คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตำนานบทที่ 3 ★ Nice to meet you... [ยินดีที่ได้พบคุณ...น่ายินดีตรงไหนวะ!?] 4/10
ตำนานบทที่ 3
Nice to meet you... [ยินดีที่ได้พบคุณ...น่ายินดีตรงไหนวะ!?]
เวลาที่มนุษย์พบเจอกับสิ่งเลวร้าย
ที่ตนเองคิดว่าร้ายแรงที่สุดในชีวิต
พวกเขาจะพยายามเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนใหม่
จริงๆแล้วไม่ใช่หรอก
เขาน่ะ ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยซักนิด
แสงแดดเปรี้ยงปร้างส่องลงมาสู่โลก ดูเป็นเรื่องที่แย่มากสำหรับผู้ที่ต้องทำงานหรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง หากเลือกได้ ผู้คนก็เลือกที่จะนอนเปิดเครื่องปรับอากาศอยู่ในบ้านของตนเสียมากกว่า ถ้าอยากประหยัดก็จะถ่อสังขารออกไปที่ห้างสรรพสินค้าหรือสิงสถิตอยู่ตามร้านกาแฟและร้านอาหารต่างๆนาๆ
โซอิลใช้หลอดเขี่ยน้ำแข็งในแก้วด้วยความเซ็ง แม้เครื่องดื่มร้านนี้จะราคาสูงไปหน่อย แต่ร้านก็เปิดแอร์เย็นๆเพื่อคลายร้อนให้คนอย่างเขาได้นั่งแช่อยู่เป็นชั่วโมง
ดีที่ไปขึ้นเงินจากการทำภารกิจแล้วเลยพอมีเงินจ่าย
เขามาถึงเมืองนี้นานแล้ว อุตส่าห์เลือกที่นั่งริมกระจกด้วย แต่ก็ไม่เห็นว่าไอ้คอเดี้ยงจะโผล่หน้ามาซักที
(เมิงอย่าคิดว่าตกผาไปแล้วจะขึ้นได้ง่ายๆสิวะจ๊ะ! แอร้ยยยย!! : คอร์เดีย)
อืม...เดี๋ยวเจ้านั่นก็คงมาถึงแล้วล่ะ ถึงจะดูโง่ไปหน่อยแต่ทักษะการดำรงชีวิตก็พอใช้ ไม่ตายง่ายๆหรอก
เอิ่ม เมิงดูเป็นห่วงเพื่อนมาก...
ชายหนุ่มหน้าหล่อยังคงเขี่ยน้ำแข็งในแก้วต่อไป
“ฮัดชิ่ว!” เสียงจามดังขึ้นเป็นรอบที่สาม คอร์เดียใช้มือลูบจมูกตัวเองจนแดงเป็นปื้น เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนใบหน้าอย่างต่อเนื่อง เสื้อก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อราวกับพึ่งไปแช่น้ำมา พอหันไปมองแวมไพร์ข้างๆก็พบว่าเจ้านั่นไม่มีเหงื่อออกซักนิด แถมหน้ายังนิ่งเหมือนเดิมอีกต่างหาก
“เธอไม่แพ้แดดเหรอ” เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงสวัสดิภาพเพื่อนร่วมทางนิดๆ เขาเคยได้ยินมาว่าพวกแวมไพร์ไม่ค่อยถูกกับแสงแดดนี่นะ
“แพ้” อีกฝ่ายตอบมาด้วยเสียงนิ่งๆตามฉบับ
ต่อมเหงื่อเธอคงมีปัญหาแน่ๆ...
คอร์เดียมองหน้าเรียบเฉยนั่นก่อนถามอีกคำถามออกไป “เอ่อ แล้วไม่เป็นไรใช่ไหม” เมื่อได้ยินคำถามฟีเซลก็พยักหน้าเบาๆครั้งหนึ่ง
เพราะฟีเซลเป็นผู้ที่ชี้ทางสว่างให้เขาขึ้นมาจากเหวได้ด้วยคำๆเดียว ‘ใช้เวทย์’ พอขึ้นมาข้างบนได้แล้ว ดูเหมือนฟีเซลจะรู้ทางไปเมืองที่เขาต้องการไป แล้วแวมไพร์ตนนี้ก็ยังมีจุดมุ่งหมายที่เมืองนั้นเช่นเดียวกันด้วย!
ดังนั้นแล้ว ถ้าฟีเซลเป็นอะไรขึ้นมา เขานี่แหละจะแย่!
แต่คำถามคือ ถ้าเมิงรู้ทาง...แล้วทำไมตอนแรกเมิงถึงบอกกรูว่าหลงทางล่ะจ๊ะ แอร้ย
ความอนาถของแท่งขาวเดินได้ยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง โชคนั้นช่างไม่เข้าข้างคนหน้าสวยๆอย่างเขาเสียเลย ทำไมพระเจ้าถึงลำเอียงแบบนี้นะ !
ทั้งสองยังคงมุ่งหน้าไปเมืองต่อไป คอร์เดียจะได้ไปเจอกับโซอิล และนายแวมไพร์คนนี้ก็ไม่รู้จะไปทำอะไรต่อ แต่ถ้าถึงเมืองแล้วเขาก็ขอแยกทางตรงนี้เลยแล้วกัน
หลังจากนั้นเป็นเวลานานพอสมควร พวกเขาก็ถึงที่หน้าประตูเมืองที่เป็นจุดหมาย ผู้คนเดินเข้าออกกันอย่างมากมาย เป็นเมืองที่ใหญ่พอสมควรเช่นกัน
แล้วกรูจะไปหาไอ้หน้าหล่อกวนบาทานั่นได้ที่ไหนละเนี่ย ....
ตอนนี้ทางโซอิลกำลังม่อสาวตามที่ตัวเองชอบทำจนลืมไปว่าเพื่อนร่วมทีมผจญภัยของเขานั้นได้มาถึงที่ที่เขาอยู่เรียบร้อยแล้ว
“หน้าคุณเหมือนชีเลยครับ” ว่าพลางฉีกยิ้มหล่อ
“คะ..คะ??” ฝ่ายหญิงทำหน้าเหวอ อารมณ์ประมาณ ห้ะ เมิงว่ากรูเหมือนแม่ชีเรอะ
เตรียมจะง้างมือตบมันละ แต่ว่า...
“She is a beautiful ♥ ” เมิง...เสี่ยวได้อีก
นี่คือกิจกรรมระหว่างที่กำลังนั่งรอไอ้คอเดี้ยง ปักหลักอยู่ที่ร้านเดิม แต่เดินไปหาสาวๆให้เจริญหูเจริญตาแทน อะฮ่า ชีวิตแบบนี้ช่างมีความสุขชะมัด
เหลือบไปมองนาฬิกาบอกเวลาบ่ายสามโมงครึ่ง อืม ไม่นานเลยคอร์เดีย แค่ 8 ชั่วโมงผ่านไปเท่านั้นเอง...
แต่ ต่อให้รอมันสามวันสามคืนหรือรอเป็นปี ถ้าได้ม่อหญิงช่วงเวลานั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรซักนิด ยกเว้นว่าผู้หญิงสวยๆจะหมดเมืองนี้ซะก่อนที่มันมาถึงน่ะนะ
หากมองไปบนทางเดินสีอิฐ คุณจะสามารถมองเห็นผู้หญิงผมบลอนด์เดินเคียงข้างกับชายหนุ่มรูปหล่อ อาจคิดไปว่าพวกเขาช่างเป็นคู่รักที่แสนเพอร์เฟกต์น่าอิจฉากำลังเดตกันในวันหยุด..
จริงๆแล้วไม่ใช่ เพราะคนผมบลอนด์นั่นคือผู้ชายต่างหาก
“ขิง…” เสียงเบาหวิวของแวมไพร์นามฟีเซลดังขึ้น
“จ๊ะ?” คอร์เดียเอียงคอเชิงถาม ฟีเซลไม่ได้สนใจเสียงของเขา เจ้าตัวคว้าแขนของชายหนุ่มหน้าสวยหมับ กึ่งจูงกึ่งลากเพื่อนร่วมทางให้เดินตามตนเองไป ดวงตาสีแดงทับทิมของคอร์เดียฉายแววงงงวยเต็มที่ สมองพยายามประมวลผลคำพูดของคนที่กำลังลากตัวเองอยู่อีกครั้ง
อยากกินขิง? อยากกินต้มยำ? อยากเผาขิงทิ้ง? อยากปลูกขิง!? อยากทำไร่ขิง????
จากการที่เดินทางร่วมกันมาหลายชั่วโมง คอร์เดียได้รับรู้ถึงนิสัยของแวมไพร์ตนนี้อยู่อย่าง นิยามสั้นๆคือ เข้าใจยากมาก...เริ่มจากการพูดจา ฟีเซลไม่เคยพูดยาวๆเป็นประโยค แต่เขาจะพูดเป็นคำสั้นๆ แม้ว่าคอร์เดียจะไม่เข้าใจว่าฟีเซลต้องการสื่ออะไร หรือแม้คอร์เดียจะเข้าใจผิด ฟีเซลก็ไม่แม้แต่จะอธิบายให้เขาได้เข้าใจอย่างถูกต้อง
การที่เขาเดินทางร่วมกับมันจนมาถึงเมืองนี้ได้เป็นอะไรที่มหัศจรรย์โคตรๆแล้ว
พอมาถึงเมืองนี้ เขาบอกกับแวมไพร์ตนนี้ว่าขอแยกทาง แต่มันก็ดั๊นทำหน้านิ่ง ไม่ปริปากอะไร คอร์เดียตัดสินใจเดินหนีไปเสียดื้อๆ แต่ก็ถูกฟีเซลเดินตามติดเป็นเงา สุดท้ายแล้วก็ไม่รู้ว่ามันต้องการไปไหน เขาจึงไม่สนใจเป้าหมายของแวมไพร์เข้าใจยากตนนี้แล้วเดินหาโซอิลอย่างเดียว
คิดว่าหาเจอน่ะง่าย แต่เมืองนี้มันไม่ใช่เล็กๆ การหาคนๆนึงอาจสบายกว่าการงมเข็มในมหาสมุทรนิดหน่อย
ตอนนี้น่าจะบ่ายกว่าๆแล้ว เขายังหาไอ้หล่อนั่นไม่เจอซักที ส่วนฟีเซลที่ไม่พูดอะไรซักคำก็ปริปากพูดถึงน้ำขิงแล้วลากเขาเดินตามนี่แหละ
ฟีเซลลากคอร์เดียมาหยุดที่หน้าร้านขายเครื่องดื่มแห่งหนึ่ง แวมไพร์หนุ่มเดินผ่านประตูเลื่อนอัตโนมัติเข้าไปในร้าน เดินดุ่มๆไปที่เคาท์เตอร์ ร้านนี้มีเครื่องปรับอากาศ แอร์เย็นๆทำให้คอร์เดียรู้สึกเหมือนขึ้นสวรรค์หลังจากทีใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความร้อนระอุมานาน
“รับอะไรดีคะ” พนักงานสาวเอ่ยปากถาม
ฟีเซลนิ่งไปซักพักก่อนจะตอบไปด้วยน้ำเสียงเรียบราบ
“น้ำขิง”
ความคิดเห็น