คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่ 14 เข้าให้การ
ตอนที่ 14 เข้าให้การ
ตื่นขึ้นมาในตอนเกือบบ่าย ประดู่เห็นไม้สักตำข้าวเปลือกให้เป็นข้าวสารอยู่ในห้องครัว ข้าง ๆ เขามีถังไม้ใส่ข้าวเปลือกอยู่สี่ถัง หมายความว่าตอนที่เขานอนหลับอยู่ไม้สักจะตั้งออกไปเก็บเกี่ยวข้าวสีทองมาอีกเป็นจำนวนมาก
“ไม่ไปตอนกลางคืนแล้วเหรอ” ประดู่ถาม
“ข้านึกขึ้นได้ว่าตอนกลางคืนประตูเมืองจะปิดเลยรีบไปเก็บข้าวมาให้มากที่สุด มันยังมีให้เก็บอีกเยอะแต่ถังในบ้านไม่มีแล้ว แกช่วยไปซื้อถังไม้มาเพิ่มหน่อยได้มั้ย เราต้องเก็บสะสมข้าวเอาไว้ให้มากที่สุดเพราะไม่รู้ว่าจะหาได้อีกเท่าไหร่”
“อืม เดี๋ยวข้าขออาบน้ำก่อนแล้วจะออกไปซื้อให้” ประดู่ตอบรับ
“เงินที่เหลือจากซื้อแผนที่อยู่บนโต๊ะนะ ถ้ายังไงฝากดูหนังสือเรียนให้ข้าด้วยก็ดี” ไม้สักฝัดข้าวด้วยแผ่นไม้บางซึ่งเคยเป็นฝาปิดถังเก็บน้ำแต่ถูกนำมาใช้เป็นกระด้งชั่วคราว
ประดู่อาบน้ำในห้องอาบน้ำติดกับห้องครัว ซักชุดรด.ของตัวเองแล้วทำการเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อขาวที่เขาหยิบออกมาจากตู้เสื้อผ้าในห้อง สัมผัสของเสื้อค่อนข้างหยาบกระด้างเมื่อเทียบกับเสื้อผ้าฝ้ายตัวในที่เขาสวมใส่อยู่ประจำ นอกจากนั้นเขายังต้องสวมเสื้อตัวนอกสีเทาอ่อนทับอีกชั้นเพราะเสื้อตัวในทอตาห่างจนประดู่รู้สึกไม่สบายใจ เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นเกย์เมื่อต้องสวมเสื้อที่เผยให้เห็นหัวนม
กางเกงเป็นผ้าเนื้อหนาแบบมีสายยาวตรงหน้าให้พันรอบเอวแล้วผูกมัดยึดไว้ กางเกงสีเทาเข้มจนเกือบดำนั้นตัดกับสีเสื้อแต่กลมกลืนดีไม่เลว ประดู่รู้สึกไม่มั่นคงจึงนำเอาเข็มขัดมารัดไว้ใต้เอวอีกชั้น สอดกระบองเหล็กยืดได้ไว้กับเข็มขัด หยิบเงินจากบนโต๊ะแล้วเดินออกมาหน้าบ้าน
เงินห้าพันในกระเป๋าทำให้ประดู่ก้าวเดินได้โดยไม่กลัวสายตาใคร เขายืนคิดอยู่หน้าบ้านครู่หนึ่งแล้วเดินกลับเข้าไปในบ้านก่อนจะออกมาพร้อมกับนกขุนทองบนบ่า ตัวนกขุนทองมีโซ่เส้นเล็กร้อยขาติดไว้กับปลอกหนังที่รัดกับต้นแขนของประดู่
ลูกชายร้านอาหารตามสั่งเริ่มต้นสำรวจตัวเมืองอย่างละเอียด เขาวาดแผนที่เมืองคร่าว ๆ ลงบนสมุดบันทึกจดรายชื่อสถานที่ที่น่าสนใจเอาไว้พร้อมกับมองหาร้านขายหนังสือไปด้วย ในเมืองคีราวีแห่งนี้มีมากที่สุดคือร้านอาหารและโรงแรมที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว บางที่ก็ควบทั้งโรงแรมและร้านอาหารไปด้วยกัน นับรวมเฉพาะร้านอาหารใหญ่ ๆ ก็มีมากกว่าร้อยร้าน โรงแรมอีกเจ็ดสิบกว่าโรง
นักท่องเที่ยวที่ประดู่เดินสวนไปมีจำนวนมากยิ่งกว่าคนเดินในตลาดจตุจักร ยังไม่ถึงกับต้องเบียดเสียดยามเดินสวนกันแต่ก็ใกล้เคียงเต็มทีถ้าหากเดินในถนนแคบ เสียงพูดคุยของผู้คนมีมากมายหลายภาษา เครื่องแต่งกายก็แตกต่าง บ้างเรียบหรู บ้างฉูดฉาด
คนเกือบทั้งหมดพกพาอาวุธติดตัว บางคนไม่มีอาวุธก็จะมีคนในกลุ่มที่พกอาวุธมาด้วย ยอดนิยมคือดาบ ตามด้วยหอก กระบอง มีด ที่ไม่เห็นเลยก็คืออาวุธยิงประเภทธนูหน้าไม้
ประดู่พบร้านขายเครื่องครัวหลังจากเดินสำรวจอยู่ไม่นาน เขาสอบถามราคาของด้วยการชี้นิ้วเลือกเป็นชิ้น ๆ เมื่อได้ข้อมูลแล้วจึงออกจากร้านมาโดยบอกเจ้าของร้านว่าขอดูราคาร้านอื่นเปรียบเทียบดูก่อน คำพูดเกี่ยวกับการสอบถามราคาและซื้อของขายของนี้เขาจดจำมาจากในช่วงที่ทำงานอยู่ในตลาดนั่นเอง
ดูรายการราคาเปรียบเทียบแล้วประดู่ก็พบว่าราคาของในร้านขายเครื่องครัวแต่ละร้านไม่ต่างกันเท่าไร ดูเหมือนจะมีการตกลงราคากลางกันเอาไว้ระหว่างผู้ค้าด้วยกัน หรือไม่ก็เป็นกลไกตลาดที่เป็นไปตามธรรมชาติ
ถังไม้ที่ไม้สักอยู่ตอนนี้มีราคาร้อยห้าสิบบาท ตัวถังมีขนาดใหญ่กว่าถังตักน้ำทั่วไป สร้างจากไม้น้ำหนักเบาเคลือบยางไม้กันน้ำพร้อมหูหิ้ว ประดู่เล็งถังไม้ใหญ่แบบมีฝาครอบที่ทนทานกว่าแต่ราคาแพงกว่า ตกถังละสามร้อยห้าสิบบาทแต่น่าจะเหมาะกับการเก็บข้าวสารและข้าวเปลือก ตัวถังหนาและมีน้ำหนักมากกว่า สูงหกสิบเซนติเมตรกว้างห้าสิบเซนติเมตร น่าจะเก็บข้าวได้มากกว่าสองร้อยลิตร บ้านของประดู่เองก็มีถังคล้าย ๆ กันนี้แต่เป็นถังพลาสติกสีดำ ร้านอาหารตามสั่งจำเป็นต้องมีข้าวสารตุนไว้เป็นจำนวนมาก ข้าวที่ซื้อคราวละมาก ๆ จะได้รับส่วนลดหรือซื้อได้ในราคาที่ถูกกว่า
ประดู่เลือกที่จะกลับมาซื้อถังเก็บข้าวในขากลับ ตอนนี้เขาต้องหาหนังสือให้ไม้สักเสียก่อน
ประดู่ไม่อยากเชื่อเมื่อร้านขายหนังสือไม่ยอมขายหนังสือเรียนให้เขา เป็นกฎของเมืองที่ไม่อนุญาตให้ทาสซื้อหนังสือเรียนมาศึกษาด้วยตัวเอง คำพูดของไม้สักไม่ผิดไปแม้แต่น้อย ในสังคมที่มีทาสนี้คนที่ครองอำนาจความเป็นใหญ่จะพยายามปิดกั้นความรู้และกดหัวทาสเอาไว้ให้ต่ำที่สุด
หนังสือเรียนซื้อไม่ได้แต่หนังสือชนิดอื่นเขายังซื้อได้ ประดู่หยิบนิยายแบบเล่มเดียวจบราคาเล่มละสามร้อยมาสองเล่ม หนังสือทั้งสองเล่มมีความหนาไม่มาก ตัวหนังสือเข้าเล่มด้วยการใช้ด้ายเย็บสัน เทียบกับความก้าวหน้าในด้านเครื่องครัวแล้วงานสื่อวรรณกรรมเหล่านี้ล้าหลังเป็นอย่างมาก นั่นยิ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่าโลกนี้ให้ความสำคัญกับอาหารมากเพียงไร
ประดู่เดินอ้อมจากเมืองด้านตะวันตกผ่านเมืองด้านใต้ไปยังเมืองด้านตะวันออก ระหว่างทางเขาได้พบกับสำนักวิชาการต่อสู้หลายสำนัก ที่น่าสนใจก็คือคำโฆษณาของสำนักเหล่านั้นที่อวดอ้างสถิติการสอบผ่านรอบคัดเลือกของการเป็นนักล่าวัตถุดิบ
“เจ้า สนใจเข้าสำนักหมีจำศีลของเราหรือไม่ ขอเพียงมีค่าเล่าเรียนจ่ายปีละห้าหมื่นบาทก็สามารถเข้าเรียนได้เดือนละสิบวัน สำนักหมีจำศีลของเราสามารถส่งนักเรียนเข้าร่วมการทดสอบการเป็นนักล่าอาหารและผ่านรอบคัดเลือกมากกว่ายี่สิบคนในช่วงสิบปีที่ผ่านมานี้ แม้แต่ทาสเราก็รับสอน”
คนของสำนักหมีจำศีลตรงเข้ามาเชิญชวนประดู่ที่ยืนอ่านประกาศอยู่หน้าสำนัก ประดู่ยิ้มให้เขาแล้วส่ายหน้า ระหว่างที่เดินจากมาเขายังได้ยินเสียงพูดตามท้ายมาเบา ๆ
“เชอะ พวกทาสชั้นต่ำ”
ประดู่นั้นมีบ้านอยู่ในตลาด เขาเห็นการมีเรื่องทะเลาะต่อยตีระหว่างคนมาหลายครั้ง เขาฉลาดมากพอที่จะไม่หันหลังกลับไปแม้จะได้ยินคำพูดของชายผู้นั้นอย่างชัดเจน เพียงแค่หันหลังกลับไปมองคนด่าตามหลังในลักษณะนี้ก็ทำให้คนต่อยกันมานักต่อนัก คนที่รู้จักรักษาตัวรอดเป็นยอดเยี่ยมเช่นเขาย่อมไม่ทำเรื่องโง่เขลาเช่นนั้น
เขาคิดสงสัยในใจ ถ้าเขาเป็นทาสจริง ๆ จะรู้สึกอย่างไรกับคำพูดที่ชายคนนั้นพูดไล่หลัง จะรู้สึกคับข้องแค้นใจหรือไม่ บางทีอาจจะเป็นความรู้สึกเดียวกันกับคนที่โดนด่าว่าเป็นลูกเมียน้อย ความรู้สึกต่ำต้อย ความรู้สึกโกรธแค้น
ประดู่ที่กำลังปล่อยให้ความคิดวิ่งเตลิดหยุดลงที่หน้าร้านขายเครื่องแต่งกาย เขาจับดูเสื้อผ้าของตัวเอง มองดูเครื่องแต่งกายของคนบนถนนรอบตัว ถ้าเขาต้องอยู่ที่นี่อีกนานเขาก็ควรที่จะมีเสื้อผ้าดี ๆ ใส่บ้าง จะให้สวมแต่เสื้อผ้าที่ไฮโลเตรียมไว้ให้ก็คงไม่เหมาะ
“ยินดีต้อนรับท่านลูกค้าผู้มีพระคุณ ท่านต้องการเครื่องแต่งกายสำหรับทำงานพิเศษเฉพาะอย่างหรือไม่ ร้านเหินเวหาของเรามีชุดที่เหมาะสำหรับงานทุกชนิด ชุดป้องกันเวทมนตราขนคันของกระเจี๊ยบแดง ชุดสกัดเก็บร่องรอยเวทมนตร์สำหรับล่าสัตว์ ชุดปรับพลังงานเวทมนตร์สำหรับงานถักทอ เรามีชุดที่ท่านต้องการทุกชนิด”
ประดู่ยิ้มให้เจ้าของร้านที่ไม่แสดงทีท่ารังเกียจทาสเช่นเขา เดินเข้าไปในร้านแล้วเลือกดูเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายซึ่งห้อยแขวนเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ ด้านหน้าของเครื่องแต่งกายชนิดต่าง ๆ จะมีเศษผ้าสี่เหลี่ยมตัดแปะไว้บนแท่นไม้ให้ได้ลองสัมผัสดูว่าเสื้อผ้าตรงหน้ามีเนื้อผ้าเป็นเช่นไร
ประดู่ลูบจับดูผ้าของเครื่องแต่งกายแต่ละชนิดโดยไม่สนใจว่าจุดประสงค์หลักของมันคืออะไร เขาต้องการความนิ่มสบายและความทนทานในการใช้งานเป็นหลัก เขาเดินเลือกไปทั่งร้านจนกระทั่งมาหยุดอยู่หน้าชุดรัดกุมสีน้ำตาลตัวหนึ่ง เนื้อผ้าของชุดตรงหน้าไม่นุ่มลื่นแต่อยู่ในระดับที่รับได้ ความหนาของเนื้อผ้าอยู่ในระดับผ้ายีน เสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวสีเดียวกันดูทะมัดทะแมง
“นั่นเป็นชุดนักล่าวัตถุดิบฝึกหัด คุณภาพเทียบกับชุดของนักล่าวัตถุดิบมืออาชีพไม่ได้ แต่ราคาก็ไม่แพงเมื่อเทียบกับชุดของจริง ทนร้อน ทนหนาว ทนพลังเวทมนตร์อันเป็นพิษ เหมาะสำหรับสวมใส่เดินทางเป็นอย่างยิ่ง”
“เท่าไหร่ครับ” ประดู่ถามง่าย ๆ
“ชุดละหนึ่งพันห้าร้อยบาทพอดี”
“สองชุดสองพันห้าร้อย” ประดู่ต่อราคาตามความเคยชิน
เจ้าของร้านซึ่งเป็นหญิงวัยกลางคนวัยระอุตาเบิกโพลงก่อนจะยิ้มให้เขาแล้วขยับเข้ามาใกล้ มือขวาของเธอวางทาบลงบนแผ่นอกของประดู่กรีดหางตากระซิบเบา ๆ
“ถ้าท่านให้บริการ พิเศษ ข้าจะลดราคาให้ท่านเหลือชุดละหนึ่งพันเป็นอย่างไร” มือซ้ายของเธอลูบเข้าที่เป้ากางเกงของประดู่
ประดู่ถอยกรูดพูดด้วยความลนลาน
“สองชุดสามพัน ตกลง”
เจ้าของร้านหัวเราะเสียงดัง
“ขี้ขลาดเหลือเกิน ข้าขายให้ท่านสองพันห้าร้อยสำหรับสองชุดก็แล้วกัน ถึงอย่างไรมันก็เป็นชุดที่ค้างอยู่ในร้านเป็นเวลานานแล้ว จะได้นำชุดใหม่ ๆ ขึ้นแสดงบ้าง”
.
“เป็นอะไร” ไม้สักถามเมื่อเห็นประดู่นั่งเงียบหลังกลับมาจากเดินซื้อของ เขากำลังเทข้าวที่ฝัดแล้วลงถังไม้ใบใหญ่ที่ประดู่ซื้อมา
“คนที่นี่น่ากลัวชิบหาย ขอต่อราคานิดเดียวแม่มโดนจับไข่ เสียววูบ ๆ เลย มีขอบริการพิเศษแลกส่วนลดด้วย ห่า หัวใจจะวาย เกิดมาเพิ่งเคยโดนผู้หญิงจับกุนเชียง”
“สวยมั้ยล่ะ”
“อะไรสวยมั้ย”
“เจ้าของร้านน่ะ”
“สวยอยู่ แต่ข้าไม่กล้าหรอกเว้ย เวร ทำไมผู้หญิงที่นี่ใจกล้านักวะ”
“เค้าล้อแกเล่นรึเปล่า ... แล้วนั่นเข้าห้องน้ำทำไม เล่นว่าวรึไง”
“เยี่ยว สัด” ประดู่ตะโกนออกมาจากในห้องน้ำ
ไม้สักยิ้ม
ข้าวซ้อมมือถังใหญ่มีปริมาณเพียงพอสำหรับการยังชีพสำหรับทั้งสองอย่างน้อยสามเดือน วิตามินที่ได้รับน่าจะช่วยแก้ไขปัญหาในร่างกายได้เป็นจำนวนมาก แต่นั่นยังไม่เพียงพอ น้ำมะนาวที่ประดู่ซื้อมาเหลือเพียงหนึ่งข้อนิ้วก็จะหมดขวด ตัวน้ำมะนาวที่มีส่วนผสมของกรดสังเคราะห์ก็มีวิตามินซีเพียงเล็กน้อย พวกเขาต้องการโปรตีนสำหรับการซ่อมแซมร่างกายด้วย
หนึ่งสัปดาห์ต่อมาทั้งสองก็ได้บทสรุปว่าพวกเขาไม่อาจหลีกเลี่ยงในการเข้าไปเกี่ยวข้องกับนักล่าวัตถุดิบ พวกเขาต้องการว่าจ้างนักล่าวัตถุดิบแต่อาหารที่พวกเขาต้องการนั้นอยู่ในเขตอันตรายจนไม่มีใครยอมรับงาน นักล่าวัตถุดิบบางคนก็ต้องการเงินมัดจำขั้นต่ำหลักแสนซึ่งไม้สักและประดู่ไม่มีเงินจำนวนมากเช่นนั้น
ทางเลือกเดียวที่พวกเขามีอยู่ก็คือการสมัครเป็นนักล่าวัตถุดิบด้วยตัวเอง
“ทำไมตาไฮโลไม่กลับมาซักที อาทิตย์นึงแล้วนะ” ประดู่พูด เขาหยิบน้ำข้าวเย็น ๆ ขึ้นมาดื่มหลังกลับมาจากการฟังคนในเมืองพูดเพื่อฝึกภาษา เขาพ่นลมออกมาเพราะน้ำข้าวนั้นหนักท้องพอ ๆ กับการกินโจ๊กต้มเละละเอียดถ้วยใหญ่
“บางทีทางการคงยังหาตัวคนที่วางแผนลักพาตัวไม่ได้มั้ง” ไม้สักกำลังอ่านเทียบตัวหนังสือจากนิยายที่ประดู่ซื้อมากับเสียงพูดของนกขุนทองเพื่อเรียนภาษายีอาลอง
“พวกเราหนีไปเลยดีรึเปล่า เมื่อเช้าข้าแปรงฟันนี่เลือดอาบเลยนะ แปรงเสร็จแล้วยังต้องกลืนเลือดอยู่เป็นชั่วโมง แถมยังมีไหลซึมทั้งวันด้วย ถ้าไม่ได้วิตามินซีกินเร็ว ๆ นี้พวกเราต้องแย่แน่”
ไม้สักวางหนังสือนิยายลง เขาเองก็คิดเรื่องนี้อยู่ แต่จะให้ทิ้งบ้านของไฮโลไปเช่นนี้ดูจะไม่ถูกต้อง อีกอย่างพวกเขาเองก็ต้องเก็บข้าวสารเอาไว้ที่นี่ ถ้าไม่มีบ้านของไฮโลทุกอย่างจะวุ่นวายขึ้นหลายเท่า
ความเงียบในห้องถูกเสียงเคาะประตูไล่หนี ตามด้วยเสียงของหัวหน้าทหารคนเดิมที่พาตัวไฮโลไปเมื่อสัปดาห์ก่อน
“ปราดู่ ไม้สาก เจ้าเมืองปลาซอนเซเรียกตัวเจ้าทั้งสองไปให้การที่ศาล ขอให้ตามพวกเราไปด้วย”
คำว่า “ให้การที่ศาล” ทำให้รด.ทั้งสองหันมามองหน้ากัน หรือว่าทางการจะจับตัวคนที่อยู่เบื้องหลังได้แล้ว
“กรุณารอพวกเราเปลี่ยนเสื้อผ้าสักครู่” ประดู่ที่ได้คำศัพท์มากขึ้นจากการอ่านหนังสือร้องบอกออกไป เขาและไม้สักแยกย้ายกันเข้าห้องตัวเองแล้วแต่งกายเต็มยศก่อนจะเปิดประตูตามหลังนายทหารผู้นั้นไปยังศาลากลาง
หัวหน้าทหารผู้นั้นมาพร้อมกับลูกน้องเพียงหนึ่งคน เป็นการสื่อความหมายว่าการมาครั้งนี้เป็นการเชื้อเชิญไม่ใช่การเรียกตัว ระหว่างการเดินทางไปยังศาลากลางไม้สักก็ได้สังเกตดูเครื่องแต่งกายของนายทหารอย่างละเอียดอีกครั้ง
เขาสวมใส่ชุดเกราะที่ห้อยร้อยเกล็ดปลาสีเงินประสานกันอย่างสวยงามไม่ต่างไปจากปลาจริง ๆ นายทหารชั้นผู้น้อยจะสวมชุดเกราะเกล็ดปลาสีดำซึ่งมีความงดงามน้อยกว่า รองเท้าของพวกเขาเองก็มีการประดับลายเกล็ดปลาเช่นเดียวกันกับถุงมือ เสื้อตัวยาวทิ้งชายหน้าหลังเกือบถึงหัวเข่ามีเกล็ดปลาเย็บติดเป็นชุดเกราะคุ้มกันร่างกายส่วนล่าง
หมวกเกราะของพวกเขาสร้างจำลองลักษณะหัวปลา นายทหารชั้นล่างจะสวมหมวกปลาดุกซึ่งมีหนวดและเงี่ยง แต่หัวหน้าทหารที่มาเชิญพวกไม้สักสวมหมวกเกราะปลาโลมาเป็นเงา
ไม้สักและประดู่ไม่ทราบว่าจะจัดการอารมณ์ตัวเองอย่างไร ความรู้สึกพวกเขาคิดว่าชุดเกราะปลาของทั้งสองดูตลก แต่ความรู้สึกอีกด้านหนึ่งก็ถูกย้ำเตือนด้วยความจริงจังของผู้สวมใส่ทั้งสอง คนโดยรอบก็ไม่เห็นว่ามันตลกแต่อย่างไร ไม่ว่าจะเดินผ่านถนนเส้นใดชาวเมืองล้วนแต่หลีกทางให้ บางคนยังโค้งทำความเคารพซึ่งนายทหารทั้งสองก็โค้งรับ ชุดรด.ที่ไม้สักและประดู่สวมใส่ยังดึงดูดสายตาผู้คนมากกว่าเสียอีก
ศาลากลางเมืองที่ทั้งสองเดินผ่านหลายครั้งปรากฏขึ้นตรงหน้า อาคารไม้ขนาดใหญ่สูงสามชั้นสร้างจากเสาไม้ขนาดสี่คนโอบ รั้วไม้สูงท่วมหัวขัดเป็นเงาสวยงามน่าเกรงขาม จากสุดกำแพงด้านซ้ายไปสุดกำแพงด้านขวากว้างเกือบสองร้อยเมตร
เมื่อเดินผ่านประตูหน้าเข้าไปก็ได้พบลานกว้างปูพื้นด้วยไม้แข็งซึ่งมีหน้ากว้างเกือบสามเมตร ตัวอาคารสร้างเป็นรูปเกือกม้าล้อมรอบพื้นที่ว่างลานกว้างตรงกลาง ปลากะพงแกะสลักจากไม้สูงสี่เมตรตรงกลางลานยังคงแสดงท่วงท่าของการพลิกตัวข้ามลูกคลื่นสร้างความตื่นตาให้ผู้ที่ได้พบเห็นอยู่เสมอ
ไม้สักและประดู่ถูกนำเข้าไปยังตัวอาคารด้านในโดยไม่ถูกยึดอาวุธแต่อย่างไร คนในศาลากลางเมืองแห่งนี้มีความมั่นใจในความสามารถในการรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างยิ่ง
“พวกเจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน ตอนนี้การสอบสวนอยู่ในช่วงพัก เมื่อได้ยินเสียงเรียกแล้วจงเข้าไปในประตูบานนั้น” หัวหน้าทหารพาเด็กหนุ่มทั้งสองเข้ามาในห้องรับรองขนาดเล็ก เขาชี้นิ้วไปยังประตูหน้าห้องตรงกันข้ามกับประตูที่ทั้งสองใช้เข้ามา
“พวกเราเข้าใจแล้ว” ประดู่ตอบแทนไม้สัก หัวหน้าทหารพยักหน้าแล้วเดินออกจากห้องไปเตรียมการอื่น ๆ
ไม้สักและประดู่ให้ความสนใจกับเครื่องเรือนในห้องกว้างสี่เมตรห้องนี้เป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะเก้าอี้หรือถ้วยน้ำชา ทุกสิ่งล้วนแต่มีการแกะลวดลายระบายสีรูปปลานานาชนิด แม้แต่ไฟที่ติดอยู่บนผนังก็เป็นตะเกียงรูปปลา
“รู้สึกว่าคนที่นี่ไม่เครียดเรื่องอาวุธกันเลยนะ ปล่อยให้พวกเราพกมีดพกกระบองเข้ามาเฉยเลย” ประดู่ชี้มีดที่ไม้สักรัดไว้กับต้นขา
“ไม่รู้สิ อาวุธแบบนี้อาจจะไม่สำคัญเท่าไหร่ก็ได้ ในโลกนี้ความสามารถเฉพาะตัวของคนน่าจะมีความสำคัญมากกว่า ดูอย่างคนในชุดเกราะมังกรนั่นสิ ถ้ามีพลังขนาดนั้นต่อให้ยึดมีดเอาไว้ก็คงไม่เปลี่ยนอะไรเท่าไหร่”
ประดู่ที่ลืมคนในชุดเกราะมังกรไปแล้วนึกภาพความพรั่นพรึงที่เจอเป็นอย่างแรก ๆ ครั้งมาเยือนโลกนี้ จริงอย่างที่เพื่อนว่า ถ้ามีความสามารถในระดับนั้นการจัดการกับอาวุธคงไม่ช่วยอะไรเท่าไร ความร้ายกาจของตัวคนคงขึ้นอยู่กับทักษะเฉพาะตัวมากกว่าเครื่องมือและอุปกรณ์
เสียงประตูเปิดทำให้เด็กหนุ่มทั้งสองหันหน้าไปยังประตูที่พวกเขาใช้เข้ามาในห้อง มองเห็นใบหน้าขาวเนียนและดวงตากลมโตคู่หนึ่งชะโงกเข้ามาในห้องก่อนจะแวบหายออกไป พวกเขายังไม่ทันได้พูดอะไรเสียงเรียกก็ดังก้องขึ้น
“เรียกตัวพยานประดู่และไม้สักเข้าให้การ”
ต่างจากคนอื่น ๆ ที่เคยได้ยิน ผู้ที่เรียกชื่อเขาทั้งสองออกเสียงเป็นภาษาไทยอย่างชัดเจนจนทั้งคู่รู้สึกอึดอัด พวกเขาเปิดประตูเดินหน้าเข้าสู่ห้องตัดสินคดีที่อยู่อีกฟากหนึ่งของทางเดิน
.
คุยกับท่านผู้อ่าน
คนปริศนาและมังกร พวกเขาเป็นใครกันหนอ แล้วแม่สาวบนท้องฟ้าราตีเป็นใครกันนะ เจอกันตอนหน้า ตอนที่ผมมีอารมณ์จะแต่งต่อครับ
ชาลี
25 มีนาคม 2558
ความคิดเห็น