ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทตัวอย่าง - บทนำและบทที่ศูนย์: จุดเริ่มต้นของเด็กเลี้ยงไก่ (?)
เนื่องจากนี่เป็นฉบับเก็บตก จะไม่ขอลงซ้ำซ้อนซ่อนเงื่อนเพื่อนทรยศนะคะ ถ้าสนอกสนใจต้องการอ่านตัวอย่างเพิ่มเติม เชิญที่: http://writer.dek-d.com/nabu-palace/story/view.php?id=840745
หรือถ้าสนใจจะเก็บเป็นเล่ม ดูได้ที่เว็บสำนักพิมพ์นะคะ http://www.nabu-publishing.com/
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
หรือถ้าสนใจจะเก็บเป็นเล่ม ดูได้ที่เว็บสำนักพิมพ์นะคะ http://www.nabu-publishing.com/
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
เจ้ารู้ไหม โลกประกอบจากอะไร?
คนโง่ ก็เส้นไหมและอัญมณีไง...
ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...นานแสนนานจนผู้คนล้วนลืมเลือน
หญิงสาวเอ่ยปากต่อชายผู้เป็นที่รัก
‘ที่รัก ท่านสร้างสรรค์ดวงดาวมามากมาย ได้โปรดมอบดาวของท่านให้ข้าสักดวงสิ’
ชายผู้นั้นครุ่นคิด ก่อนจะยกดาวอันว่างเปล่าดวงหนึ่งของเขาให้นาง
นางผู้รักการประดิษฐ์ประดอยขึงผ้าไหมสีฟ้าทำเป็นท้องฟ้ายามกลางวัน ขึงผ้าไหมสีดำเป็นท้องฟ้ายามกลางคืน นางเฝ้าปักลูกปัดลงไปบนผืนผ้าสีดำทีละเม็ด...ทีละเม็ดแทนดวงดารา พรมเส้นไหมสีเขียวเป็นผืนหญ้า ดัดโครงลวดเป็นต้นไม้ โปรยน้ำตาลกรวดหลากสีสันเป็นทุ่งบุปผชาติ
ต่อจากนั้น นางก็เริ่มสร้าง ‘ชีวิต’
เริ่มจากถักนกตัวน้อยๆ ด้วยไหมพรม แมวด้วยผ้าป่าน สุนัขป่าด้วยกำมะหยี่ มอบดวงใจที่ทำจากอัญมณีในกล่องเครื่องประดับของนาง
สิ่งมีชีวิตที่นางสรรค์สร้างล้วนสวยงาม เพียงแต่นางรู้สึกว่าดวงดาวของนางยังขาดอะไรไป นางจึงเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่สุดของนาง จ้าวแห่งความมืดเหยียดยิ้ม ก่อนจะให้คำตอบ
‘เช่นนั้นเจ้าต้องสร้างสิ่งที่มีอารมณ์ความรู้สึกซับซ้อนกว่านี้’
หญิงสาวไม่เข้าใจคำว่า ‘ซับซ้อน’ นางจึงทดลองหาวัตถุดิบมากมาย และสุดท้าย นางก็สร้างสิ่งมีชีวิตที่มีความละม้ายคล้ายตัวนางขึ้นมาด้วยดินปั้น จากนั้นจ้าวแห่งความมืดก็ช่วยเหลือนางในการเติมเต็มสิ่งที่เรียกว่าความรู้สึก ทันทีที่ลืมตา เจ้าสิ่งนั้นก็เคลื่อนไหวไปมาด้วยความตื่นเต้น ไม่นานนัก นางก็สร้างคู่ให้เขา
ตุ๊กตาดินของนางให้กำเนิดลูกหลานมากมาย แรกเริ่มเดิมที พวกเขาอยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อน ไม่นานนัก พวกเขาก็กระจัดกระจายกันไปคนละทิศละทางบนดาวดวงน้อยๆ ของนาง
สิ่งมีชีวิตที่ถือกำเนิดจากก้อนดินเรียกตัวเองว่า ‘มนุษย์’
พวกเขาแข็งแกร่ง พวกเขาฉลาดเฉลียว และในบางครั้ง...พวกเขาก็โหดร้ายนัก
กลุ่มชนที่กระจัดกระจายกันออกไปกลับมาพบกันในสถานที่เดียวกัน พวกเขาหลอกลวงกัน พวกเขาฆ่าฟันกัน ดาวแสนสวยของนางเต็มไปด้วยเลือดไหลนอง หญิงสาวรู้สึกร้อนใจ นางจึงไปหาจ้าวแห่งความมืดอีกครั้ง เพื่อนสนิทของนางเพียงหัวเราะ และกล่าวว่า ‘นี่เป็นเรื่องปกติของสิ่งมีชีวิตที่มีความรู้สึก’
เช่นนั้นข้าควรทำเช่นไร นางถามเขา
‘มอบอำนาจของเจ้าให้คนกลุ่มหนึ่ง หากมีความแตกต่างกันเกิดขึ้น สงครามย่อมสงบในไม่ช้า’
หญิงสาวจึงมอบอำนาจของนางให้คนกลุ่มหนึ่ง พวกเขาทำให้สงครามสงบลงได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่สุดท้าย ผู้มีพลังก็เริ่มทะเลาะกันเอง สิ่งนี้ทำให้นางเหน็ดเหนื่อยเสียจนไม่อยากแม้แต่จะผินมองดวงดาวของนางอีกต่อไป
ไม่นานนัก นางก็เริ่มมองหาสิ่งอื่น ดวงดาวที่รักของนางถูกละเลย และในที่สุดก็ถูกลืมเลือน มนุษย์ที่นางมอบชีวิตให้ขนานนามนางเป็น ‘เทพธิดาศักดิ์สิทธิ์’ พวกเขาบูชานาง กราบไหว้นาง
แต่นางไม่เคยได้ยิน
ถึงกระนั้น โลกที่กอปรจากเส้นไหมและอัญมณี...ก็ยังคงหมุนไป
บทที่ศูนย์
เรื่องราวทั้งหลายล้วนมีที่มาของมัน
เช่นสาเหตุของการที่ลุงข้างบ้านของข้าหัวล้าน ก็เพราะถูกภรรยาดึงทุกครั้งที่เขาแอบไปมีอีหนูที่หมู่บ้านข้างๆ
สาเหตุของความวุ่นวายในชีวิตของข้าก็เช่นกัน ทั้งหมดล้วนเริ่มต้นมาจากไข่ใบหนึ่ง
ความฝันในวัยเด็กของข้าคือการเลี้ยงแม่ไก่ไหมยักษ์ที่ครั้งหนึ่งข้าเคยเห็นมันที่บ้านเพื่อน แม่ไก่ไหมยักษ์มีขนเป็นไหมสีขาวฟูนุ่ม ร่างกลมเป็นทรงไข่ไก่ ดวงตาสีดำสุกใสทำจากนิล จงอยปากสีเหลืองเหมือนอำพัน
ข้าจะเลี้ยงไก่!
ข้าสาบานกับตัวเอง ณ วินาทีแรกที่สบสายตาเข้ากับดวงตาที่ทำจากหินสีนิลคู่นั้น
เมื่อมีเป้าหมาย ข้าในวัยสามขวบจึงเริ่มเก็บเงินจากการช่วยเหลือที่บ้านทำงานเล็กๆ น้อย และได้แต่ไปชะเง้อคอยืดคอยาวบนแผงขายไข่ของคาราวานจากดินแดนอะซัวร์ที่มาแวะพักที่หมู่บ้านของข้าทุกๆ ปี
จนเมื่อข้ามีอายุครบสิบขวบ ข้าก็สามารถเก็บเงินได้มากพอที่จะซื้อไข่ของไก่ไหมยักษ์ได้หนึ่งฟอง
พี่ชายพยายามชักชวนให้ข้าซื้ออย่างอื่นแทน แต่ข้าปฏิเสธ และเอ่ยประโยคอมตะอีกครั้ง
ข้าจะเลี้ยงไก่!
เมื่อเห็นว่ายังไงข้าก็ไม่เปลี่ยนใจ เขาจึงยอมให้ข้าซ้อนท้ายเจ้าม้าไม้ลาร์ไลของเขาไปยังตลาดนัดของคาราวานชาวอะซัวร์ พี่ชายพยายามเน้นเรื่องกฏของการซื้อขายสินค้ากับข้าอีกครั้ง แต่หัวใจของข้ามันลอยไปที่แม่ไก่ไหมยักษ์เสียแล้ว ฉะนั้น เมื่อพี่ชายพูดจบ ข้าจึงรีบวิ่งไปยังแผงขายไข่ จากนั้นก็เลือกเอาไข่ใบที่นุ่มที่สุด กอดมันไว้ในอ้อมแขนยิ่งกว่าสมบัติล้ำค่า
“เจ้าเอามาให้พี่ช่วยดูให้ก่อนก็ได้ อย่างน้อยเจ้าจะได้นั่งกินข้าวดีๆ” พี่สะใภ้ของข้าพยายามจะตะล่อมให้ข้ายอมปล่อยมือจากไข่ แต่ข้าปฏิเสธ
ข้ากอดมันอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าตอนกิน ตอนนอน หรือแม้แต่ตอนเข้าห้องน้ำ ข้าเฝ้ามองเส้นไหมที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีทองด้วยหัวใจเต้นตึกตัก ผิดกับคนที่บ้านซึ่งเริ่มซุบซิบกัน
“ข้าไม่เคยได้ยินว่าไข่ของแม่ไก่ไหมยักษ์เป็นสีทองเลยนี่นา” พี่ชายขมวดคิ้ว
“บางทีน้องชายของท่านอาจจะซื้อมาผิดก็ได้”
“ไม่หรอก เขาไปที่แผงนั่นทุกปีจนหลับตาก็ยังเดินไปถูก” พี่ชายของข้าแย้งพี่สะใภ้ จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็ถอนหายใจออกมาพร้อมๆ กันจนถูกแม่เอ็ดเอาว่าห้ามถอนหายใจเพราะจะเอาความสุขไปหมด
จนกระทั่งวันที่ข้ารอคอยมาถึง
เส้นไหมสีทองค่อยๆ คลายเกลียวออกอย่างเชื่องช้า พร้อมกับเงาดำที่ดิ้นไปมาไม่หยุด ข้าจ้องมอง แต่ไม่ให้ความช่วยเหลือ เพราะตามตำราแล้ว เวลาที่สัตว์ออกจากไข่ จะต้องให้มันขยับออกมาด้วยตัวเองตามกลไกของธรรมชาติ มาแล้ว...ไก่ของข้า
แต่โชคชะตาที่อยู่ดีไม่ว่าดีกลับคิดเล่นตลกกับข้า
ปกติแล้ว เมื่อออกจากไข่ สิ่งมีชีวิตจะกินเส้นไหมที่เป็นเปลือกของตัวเองเข้าไป ดังนั้นข้าจึงเห็นเส้นไหมสีทองค่อยๆ ถูกสูบลงไปทีละน้อย หัวใจของข้าเต้นตึกตัก ในหัวมีแต่จินตนาการถึงลูกเจี๊ยบไหมยักษ์ที่จะออกมาจ้องมองข้าด้วยดวงตาสีดำขลับของมัน
แล้วข้าก็เห็น...สีแดง
มีเสียงของใครบางคนในบ้านข้าส่งเสียงอุทานออกมาเมื่อเห็นร่างนั้นเต็มๆ ตา
มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทำจากไหมสีดำละเอียด ดวงตาเป็นสีแดงสดเหมือนทับทิม หัวของมันใหญ่โตมาก และเมื่ออ้าปาก ข้าก็เห็นเขี้ยวซี่เล็กๆ ที่เรียงกันเป็นระเบียบซึ่งทำมาจากอัญมณีบางอย่างทีส่องประกายระยิบระยับเหมือนสีรุ้ง
พ่อของข้าอ้าปากค้าง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“มะ มัง มังกร สะ สัต บะ บะ บะ บงกชสีโลหิต”
มังกร?
ดวงตาที่ทำจากทับทิมจ้องมองข้า จากนั้น ร่างที่นุ่มลื่นก็เดินเตาะแตะเข้ามาใกล้ข้า หัวใหญ่โตที่นุ่มลื่นถูไปกับปลายเท้าของข้า จากนั้นมันก็อ้าปากโชว์ฟันตะปุ่มตะป่ำ แล้วก็งับข้าเข้าที่น่องเต็มแรง
“...” ภายในบ้านข้าเกิดความเงียบงัน
ข้ามองเจ้าสิ่งมีชีวิตนั้นอยู่นานพอดู ก่อนจะปล่อยโฮออกมาเสียงดังลั่นจนคนในบ้านตกใจกันยกใหญ่ ทีแรกพวกเขานึกว่าข้ากลัวมังกร จึงค่อยๆ อุ้มมันออกไป เจ้ามังกรในอ้อมแขนของพี่ชายข้าดิ้นรน มันส่งเสียงร้องงี๊ดง๊าดไม่หยุด ย่าของข้าบอกว่าเพราะมันจำติดตาไปแล้วว่าข้าซึ่งเป็นสิ่งแรกที่มันเห็นคือพ่อแม่ของมัน
แต่เมื่อได้ยินเสียงร้องของข้า พี่ชายที่กำลังอุ้มเจ้ามังกรสัตบงกชสีโลหิตอะไรนั่นก็แทบล้มหน้าคว่ำ เพราะข้าซึ่งเป็นเพียงเด็กผู้ชายอายุสิบขวบที่ไม่เข้าใจว่ามังกรคืออะไร หรือมังกรสำคัญแค่ไหน
ในเวลานั้น ข้ารู้เพียงอย่างเดียว
“ข้าจาอาวแม่ก่ายยยยยยยยยยยย แง๊”
นั่นแล
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น