ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC :: 4 ROMANCE :: [ Super junior ]

    ลำดับตอนที่ #3 : ดวงใจอัคนี

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ย. 53



    Music Playlist at MixPod.com



     
     
     
    ดวงใจอัคนี
    เร่าร้อนดั่งเปลวไฟ แต่อบอุ่นยิ่งกว่าสิ่งใดที่เคยพบเจอ ..
     
     
     




    “ ก็บอกว่าส่งไปแล้ว ไม่เข้าใจเหรอวะ ! จะให้พูดอีกสักกี่รอบห๊ะ !! ” เสียงพูดคุยโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ทุกคนที่โต๊ะอาหารหันไปมองและก็ไม่แปลกใจที่จะได้ยินเสียงนี้ ในเมื่อมันเกิดปัญหานี้ทุกวัน
     
    “ ไปบอกมันไปค้นหาบิลให้เจอ ไม่งั้นตายแน่ !! ” พร้อมกับเสียงโทรศัพท์ที่วางดังโครม จนทุกคนแทบสะดุ้ง คังอินบอกกับตัวเองที่เริ่มชาชินกับกับการเป็นคนเจ้าอารมณ์ของน้องชายคนรอง แต่ในการทำธุรกิจบางทีอารมณ์ร้อนเกินไปก็อาจจะส่งผลเสียต่อการทำงานได้
     
    “ นายควรจะใจเย็นบ้างนะ คยูฮยอน ”
     
    “ เหอะพี่ มันด่าผมปาวๆ เรื่องอะไรจะต้องใจเย็น อยากจะเอาปืนไปยิงมันจริงๆ ” คยูฮยอนกระแทกช้อนลงกับชามก่อนจะตักกินอาหาร
     
    “ เอ่อ พ่อมีเรื่องจะบอกเมื่อวันก่อนเพื่อนพ่อเขาอยากจะฝากลูกชายเขาไว้กับเราสัก 2 เดือนเขาต้องไปติดต่อธุรกิจที่อิตาลีแต่เจ้าลูกชายไม่ยอมไป งองแงจะอยู่ที่นี่เขาก็ไม่รู้จะทำไง เลยมาฝากพ่อไว้ ”
     
    “ ก็ได้นี่ครับ ที่บ้านเราเยอะแยะ ”
     
    “ แต่ใครจะดูแลเขาล่ะ ”
     
    “ ต้องดูแลขนาดไหนเหรอครับ ”
     
    “ ใกล้ชิด จริงๆเขาอยากจะดัดนิสัยลูกเขาด้วยละมั้ง เหมือนจะเป็นเด็กเอาแต่ใจ ” ทุกคนร้อง อ้ออย่างเข้าใจยกเว้นแต่คยุฮยอนที่เบะปากเขาเกลียดพวกคุณหนูเข้าไส้ นิสัยแต่ละอย่างของคุณหนูทำให้เขาอยากจะบีบคอให้ตายคามือจริงๆ
     
    “ คงต้องใช้พวก เด็ดขาด โหด ชอบออกคำสั่ง ถึงจะได้ผล ”
     
    ทันทีที่จบประโยคทุกคนบนโต๊ะก็เงยหน้าเป็นจุดเดียว คยูฮยอนหยุดมีดที่กำลังหั่นเนื้อค้างไว้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองทุกคนร่างสูงวางมีดลงทันที
     
    “ หยุดความคิดที่คิดอยู่เดี๋ยวนี้ พี่ พ่อ น้องด้วย เอ๊า บอกได้เลยนะผมสติแตกแน่ๆถ้าจะต้องอยู่กับพวกคุณหนูเกิน 10 นาที ”  คยูฮยอนยืนกรานเป็นตายร้ายดียังเขาก็ไม่มีทางจะเอาตัวไปเกี่ยวพันจะลูกคุณหนูเด็ดขาด แต่ทุกคนก็ยังคงใช้สายตามองเขาอย่างขอที่พึ่ง รวมทั้งสายตาของพ่อที่ดูเหมือนจะแกล้งใช้มุขชราภาพที่ชอบใช้ประจำหลอกล่อเขาอยู่
     
     
    “ก็ได้ ๆ ลูกเขาตายอย่ามาว่าผมนะ !! ”
     
     



    ………………..
    ………………………………………………

     
    เวลาผ่านไปจนถึงเวลาบ่ายจากในตอนเช้าที่เขาเหมือนจะเพิ่งเถียงกับครอบครัวไปหยกๆเรื่องการดูแลคุณหนูอีซองมิน จนเวลาผ่านไปคุณหนูอีซองมินในแบบตัวเป็นๆก็ปรากฏอยู่กลางบ้าน ร่างบางที่ใส่หมวกสีชมพูนั่งห้อยขาอยู่บนกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ปากก็ยังเคี้ยวหมากฝรั่งไม่ยอมหยุด แถมไม่ยอมพูดอะไรสักคำ
     
    “ อีซองมิน นายควรจะลงมาจากกระเป๋า หยุดเคี้ยวหมากฝรั่ง แล้วยกกระเป๋าขึ้นไปเก็บบนห้องด้วย ” โจคยูฮยอนกอดอกมองร่างบางที่เหมือนไม่ได้ยินที่เขาพูดจนเส้นเลือดในสมองโจคยูฮยอนแทบจะแตกอยู่รอมร่อ
     
    “ ทำไมต้องขนขึ้นไปเอง ไม่มีคนใช้เหรอไง ”
     
    “ มี แต่นายต้องทำเอง ! ”
     
    “ ทำไมต้องตวาดด้วยเล่า พูดดีดีไม่ได้หรือไง อารมณ์ร้อนยังกะไฟ ”
     
    อีซองมินลุกขึ้นมายืนจ้องมองหน้าโจคยูฮยอนที่ดูจะสูงกว่าเขาหลายเซน คยูฮยอนดันหน้าของซองมินออกไปพร้อมกับกอดอกมองร่างบางที่ยังคงยืนนิ่ง
     
    “ ฉันชื่อโจคยูฮยอน เป็นลูกชายคนที่สองของบ้าน และที่สำคัญจะเป็นคนดัดนิสัยนาย ยัยคุณหนู !! ”
     
    “ ไอ้บ้า ! อย่ามาเรียกฉันอย่างนี้นะ ดัดนิสัยอะไรกัน พูดจาให้มันดีดีหน่อย ฉันไม่อยู่ที่นี่แล้ว จะกลับบ้าน !! ” ซองมินผลักอกร่างสูงออกไปพร้อมกับคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งใจจะกดโทรออกแต่ร่างสูงก็ไวกว่า คยูฮยอนคว้าโทรศัพท์เครื่องหรูออกมาแกะแบตออกพร้อมกับโยนมันออกไปที่ไกลๆ ซองมินตาโตก่อนจะเข้าไปทุบโจคยูฮยอนด้วยความโมโห







     
    “ เงียบ !!!!!!!!!!!!!!!! ”
     







    ร่างสูงจับแขนร่างบางให้หยุดตีพร้อมกับตวาดดังลั่น ซองมินเองก็ตกใจในชีวิตเขาไม่เคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้มาก่อนเลยนะ ไม่มีใครกล้ามาตวาดเขาเลยแม้แต่น้อย คยูฮยอนหายใจเข้าพร้อมกับสงบสติอารมณ์
     
    “ ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย เอาของขึ้นไปเก็บ ”
     
    สองมือแกร่งปล่อยข้อมือบางออกก่อนจะเดินนำขึ้นบันไดไป อีซองมินตวัดสายตามองร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงบันไดก่อนจะคว้าข้าวของของตัวเองที่เยอะจนแทบถือไม่ไหว ใครจะเข้ามาช่วยคยูฮยอนก็ได้แต่สั่งห้าม จนซองมินต้องพยายามแบกของอย่างทุลักทุเลขึ้นบันไดตามร่างสูงไป
     
     
    ทันทีที่สองคนเดินพ้นบันไดไปคังอินคิบอมและฮยอกแจก็โผล่หน้ามาตามลำดับ พร้อมกับทำหน้าตาสงสารซองมินจับใจ
     
    “ พี่ว่าคุณหนูซองมินจะอยู่รอดกี่วัน ..”
     
    “ ไม่ก็พี่คยูฮยอนอาจจะสติแตกก่อน”
     
     
    ………………
    ……………………………
    ……………………………………………..
     
    พอเอาของเข้ามาเก็บในห้องอีซองมินนึกว่าเรื่องมันจะจบ โจคยูฮยอนยังสั่งให้เขาทำความสะอาดห้องเองด้วยตั้งแต่กวาดพื้น ถูพื้น เช็ดทุกซอกทุกมุม ทำแทบทุกอย่างจนห้องสะอาดใหม่เอี่ยม ยังไม่ทันจะได้พักร่างสูงก็ให้อีซองมินเปลี่ยนชุดพร้อมกับบอกว่าไปเจอตรงฟาร์มโคนม
     
    “ นายจะให้ฉันทำงานอย่างนี้เนี่ยนะ !! ”  ซองมินเอ่ยถามเมื่อคยูฮยอนยื่นครากสำหรับทำความสะอาดคอกวัวให้ ร่างสูงก็ยังคงพยักหน้า พร้อมกับยื่นครากให้ตามเดิม ซองมินรับมันมามองอย่างไม่เข้าใจก่อนจะเดินตามคยูฮยอนเข้ามาในคอกวัว ร่างสูงสั่งให้ซองมินทำความสะอาดคอกวัวทั้งหมดให้เสร็จ
     
    “ เดี๋ยว ! นี่ฉันไม่เคยทำงานอย่างนี้เลยนะ นี่ไอ้บ้าฟังฉันก่อนสิวะ !!! ” คยูฮยอนยักไหล่ไม่สนใจก่อนจะเดินเข้ามาหาซองมินใกล้ๆอีกทีร่างสูงล้วงกระเป๋าเอี๊ยมซองมินด้านหน้าเอาหมากฝรั่งทั้งหมดออกมา
     
    “ ถ้าเห็นว่าเคี้ยวหมากฝรั่งอีก ฉันจัดการนายแน่ ”
     
    คยูฮยอนเดินจากไปที่ไหนไม่รู้รอบๆตัวเหลือแต่คนงานที่เข้ามาสอนเขาทำความสะอาดคอกวัว ร่างบางได้แต่มองตามคยูฮยอนอย่างโมโห คอยดูเถอะ !
     
    เวลาผ่านไปจนกระทั่งเย็นคุณหนูอีซองมินที่เคยกินๆนอนๆใช้เงินวันสองสามล้านวอนในการชีอปปิ้ง ตอนนี้มือบางกำลังยกขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลลงมาไม่หยุดพร้อมกับยกมือขึ้นพัดๆตามลำคอเมื่อในคอกวัวร้อนมากจริงๆ แถมเขายังแหกปากตลอดเวลาที่เจ้าวัวจะเดินเข้ามาใกล้ ทำให้เสียพลังงานมากกว่าคนอื่นหลายเท่า
     
    “ ไปคลุกฝุ่นมาหรือไง มอมแมมยังกะลูกแมว ” เสียงที่ดังขึ้นทำให้ซองมินหันไปมองก่อนจะค่อยๆเดินออกมาจากคอกวัวคอกสุดท้ายสองมือบางพยายามหาที่พึ่งเพื่อยืนให้ตรง
     
    “ ฉันจะโทรหาพ่อ จะกลับบ้านเดี๋ยวนี้ !! ”
     
    “ เสียใจด้วยนะ นายไม่มีสิทธิ์จะใช้โทรศัพท์ เข้ามาที่นี่แล้วอย่าคิดว่าจะออกไปง่ายๆ ” อีซองมินตั้งใจจะเถียงต่อแต่เรี่ยวแรงทั้งหมดก็แทบจะไม่มี ร่างบางได้แต่ยกมือชี้นิ้วค้างไว้อย่างนั้น
    “ ถ้าฉันหนีได้ ฉันจะสาปแช่งนายให้ชีวิตล่มจมเป็นคนแรก !!”
     
    พอกลับเข้ามาในบ้านโจคยูฮยอนก็บอกเวลาอาหารเย็นอีซองมินก็ยังคงเล่นตัวบอกว่าไม่หิวก่อนจะขอตัวขึ้นห้องนอนแล้วก็ไม่กลับมาลงมาอีกเลย ทุกคนบนโต๊ะอาหารต่างก็บอกว่าให้เก็บอาหารไว้ให้ซองมิน แต่คยูฮยอนก็สั่งเด็ดขาดว่าไม่ต้อง !
     

    ……
    …………..
    ………………………………….


     
    เวลาตีหนึ่งกว่าๆ เสียงเปิดประตูที่ดังขึ้นเบาๆบวกกับเจ้าตัวพยายามเดินอย่างเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ สองมือป่ายแปะไปตามกำแพงก่อนจะค่อยๆไต่ลงไปตามบันไดก่อนจะเดินไปตามทางที่คิดว่าเป็นห้องครัว ร่างบางค่อยๆยิ้มออกมาเมื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือ ตู้เย็น มือบางตั้งใจจะเปิดออกแต่อยู่ดีดีไฟก็สว่างพรึบ !!
     
    “ อีซองมิน ! ”
     
    ร่างบางถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายชีวิตนี้จะไม่พ้นไอ้คนโมโหร้ายตรงหน้าได้เลยใช่ไหม ร่างบางกอดอกพร้อมกับพิงเค้าเตอร์โจคยูฮยอนเดินเข้ามาใกล้ๆพร้อมกับเปิดตู้เย็นหยิบนมออกมาก่อนจะปรายตามองร่างบางที่มองกล่องนมตาละห้อย ร่างสูงหยิบแก้วนม ขึ้นมาก่อนจะเทนมใส่แก้ว ก่อนจะวางไว้ตรงหน้าซองมิน
     
    “ กินซะ ”  ซองมินหันมามองหน้าคยูฮยอนอย่าง งง งง แต่ทิฐิก็ยังไม่อยกาจะหยิบแก้วนมขึ้นมากลัวเสียฟอร์ม คยูฮยอนส่ายหัวด้วยความอ่อนใจ
     
    “ นับ 1 ถึง 3 ไม่กินอย่ากิน !! ”
     
     
    “ 1 ”
     
    “ 2 ”
     
    ยังไม่ทันนับสามร่างบางก็คว้าแก้วนมดื่มอึกๆเหมือนกับว่ามันจะหายไปต่อหน้าต่อตา คยูฮยอนหัวเราะกับท่าทางของยัยคุณหนูตรงหน้าอีซองมินดื่มนมจนหมดแก้วแทบไม่เหลือโดยมีคยูฮยอนยืนกอดอกยังกะคุณพ่อมายืนคุมลูกกินนมสมัยประถมพอทุกอย่างเสร็จสิ้น ร่างสูงก็เดินนำปิดไฟห้องครัวก่อนจะเปิดไฟฉายที่ติดตัวมาด้วยส่องทางเวลาก้าวขึ้นบันได
     
    “ เร็วๆได้ไหมอีซองมิน  จะได้นอนไหมคืนนี้ เดินช้าขนาดนั้น ”
     
    “ ก็มันมองไม่เห็นนี่ ! ”
     
    อีซองมินพยายามจับราวบันไดไว้อย่างมั่นคงกลัวว่าจะก้าวพลาดแล้วกลิ้งตกลงมา แต่ยังไม่ทันจะก้าวขั้นต่อไปคนที่เดินนำไปตั้งแต่ตอนแรกก็ยื่นมือมาให้ ซองมินมองมือที่แบอยู่ตรงหน้าก่อนจะเงยหน้ามองร่างสูง ซองมินไม่รู้ว่าใบหน้าของคยูฮยอนจะเป็นอย่างไรตอนนี้ในเมื่อมันมืดซะจนมองไม่เห็น
     
    “ กลัวจะตกบันได สมองกระทบเทือนแล้วบ๊องมากกว่าเดิม ”
     
    โจคยูฮยอนก็ยังเป็นโจคยูฮยอน ซองมินเบะปากแต่ก็ยอมวางอยู่มือลงบนมือใหญ่ก่อนจะเดินตามร่างสูง ตลอดทางไม่มีเสียงถกเถียงเหมือนเมื้อกี้แต่เมื่อซองมินจะเดินสะดุดขากางเกงนอนตัวเองมือใหญ่ของคยูฮยอนก็กระชับมือเล็กที่จับอยู่ให้แน่นขึ้นไปอีก
     
    ……..
    ………………………
     
     

    “ อีซองมิน ! ฉันให้เวลานาย 5 นาที ไม่งั้นฉันเอาน้ำมาสาดนายแน่ !!! ”
     



    เวลาเช้ามืดพระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น คุณหนูอีซองมินในชุดเอี๊ยมกำลังพยายามยืนตัวให้ตรงอยู่ตรงข้างรถที่กำลังจะไปส่งนม ร่างบางมองคยูฮยอนที่กำลังตรวจเช็คถังนมที่ถูกยกขึ้นมาหลังรถตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยตื่นเช้าขนาดนี้เลยด้วยซ้ำ พอดูเหมือนจะเสร็จสิ้นโจคยูฮยอนก็สั่งให้ซองมินขึ้นรถ
     
    การส่งนมที่โรงงานไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไรก็แค่ยกนมที่อยู่ในรถทั้งหมดลงมาก็แค่นั้น แต่นั่นแหล่ะคือสิ่งที่ยุ่งยากของอีซองมินเพราะทันทีที่ถึงโรงงานคยูฮยอนก็สั่งให้อีซองมินยกถังนมลงมาทั้งหมด อีซองมินตื่นเต็มตาก่อนจะพยายามยกถังนมลงจากรถอย่างทุกลักทุเล จนคนงานที่โรงงานเห็นแล้วสงสารเข้ามาช่วยกัน เพราะเห็นว่าอีซองมินตัวเล็กกระจิดริ๊ดจะยกถังนมใหญ่บะเร่อบะร่าได้ยังไง
     
    พอเสร็จสิ้นการส่งนมพระอาทิตย์ก็เริ่มโผล่พ้นมาจากขอบฟ้า ร่างบางนั่งท้าวคางมองออกไปนอกหน้าต่างมือบางยื่นออกไปรับลมก่อนจะมองพระอาทิตย์ดวงโต
     
    “ สวยจังเลย ..”
     
    คยูฮยอนขับรถให้ช้าลงพลางหันไปมองซองมินที่มองพระอาทิตย์ขึ้นรอยยิ้มที่ยิ้มออกมาดูจริงใจและมีความสุขจริงๆร่างสูงหยิบแว่นขึ้นมาสวมเมื่อแสงอาทิตย์เริ่มเข้าตา 
     


    ……..
    …………………………..
     
     
     
     
    “ รีดนมวัว ?”
     
    อีซองมินฟังประโยคที่ดูเหมือนว่าสั่งให้ไปหาจานบินยูเอฟโออะไรประมาณนั้น ร่างบางหน้าบึ้งตึงขึ้นมาอย่างทันควัน ก่อนจะนั่งลงตรงขอบฟุตบาทสองมือท้าวคางแบบที่เจ้าตัวชอบทำ
     
    “ไม่ต้องมาทำท่าทางคุณหนูเลยนะ มานี่ซะดีดี ! ” คยูฮยอนลากซองมินมานั่งลงตรงหน้าวัวพร้อมกับสอนท่าทางให้ ซองมินไม่กล้าแม้แต่จะจับ ร่างบางกลัวในสิ่งที่ไม่เคยทำ ยิ่งวัวดิ้นไปดิ้นมาซองมินก็ยิ่งไม่กล้าเข้าไปใหญ่
     
    “ ทำความคุ้นเคยกับมันสิ เดี๋ยวมันก็เตะนายให้หรอก ..”
     
    เป็นคำพูดที่ดูเป็นการให้กำลังใจมากซองมินยกมือลูบขนมันเบาๆ พลางบอกว่านี่ซองมินนะมารีดนมให้ พลางบอกว่านมมีประโยชนือย่างโน้นอย่างนี้จนคยูฮยอนนึกขำคำพูดเหมือนเด้กประถมกำลังหลอกเด็กอนุบาล ซองมินหันมาค้อนขวับก่อนจะเขยิบหนีไปอีกทางมือบางพยายามปัดผมที่ตกลงมาปิดหน้าปิดตาให้พ้นทางออกไป
     
    “ นี่ ! นายหยิบยางมามัดจุกให้หน่อย ..”
     
    คยูฮยอนดึงยางสีชมพูออกมาจากข้อมือของซองมิน เพราะว่าตอนนี้มือของร่างบางกำลังจับที่เต้านมวัวพร้อมจะรีดนม ร่างสูงจิ๊ปากอย่างขัดใจเขาไม่เคยทำอะไรอย่างนี้มาก่อนนะ ถึงฮยอกแจจะผมยาวเขาก็ไม่เคยจับเจ้าน้องชายมามัดผมอะไรอย่างนี้ท่าทางเก้ๆกังทำให้ซองมินขมวดคิ้ว ร่างสูงมัดจุกบนน้ำพุให้ซองมินสำเร็จ ใบหน้าจิ้มลิ้มเมื่อมีจุกน้ำพุอยู่บนหัวมันก็ดูเข้ากัน
     
    “ มองอะไรจะหาว่าฉันประหลาดอีกล่ะสิ !”
     
    คยูฮยอนหัวเราะก่อนจะเอื้อมมือมาดึงจุกแรงๆ ทีนึงพร้อมกับลุกขึ้นแต่ก็ยังหันกลับมาบอกบางอย่าง
     
     
    “ ป่าว จะบอกว่านายก็น่ารักดี ..”
     
     
    อีซองมินอ้าปากค้างก่อนจะค่อยลูบขนวัวที่อยู่ตรงหน้าต่อแต่แรงดึงที่จุกบนหัวอีกครั้งทำให้ซองมินต้องเงยหน้าอีกรอบ
     
    “ ชมแค่นี้ อย่าได้ใจไปล่ะ ยัยคุณหนู !! ”
     
     
     
     
    ……….
    ………………………
     
     
    “ อีซองมิน ! จะตื่นไหมห๊ะ อยากโดนน้ำสาดอีกรอบใช่ไหม !! ”
     
    “ อีซองมิน ! นายใส่อะไรในกาแฟฉัน อยากตายเหรอไง !! ”
     
    นับเป็นประโยคที่เกิดขึ้นตลอด 1 เดือนที่ผ่านมาเสียงโวยวายของคยูฮยอนกับเสียงที่เถียงไฟแลบของคุณหนูอีซองมินมักจะเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นภายในบ้านไปแล้ว ในตอนแรกเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นต่างๆซึงโฮเลยตัดสินใจจะส่งซองมินกลับบ้านเพราะกลัวลูกเขาจะบอบช้ำซะก่อน แต่คยูฮยอนก็ยืนกรานว่า ไม่สมควรส่งกลับต้องดัดนิสัยอีกนาน จำได้ว่าเขาเข้าไปคุยกับซองมินเองว่าจะเอายังไง เจ้าตัวก็ยืนยันคำเดียวว่าจะกลับ ยังไงก็จะกลับ ! แต่ก็โดนคยูฮยอนลากตัวไปซะก่อน ผู้เป็นพ่อเลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลยไม่อยากจะยุ่งเรื่องเด็กมากนัก
     
    แต่หลังๆมานี้เขาเพิ่งจะสังเกตว่า ทั้งสองคนเปลี่ยนไป ถึงแม้ว่าคยูฮยอนจะดุซองมินขนาดไหน แต่เจ้าตัวเล็กก็ยังยิ้มระรื่นพร้อมกับแกล้งกลับได้อย่างสาสม และที่น่าแปลกที่สุดก็คือ พอซองมินแกล้งกลับแทนที่เจ้าลูกชายจะโวยวายแผดเผาบ้านอย่างที่ชอบทำ แต่กลับแค่โมโหเล็กน้อยพร้อมกับแกล้งดุซองมินไปอย่างนั้น
     
    และเดี๋ยวนี้ตัวติดกันอย่างกับปาท่องโก๋
     
    ปาร์คซึงโฮ คิมคิบอม และอีฮยอกแจ ขาดคังอินเพราะเจ้าตัวบอกว่า ทำอะไรเป็นเด็กๆ ไม่เอาด้วย สามคนคอยสังเกตุการกระทำของทั้งคู่และก็ลงความเห็นตรงกันทั้งสามคน
     
    เขารักกันอย่างแน่นอน !!




     
    ………
    ……………………..



     
    “ อีซองมิน ยืนทำอะไรอยู่หน้าปฏิทินนานแล้วนะ รีบๆไป ”
     
     ร่างบางมองตัวเลขที่ปรากฏบนปฏิทินแล้วหันมามองหน้าคยูฮยอนตั้งใจจะเอ่ยอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่ยอมพูดสุดท้ายก็คว้าเอาหมวกขึ้นมาสวมเดินผ่านคยูฮยอนไปเฉยๆ ร่างสูงเหลือบมองปฏิทินแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรร่างสูงไม่ทันจะได้ก้าวออกไปไหนคนงานในบ้านก็นำกล่องพัสดุมาให้คยูฮยอน กล่องกระดาษขนาดกลางๆทำให้คยูฮยอนนึกสงสัยนานแล้วนะ ที่บ้านเขาไม่ได้รับพัสดุแบบนี้ ตราที่ประทับบอกได้ว่ามาจากต่างประเทศ พอหยิบขึ้นมาดูใกล้ๆก็เห็นชื่อผู้รับว่า
     
    อีซองมิน ..
     
    คยูฮยอนถือวิสาสะเปิดการ์ดที่แปะไว้ออกอมาอ่านก่อนจะเข้าใจเรื่องทั้งหมด
     
     
     
    วันนี้ทั้งวันซองมินดูจะซึมๆอย่างไม่เคยเป็นสั่งให้ทำอะไรก็ทำ ไม่เถียงแถมยังเหม่ออีกด้วย กวาดมันซ้ำๆอยู่ที่เดิมไม่ได้เปลี่ยนทิศทางไปไหน สั่งให้รีดนมวัวก็เอาแต่นั่งนิ่งๆ จนคยูฮยอนบอกให้ไปพักเพราะกลัวว่าจะป้ำๆเป๋อๆจนโดนวัวเตะไปซะก่อน
     
    “ นายป่วยเหรอไง ” คยูฮยอนถามขึ้นเมื่อเห็นว่าซองมินอาการน่าเป็นห่วงอย่างไม่เคยเป็น
     
    “ นี่ คยูฮยอน …”
     
    “ หืม ?”
     
    “ วันนี้ไม่กินข้าวเย็นนะ ”
     
    ซองมินเดินขึ้นห้องไปเหลือแต่คยูฮยอนที่กอดอกมองหลังร่างบางที่เดินขึ้นบันไดก่อนจะคิดอะไรได้บางอย่าง
     
    ……………………..
    ………………………………………
     
    ซองมินนอนนิ่งๆบนเตียงมาสองสามชั่วโมงเวลาบอกถึงเวลา 4 ทุ่มอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเลยวันเกิดเขาแล้ว เป็นวันเกิดที่เงียบเหงาดีจริงๆ ไม่มีแม้แต่คำว่า Happy Birthday จากใครสักคนร่างบางปาดน้ำตาออกจะร้องไห้ทำไมกันก็แค่วันวันหนึ่งไม่เห็นจะสำคัญอะไรมากมาย นอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ดีดีไฟในบ้านก็ดับพรึบ !
     
    ซองมินลุกขึ้นมานั่งบนเตียงมือบางควานหาไฟฉายแต่ก็ไม่พบอะไรทั้งสิ้น ซองมินไม่ชอบความมืดเท่าไหร่นักร่างบางลุกขึ้นสองมือคลำกำแพงก่อนจะเจอประตูห้อง อย่างน้อยไฟดับคนในบ้านก็น่าจะออกมาดูบ้างว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอเปิดประตูนอกห้องเขาก็พบว่ามันยังมืดสนิทและดูเหมือนจะไม่มีใครอยู่บ้านเพราะทุกอย่างเงียบสนิท ซองมินค่อยๆก้าวลงมาจากบันไดอย่างน้อยออกไปนอกระเบียงให้มันมีแสงสว่างก็ยังดี
     
    ทันทีที่ประตูระเบียงเปิดออกอีซองมินก็ต้องยืนนิ่งนอกระเบียงมีแสงสว่างจริงๆแต่เป็นแสงสว่างจากแท่งเทียนที่ปักอยู่บนเค้กก้อนใหญ่ ร่างบางยังคงยืนค้างอยู่ที่หน้าประตูรู้สึกตัวอีกทีเมื่อปาร์คซึงโฮแตะไหล่ให้เขาเดินมา น้ำตาที่อยู่ดีดีก็ไหลลงมาอย่างห้ามไม่ได้ เสียงร้องเพลงอวยพรวันเกิดดังก้อง อีฮยอกแจที่มีหมวกทรงสามเหลี่ยมอยู่บนหัวในมือถือเค้กเดินมายื่นให้กับซองมิน
     
    “ คุณหนูต้องอธิษฐานก่อนนะ ” คิมคิบอมที่อยู่ข้างๆฮยอกแจบอกก่อนจะยิ้มตาหยีอย่างที่ชอบทำซองมินเหลือบตามองคยูฮยอนที่ยืนกอดอกอยู่อีกฝั่งก่อนจะหลับตาแล้วอธิษฐานเมื่อซองมินเป่าเค้กแล้ว ก็เหมือนเกิดปาร์ตี้เล็กๆขึ้น ซองมินตัดเค้กแล้วนำมาให้กับซึงโฮพร้อมกับกอดขอบคุณ ซึงโฮดูจะชอบอกชอบใจไม่ได้เห็นงานปาร์ตี้มานานแล้ว
     
     
     รอบตัวเขามีความสุขมากจริงๆเหมือนย้อนสมัยไปตอนเด็กๆ ปาร์คซึงโฮมองบรรยากาศรอบๆ คิบอมกำลังแกล้งฮยอกแจโดยเอาสายรุ้งกระป๋องมาฉีดใส่หัว และเรื่องก็จบแบบเดิมๆเมื่อฮยอกแจสู้ไม่ได้เลยต้องไปขอความช่วยเหลือจากคังอิน ข้างๆมีคยูฮยอนยืนกอดอกถือแก้วน้ำอยู่ แต่ที่แปลกคือ ข้างๆคยูฮยอนก็ยังมีซองมินที่พยายามจะฉีดสายรุ้งเล่นกับเขาบ้าง แต่ดูเหมือนหัวเสปย์จะแข็งเกินไป พยายามกดแล้วก็ยังไม่ออกเดือดร้อนถึงคยูฮยอนที่ต้องมาช่วย พอฉีดออกก็เผลอฉีดใส่คยูฮยอนซะยกใหญ่ จนร่างสูงต้องแกล้งคืน
     
    เวลาผ่านไปทุกคนก็แยกย้ายกันไปนอนเหลือแต่ซองมินที่ยังคงนั่งบนขอบระบียงมองบ้านไร่ปลายฝันที่กว้างจนสุดลูกหูลูกตา บรรยากาศที่นี่สวย อบอุ่นสมกับที่พ่อเขาบอกจริงๆ เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ซองมินหันไปมองคยูฮยอนเดินมานั่งตรงเก้าอี้นวมสำหรับนอนมองดูดาว
     
    “ เป็นปาร์ตี้วันเกิดที่วุ่นวายเหมาะกับนายดีนะ ” ซองมินหัวเราะตามที่คยูฮยอนบอกมันเป็นปาร์ตี้ที่วุ่นวายจริงๆมันไม่ใช่เพราะเขาเองแต่เป็นเพราะครอบครัวบ้านนี้ต่างหาก
     
    “ ขอบคุณนะ คยูฮยอน ” ซองมินไม่ได้หันมามองคยูฮยอนตอนบอก ร่างสูงเหลือบมองหลังของคนที่พูดเพียงเล็กน้อยแต่ไม่นานซองมินก็กระโดดลงมาจากระเบียงมานั่งข้างๆคยูฮยอนก่อนจะเอนตัวนอนลงตาม
     
    “ ตัวนายอุ่นเหมือนไฟ ” คยูฮยอนหันมามองก่อนจะหันกลับไปมองฟ้าตามเดิมแต่อยู่ดีดีคยูฮยอนก็ยกแขนขึ้นก่อนจะรั้งร่างซองมินให้เข้ามาอยู่ใกล้ๆ
     
    “ อยากอุ่นกว่านี้ไหมล่ะ ” ซองมินเหลือบตาขึ้นมามองยิ้มๆแต่ใบหน้าของคยูฮยอนก็ยังมองฟ้าตามเดิม
     
     
     
    “ กอดสิ ..”
     
     
     
    ซองมินกลั้นยิ้มจนแก้มแทบระเบิดแต่สองมือก็เอื้อมกอดคยูฮยอนไว้ทั้งตัวคยูฮยอนกระชับอ้อมกอดให้แน่นมากกว่าเดิม
     
     
     
    …………
    …………………………..
     
     
      
    “ ซองมิน พ่อหนูโทรมาให้หนูเตรียมตัวเก็บของได้แล้วนะ ต้องกลับออสเตรเลียแล้วไม่ใช่เหรอ ”
     
    ซึงโฮบอกซองมินที่ตอนนี้เงยหน้าขึ้นมามองพร้อมกับรับคำเบาๆ สายตาของซองมินเหลือบมองคยูฮยอนเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังมองเขาอยู่แต่เพียงไม่นานคยูฮยอนก็กินข้าวตามปกติ
     
    ตลอดทั้งอาทิตย์เกิดอะไรขึ้นระหว่างซองมินและคยูฮยอนคนในบ้านพากันสงสัยจากคนสองคนปกติตัวติดกันตลอดเวลาแต่กลายเป็นว่าต่างคนต่างอยู่ เวลาที่ต้องเจอหน้ากันตรงๆต่างฝ่ายต่างก็หลบตากัน พูดคุยกันวันละสองประโยค คยูฮยอนไม่ได้ปลุกซองมินไปทำงานเหมือนอย่างเคย ร่างสูงออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้ากลับมาอีกทีก็มืดค่ำ ซองมินเองก็เอาแต่ถ่ายรูปภายในบริเวณไร่บ้านไร่ปลายฝันไปเรื่อยๆ
     
    จนถึงวันสุดท้ายทั้งสองคนก็ยังคงเหมือนเดิม คังอินยกกระเป๋าใบสุดท้ายของซองมินขึ้นรถก่อนจะยกขบวนไปส่งคุณหนูซองมินที่สนามบินกันทั้งหมด ภายในรถทุกคนยังคงเงียบเมื่อเห็นว่าทั้งๆที่ซองมินและคยูฮยอนนั่งติดกันไหล่แทบจะเกยกันอยู่แล้วแต่กลับไม่มีคำพูดใดๆระหว่างกัน แค่หน้ายังไม่หันมามองกันเลยสักนิด
     
    “ หนูซองมินกลับมาเยี่ยมลุงบ้างนะ เรียนอีกปีเดียวก็จบแล้ว ” ซึงโฮลูบหัวซองมินด้วยความเอ็นดูก่อนที่ร่างบางจะเอ่ยลาทุกคนเพราะดูเหมือนใกล้จะถึงเวลาที่ต้องขึ้นเครื่องแล้ว ซองมินเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าคยูฮยอนก่อนจะยื่นบางอย่างให้แต่ไม่ได้พูดอะไรกับคยูฮยอนสักคำ ร่างบางพยายามกลั้นน้ำตาก่อนจะส่งยิ้มครั้งสุดท้ายให้กับคยูฮยอน
     
    ตลอดทางที่เดินกลับคยูฮยอนพลิกรูปถ่ายที่ซองมินยื่นให้มันเป็นแค่รูปถ่ายเก้าอี้นวมตรงระเบียงที่เขาเคยนั่งด้วยกัน ด้านหลังของรูปถ่ายมีข้อความเขียนไว้
     
     คยูฮยอน คนอารมณ์ร้อนยังกะไฟ …ขอบคุณที่สอนทุกๆอย่าง สอนให้ตื่นเช้า สอนให้ทำความสะอาด สอนให้ทำอาหาร สอนให้รีดนมวัว สอนให้ยกถังนมที่หนักกว่าตัวฉัน …   ที่สำคัญสอนให้ฉันรักใครสักคนเป็น ขอบคุณจริงๆ คุณหนูอีซองมิน ..
     
     
    “ คยูฮยอน ไปไหนวะ !! ”
     
     
    เสียงคังอินดังไล่หลังมาแต่คยูฮยอนไม่สนใจอะไรทั้งนั้นสองขาตั้งใจจะวิ่งกลับไปให้ทันก่อนที่ซองมินจะขึ้นเครื่อง คยูฮยอนใช้มือยันเข่าตัวเองเมื่อรรู้สึกว่าเริ่มหายใจไม่ทัน สองตากวาดหาร่างของซองมินคยูฮยอนไม่รู้ว่าซองมินเข้าไปข้างในหรือยัง คยูฮยอนตั้งใจจะวิ่งต่อเมื่อเงยหน้าขึ้นมา ร่างของคุณหนูอีซองมินยืนนิ่งมองเขาอย่างตกใจ คยูฮยอนยิ้มอย่างที่ไม่เคยยิ้มมาก่อนร่างสูงก้าวไปหาคนตรงหน้าก่อนจะจับใบหน้าของซองมินขึ้นมาริมฝีปากได้รูปกดจูบลงไปบนปากของคุณหนูซองมินก่อนจะถอนออก
     
     
     
     
     
     
     
    “ ฉันให้เวลานายแค่ปีเดียว ! ไม่งั้นฉันจะบินไปลากนายที่ออสเตรเลียเลย ไม่เชื่อก็คอยดู !! ”
     





    ซองมินไม่ได้ตอบอะไรคยูฮยอนแต่กลับร้องไห้ทั้งๆที่ตัวเองก็ยิ้มอยู่สองมือของซองมินกอดคยูฮยอนแนบแน่นเหมือนกับที่คยูฮยอนก็กอดร่างบางแนบแน่นเหมือนกัน
     
     
     


     
    อัคนี ร้อนดั่งไฟ
    แต่เมื่ออยู่ใกล้ อบอุ่นใจ
    ไปชั่วนิรันทร์
     
    ……..
    ……………….
    ………………………………….
     
     

















    TO BE CON   ปฐพีเล่ห์รัก
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×