้อ ยาแก้แพ้ ยาลดกรด ตอนนี้เขาเจ็บปวดแต่ก็สาแก่ใจที่ได้ใช้ของที่เตรียมเอาไว้
ประดู่ไม่เคยเย็บแผลมาก่อนในชีวิตของเขา แต่เขาเคยแล่หมูทั้งตัวมาแล้วหลายสิบตัว สัมผัสจากเนื้อหนังของเพื่อนและสัมผัสจากกล้ามเนื้อหมูไม่ได้ต่างกันเท่าไร เขาสามารถจับจุดที่ต้องลงเข็มแล้วแน่ใจว่าแผลจะรักษาตัวได้โดยจะไม่มีการตึงรั้ง เมื่อได้รับการแนะนำถึงวิธีการเย็บและผูกด้ายจากเพื่อนทุกสิ่งก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น จนกระทั่งพันผ้ายืดปิดทับแผลได้สำเร็จเขาจึงใช้มือเช็ดเหงื่อบนหน้าผากแล้วระบายลมหายใจออกจากปอด ความตึงเครียดก็ถูกพ่นออกมาพร้อมกับลมหายใจนั้นด้วย
“ดู่ เจ็บชิบหายเลยว่ะ ขอน้ำกับยาแก้ปวดอีกหน่อยนะ” ไม้สักยิ้มอย่างคนหมดแรง
ประดู่ยื่นน้ำและยาแก้ปวดสองเม็ดให้ไม้สัก เขาเห็นว่ายาแก้ปวดมีเหลือไม่ถึงสิบเม็ด ใช้ได้อย่างมากก็ไม่เกินสามวัน แต่ในโลกนี้คงใช้ได้เพียงวันครึ่ง หลังจากนั้นสักคงต้องทนรับอาการเจ็บด้วยตัวเองแล้ว เขาหยิบขวดน้ำมาดื่มแล้วนั่งลงข้าง ๆ เพื่อน
“ตกลงว่านั่นมันอะไรวะ มังกรใช่มั้ย”
“คงเป็นมังกร” ไม้สักนึกถึงสัตว์ตัวใหญ่ที่หนีมา แต่เขาให้ความสำคัญกับพลังปริศนาที่ร่างในชุดเกราะใช้เล่นงานพวกเขามากกว่า
“แล้วนั่นมันอะไรวะ พลังจิตหรือว่าเวทมนตร์” ประดู่ก็นึกถึงเรื่องนี้เช่นกัน
“ไม่รู้สิ ถ้ามากับมังกรคงเป็นเวทมนตร์มั้ง พลังจิตกับมังกรมันดูไม่เข้ากันอยู่นะ”
ในฐานะที่ดูหนังแฟนตาซีบ่อยครั้งประดู่เห็นด้วย พลังจิตมันไม่เข้ากับมังกรอย่างที่เพื่อนว่าจริง ๆ
“แล้วพวกเราจะรอดเหรอวะ เจอกับคนใช้เวทมนตร์แบบนี้”
“เราก็ไม่ได้มาทำสงครามกับคนพวกนี้ซะหน่อยนี่ แกพูดเก่งทำอาหารเก่งไม่ใช่รึไง ก็ทำอาหารเอาใจคนในโลกนี้ไปสิ เพื่อจะได้ที่ซุกหัวนอนบ้าง” ไม้สักหัวเราะจนเจ็บสีข้าง เป็นการหัวเราะที่เกิดจากความโล่งอก
“เวร พูดเก่งแล้วไงวะ ยังไงก็ไม่ได้พูดภาษาเดียวกันแน่ ๆ แหละ จะว่าไปแล้วข้าจะแบกขวดใส่ซอสติดตัวมาด้วยทำไมวะ โยนทิ้งดีกว่ามั้ง หนักเป็นบ้า” ประดู่มองดูกระเป๋าของตัวเองที่บรรจุไว้ด้วยซอสปรุงรสและเครื่องเทศหลายชนิด
“เฮ้ย นั่นเป็นของจากโลกของเรา ถ้าเกิดตอนกลับมันต้องใช้ของทุกอย่างที่มีติดตัวเหมือนตอนที่มาแกจะทำยังไง”
คำพูดของไม้สักทำให้ประดู่ได้คิด อย่างที่ว่า บางทีตอนกลับอาจจะต้องใช้ของที่นำติดตัวมาจริง ๆ
ทั้งสองเงียบกันไปจนกระทั่งได้ยินเสียงร้องมาจากด้านปลายลำธาร ในวูบแรกเสียงนั้นฟังเหมือนเสียงของสัตว์ แต่เมื่อฟังให้ดีจะพบว่ามันเป็นเสียงของมนุษย์ แต่เป็นภาษาที่ทั้งสองไม่รู้จักไม่เคยได้ยิน เป็นเสียงร้องโหยหวนทรมาน
สองเพื่อนมองหน้ากัน
“เอาไง” ประดู่ถาม
“ไปดู” ไม้สักตอบ
.
คุยกับท่านผู้อ่าน
ตึ่งตึ๊งตึ๊งตึ๊งตึ่ง
ชาลี
12 กุมภาพันธ์ 2558
ความคิดเห็น