ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC :: 4 ROMANCE :: [ Super junior ]

    ลำดับตอนที่ #4 : ปฐพีเล่ห์รัก

    • อัปเดตล่าสุด 16 พ.ย. 53


    MusicPlaylist at MixPod.com
     







     
    ปฐพีเล่ห์รัก
    รักของแผ่นดิน หนักแน่นกว่าสิ่งใด
     
    ……
    ………………………….
     
     






    “ พี่คังอินไปพบลูกค้าที่โรงแรม Angel Sea น่ะพ่อ”  ฮยอกแจเงยหน้าตอบพ่อเมื่อซึงโฮถามหาลูกชายคนโตร่างบางเปิดหน้าหนังสิอพิมพ์หน้าแวดวงไฮโซก่อนจะสะดุดกับหัวข้อข่าวที่เขียนเกี่ยวกับลูกชายคนโตของโรงแรม Angel Sea ที่เหมือนว่าจะมาจากโซลเพื่อกลับมาบริหารงานที่โรงแรม ฮยอกแจมองรูปของ ปาร์คจองซู หรือ อิทึก ที่ยิ้มหวานในหนังสือพิมพ์แล้วพยักหน้าอืมๆเมื่อรู้สึกว่า ดูจะสวยหวานอย่างที่นักข่าวชื่นชมจริงๆ มิน่าถึงได้ฉายา


     
    นางฟ้าแห่งวงการธุรกิจ ..
     



     
    ……….
    ……………………
     
     
    “ ตกลงขอเพิ่มการสั่งไวน์ในครั้งหน้านะครับ เราจะได้เตรียมการถูก ขอบคุณมากครับที่ร่วมงานกับเรา ”  
     
     
    คังอินลุกขึ้นพร้อมกับจับมือกับลูกค้าก่อนจะแยกย้ายกันวันนี้เขาอารมณ์ดีการเซ็นสัญญาเป็นไปได้ด้วยดี ร่างสูงและผู้ช่วยเลยไปเข้าห้องน้ำก่นอจะเตรียมตัวกลับบ้านไปบอกข่าวดีแก่คนในครอบครัว
     
    “ คุณคังอิน ได้ข่าวว่าลูกชายเจ้าของโรงแรมนี้เขาติดต่อขอซื้อไวน์ไร่คุณมาเป็นไวน์ประจำโรงแรมนี้นิ ”
     
    คังอินเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะส่ายหัวอย่างน่าเบื่อเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ คังอินล้างมือพลางบอกผู้ช่วยว่า เขาไม่อยกาลงทุนกับคนที่ไม่รู้จักแม้แต่ชนิดของไวน์หรอกนะ ลูกชายเจ้าของโรงแรมนี้ก็คงเป็นแค่คนรวยที่อยากจะเอาผลผลิตในพื้นที่มาเรียกความสนใจก็เท่านั้นแหล่ะ ก็อยากจะติดป้ายว่า ไวน์ที่ทำเองอะไรประมาณนั้น
     
    ร่างสูงเช็ดมือเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเปิดประตูออกไปโดยที่ไม่รู้ว่าบทสนทนาทั้งหมดมีบุคคลที่แกล้งยืนล้างมืออยู่ด้านในสุดจะได้ยินทั้งหมด
     
     
    “ แล้วเราจะได้เจอกัน นายคังอิน ! ”


     


     
    ปฐพีที่หนักแน่น
    อาจจะต้องพ่ายแพ้แก่เลห์มายา





     
    ตลอดทางที่ขับรถกลับบ้านไร่ปลายฝันคังอินดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ผู้ช่วยเขาขอตัวลงก่อนเพราะมีธุระเห็นว่านัดสาวกินข้าวไว้ คังอินหัวเราะ ร่างสูงมองข้างทางไปเรื่อยเขาไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความรักมานานมากแล้ว นานจนจำไม่ได้เพราะภาระหน้าที่ หรือ เพราะอะไรก็ตามเขาไม่ได้สัมผัสมันมานานมากจริงๆ บางทีอายุเขาก็มากจนถึงวัยที่ต้องแต่งงานได้แล้วแต่คังอินก็บอกกับตัวเอง
     
    เขายังไม่พบคนคนนั้น คนที่เขาอยากจะใช้ชีวิตด้วยไปจนตาย
    คนอย่างคังอิน รักใครรักจริงและจะรักเพียงคนเดียว !
     
     
    คิดอะไรเพลินๆอยู่ดีดีร่างสูงก็สะดุดกับรถที่จอดอยู่ข้างทางคังอินเห็นว่าคงจะรถเสียแต่เจ้าของรถอยู่ไหน พอคังอินเสรถเข้าข้างทางก็ต้องพบว่ามีร่างของคนคนหนึ่งนั่งกุมข้อเท้าอยู่หน้ากระโปรงรถที่เปิดอยู่ คังอินเปิดประตูรถก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆ
     
    “ เป็นอะไรมากรึเปล่าคุณ ” คังอินเดินเข้ามาใกล้ๆพลางนั่งลงถามคนที่กุมข้อเท้าอยู่เงยหน้าขึ้นมามองก่อนจะยิ้มทักทายตามมารยาท เพียงชั่วอึดใจที่คังอินตกอยู่ในภวังค์ ใบหน้าหวานราวกับผู้หญิงแก้มใสที่แดงขึ้นเพราะอากาศร้อนลักยิ้มบุ๋มน่ารักตรงมุมปากบอกได้คำเดียวว่า สวย ..
     
    “ คือว่ารถฉันเสียแต่พอจะลงมาดู ก็สะดุดเจ็บข้อเท้า ลุกไม่ขึ้น” เหมือนที่เตรียมการมาเป๊ะอิทึกยังคงทำหน้าตาน่าสงสารนคังอินเชื่อสนิทใจมือแกร่งจับลงบนข้อเท้าเบาๆก่อนจะช่วยประคองร่างบางขึ้นมา
     
    “ ไปพักที่ไร่ผมก่อนแล้วกัน ส่วนรถเดี๋ยวให้คนงานมาลากไป ” อิทึกได้แต่พยักหน้าก่อนจะแกล้งทำหน้าตาเจ็บมากๆจนคังอินต้องประคองเอวบางให้มานั่งคู่กันในรถ อิทึกหันไปมองนอกหน้าต่างก่อนจะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
     
    พอถึงที่บ้านไร่ดูเหมือนคนในบ้านจะหายตัวกันไปหมด คังอินให้เด็กในบ้านทายาแก้เคล็ดให้ร่างบาง ก่อนที่คังอินจะขอตัวไปสั่งลูกน้องให้ไปจัดการกับรถของอิทึก ร่างบางขอตัวไปที่ระเบียงก่อนจะกางมือออกหายใจเข้าอย่างสดชื่นเมื่อบรรยากาศที่นี่ดูสดชื่นจริงๆ
     
    คังอินกลับเข้ามาในบ้านเพราะลืมโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะร่างสูงเดินเข้ามาหยิบโทรศัพท์ที่วางไว้ แต่สายตาเหลือบไปเห็นหนังสือพิมพ์ที่ดูเหมือนจะมีคนอ่านค้างไว้ คังอินอ่านข่าวที่เห้นชัดแจ๋ว ใบหน้าของคนในข่าวดูคุ้นตา ร่างสูงเงยหน้ามองคนที่นั่งอยู่ตรงระเบียงบ้านก่อนจะก้มลงมองข่าวในหนังสือพิมพ์
     
    “ หายเจ็บขารึยังคุณ ….ปาร์คจองซู ”
     
    อิทึกที่หันมายิ้มหวานให้แต่พอชื่อที่หลุดออกมาจากปากของคังอินทำให้ร่างบางกลับมาหน้านิ่งตามเดิม คังอินกอดอกยืนพิงระเบียงมองร่างบางที่นั่งอยู่บนเก้าอี้
     
    “ ลูกชายเจ้าของโรงแรมอย่างคุณคงไม่บังเอิญรถเสียแล้วสะดุดล้มข้อเท้าแพลงตรงหน้าไร่ผมหรอกนะ ”
     
    “ นี่นายหาว่าฉันโกหกเหรอ ! ” อิทึกลุกขึ้นยืนอย่างลืมตัวว่าจะต้องแกล้งเจ็บข้อเท้าคังอินมองตามก่อนจะพยักหน้า
     
    “ โอ้โห แกล้งเจ็บขาด้วยเหรอเนี่ย ” 
     
    อิทึกกัดปากเมื่อรู้สึกว่าแผนตัวเองมันเละจนไม่มีชิ้นดี ร่างบางเดินเข้ามาใกล้ๆคังอินก่อนจะมองใบหน้าหล่อคมนั่น
     
     “ ฉันจะทำให้นายลงทุนกับโรงแรมฉันให้ได้ โรงแรมฉันจะต้องมีไวน์ของไร่นาย นายจำคำฉันเอาไว้เลย นายคังอิน ! ”
     
     
    อิทึกคว้ากุญแจรถตัวเองมาไว้ในมือก่อนจะก้าวฉับๆแบบชนิดที่เรียกว่าปกติดีทุกประการคังอินส่ายหัวกับการกระทำของอีกฝ่ายแถมก่อนจะลงบันไดบ้านอิทึกยังหันมาบอกบางอย่าง
     
    “ ฉันจะมาที่นี่จนกว่านายจะยอม ไม่ต้องกลัวนะเราได้เจอกันทุกวันแน่ ! ”
     
    จากนั้นร่างบางก็ขับรถออกไปราวยังกะขับรถแข่งคังอินมองตามท้ายรถที่เริ่มออกไปจากบริเวณไร่เขาแล้วหัวเราะ
     
     
    “ ทำอะไรยังกะเด็ก ..”
     
     
     
    จากที่ประกาศเอาไว้อย่างนั้นเช้าวันต่อมาในบ้านหลังใหญ่ของบ้านไร่ปลายฝันก็มีบุคคลเพิ่มขึ้นมาบนโต๊ะทานข้าวทุกคนกระพริบตาปริบๆมองไปยังปาร์คจองซูที่นั่งยิ้มหวานอยู่ คังอินที่เดินลงมาจากบันไดหยุดชะงักทันทีที่เห็นหน้าบุคคลแปลกหน้าที่ไม่ใช่คนในครอบครัวเขา
     
    “ เอ่อ.. คือหนูจองซูเขาบอกว่า เขามาหาลูกน่ะคังอิน ” ซึงโฮที่ดูจะรับเหตุการณ์ตรงหน้าได้ดีกว่าใครทั้งหมดฮยอกแจกระซิบกับคิบอมสงสัยเขาคงมาจีบพี่คังอิน คิบอมเลยหยิกแก้มเข้าให้บอกว่าเขามาจีบไวน์เรามากกว่าพี่ชายเราจะมีแฟนสวยขนาดนี้ได้เรอะ 
     
    คังอินพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะเดินเข้าไปนั่งข้างๆร่างบางที่ยิ้มหวานให้เขาอยู่ ร่างสูงหันหน้าไปใกล้ๆก่อนจะกระซิบบางอย่างที่ดูจากภายนอกแล้วช่างเป็นภาพที่ดูสวีทมากๆ
     
     


    “ เราคงต้องคุยกันยาวนะครับ คุณจองซู ..”
     
     
     
     
    อิทึกแกล้งทำท่าเขินอายจนฮยอกแจที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามต้องยกมือปิดตาด้วยความเขิน ร่างบางหันกลับมากระซิบข้างๆหูร่างสูงบ้าง
     
    “ ฉันมีเวลาให้คุณเสมอ คุณคังอิน ..” 
     
    ซึงโฮเลยต้องแกล้งกระแอมเมื่อรู้สึกว่าอาหารเช้านี้จะหวานจนเลี่ยนไปซะแล้วคังอินเลยบอกให้ทุกคนทานอาหารเช้าได้อิทึกยังคงนั่งยิ้มหวานแบบที่ตัวเองชอบทำ ซึงโฮดูจะชอบอกชอบใจเพราะบอกว่ารอยยิ้มหนูจองซูนี่มันน่ารักประทับใจจริงๆคงยกเว้นคังอินที่ทำหน้าเซ็งอยู่คนเดียว
     
     
    ………..
    …………………
    ………………………………
     
     
    “ นี่ ! เลิกทำอะไรบ้าๆบอๆอย่างนี้สักทีคุณจองซู ว่างมากก็ไปวิ่งเล่นที่โรงแรมตัวเองไป ”
     
    คังอินที่ลากร่างบางออกมาทันทีที่ทานอาหารเช้าเสร็จอิทึกยังคงถือท่าทางไว้อย่างดี ร่างบางเชิดหน้าขึ้นพร้อมกับเดินมาใกล้ๆคังอินที่ดูจะอารมณ์เสียถึงขีดสุด
     
    “ ไม่ ! ฉันบอกนายแล้วจนกว่านายจะเซ็นสัญญายอมลงทุนกับโรงแรมฉัน ”
     
    “ ทำไมต้องเป็นไร่ผม ไวน์ไร่อื่นเยอะแยะ ”
     
    “ เพราะนายดูถูกฉันไว้ ..ฉันจะทำให้นายดูว่าฉันไม่ใช่ลูกคนรวยทำอะไรไม่เป็น  ! ” คังอินพยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าเขาไปดูถูกร่างบางตรงหน้านี่เมื่อไหร่แต่ท่าทางเอาจริงจังบวกกับใบหน้าหวานที่ไม่ได้มีการล้อเล่นแฝงอยู่ทำให้คังอินตัดสินใจบางอย่าง
     
    “ ก็ได้ ผมจะไม่ขายไวน์ให้กับคนที่ไม่รู้จักไวน์เลยสักนิด คุณพร้อมจะเรียนรู้การทำไวน์ไหมล่ะ คุณปาร์คจองซู ”
     
     
     
    ………
    ………………..
     
     
     
     
     
    ตอนนี้ปาร์คจองซูลูกชายเจ้าของโรงแรมระดับ 5 ดาวกำลังอยู่ในสถานที่เรียกว่าไร่องุ่นที่กว้างใหญ่ไพศาล เสื้อผ้าหน้าผมพร้อมจะทำงานเต็มที่คังอินกอดอกมองลูกชายไฮโซที่เคยใส่แบรนตั้งแต่หัวจรดเท้า ตอนนี้เหลือแต่เพียงกางเกงขาสั้นกับเสื้อลายสก๊อตและกิ๊ฟสีขาวที่นำมาหนีบผมข้างหน้าตามที่ฮยอกแจหามาให้
     
    “ ให้ฉันทำอะไร ..”
     
    “ ตัดกิ่งองุ่น ..”
     
    คังอินบอกแค่นั้นก่อนจะเดินนำไปพร้อมกับตัดแต่งกิ่งองุ่นอย่างชำนาญ อิทึกมองตามอย่างไม่เข้าใจจะทำท่าตัดก็ไม่กล้ากลัวว่าจะทำของเขาเสียคังอินเลยต้องมาอธิบายให้ละเอียดยิบว่าควรทำยังไง ครั้งแรกอิทึกก็ยังคงตัดผิดจนคังอินต้องธิบายเป็นรอบที่สาม จนกว่าจะทำได้ก็ปาเป็นรอบที่ 4 แต่พอตัดสำเร็จก็แหกปากดีใจยังกะถูกรางวัลตังอินมองแล้วก็หัวเราะออกมาจากนั้นทั้งคู่ก็ช่วยกันตัดแต่งกิ่งองุ่นจนสำเร็จ เวลาผ่านไปจนมืดค่ำถึงเวลาที่ต้องกลับบ้านแต่อิทึกกลับบอกว่าปวดแขนมากๆขับรถไม่ไหวแน่ๆ ทุกสายตาในบ้านเลยมองมาที่จุดเดียวจนคังอินต้องยกมือยอมแพ้
     
    “ ก็ได้ๆ ผมไปส่งก็ได้ ..”
     
    คังอินเข้าไปหยิบของสองสามอย่างก่อนจะกลับมานั่งประจำที่คนขับร่างสูงหันมาปรายตามองอิทึกที่พยายามยืดแขนไปมา
     
    “ หวังว่าคงไม่ได้แกล้งปวดแขนอีกนะ ” อิทึกถอนหายใจพร้อมกับยื่นแขนให้ร่างสูงดูมีทั้งรอยโดนกิ่งองุ่นข่วน รอนถลอกนู่น รอยถลอกนี่เต็มไปหมดคังอินเองก็เพิ่งสังเกตนี่ขนาดใส่เสื้อแขนยาวแล้ว ตลอดทางที่ขับรถกลับมีแต่ความเงียบอาจเพราะไม่เคยทำงานอย่างนี้มาก่อนทำให้อิทึกอ่อนเพลียร่างบางเอนศีรษะนอนไปอีกทางแต่พอขับไปขับมา หัวของร่างบางเอนมาทางคังอินที่ขับรถอยู่ ร่างสูงปรายตามองใบหน้าหวานที่ดูเหมือนจะหลับสนิท
     
    อยู่สบายดีดีไม่ชอบ ..
     
    คังอินจับศีรษะให้ร่างบางนอนดีดีตาก็เหลือบไปเห็นมือบางที่บวมแดงเพราะการทำงานทั้งวัน บางทีจองซูอะไรนี่ก็มีขอ้ดีในการไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ คงจะเจ็บมือมากแต่ก็ไม่ยอมเอ่ยปากบอกเขาสักนิด  คังอินลดอุณหภูมิในรถให้เบาลงก่อนจะขับรถต่อไปโดยมีร่างบางที่พิงศีรษะหลับมาตลอดทาง ..
     
    ……….
    …………………………..
    …………………………………….
     
     
    “ วันนี้ผมมีพบลูกค้า รออยู่ที่นี่ก่อน ” มีหรือจะได้ผลอิทึกเปิดประตูรถไปนั่งคู่กับคังอินเรียบร้อยพร้อมกับยืนยันหนักแน่นว่าจะไปด้วย ยังไงก็จะไปด้วยคังอินไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมไป อิทึกยังคงกอดอกล๊อคเข็มขัดนิรภับเรียบร้อยคังอินเลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลย 
     
    การพบลูกค้าเป็นไปอย่างเรียบร้อยถึงแม้ลูกค้าจะเอ่ยชมเขาหลายครั้งว่า แฟนคุณคังอินสวยมาก จะมีใครที่ไหนอีกล่ะ ก็ร่างบางจองยุ่งที่เอาแต่นั่งยิ้มหวานอยู่ข้างๆเขา แถมยังไม่ปฏิเสธอีก มีการตอบว่า ขอบคุณอีก จะบ้าตาย..
     
    “ ทำไมนายถึงชอบไวน์ล่ะ ”
     
    อยู่ดีดีอิทึกก็ถามขึ้นมาระหว่างที่กินข้าวคังอินดื่มน้ำก่อนจะยักไหล่พลางบอกว่า ตอนแรกก็ไม่ชอบแต่เพราะว่าจำเป็นต้องทำก็เลยชอบขึ้นมาเขาเรียนรู้เองตั้งแต่การปลูกไร่องุ่น การทำไวน์ การกลั่น และพ่อก็ไว้วางใจให้เขารับผิดชอบในส่วนนี้และเขาก็ไม่เคยทำให้พ่อผิดหวัง
     
    “ ดีจังเนอะ ต่างจากฉันลิบลับ ไม่เคยมีใครเชื่อว่าฉันบริหารโรงแรมได้ ..แม้แต่โปรเจคเล็กๆในโรงแรมก็ไม่มีใครไว้ใจให้ฉันทำ ..”
     
    อิทึกไม่ได้ตั้งใจพูดให้คังอินฟังร่างบางหันหน้าออกนอกหน้าต่างใบหน้าหวานที่เคยมีรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลากลับเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัดน้ำใสๆที่ดูเหมือนจะไหลผ่านแก้มใสไปแล้วแต่เจ้าตัวก็ไม่ได้สนใจจนกระทั่งมือใหญ่ที่เอื้อมมือมาปาดน้ำตาออกให้เบาเบา
     
    “ อย่างน้อยก็กลับไปบอกแม่ ว่าตัดกิ่งองุ่นเป็น ” คังอินแกล้งพูดให้ตลกจนอิทึกหลุดขำออกมาจนได้ลักยิ้มบุ๋มลงแบบที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้คังอินยิ้มตาม
     



    …………
    …………………………
     



    ตลอดสามอาทิตย์ที่จองซูมาฝึกงานตามที่ฮยอกแจเรียก พัฒนาการของลูกชายเจ้าของโรงแรมจะพัฒนาไปมาตอนนี้อิทึกสามารถชิมไวน์และแยกรสชาติไวน์ออกได้หมด สามารถเรียนรู้วิธีการปรุงรสไวน์และคัดเลือกองุ่นทำไวน์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ  นอกจากความสามารถที่ไม่น่าเชื่อของอิทึกแล้ว ดูเหมือนความสัมพันธ์ทั้งคู่ก็เปลี่ยนแปลงตามไปด้วยจากในตอนแรกจำได้ว่า การเจอหน้าในแต่ละครั้งทะเลาะกันซะไฟแลบแต่ดูเหมือนหลังๆมานี้ บรรยากาศดูหวานๆพิกล ชอบแอบมองกันแล้วก็ยิ้ม ..
     
    ตกหลุมรักกันแล้วใช่ไหม ?
     
    “ ดูเหมือนฝนจะตก รีบๆเข้าบ้านเถอะ ” คังอินบอกอิทึกที่เงยหน้ามองท้องฟ้าแต่ยังไม่ทันไรฝนก็ตกลงมาซะก่อน คังอินคว้าข้อมืออิทึกให้วิ่งตามเข้ามาแต่อิทึกกลับส่ายหน้าพร้อมกับยืนเล่นน้ำฝนอยู่อย่างนั้น
     
    “จองซู เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก ..” อิทึกหันมาตามเสียงเรียกก่อนจะลากคังอินให้ออกมาเล่นด้วยกัน คังอินอิดออดในตอนแรกแต่การที่เขาทำงานมาจนเหนื่อยล้าทั้งวันพอสัมผัสสิ่งที่เย็นชื่นใจอย่างสายฝน ก็ทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาบ้างอิทึกพยายามเดินมาหาคังอินที่เดินไปตามทางไร่องุ่นก่อนจะเสียหลักเพราะว่าดินที่แฉะเพราะน้ำฝนทำให้เดินไม่สะดวก แต่ก่อนจะล้มหัวคะมำคังอินก็คว้าเอวบางของอิทึกไว้ทัน แต่คังอินก็ไม่ยอมปล่อยออกมือแกร่งรั้งร่างบางมาใกล้ๆจนใบหน้าแทบติดกัน สายตาของอิทึกมองคังอินอย่างไม่วางตา จนใบหน้าของคังอินเลื่อนเข้ามาใกล้ถึงได้รู้สึกถึงลมหายใจ อิทึกหลับตาลงเมื่อร่างสูงกดริมฝีปากเพิ่มน้ำหนัก มือบางยกขึ้นคล้องคอคังอินเพื่อให้จูบครั้งนี้แนบสนิทมากกว่าเดิม …
     
    “ โรแมนติคดีเหมือนกัน จูบท่ามกลางสายฝน ” คังอินบอกทั้งๆที่ริมฝีปากยังคลอเคลียอยู่ที่ริมฝีปากบาง อิทึกเองได้แต่ยิ้มเขินๆและดูเหมือนว่าคงจะไม่ได้พูดอะไรอีกนานเมื่อคังอินรั้งร่างบางพร้อมกับแนบริมฝีปากลงไปอีกครั้งและอีกครั้ง ..
     
     
    ปฐพีเป็นพยาน
    ขอให้ความรักมั่นคงดั่งแผ่นดิน
     
     
    …………
    ……………………………..
     
     



     
    “ นี่มันงานเลี้ยงหรืองานแต่งงานกันแน่ ..”  
     




     
    ฮยอกแจมองบรรยากาศในโรงแรม Angel Sea ทั้งๆที่ป้ายประกาศว่างานเลี้ยงฉลองการร่วมลงทุนระหว่างบ้านไร่ปลายฝันกับโรงแรมแต่การจัดงานมันดูหวานแหววแถม เจ้าของงานทั้งคู่ยังตัวติดกันอยู่ตลอดเวลาขนาดนักข่าวยังเอ่ยแซวทั้งคู่ตอนที่ลงนามเซ็นสัญญา ว่ายังกะเซ็นใบทะเบียนสมรส ..เล่นเอาหน้าแดงกันทั้งคู่
     
    หลังจากงานเลี้ยงเสร็จสิ้นอิทึกเดินมาหาคังอินที่นั่งอยู่ตรงริมสระว่ายน้ำ ร่างบางยื่นแก้วไวน์ให้คังอินก่อนจะนั่งลงข้างๆคังอินจิบไวน์แล้วก็ยิ้ม รสชาติไวน์ของเขายังดีไม่มีผิดเพี้ยนคังอินยื่นแก้วให้อิทึกชิมบ้าง
     
    “ ไหนเก่งแล้วตอบมาสิไวน์อะไร ”  
     
    “ Romanee-Conti ” อิทึกตอบหลังจากชิมเข้าไปคังอินแกล้งส่ายหน้าอิทึกหน้าเง้าทันควันพลางยื่นแก้วให้คังอินชิมใหม่ร่างสูงรับมาทำท่าจะดื่มจากแก้วแต่ก็ต้องเปลี่ยนใจยื่นหน้าไปชิมจากปากของอิทึกแทน ด้วยความที่ไม่ทันตั้งตัวทำให้อิทึกได้แต่นั่งนิ่งๆ
     
    “ เจ้าเล่ห์ใหญ่แล้วนะ ..เดี๋ยวนี้ !”
     
    “ อ้าวมีแฟนเจ้าเล่ห์ก็ต้องหัดเจ้าเล่ห์สิ เดี๋ยวโดนแฟนหลอกทำไง ”  
     
    อิทึกแลบลิ้นใส่คนตรงหน้าหาว่าเขาเจ้าเล่ห์ได้ยังไงกันเขาทำเพราะความจำเป็นหรอกคังอินบีบจมูกคนที่แลบลิ้นแพลบๆอยู่ตรงหน้าอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะคว้าตัวมากอดไว้หลวมๆ
     
     
    “ พ่อฝากคำถามมาถามคำถามหนึ่ง ” อิทึกมองหน้าคังอินอย่างสงสัยปาร์คซึงโฮเนี่ยนะจะฝากคำถามมาถามเขา ทำไมไม่ถามต่อหน้าเขาตรงๆล่ะ คังอินแกล้งทำหน้าจริงจังจนอิทึกเริ่มตื่นเต้นไปด้วย
     
     
     
    “ เมื่อไหร่เราจะแต่งงานกัน ..”
     
     
     
    อิทึกจากที่ตื่นเต้นกลายเป็นรู้ทันคนตรงหน้าพลางยกมือตีคังอินไปหลายทีโทษฐานให้เขาตกใจเสียงหัวเราะที่ดังลั่นไปทั่วบริเวณสระว่ายน้ำ คนที่แอบมองทั้งคู่อยู่ตรงทางประตูอย่างอีฮยอกแจยังต้องจับแก้มตัวเองเพราะรู้สึกเขินแทน คิบอมมองแล้วยิ้มตาหยี พี่ชายคนโตที่ตอนนี้ชีวิตดูจะสมบูรณ์แบบครบถ้วน
     




     
    ความรักของปฐพี
    ยิ่งใหญ่เหมือนแผ่นดิน
     
    ……….
    …………………….
    …………………………………….
     
     
     


    TO  BE  CON  วายุภัคมนตรา
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×