คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตำนานในวันวาน ,, Cordia 2 ★ After black clouds, clear weather.
ตำนานในวันวาน
After black clouds, clear weather. [ภายหลังเมฆดำทมึน อากาศมักแจ่มใส]
เนเวอเรนคือตระกูลนักรบ
เมื่อสงครามเกิดขึ้นก็จะเป็นผู้กระโจนลงไปต่อสู้ในสนามรบแทบจะในทันที
ต่อให้ต้องสละชีพตัวเองก็ต้องปกป้องสิ่งสำคัญไว้ให้ได้
“เฮ้ย! ทำอะไรกันอยู่วะ ขอข้าร่วมวงด้วยสิ!”
สิ้นเสียงของท่านหญิงไดแอนน์ ทุกสรรพสิ่งก็ตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงเสียงไหลของน้ำพุเบื้องหลังเท่านั้น
“เอ๊า! เงียบอีก เป็นใบ้กันเหรอไงวะ!” ไดแอนน์เคลื่อนตัวลงจากมอเตอไซค์สีดำสนิท เด็กสาวยืนเท้าเอว กวาดดวงตาสีน้ำเงินมองบุคคลทั้งสาม
คุณหนูวาเนสซ่าเป็นคนแรกที่ตั้งสติได้ เธอถอยออกมาจากประตูรถ ดวงตากลมโตกระพริบปริบๆฉายแววงุนงงเล็กน้อยก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นสั่นระริกด้วยความดีใจ
“กรี๊ดดดดด!! อร้ายยย!! ท่านแดนขาาาาา ดิฉันคิดถึงท่านทุกคืนวัน ตั้งแต่วันนั้นที่เราอะจึ๋ยๆกันค่ะ โอ้ย ได้เจอท่านแดนตัวเป็นๆแล้วดิฉันอยากเป็นลมค่ะ ขอกระทิงแดงมาโด๊บซักโหลได้มั้ยคะเนี่ย!”
อะจึ๋ยๆนั่นหมายถึงไปซื้อของด้วยกันที่ห้างน่ะ...
ไดแอนน์หันไปมองตามเสียงเรียกชื่อ คิ้วสีน้ำตาลแดงเช่นเดียวกับสีผมขมวดมุ่น เธอค่อยๆเดินไปหาคุณหนูวาเนสซ่าโดยที่ดวงตายังไม่ละไปจากใบหน้าของหล่อน นิ้วเรียวยาวยกขึ้นชี้ใบหน้าน่ารัก
“เวสซี่ซีซ่าร์!?”
นะ...นั่นชื่อคนเรอะ?
“แอร๊ยยยย~ ท่านแดนยังจำชื่อที่ท่านเรียกดิฉันในวันนั้นได้ ดิฉันดีใจจนบ้าแล้วค่ะ อรั้ยอรั้งอิ๊อิ๊หุหุ”
ครอสเทลและคอร์ดีอาไม่ค่อยเข้าใจเรื่องที่ทั้งสองคนนี้คุยกันเสียเท่าไหร่
แต่ว่า...
“เมิงมาบ้านกรูทำไมวะไดแอ๊นนนนน!!”
และคฤหาสน์เนเวอเรนก็ไม่เงียบสงบอีกต่อไป
สูงขึ้นไป บนชั้นสองของคฤหาสน์เนเวอเรนปีกซ้าย ณ ห้องทำงานของผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน หากเปิดประตูสีขาวสลักลวดลายวิจิตรงดงามบานนั้นเข้าไป สิ่งแรกที่มองเห็นก็คือ ‘ภูเขา’ เอกสารต่างๆนาๆที่กองอยู่ในห้อง จากห้องอันใหญ่โต เอกสารเหล่านี้สามารถทำให้มันดูเล็กลงเท่ารูหนูได้อย่างง่ายดาย
ไดเดเรย์นั่งอยู่บนเก้าอี้บุนวมชั้นดี แผ่นหลังกว้างเหยียดตรง แม้หน้าตาอันแสนหล่อเหลาจะเรียบเฉยเพียงใด ถ้าหากมองเข้าไปในดวงตาสีทับทิมก็จะสามารถเห็นความเคร่งเครียดที่แฝงอยู่ในแววตาคมกริบนั้นได้
แม้จะตั้งหน้าตั้งตาจัดการกับเอกสารมากมายเหล่านี้โดยไม่หยุดพัก แต่ก็ไม่มีวันไหนที่มันจะดูลดน้อยลงไปจากเดิมเลย
ฝ่ามือหนาวางปากกาลงกับโต๊ะทำให้เกิดเสียงแกร่กดังขึ้นเบาๆ ร่างสูงโปร่งลุกขึ้นยืนบิดซ้ายขวาเล็กน้อยเป็นการคลายความเมื่อยล้า ดวงตาคมกริบกวาดมองกองเอกสารสีขาวที่วางอยู่เกลื่อนห้องจนทำให้ลืมไปแล้วว่าห้องทำงานของเขามีอะไรบ้างนอกจากเอกสาร โต๊ะทำงาน และปากกา
แต่สิ่งหนึ่งที่ไดเดเรย์ไม่เคยลืม...
ภาพถ่ายเล็กๆใบหนึ่ง
ในภาพนั่น มีตัวเขากำลังทำหน้านิ่ง ข้างๆคือท่านหญิงโลนาเอลกำลังยิ้มน้อยๆพร้อมใช้มือเกาะกุมแขนของเขาเต็มที่ ข้างหน้าของไดเดเรย์และโลนาเอลคือครอสเทลที่อ้าแขนไปกอดคอน้องชาย คอร์ดีอาที่เป็นฝ่ายถูกกอดทำหน้ายู่ด้วยความหงุดหงิดแต่ก็ไม่ได้ผลักไสหรือขัดขืนอะไร
เขาจำได้ดี ฉากหลังคือสวนหลังคฤหาสน์ วันนั้นเป็นวันที่เขาหยุดทำงาน โยนปากกาลงถังขยะ ละทิ้งเอกสารบ้าๆพวกนี้ แทบจะจุดไฟเผาด้วยซ้ำไป
เพราะลูกชายคนโตบอกว่าอยากไปปิกนิกกับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา
...ก็แค่นั้นเอง
ดวงตาสีแดงมองรูปถ่ายใบนั้นอย่างอ่อนโยนครู่หนึ่งก่อนที่จะเก็บมันลงไปในลิ้นชัก หันหน้าไปข้างหลัง กดรีโมทให้ผ้าม่านสีเลือดหมูเปิดออก เผยให้เห็นหน้าต่างบานใหญ่ราคาแพง
เขาตั้งใจจะพักสายตาด้วยการมองท้องฟ้าแค่แวบเดียว แต่ก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างข้างล่าง
ครอสเทล คอร์ดีอา คนผมสีน้ำตาลแดงงคงเป็นไดแอนน์ ส่วนผู้หญิงอีกคนน่าจะเป็นวาเนสซ่า...
ทั้งสี่กำลังเล่นกันอยู่ในสวน
ครอสเทลทำหน้านิ่งเหมือนเขาไม่มีผิด ไดแอนน์กอดอกยกขาขึ้นพาดโต๊ะ วาเนสซ่าหัวเราะโฮะๆพลางจิบชาสบายอารมณ์ และคอร์ดีอา ทำหน้าบูดเหมือนกำลังหงุดหงิด
ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ลูกของเขายังน่ารักที่สุดอยู่ดีนั่นแหละ!
“ทำงานต่อดีกว่า…” น้ำเสียงทุ้มพึมพำเบาๆพลางทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ ไดเดเรย์หยิบปากกาขึ้นมาก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารต่อไป
“เรื่องมันมีอยู่ว่า...”
“ข้าเบื่อก็เลยมาหาอะไรทำที่บ้านของพวกเจ้า แค่นั้นแหละ” ว่าพลางหยิบไม้จิ้มฟันออกมาจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ต มีบางคนตั้งฉายาให้เธอว่า ‘ท่านหญิงไดแอนน์ผู้มากับไม้จิ้มฟัน’
รู้ว่าเอ็งเบื่อ แต่ทำไมเอ็งต้องมาบ้านกรูด้วยวะ
วาเนสซ่าวางถ้วยชาลงกับโต๊ะ หยิบพัดขึ้นมาโบกเบาๆตามภาษาผู้ดี “ส่วนดิฉันก็อยากอยู่กับท่านแดนเลยนั่งสล๋อนหน้าอยู่ตรงนี้ไงล่ะค้า”
“รู้ตัวด้วยเหรอ”
ฉึก!! ทำร้ายดิฉันมากเลยค่ะท่านครอสเทล ฮือๆ
“เมื่อไหร่เจ้าจะเลิกพูดอะไรที่ไม่สร้างสรรค์แบบนี้วะ ครอส! เจ้าก็เหมือนกันคอร์! ทำไมไม่หัดดูแลพี่ชายให้ดีๆ หา! เวสซี่ซีซ่าร์อน่าพึ่งเศร้าไปนะ มาซบอกข้ามา..”
“ฮือออ ท่านแดนขา ดิฉันอยากกินกระทิงแดง...” คุณหนูตระกูลแครีสครวญคราง
เมิงไม่เลิกใช่มั้ย กระทิงแดงเนี่ย...
“…”
คอร์ดีอาหรี่ดวงตาสีแดงลง ใช้มือขวาเอื้อมไปหยิบคุ้กกี้ช็อกโกแล็ตบนโต๊ะเข้าปากเงียบๆ พยายามเมินเสียงรบกวนรอบข้าง ตอนนี้เขากำลัง หงุดหงิดมาก...ถ้าได้อัดคนซักคนสองคนก็คงหาย เพราะไม่มีใครให้อัดจึงต้องระบายอารมณ์โดยการเคี้ยวแรงๆแทน
“ทำหน้าตาแบบนั้นหมายความว่ายังไงน่ะคอร์...”
หมายความว่ากรูอยากให้เมิงไสหัวไปไกลๆไงล่ะ
“อ้อ…”
เมิงเริ่มเข้าใจกรูแล้วสินะไดแอนน์
“แกท้องผูกมาเดือนนึงแล้วใช่ปะ!!”
ทำไมต้องทำเสียงเหมือนเพิ่งค้นพบว่างูบินได้ด้วยวะครับ
เอ้ย! ประเด็นคือกรูไม่ได้ท้องผูกนะว้อย!!
“มาต่อยกันเหอะไอ้ทอม!!”
คอร์ดีอาตะโกนออกไป ร่างบางลุกขึ้นพรวดจนเก้าอี้ล้มไปกองกับพื้น เด็กหนุ่ม ‘ถีบ’ โต๊ะตัวยาวล้มลงกับพื้น คุ้กกี้ช็อกโกแล็ตหกกระจาย ถ้วยชาตกลงแตกส่งเสียงดังเพล้ง
ไดแอนน์ดึงตัววาเนสซ่าหลบ เด็กสาวแลบลิ้นเลียริมฝีปาก ถกแขนเสื้อขึ้น ทำหน้าประมาณว่ากรูพร้อมที่จะต่อยกับเมิงแล้วเว้ยไอ้ตุ๊ด ฮ่าๆ
ก่อนที่สวนหลังคฤหาสน์จะกลายเป็นเวทีมวยและวิวัฒนาการไปเป็นสนามรบ ครอสเทลรีบลากวาเนสซ่าออกมาหลบอยู่ห่างๆก่อนที่หล่อนจะพลอยโดนลูกหลงไปด้วย
โดนท่านครอสเทลจับแขนแล้วเขินค่ะ แอร้ยหุหุ
“แกรู้หรือเปล่า ผู้ชายเขาไม่ท้าผู้หญิงต่อยกันหรอกนะ คอร์ดีอา~” ไดแอนน์พูดกวนโมโหตามสเต็ป
คอร์ดีอาแค่นหัวเราะ “เหอะ บังเอิญว่าฉันไม่เห็นว่าแกเป็นผู้หญิงว่ะ”
เปรี้ยะ!
เสียงเหมือนมีไฟสปาร์ค...ดวงตาสีแดงทับทิมของคอร์ดีอาจ้องเข้าไปในดวงตาสีน้ำเงินของไดแอนน์ราวกับจะกินเลือดเนื้อ ท่านหญิงน้อยก็ไม่ลดละที่จะส่งสายตากวนบาทาไปให้อีกฝ่าย
เอ้า จ้องกันเข้าไป ระวังท้องนะพวกเมิง
คอร์ดีอายื่นแขนขวาออกไปข้างตัว ปรากฏแสงสีทองอาบไล้รอบมือของเขาเป็นวงกว้าง เส้นสายสีเงินจำนวนมากวิ่งออกมาจากศูนย์กลาง มันรวมเข้าด้วยกัน ถักทอเป็นรูปทรงต่างๆนาๆภายในไม่กี่วินาที ขึ้นโครงสร้างเป็นดาบเล่มใหญ่ยักษ์ เส้นสายมากมายนั้นหยุดลงเมื่อสร้างโครงสร้างของดาบนั่นเสร็จแล้ว แสงสีทองสว่างวาบบดบังจนมองไม่เห็นโครงสร้างดาบ สักพักก็ดับไป เผยให้เห็นดาบสีเงินเล่มใหญ่ราวสองเมตรที่มีด้ามจับเป็นสีทองอร่ามและมีอัญมณีสีมรกตฝังไว้ แค่มองดูก็รู้แล้วว่าหนักมาก แต่เด็กหนุ่มสามารถยกมันด้วยมือเดียวได้อย่างสบายๆ
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเรียกอาวุธของตนเองออกมาแล้ว ไดแอนน์ก็ไม่รอช้า เด็กสาวสะบัดข้อมือเรียวขาว ทุกสิ่งตกอยู่ในความสงบนิ่ง ทว่าซักพักหนึ่งพื้นดินรอบๆตัวของเธอก็เกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง ต้นหญ้าสีเขียวอ่อนจำนวนหนึ่งแปรเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอมเหลืองแห้งกรอบ ดินบริเวณนั่นแยกตัวออกจากกันเกิดเป็นหลุมดำกว่าง ดาบขนาดมาตรฐาน เล่มบางแต่คมกริบพุ่งขึ้นมาจากหลุมนั่นสู่มือของเธอ ไดแอนน์คว้าด้ามจับไว้แน่น ฟาดดาบใส่อากาศสองสามทีจนเกิดเสียงดังหวือ
อืม...เรียกอาวุธออกมาอย่างอลังการงานสร้างมากครับ...
แล้วก็....ไดแอนน์...เมิงทำลายสวนบ้านกรู๊!! นั่นต้นหญ้าที่กรูปลูกเองเลยนะว้อยยยยย!!
พึ่บ!
เสียงแหวกอากาศดังขึ้นข้างหูของเด็กสาว ไดแอนน์รีบกระโดดหลบก่อนที่คมดาบจะสามารถสร้างบาดแผลให้เธอได้เสียก่อน เส้นผมสีน้ำตาลแดงปอยหนึ่งร่วงลงสู่พื้นดิน หันกลับไปมองจุดที่เธอเคยยืนอยู่เมื่อกี้ ต้นไม้ที่อยู่ข้างหลังของเด็กสาว ตรงกลางลำต้นนั่นเป็นรอยบุ๋มลงไป เหมือนถูกแรงอะไรบางอย่างอัดเข้าใส่ แต่ไม่ใช่การฟันเข้าไปตรงๆ
รวดเร็ว และ รุนแรง
ถ้าขืนหลบช้าไปกว่านี้เธอคงไม่ได้เสียไปแค่ปอยผมเล็กๆนั่นแน่ ไดแอนน์ขยับยิ้มเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังพุ่งเข้ามา เธอยกดาบขึ้นรับการโจมตีและผลักมันออกไป คอร์ดีอาถอยไปสองสามเก้า กวัดแกว่งดาบสีเงินในมืออย่างคล่องแคล่ว
คุณหนูวาเนสซ่าที่ยืนอยู่ข้างๆครอสเทลมองการต่อสู้ตรงหน้าด้วยแววตาเป็นประกายระริกราวกับเจอของถูกใจ แต่แล้วเด็กสาวในชุดฟูฟ่องก็ทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
ดิฉันจำได้ว่าตอนแรกพวกคุณท้าต่อยกันไม่ใช่เหรอ (วะ) ค้าาาา!?
ครอสเทลขมวดคิ้วมุ่น จับจ้องการปะทะกันข้างหน้าอย่างไม่วางตาเช่นเดียวกับคุณหนูแครีสข้างกาย
นั่น...ต้นลิลลี่ฝังเพชรที่อิมพอร์ตมาจากเจนาเวียร์ราคาหลายล้าน อ้อนท่านพ่อให้ออกเงินให้ รอเป็นปีๆกว่าจะได้มันมา โชคดีที่ท่านแม่ใช้เส้นฟาดเงินใส่หัวคนขายเลยได้เร็วหน่อย
ต้นลิลลี่ฝังเพชรแสนรักที่กรูมาเฝ้าดูการเจริญเติบโตของมันทุกวัน...ต้องรอสิบเดือนถึงจะโตขนาดนี้....
ถูกพวกเมิงสองคนทำลายภายในไม่กี่วินาที...
เฮ้ย! บอนไซสีรุ้งที่มีแค่สิบต้นในโลกเละคาตรีนพวกเมิงไปแล้ว!!
กุอยากร้องไห้
ขอบตาของท่านชายเนเวอเรนคนพี่เริ่มมีน้ำตาปริ่ม รู้สึกเหมือนหัวใจดวงน้อยๆของตัวเองกำลังแตกสลาย
สองคนที่กำลังสู้กันอย่างเมามันไม่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกของผู้ที่กำลังมองดูอยู่แม้แต่น้อย ดาบฟาดฟันใส่คู่ต่อสู้นับไม่ถ้วน ในขณะที่อีกฝ่ายก็สามารถสกัดการโจมตีและรุกเข้าทันอย่างท่วงถี่เกือบทุกครั้ง มองเผินๆอาจเหมือนว่าไดแอนน์เป็นฝ่ายได้เปรียบเพราะเธอรุกเข้าหาคอร์ดีอาอยู่เสมอ
จริงๆแล้วไม่ใช่เลย เด็กสาวพยายามรุกเข้าไปอย่างต่อเนื่องเพราะว่าตัวเองเสียเปรียบต่างหาก ทั้งด้านความเร็วและความแรง เธอล้วนแต่เสียเปรียบทั้งนั้น แต่ละครั้งที่คอร์ตวัดคมดาบเข้าใส่เธอก็แทบที่จะรับการโจมตีไม่ไหวอยู่แล้ว น่ากลัวว่าถ้าหากใช้ดาบตั้งรับนานๆเข้ามันอาจหักเป็นสองท่อนก็เป็นได้
เด็กสาวกระโดดถอยหลังเพื่อหลบการโจมตีออกครั้ง
!!
ไดแอนน์เบิกตากว้าง ด้วยความเมื่อยล้าจากการที่ต้องคอยหลบและคอยรับการโจมตีทำให้เธอก้าวเท้าพลาดและเสียหลักจนล้มลง
คอร์ดีอาแสยะยิ้มรีบก้าวเท้าเข้าไปหาท่านหญิงน้อยผู้มีนิสัยแปลกแยกไปจากท่านหญิงคนอื่นๆด้วยความเร็วสูง เตรียมใช้ดาบจ่อคอเพื่อจบการต่อสู้นี้ลง
ทว่า...
“ไอ้แฉรดดดดดด!! ใครเอาอากาศมาวางให้กรูสะดุดวะหา!!”
ใบหน้าสวยเกินกว่าที่เด็กหนุ่มจะมีพุ่งหลาวลงไปจูบพื้นดินอย่างสวยงาม
ท่านหญิงไดแอนน์ใช้ดวงตาสีน้ำเงินมองเพื่อนของตนเองด้วยความ...สมเพช
จะชนะอยู่แล้วแท้ๆ แต่ดันสะดุดอากาศล้มหน้าปักดิน...
เมิง – อนาถ – มาก
ศึกครั้งนี่จบลงไปได้ด้วยดีสินะ...
.
.
ตุบ! เพล้ง! เคร้ง! โครม! แผละ!
เสียงอึกทึกโครมครามดังต่อเนื่องกันยาวเป็นรถไฟ เริ่มจาก เสียงเหมือนมีอะไรบางอย่างหล่นลงกระแทกกับพื้น ตามด้วยเสียงเหมือนมีอะไรแตก ต่อด้วยเสียงเหมือนอะไรบางอย่างพังลงมา และเสียงเหมือนอะไรบางอย่างตกลงมา ‘เละ’ อยู่กับพื้น
ดวงตาทั้งสี่คู่หันไปมองต้นกำเนิดเสียงพร้อมกัน
บนพื้นหินอ่อนสีขาวมีถ้วยน้ำชาทั้งสี่ใบ กาน้ำชาลายกุหลาบอีกหนึ่งที่บัดนี้แหลกละเอียดเพราะร่วงลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก ถาดโลหะขนาดใหญ่คว่ำอยู่มันเป็นต้นกำเนิดของเสียงโครม ผ้าปูโต๊ะลายดอกไม้เคยพับไว้อย่างเรียบร้อยกลับคลี่ออกกองอยู่บนพื้น และสุดท้าย...สิ่งที่น่าจะเคยเป็น ‘เค้กวนิลา’ ขนาดสองปอนด์มาก่อนเละเทะไปทั่วบริเวณนั่น
เส้นผมสีบลอนด์ ดวงตาสีทับทิมคมกริบ ใบหน้าหล่อเหลามีรัศมีของความเป็นผู้นำ...ไดเดเรย์ เนเวอเรน ชายผู้กุมอำนาจสูงสุดของตระกูลเนเวอเรน เขาดูดีแม้สวมเสื้อผ้าธรรมดา ที่แค่ดูก็รู้แล้วว่ามีราคาแพงเท่าไหน สิ่งที่ดูผิดปกติไปหน่อยก็คือถุงมือกันความร้อนลายตารางสีแดงขาวทั้งสองข้างที่เขาสวมใส่อยู่ มือภายใต้ถุงมือนั่นกำลังค้างอยู่กลางอากาศเหมือนเคยถืออะไรไว้
“เกิดอะไรขึ้น!!”
ท่านพ่อของขึ้นละเหวยยยยย
.
.
.
.
.
แต่...
สรุปชื่อตอนแมร่งเกี่ยวอะไรกับเนื้อหาวะ...?
ความคิดเห็น