คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [SF] :: Series1 : Secret is not Secret ::
เคยได้ยินใครบางคนบอกไว้ในความรักมีความผูกพันที่คอยเชื่อมโยงไว้ด้วยกันเสมอ เมื่อเริ่มมีความรักความผูกพันก็เริ่มก่อตัวขึ้นหรือถ้าหมดรักก็ยังคงมีความผูกพันที่คอยเชื่อมไว้ด้วยกัน เพราะฉะนั้นเลยมีคำกล่าวที่ว่า
love and care’s binding our heart to be one.
เพราะความรัก ความผูกพัน เราจึงรู้สึกเหมือนมีหัวใจดวงเดียวกัน
เสียงเพลงที่ดังลอดออกมาจากห้องซ้อมดนตรีชมรมสากลในมหาวิทยาลัยโซลทำให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาบริเวณนั้นต่างยิ้มอย่างอารมณ์ดีบางคนถึงกับหัวเราะเมื่อเห็นว่ามีนักศึกษาผู้หญิงบางคนพยายามมองลอดช่องหน้าต่างห้องซ้อมที่มีช่องว่างเพียงนิดเดียวเพียงเพื่อจะเห็นหน้านักดนตรี
“ พี่จงฮยอน แค่นั่งเฉยๆยังเท่”
“ มองไม่เห็นหน้าพี่ซีวอนเลย กลองมันบัง”
“ เห็นหน้าพี่คยูฮยอนชัดสุด หล่อมากกกกกกกกกกก”
พอสิ้นเสียงพวกเพื่อนๆต่างก็พากันมะรุมมะตุ้มอยู่ตรงหน้าห้องซ้อมกันยกใหญ่เบียดซ้ายเบียดขวาเพื่อแย่งกันส่องดูหน้านักดนตรีมือกลองสุดหล่อและนักร้องนำสุดป๊อป
“ ขอโทษนะ ขอเข้าไปในหน่อย ”
เสียงที่ดังขึ้นจากข้างหลังทำให้คนที่แย่งกันส่องอยู่ช่องหน้าต่างที่ติดกับประตูหยุดชะงักเรนะสาวตัวเล็กที่ค่อยๆรู้สึกตัวเลยกระเถิบถอยหลังให้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้า พอเรนะเริ่มขยับทุกคนก็เลยเขยิบออกทีละคนเหมือนเป็นเสต็ปพอประตูหน้าห้องซ้อมว่างคนตัวเล็กผลักประตูเข้าไปโดยที่ไม่ต้องเคาะบอกกล่าวคนข้างในเลยสักนิดเพียงแค่เสี้ยวนาทีที่ประตูเปิดกลุ่มนักศึกษาสาวก็แค่อยากจะเห็นหน้าชายหนุ่มรูปหล่อเพียงแค่สักนิดก็ยังดีแต่พอจะชะเง้อเข้าไปมองคนตัวเล็กก็โผล่หน้ามาอีกรอบ
“ ไปกริ๊ดคนอื่นเถอะ คยูฮยอนมันเป็นคนหล่อนิสัยไม่ดี”
พูดเพียงแค่นั้นก่อนที่ประตูจะปิดลงพร้อมกับผ้าม่านปิดลงอีกครั้ง ทิ้งกลุ่มนักศึกษาสาวที่หันหน้ากันมามองตาปริบๆก่อนจะเงยหน้ามองป้ายตัวบะเร่อบะร่าที่ติดอยู่ตรงหน้าประตูห้องซ้อม
“ ห้ามเข้าห้องซ้อมขณะที่มีเสียงเพลง หมายความว่ากำลังเล่นดนตรี ห้ามเปิดประตูไม่ว่ากรณีใดทั้งสิ้น !”
I’m so happy to be near you
And give the best things to you.
“ ไง เด็กแคระมาหาแฟนแต่เช้าเลยนะ ” อีซองมินหยุดเล่นกีตาร์เงยหน้ามองทงเฮที่เดินเข้ามาในห้องซ้อมเมื่อซองมินหยุดเล่นคนอื่นก็เลยหยุดเล่นไปด้วย
“ เพื่อนเหอะ ! ” อีทงเฮเถียงมือกีตาร์ทันควันซองมินเลยได้แต่ยักไหล่ก่อนที่ทงเฮจะเดินไปหาคยูฮยอนที่ยืนอ่านเนื้อเพลงอยู่แทนที่จะทักแบบปกติอีทงเฮยื่นหน้าตัวเองไปแทนกระดาษเนื้อเพลงคยูฮยอนเหลือบตามองก่อนจะหัวเราะเมื่อทงเฮต้องเขย่งเท้าอย่างมาก
“ วันนี้กลับเย็นต้องไปคุยเรื่องละครเวที คยูฮยอนจะรอรึเปล่า ”
“ กี่โมง ”
“ เย็น ไม่รู้ว่าเสร็จกี่โมง ”
“ โทรมาแล้วกัน ”
“ โอเค ”
อีทงเฮตอบรับพร้อมกับรับโทรศัพท์ที่ดังขึ้นน่าจะเป็นเพื่อนโทรมาตามให้ไปเรียนเสริมทงเฮตอบตกลงก่อนจะโบกมือลาเพื่อนทุกคนในห้องซ้อมโดยมีเสียงซองมินแซวไล่หลังไม่เลิก
“ เด็กแคระ เรื่องแค่นี้โทรมาบอกก็ได้ไม่เห็นต้องเดินข้ามตึกมาบอกเลย ”
“ อีซองมิน ยุ่ง ! ”
“ อยากเห็นหน้าคยูฮยอนก็บอก ”
“ เห็นมา 4 ปีแล้วจะอยากเห็นทำไมอีก ห๊ะ !”
ทุกคนในวงหัวเราะเพราะซีวอนตีกลองรับมุขให้ทงเฮด้วยขนาดคยูฮยอนยังอดที่จะขำไม่ได้จนซองมินที่เล่นงานทงเฮจนถอยทัพกลับไปหันมาต้อนพ่อนักร้องนำแทนแต่คยูฮยอนก็ยังคงทำตัวเหมือนเดิมไม่มีท่าทีอะไร
“ น่าอิจฉา หวานแหววแต่เช้า ”
“ เพื่อนเหอะ อีซองมิน ”
ซองมินส่ายหัวก่อนจะดีดกีตาร์เป็นทำนองเพลงงานแต่งงานคยูฮยอนยักไหล่แล้วสนใจเนื้อเพลงในมือต่อ
โธ่ …หน้าตาพวกแกเลยคำว่าเพื่อนไปไกลโขมาก
“ มือเบส วงเราไปไหน ?”
“ โดนพี่อิทึกลากไปติวหนังสือ คะแนนกลางภาคเกือบตกมีน”
“ สมน้าหน้ามัน พักเหอะ โคตรหิว ”
เมื่อซองมินบอกทุกคนก็วางเครื่องดนตรีก่อนจะตกลงพร้อมใจไปโรงอาหารกลางเพราะขี้เกียจขับรถไปไกลๆโต๊ะใหญ่ตรงโรงอาหารถูกจับจองคนจากชมรมดนตรีสากลทำให้ดูเด่นไปถนัดตาเสียงซุบซิบดังขึ้นเมื่อทั้งชมรมนั่งลงแค่ตกลงจะกินอะไรกว่าจะตกลงก็วุ่นวายจนน่าปวดหัว ซองมินกับจงฮยอนลุกขึ้นไปซื้ออาหารให้คยูฮยอนและซีวอนเฝ้าโต๊ะแค่เพียงไม่นานคังอินที่หอบชีทกองเท่าบ้านเดินตัวโซเซมานั่งลงตรงเก้าอี้ก่อนจะฟุบหน้าลงไป
“ ตายยังวะ ”
“ ใกล้แล้ว เหนื่อยแบบนึกว่าจะสอบปลายภาควันพรุ่งนี้ ”
“ พี่อิทึกเขาก็เป็นห่วง นายเล่นซะคะแนนน่าหวาดเสียวขนาดนั้น ”
“ วิชานี้ฉลาดน้อยเหอะ ”
“ ไอ้ซีวอนยังทำได้เลย ”
“ ภาคกูยากกว่าภาคมัน ”
คังอินเถียงข้างๆคูๆก่อนจะหันไปยิ้มให้น้องปีหนึ่งที่ส่งยิ้มหวานมาให้ตั้งแต่เขาเดินมานั่งซีวอนได้แต่ส่ายหัวนี่ขนาดเหนื่อยยังสามารถบริหารเสน่ห์ได้อย่างทั่วถึงน้องปีหนึ่งคนนั้นหันไปกริ๊ดกร๊าดกับเพื่อนว่าได้รอยยิ้มจากพี่คังอินที่เรียนอยู่วิศวะด้วยได้ยินเสียงจากคนในกลุ่มนั้นแว่วๆว่ายิ้มให้พี่คยูฮยอนมาตั้งนานแล้วไม่เห็นเขาจะสนใจ ซีวอนเลยได้แต่เหลือบมองคยูฮยอนที่กำลังทำอะไรสักอย่างกับโทรศัพท์ตัวเอง ร่างสูงได้แต่ร้องหึ! เพราะเหลือบไปเห็นหน้าจอวอลเปเปอร์โทรศัพท์เป็นตุ๊กตาหมีสองตัว
ซีวอนไม่รู้ที่มาที่ไปของรูปแต่รู้แค่ว่าหน้าจอโทรศัพท์ของไอ้เด็กแคระก็เป็นรูปนี้เหมือนกัน
Everything I gave you won’t make me lost.
Everything you gave me I should make it worth.
ซีวอนยังคงนั่งเคาะนิ้วไปเรื่อยก่อนจะสะดุดกับกลุ่มที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่สายตานับร้อยคู่มองไปที่จุดเดียวปกติเด็กศิลปกรรมไปไหนมาไหนมักจะเด่นอยู่แล้วเพราะส่วนมากจะเป็นคณะรวมคนหน้าตาดีแต่นี่ก็คงจะเป็นข้อเท็จจริงเพราะกลุ่มที่เพิ่งเดินเข้ามาทำให้ทุกอย่างหยุดการกระทำแล้วมองกันอย่างเต็มตา
“ เดี๋ยวมา ” ซีวอนบอกก่อนจะลุกขึ้นอย่างรวดเร็วขนาดคังอินจะอ้าปากฝากซื้อน้ำยังพูดไม่ทันร่างสูงเดินก็เดินตรงไปหากลุ่มศิลปกรรมที่นั่งกันอยู่
ปึก ..
“ ใครวะ ” ฮยอกแจหันควับเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรสักอย่างมาโดนตรงศีรษะแต่พอเห็นว่าเป็นใครก็ค้อนขวับทันที
“ ซีวอน มีปัญหาอะไรมากไหมหะ ”
“ มองไม่เห็นโทษที นึกว่าแคสเปอร์ ”
“ หาเรื่องหรือไง ”
“ ใครให้ทำผมสีนี้ล่ะ ”
“ แล้วไงล่ะ ไปยืมตังค์นายทำหรือไง ”
เพื่อนในกลุ่มฮยอกแจได้แต่หัวเราะกับคำถกเถียงของทั้งคู่เพราะมันเป็นเรื่องปกติจนซีวอนเดินเลยไปซื้ออาหารเหลือแต่ฮยอกแจที่ทำท่าฟึดฟัดไม่เลิกจนยูริที่วันนี้มากินข้าวด้วยเอ่ยถามฮยอกแจเพราะไม่เคยเห็นฮยอกแจจะเถียงเอาเป็นเอาตายขนาดนี้มาก่อน
“ รู้จักกันมาก่อนเหรอ ”
“ รู้จักตั้งแต่มัธยมน่ะ เรียนที่เดียวกัน ”
“ สมัยมัธยมซีวอนป๊อปมากป่ะ ”
“ เป็นประธานนักเรียนที่โหดและกวนประส่าทที่สุด ”
ทุกคนร้องว๊าวและทำท่าชื่นชมจนฮยอกแจทำหน้าเซ็งเมื่อซีวอนเดินกลับมาพร้อมจานข้าวทำท่าจะเดินผ่านไปตอนที่เดินผ่านฮยอกแจรู้สึกว่ามีอะไรวางอยู่บนหัวตอนแรกฮยอกแจจะโวยวายแต่ก็ต้องเงียบลงเมื่อซีวอนปล่อยมือให้สิ่งที่วางอยู่หัวฮยอกแจหล่นลงมาที่ตัก
อมยิ้มรสสตอเบอร์รี่
ฮยอกแจหยิบมันขึ้นมาก่อนจะหันไปมองซีวอนที่โต๊ะพร้อมกับแลบลิ้นใส่แล้วยกมือโบกให้กับคังอินและคยูฮยอนเพราะเรียนที่เดียวกับสมัยมัธยมด้วยร่างบางหันมามองอมยิ้มก่อนจะยิ้มออกมาโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเพื่อนในกลุ่มหันมามองกันเองอย่างรู้กัน
Don't forget to remember me and the love that's used to be
I'm still remember you and everything we're used to do.
“ ประธานนักเรียนแกล้งนักเรียนอย่างนี้ได้ไงหะ ” อีฮยอกแจนักเรียน ม. 6 ห้อง C ยืนจังก้าอยู่ในห้องสภานักเรียนโดยโต๊ะประธานนักเรียนยังมีชเวซีวอนอ่านงานต่างๆในแฟ้มโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองคนที่โวยวายอยู่เลยสักนิด
“ จะเอาไหมงบชมรมเต้นอะไรของนาย ”
“ เอาสิ ”
“ งั้นก็ไปพับโปรชัวร์”
“ มันเยอะ ได้ยินไหมเนี่ยไปลากคนในชมรมมาช่วยได้ป่ะ ”
“ หัวหน้าชมรมไม่ควรให้คนในชมรมเดือดร้อนนะ ”
“เออ ! ไอ้คนมีอำนาจ กว่าจะได้เงินมันลำบากขนาดนี้เลยเหรอวะ ”
ท้ายประโยคถึงฮยอกแจจะพูดเบาแต่ซีวอนก็ได้ยินอยู่ดีร่างสูงเงยหน้าขึ้นมามองหัวหน้าชมรมเต้นก็แกล้งยิ้มหวานจ๋อยก่อนจะเดินไปนั่งตรงโซฟาพับโปรชัวร์ประกาศของโรงเรียนอย่างตั้งอกตั้งใจเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้รู้แค่ว่าเวลาเย็นมากแล้วซีวอนถอดแว่นตาก่อนจะเงยหน้ามองฮยอกแจที่หลับคอพับคออ่อนไปกับโซฟาร่างสูงเดินล้วงกระเป๋ามาดูเจ้าเด็กแสบที่หลับปุ๋ยบนโต๊ะมีอมยิ้มรสสตอเบอร์รี่วางอยู่หลายอันท่าจะชอบมากจริงๆ
ซีวอนตั้งใจจะปัดผมที่ตกลงมาให้ฮยอกแจที่หลับอยู่แต่อยู่ดีดีเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นคยูฮยอนคังอินและซองมินชะงักค้างอยู่ที่หน้าประตูตามด้วยทงเฮที่กำลังจะส่งเสียงเรียกซีวอนแต่ซองมินเอื้อมมือมาปิดปากไว้ทัน คยูฮยอนยิ้มให้ซีวอนก่อนจะค่อยๆปิดประตูให้มันเข้าที่เข้าทางแต่ไม่นานประตูก็เปิดอีกรอบตามด้วยคังอินที่พูดเบาๆ
“ ตามสบาย ”
ซีวอนได้แต่หัวเราะกับอาการเพื่อนแต่ละคนเขาไม่ได้คิดอะไรเลยทั้งนั้นแค่จะปัดผมให้หัวหน้าชมรมเต้นเพียงเท่านั้นจริงๆอยู่ดีดีซีวอนก็นั่งลงมองหน้าคนที่หลับตาพริ้มแล้วหัวเราะ
“ ก็แค่ตลกดีเลยแค่แกล้งเล่น ”
………….
…………………………..
“ เป็นไงล่ะ แค่แกล้งเล่นเลยเถิดมาถึงปี 2 ” คังอินเหล่ตามองซีวอนเพราะเห็นการกระทำทั้งหมดร่างสูงยักไหล่ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินข้าว
“ เบื่อพวกปากแข็ง เป็นดารากันเหรอวะ ”
“ บ่นเป็นหมีกินผึ้งเชียวนะไอ้คังอิน ตอนแกกับพี่อิทึกมันก็เหมือนกันน่ะแหล่ะ ปากหนักแล้วก็โง่ด้วย ”
“ อีซองมิน ต่อยกันเลยไหมหะ ก็แค่เบื่อคำว่า เพื่อน จากไอ้คยูฮยอนและคำว่า ไม่มีอะไรจาก ไอ้ซีวอน”
“ และอยากได้ยินแบบไหน ”
“ เป็นแฟนทงเฮ แล้วก็ คบกับฮยอกแจแล้ว ”
“ ……………………………”
ซีวอนเงยหน้ามองคังอินเมื่อได้ยินประโยคนั้นก่อนจะก้มลงกินข้าวต่อคังอินได้แต่ฟึดฟัดหันไปหาพวกกับซองมินแทนคยูฮยอนเองก็ได้แต่ยิ้มเฉยๆก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งอะไรฆ่าเวลาแค่เพียงไม่นานมือถือของคังอินก็ส่งเสียงดังขึ้นเป็นเสียงเมดเสดทำให้คังอินเปิดดู
นินทาเหรอ ไอ้หมีอ้วน ! อีทงเฮ
คังอินตวัดสายตามองไปยังฝั่งตรงข้ามคยูฮยอนได้แต่ยักคิ้วให้คังอินร่างสูงเลยกดส่งเมสเสดกลับไป
คยูฮยอน (แฟนแก)โคตรขี้ฟ้อง ! คังอิน
ติ๊ด ..
เพือนเว้ย ! อีทงเฮ
เบื่อพวกดาราจริงๆเถอะให้ตาย -*-
I wish to be a star in your darkness.
I wish to be with you in the stormy day.
ใกล้จะถึงวันงานของมหาวิทยาลัยเป็นวันเปิดบ้านของทุกคณะแต่ละคณะเลยต่างเร่งการแสดงของคณะตัวเองรวมทั้งการจัดทำบอร์ดเกี่ยวกับคณะของตัวเองด้วยอีทงเฮที่เรียนศิลปกรรมการแสดงปีนี้ได้รับบทละครเวทีเลยต้องซ้อมถึงเย็นทุกวันแต่ดูทุกคนจะชอบอกชอบใจเพราะเก้าอี้ในโรงละครเวทีด้านหน้าจะมีเดือนคณะดุริยางค์อย่างโจคยูฮยอนนั่งเล่นกีตาร์ไปเรื่อยเปื่อยบางครั้งจะมีคนเข้าไปขอถ่ายรูปด้วยเจ้าตัวก็ยิ้มให้อย่างใจดี
หน้าตาดี + เล่นดนตรีได้ = โคตรหล่อ
นี่คือสมการที่คังอินเขียนไว้บนกระดานไวท์บอร์ดที่ชมรมดนตรีสากลแต่ทุกคนก็เห็นว่ามันจริงเพราะสมาชิกในชมรมดนตรีสากลป๊อปปูล่าถึงขีดสุด
ชนิดมีแฟนคลับเป็นกลุ่มเป็นก้อนเลยทีเดียว!
“ ฝนตก เบื่ออออออออ” อีทงเฮนั่งจ๋องรอคยูฮยอนวนรถมารับอยู่หน้าตึกบ่นออกมาดังๆเมื่อสายฝนตกลงมาไม่ขาดสายพอเมื่อยมากๆก็ลุกขึ้นเดินไปเดินไปมาก่อนที่สายตาจะหยุดอยู่ของฮยอกแจที่เดินออกมาจากตึกภาคนาฏศิลป์สากลทุกคนในกลุ่มโบกมือลาฮยอกแจทีละครเหลือแต่ฮยอกแจที่กดรับโทรศัพท์พูดอะไรสองสามคำก็แล้ววาง ทงเฮรู้จักกับฮยอกแจตั้งแต่สมัยมัธยมหัวหน้าชมรมเต้นเด็กแสบที่ซีวอนมักเรียก ร่างบางตั้งใจจะเรียกให้ฮยอกแจกลับบ้านด้วยกันเพราะนึกว่าฮยอกแจรอให้ฝนหยุดแต่อยู่ดีดีฮยอกแจก็วิ่งไปหน้าตึกแล้วขึ้นรถใครสักคนทันที
ทงเฮมองไม่ทันแต่กลับรู้สึกคุ้นๆเหมือนเคยเห็นรถคันนั้นที่ไหน ?
“ เมื่อกี้เจอฮยอกแจ ” ทันทีที่ขึ้นรถคยูฮยอนทงเฮก็หันมาบอกร่างสูงคยูฮยอนเอ่ยถามแล้วไปไหนทำไมไม่กลับด้วยกันฝนตกขนาดนี้
“ เรียกไม่ทันวิ่งขึ้นรถใครไปก็ไม่รู้ ” คยูฮยอนหยุดคิดก่อนจะยกโทรศัพท์โทรหาซีวอน
“ มีไรวะ คยูฮยอน ”
“ หน้าศิลปกรรมฝนตกหนักไหม ”
“ ถามทำไม ?ไม่ได้ไปรับไอ้เด็กแคระหรือไง ”
“ ถามเฉยๆ ไม่รู้ว่ามีรั้วกั้นตรงหน้าตึกหรือเปล่า จอดที่อื่นไกลทงเฮวิ่งมาเปียก ”
“ ไม่เห็นมีรั้ว เมื่อกี้กูก็จอดได้ ”
“ หึ ……. ขอบใจ อย่าเปิดแอร์เย็นล่ะเดี๋ยวฮยอกแจจะหนาว ”
“ ………………………….”
คยูฮยอนหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเมื่อซีวอนด่าออกมาไม่ยั้งเพราะเพิ่งรู้ตัวว่าคยูฮยอนหลอกถามทงเฮเงยหน้ามองตาแป๋วคงอยากรู้เรื่องด้วยแต่คยูฮยอนบอกได้แค่ว่าแกล้งซีวอนเฉยๆ เจ้าเด็กแคระฟึดฟัดไม่ได้ดั่งใจเพราะอยากรู้เรื่องด้วยแต่ลืมไปปลิดทิ้งเมื่อคยูฮยอนยื่นโกโก้อุ่นๆที่ไปซื้อให้ก่อนทงเฮจะเลิกซ้อม
When you love someone..
you'll do anything to reach the heart of the one you love.
เสียงซาวเช็คเครื่องดนตรีในห้องซ้อมของชมรมดนตรีสากลยังคงเป็นปกติวันนี้มือเบสอย่างคังอินโดนปล่อยตัวจากแฟนมาให้เล่นดนตรีได้เพราะอ่านหนังสือทั้งวันทั้งคืนจนหนำใจแล้วคยูฮยอนนั่งเช็คคีย์ตัวเองอยู่ตรงคีย์บอร์ดซองมินนั่งลงตรงลำโพงเช็คเสียงกีตาร์ที่เพิ่งตั้งมาใหม่แต่อยู่ดีดีประตูห้องซ้อมดนตรีก็เปิดออกทุกคนเงยหน้ามองเพราะคิดว่าคงเป็นเจ้าเด็กแคระที่ชอบเปิดประตูห้องซ้อมแบบไม่เคาะมาตลอดแต่หลับกลายเป็นว่าไม่ใช่ …
อีฮยอกแจที่เดินเข้ามาสายตาก็มองหาชะเง้อมองไปยังกลองชุดที่ตั้งอยู่หลังสุด
“ ซีวอนไปไหนเหรอ ”
“ ไปห้องน้ำเดี๋ยวมา ฮยอกแจมีอะไรด่วนรึเปล่า ”
“ ไม่มีอะไร ไม่น่าลืมชีทไว้บนรถหมอนั่นเลยจริงๆ ให้ตาย ”
เพราะความโมโหทำให้ฮยอกแจบ่นออกมาเบาๆแต่ซองมินกับคังอินก็ยังได้ยินเพราะไม่มีเสียงดนตรีดังโหวกเหวกเหมือนเมื่อกี้ทั้งสองคนหันมามองหน้ากันก่อนจะส่งซิกจนคยูฮยอนเองยังหัวเราะ ฮยอกแจกดโทรศัพท์หาซีวอนแต่กลับกลายว่าเครื่องมือสื่อสารวางอยู่บนหลังชั้นข้างๆกลอง ฮยอกแจเลยถอนหายใจก่อนจะขอตัวพอฮยอกแจจะไปซองมินก็เรียกไว้ตั้งใจจะสืบที่มาความเป็นไปของชีทเจ้าปัญหาแต่ก็ไม่ทันเมื่อซีวอนเปิดประตูเข้ามาพอดี
“ เอาอะไร เด็กแสบ ”
“ เลิกเรียกชื่อนี้สักทีเถอะ ชีทที่ต้องเรียนลืมไว้บนรถ”
ซีวอนร้องอ้อเบาๆเพราะมีปึกชีทวางอยู่เบาะหน้ารถร่างสูงเลยเดินกลับไปเอากุญแจรถบนชั้นพร้อมกับหยิบโทรศัพท์อีซองมินแกล้งดีดกีตาร์เบาๆเพื่อกลบเสียง
“ ร้ายนะ …เดี๋ยวนี้มีไปรับไปส่ง ”
พอพูดเสร็จมีหันไปพยักเพยิดกับคังอินหาพวกซีวอนได้แต่ยักคิ้วให้ก่อนจะเดินกลับมาหาฮยอกแจที่ยืนอยู่หน้าประตู ร่างบางหันมาบอกลาชมรมดนตรีดนตรีสากลพอพ้นร่างฮยอกแจคังอินและซองมินก็พุ่งเข้ามาหาคยูฮยอนจัดการล๊อคตัวไว้ทันที
“ นายรู้ใช่ไหม คยูฮยอนฉลาดๆอย่างนาย ต้องรู้แน่นอน !”
Remember I’m in love with you.
Please save your heart for me.
ตอนนี้บริเวณลานหน้าตึกหอประชุมใหญ่ดูจะยุ่งวุ่นวายไม่น้อยเพราะเกือบทุกคณะกำลังจัดกลุ่มตกแต่งบอร์ดคณะตัวเองที่จะติดบริเวณหน้าตึกอย่างเอาเป็นเอาตาย หลายคนบ่นอุบอิบเพราะขี้เกียจแต่หลายคนที่ชื่นชอบเพราะจะได้เจอหนุ่มสาวคณะอื่นคังอินอดีตเพลย์บอยดูท่าโรคเก่าจะกำเริบเพราะเมื่อเห็นคนน่ารักๆก็สะกิดซีวอนให้เงยหน้าขึ้นมาดูเป็นระยะๆซีวอนได้แต่ส่ายหน้าไปมา แล้วก้มลงทำงานต่อไม่วายขู่เจ้าเพลย์บอยด้วยคำว่า
พี่อิทึก !
แค่เพียงคำเดียวคังอินก็กลับมาก้มหน้าก้มตาตัดกระดาษตรงหน้าอย่างขยันขันแข็ง
“ ไอ้เด็กแคระ ไม่ทำงานทำการคณะตัวเองหรือไงมานอนหลับอะไรตรงนี้ ” เสียงซองมินที่ดังขึ้นตรงบอร์ดคณะดุริยางค์ทำให้ทงเฮที่นอนหลับอยู่บนตักคยูฮยอนลืมตาขึ้นมาก่อนจะแลบลิ้นแล้วพลิกตัวเอาหน้าซุกคยูฮยอนต่อ
“ เพื่อนเขาไม่นอนตักกันวิ๊ดวิ้วขนาดนี้หรอกนะ ”
“ เพื่อนสนิทกันมากๆ อีซองมินไม่เข้าใจหรอก ”
“ เบื่อพวกไม่ยอมรับ ”
“ เล่นกีตาร์หาแฟนต่อไปเถอะ คยูฮยอนหนาวอ่ะ ขอเสื้อคลุมหน่อย ”
ซองมินยื่นมือไปขยี้หัวเจ้าเด็กแคระที่พูดจาได้กวนตีนมาก เพราะการทำงานที่นานจนเลยเถิดมาถึงตอนมืดบางคนกลับไปอาบน้ำอาบท่าแล้วกลับมาทำงานต่อในชุดอยู่บ้านบางคนลุกขึ้นขยับไปขยับเพราะการทำงานที่เป็นเวลานานๆ ฮยอกแจเองก็เมื่อยมากเช่นกันร่างบางลุกขึ้นยืนขยับตัวไปมาเพราะนั่งแปะงานอยู่นาน
“ ฮยอกแจครับ ” เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้ฮยอกแจหันไปมองยองฮวาเดือนคณะนิติศาสตร์ที่ยื่นกล่องนมรสสตอเบอร์รี่มาให้เสียงแซวเริ่มดังขึ้นจากเพื่อนของฮยอกแจและกลุ่มนิติศาสตร์ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ฮยอกแจมองนมในมือยองฮวาตั้งใจจะรับไว้รักษาน้ำใจแต่ยังไม่ทันจะรับอยู่ดีดีลูกบาสสีส้มก็กระเด้งจนกล่องนมกระเด็นไปไกลตามทางเดิน ทุกเสียงเงียบลงทันควันเ ฮยอกแจขมวดคิ้วก่อนจะหันไปมองต้นเหตุ
“ โทษที ทำหลุดมือไปหน่อย ”
ชเวซีวอนบอกขอโทษแต่หน้าตาไม่ได้รู้สึกผิดอะไรเลยจริงๆเหมือนสะใจมากกว่าด้วยซ้ำยองฮวาชัดสีหน้าจนทุกคนสังเกตุได้ฮยอกแจหันไปมองกล่องนมที่ตอนนี้มีรูปร่างบูดเบี้ยวเพราะแรงจากลูกบาสก่อนจะบอกขอบใจยองฮวาตามมารยาทพลางบอกว่าไม่ต้องซื้ออะไรมาให้แล้ว
ถึงจะบอกตามมารยาทแต่ยองฮวาก็รู้สึกว่ามันคือ คำปฏิเสธ
ซีวอนเดินไปเก็บลูกบาสแล้วเด้งลูกบาสไปมาอยู่ตรงนั้นร่างสูงแกล้งเล่นไปเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ตรงหน้าฮยอกแจที่ยืนกอดอกมองเขาอย่างหมั่นไส้
“ เลิกใช้วิธีนี้เลยนะ ”
“ เคยใช้ไปแล้วเหรอ ”
“ หลายครั้งแล้วเหอะ ถ้าไปโดนหัวคนอื่นจะทำไง ”
“ ก็ดี จะได้รู้ว่าของใครเป็นของใคร ”
ฮยอกแจจะอ้าปากเถียงก็ต้องเงียบลงเพราะพูดอะไรไม่ออกจนซีวอนเป็นฝ่ายหัวเราะเองเงียบกันอยู่แปบเดียวก็กลับมาเถียงกันต่อฮยอกแจดื้อในทุกเรื่องอย่างตอนนี้ก็บอกให้ซีวอนกลับไปก่อนได้เพราะที่คณะคงทำอีกนานแต่ซีวอนก็ไม่ยอมอยู่ดีจนฮยอกแจได้แต่พยักหน้าทันทีที่แยกย้ายกันกลับมานั่งตามคณะเสียงซุบซิบก็ดังขึ้น
“ กูว่าแล้วว่าเขากิ๊กกัน”
“ เขาจีบกันอยู่เหรอวะ น่ารักว่ะ ”
“ เหมาะสมกันดี กูจะเชียร์คู่นี้ ”
ฮยอกแจฟังแต่ละประโยคแล้วส่ายหน้าอย่างขำๆตั้งใจจะทำงานตรงหน้าให้มันเสร็จอยู่ดีดีก็มีนมสตอเบอร์รี่ยื่นมาให้ฮยอกแจเงยหน้ามองเมื่อเห็นว่าเป็นคังอินฮยอกแจยื่นมือไปรับ
“ มีคนฝากมาให้ ” คังอินนั่งลงก่อนจะมองหน้าฮยอกแจชัดๆจนฮยอกแจก็มองกลับ
“ หน้าตานายยังเพลย์บอยเหมือนเดิมเลยนะ ไม่เปลี่ยนไปจากมัธยม”
“ หน้านายก็น่ารักเหมือนเดิม มิน่าล่ะอดีตประธานนักเรียนไม่ยอมปล่อยให้คลาดสายตา ”
“ ไม่ใช่และ..กลับคณะไปเลยป่ะ ”
ฮยอกแจหยิบตะเกียบที่เอามาไว้ทากาวโบกๆไล่ให้คังอินกลับไปแต่ก่อนที่คังอินจะลุกขึ้นฮยอกแจหยิบกล่องนมชอคโกแลตยัดใส่มือคังอิน ร่างสูงแกล้งขอบคุณจนฮยอกแจยกมือขึ้นมาตีแรงๆ คังอินเลยแกล้งบอกล้อเล่นแล้วกลับไปที่ตรงกลุ่มคณะพลางยื่นนมชอคโกแลคให้ซีวอนเสียงแซวดังลั่นจนทุกคนต้องหันไปมอง ขนาดเพื่อนฮยอกแจยังแซวด้วยไม่เลิกจนแทมินรุ่นน้องในคณะหยิบกล่องนมสตอเบอร์รี่ที่ข้างกล่องมีตัวอักษรเขียนไว้ให้ฮยอกแจดู
ต้องกิน !
ทันทีที่อ่านจบฮยอกแจหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ชเวซีวอนต่อมโรแมนติคอาจจะทำงานไม่ค่อยดีถึงเขียนอะไรอย่างนี้แต่ก็ช่างเถอะต้องกินก็คือต้องกินแล้วก็
มันก็หวานดี …
I’ve never care what tomorrow come
I’ve care just only today that l have you.
“ แข่งบาสหรือดูคอนเสริต” อีซองมินบอกเมื่อนักกีฬาฝั่งวิศวะและดุริยางค์ที่รวมตัวเฉพาะกิจเดินออกมาจากที่พักนักกีฬาวันนี้มีแข่งบาสระหว่างคณะ เพราะมีแต่คนดังระดับมหาวิทยาลัยทำให้ผู้คนแน่นเต็มโรงยิมอีกฝ่ายคือคณะศิลปกรรมและสถาปัตย์เป็นการแข่งกีฬาที่คัดหน้าตามากแต่ละคนนึกว่าจะมาเดินแบบ คยูฮยอน ซีวอน และคังอินลงแข่งด้วยแต่ละคนไม่ได้จริงจังอะไรแค่ขำๆ ต่างฝ่ายต่างวอล์มร่างกายก่อนที่คยูฮยอนจะถอดเสื้อวอล์มออกแล้วยื่นให้ทงเฮที่นั่งอยู่หน้าแสตนด์ แสงสว่างจากแหวนที่สวมอยู่บนนิ้วนางข้างขวาอยู่ทำให้ซองมินหลี่ตามองก่อนจะหันมามองไอ้เด็กแคระ อีซองมินมองที่มือแต่ก็ว่างเปล่าทั้งสองข้าง
“ร้อนเนอะ ซองมิน คนจะเยอะไปไหน ” ทงเฮยกมือขึ้นพัดๆไปมาก่อนจะปลดกระดุมเสื้อออกหนึ่งเม็ดแสงจากแหวนที่ห้อยอยู่ที่คอมันเหมือนกับวงที่อยู่บนนิ้วของคยูฮยอนส่องสะท้อนเต็มตาทำให้ซองมินหลุดหัวเราะ
“ นี่ไอ้เด็กแคระ แหวนสวยดี ”
“ แน่นอน ”
“ มีของคู่กันด้วยเดี๋ยวนี้ สวีทดีนะ ”
“ เพื่อนเหอะ ”
ซองมินไม่ได้ถามต่อแต่อมยิ้มเมื่อเจ้าเด็กแคระมีแววตาที่มีความสุขมากจริงๆ คยูฮยอนที่โค้ชเรียกไปคุยเดินกลับมานั่งลงพื้นก่อนจะยื่นมือมารับผ้าขนหนูจากทงเฮตามด้วยคังอินที่เดินออกไปรับพี่อิทึกเข้ามานั่งที่แสตนด์พลางถามถึงอดีตประธานักเรียนที่อิทึกมองตำแหน่งให้กับมือ คังอินชี้ไปที่ซีวอนที่ตอนนี้เด้งลูกบาสในมือไปยังฝั่งที่ศิลปกรรมนั่งอยู่
“ เชียร์ใคร ”
“ ศิลปกรรมสิ ”
ฮยอกแจตอบทันควันซีวอนเลยเบ้หน้าก่อนจะนั่งลงแสตนด์ชั้นล่างตรงที่ว่างตรงหน้าฮยอกแจจนนักกีฬาต้องมาแกล้งโบกธงไล่เพราะบอกว่าแข่งกันอยู่จะมานั่งตรงนี้ได้ไงซีวอนยักไหล่ก่อนจะแบมือไปตรงหน้าฮยอกแจ ร่างบางเหลือบตามองก่อนจะตีมือลงไปแปะสองแปะ จนครั้งสุดท้ายซีวอนจับไว้ได้ทันฮยอกแจจะชักมือกลับเพราะคนเริ่มมองมากขึ้นแต่ซีวอนก็ไม่ยอมปล่อยจนฮยอกแจได้แต่ปล่อยเลบตามเลย
“ กัปตันทีมวิศวะช่วยกลับมาฝั่งนี้ด้วย ส่วนคนหัวทองตัวขาวสว่างเรืองแสงได้ช่วยย้ายมานั่งฝั่งวิศวะเลยจะดีกว่า ”
เสียงคังอินที่ประกาศใส่โทรโข่งทำให้ทุกคนในโรงยิมหันไปมองตรงที่ซีวอนนั่งอยู่เป็นจุดเดียวถึงคังอินจะไม่บอกชื่อแต่ลักษณะท่าทางที่มีอยู่คนเดียวทำให้ทั้งโรงยิมพร้อมใจกันโห่วแซวดังลั่น จนซีวอนต้องลุกขึ้นอย่างจำใจก่อนจะไปฮยอกแจบอกบางอย่างกับซีวอนที่ทำให้ซีวอนยิ้มแก้มปริ
“ ฝากตบกระบาลคังอินแรงๆสักสองที แล้วก็ สู้ๆละกัน ”
ตลอดการแข่งขันเสียงเชียร์ดังกระหึ่มไปทั้งทั้งโรงยิมจนกระทั่งจบการแข่งขันปรากฏว่าเสมอกันแต่นักกีฬาทุกคนเล่นแค่ความสนุกเลยขี้เกียจจะตัดสินเลยปล่อยให้เสมอกันไปอยู่อย่างนั้นตอนจบการแข่งขันนักกีฬาทุกคนจะได้รับดอกกุหลาบคนละดอกตามธรรมเหมือนเป็นการให้กำลังใจ ตอนที่รับดอกกุหลาบจากรุ่นพี่รุ่นพี่กระซิบบอกบางอย่างกับนักกีฬาไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่ทำให้นักกีฬาพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ ทงเฮ เอ๊า ! ” คยูฮยอนโยนดอกกุหลาบให้ทงเฮที่เอื้อมมือไปคว้าไว้อย่างระมัดระวังก่อนที่คยูฮยอนจะหยุดยืนอยู่ตรงหน้าแสตนด์เปิดฝาเครื่องดื่มเกลือแร่ขึ้นมาดื่มพลางมองหาคังอินที่กำลังทำท่าเจ้าชายคุกเข่ายื่นดอกกุหลาบให้พี่อิทึก
“ เด็กแสบ เอาไป ” ซีวอนเดินไปหาฮยอกแจที่ลุกขึ้นยืนก่อนจะยื่นดอกกุหลาบให้ฮยอกแจขมวดคิ้วปกติเขาไม่ใช่คนหวานแหววที่จะมาชอบดอกม้งดอกไม้อะไรนี่แต่ดูท่าทางซีวอนจะลุ้นอยู่ไม่น้อย
“ ไม่เก็บไว้เหรอไง รุ่นพี่ให้ไม่ใช่เหรอ”
“ เอาไปเถอะ ”
ฮยอกแจยื่นมือมารับดอกไม้ไว้ท่ามกลางเสียงของรุ่นพี่ศิลปกรรมที่บอกว่าไม่อยากได้พี่ขอก็ได้นะน้องฮยอกแจ ร่างบางก้มลงมองดอกกุหลาบในมือสีมันสวยดีแต่ก็แปลกพึลึกนักกีฬาส่วนมากก็เป็นผู้ชายจะให้ดอกไม้ทำไมกัน ? ผู้คนเริ่มทยอยกันเดินออกจากโรงยิมบ้างแล้วแต่อยู่ดีดีก็มีเสียงจากรุ่นพี่ปี 4 คิมฮีชอลที่ขยับไมค์ไปมาเหมือนลองเสียงก่อนที่บอกบางอย่างใส่ไมค์ดังลั่น
“ พี่ลืมบอกให้ทุกคนรู้มีธรรมเนียมอีกอย่างที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ ดอกกุหลาบในวันนี้ที่นักกีฬาได้ตามธรรมเนียมแล้ว นักกีฬาจะต้องเอาไปให้คนที่ตัวเองรักนะ เป็นไงโรแมนติคไหมธรรมเนียมนี้ ”
ทันทีที่รุ่นพี่ประกาศจบทุกคนในโรงยิมต่างหันไปมองคนที่ถือดอกกุหลาบไว้ในมืออีทงเฮเงยหน้ามองคยูฮยอนที่ยังคงกินน้ำเกลือแร่อยู่อีซองมินแกล้งถามขึ้นลอยๆให้ได้ยินกันทั้งคู่ จนคยูฮยอนแทบสำลักและทงเฮได้แต่ก้มหน้ามองดอกกุหลาบ
“ ยังแค่เพื่อนกันอยู่ป่ะ ”
ฮยอกแจดูเหมือนจะนิ่งไปเมื่อได้ยินสิ่งที่รุ่นพี่ประกาศก่อนจะก้มลงมองดอกกุหลาบในมือแล้วยกขึ้นมาตีลงบนหัวซีวอนเบาๆหนึ่งทีแล้วก็หันไปมองทางอื่นแก้เขินซีวอนเองก็ได้แต่มองหน้าฮยอกแจเขินจนแก้มแดง
ต่างคนต่างรู้อยู่แต่ไม่เคยบอก ว่ารักนั้นรักเท่าไร
ต่างคนต่างรู้อยู่ไม่เห็นต้องบอก ใครจะเปลี่ยนไปเป็นเช่นไร แต่เราก็รักกัน
I’ve know for a long time how much you care me
And how much I meant to you
Thank you for everything you’ve done for me
I’m very proud to have you in my life
I’ll always love you with all my heart
Never Ending Story
ความคิดเห็น