ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นิยายเวี๊ยน นิยายเวียน <3

    ลำดับตอนที่ #3 : ตำนานบทที่ 2 ★ How are you? [ I'm fine, thank you and you? มั้งไอ้บ้า!]

    • อัปเดตล่าสุด 15 พ.ค. 55


    ตำนานบทที่ 2

    How are you? [ I’m Fine, thank you and you? ล่ะมั้งไอ้บ้า! ]

     

     

    ดวงตาของเธอมองเห็นอะไร

    เทพบุตรหรือ ปีศาจร้าย

    .

    .

    .

     


    คำเปรยข้างบนจะอะไรก็ช่างแมร่งเถอะ แต่ตอนนี้กรูมองเห็นฝูงแรด...

     

    ดวงตาสีทับทิมของคอร์เดียสะท้อนภาพฝูงแรดเล็กๆฝูงหนึ่ง เริ่มต้นที่จ่าฝูง ดูจากร่างกายถึกๆของมันแล้วน่าจะเป็นตัวผู้ จมูกของมันส่งเสียงฟึดฟัดกระฟัดกระเฟียดด้วยความหงุดหงิดเต็มที่ ส่วนข้างหลังเป็นเหล่าลูกกระจ๊อกที่ไม่กระจอกเกือบสิบตัวได้ แต่ละตัวก็ไม่ได้อารมณ์ดีต่างจากหัวหน้ามันหรอก

    หันกลับมามองตัวเอง...รอยดำๆของเศษดินติดตามตัว เสื้อผ้าสีขาวแทบจะเปลี่ยนสีโดยไม่ต้องจ้างคนย้อม ชายเสื้อคลุมก็ขาดวิ่นราวกับโดนหนูแทะ เศษใบไม้แห้งกรอบติดหัวยังกับเป็นถังทิ้งใบไม้ยังไงยังงั้น

    เหตุผลที่มาตกอยู่ในสภาพอันอนาถแบบนี้น่ะเรอะ...

    เมื่อวานพอจัดการกระทิงเสร็จด้วยสภาพอันสะบักสะบอม เขาก็มานั่ง (กระซวก) กินอาหารเย็นซักพักจู่ๆก็มีงูอนาคอนด้าโผล่มาเขมือบหัวข้างหลัง ด้วยความรักตัวกลัวตายเลยทิ้งของกินแล้วรีบวิ่งหนีไปกระโดดลงน้ำ แต่ดันเจอปิรันย่าในน้ำซะอีก แล้วก็ลืมไปว่างูมันว่ายน้ำได้ด้วย ทีนี้ก็เกือบได้ไปเยือนนรกแล้วล่ะ โชคดีที่ปลาปิรันย่ามันเห็นงูน่ากินกว่าเขาเลยรุมกัดอนาคอนด้าตัวนั้นซะไม่เหลือซาก คอร์เดียผู้แสนชาญฉลาด (?) เลยรีบใช้โอกาสหนีชิ่งหนีก่อนที่จะกลายเป็นศพตามงูยักษ์นั่นไป

                    พอกลับมาที่จุดเดิมก็พบว่าเนื้อหมาป่าย่างถูกไอ้หัวน้ำตาล...หมายถึงโซอิลเพื่อนเลิฟ (?) กินไปจนเกลี้ยงแล้ว แถมมันยังชิงนอนหลับสบายใจเฉิบอีกต่างหาก

     

    เมิงช่วยเป็นห่วงเพื่อนตาแดงๆอย่างกรูที่เกือบได้ไปเยี่ยมยมบาลก่อนวัยอันควรบ้างได้มั้ยวะจ๊ะ! แอร้ยยย!!

                   

                    ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมถึงมาเผชิญหน้ากับแรดทั้งสิบได้นั่น...บังเอิญว่าตื่นมาแล้วไม่เห็นคุณเพื่อนโซอิล ด้วยความเป็นห่วง กลัวว่าจะถูกปิรันย่าพวกนั้นแดก...หมายถึงจู่โจม เลยออกไปตามหาตามประสาคนดีอะนะ...

     


                    โซอิลน่ะไม่เจอหรอก...

     



     

                    แต่แรดอะ มาเป็นฝูงเลยว้อยจ้า อร้ากกกกกกกกก!!

     



     

                    ฟืดดดดดดดดด!!”



     

                    “…”

     

     

     

                    เอิ่ม...ถึงโซอิล ถ้าเธอได้ยินเสียงของคอร์เดียแล้ว ไม่ต้องตามหาหรอกนะ ไปเจอกันที่เมืองหน้าเลยแล้วกัน...





     

                    โอเค งั้นข้าจะไปรอที่เมืองหน้าเลยนะ ถ้าข้าถึงเมืองแล้วอีกเจ็ดวันไม่เจอเจ้าข้าจะทำบุญไปให้ ...

     


                    พวกแกคุยกันได้ยังไงไม่ทราบ ...

                   



                    “อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยย ไอ้เพื่อนบ้า !! มาช่วยคอร์เดียเดี๋ยวเน้ !!!!” คอร์เดียตะโกนลั่นป่า

                   



                    ส่วนทางโซอิลตอนนี้กำลังจัดการหมาป่าไปเรื่อยๆจนหมดครึ่งทางแล้ว สภาพหนุ่มหล่อหน้าตาคมคายกำลังเชือดเฉือนหมาป่าเพื่อที่จะเอาหนังของมันออกมา เป็นภาพที่เข้ากันได้อย่างลงตัว(ตรงไหน) เลือดที่เปรอะอยู่บนตัวเขาไม่ใช่เลือดของเขาแม้แต่น้อย แต่นั่นเป็นเลือดของหมาป่าทั้งสิ้น

                   

                    “ฟู่ววว เมื่อกี้เหมือนได้ยินเสียงร้องแปลกๆ ช่างเหอะ” โซอิลว่าแล้วหันกลับไปแบกหมาป่ากลับตรงที่ตั้งกระโจมไว้ที่เดิม

                    ไอ้เจ้านั่นก็หนีหายหัวไปไหนแล้วก็ไม่รู้  ไม่มาช่วยกันบ้างเล๊ย

     

                    หนุ่มผมน้ำตาลเอาเนื้อหมาป่าเสียบไม้ย่างแล้วนั่งถลกหนังหมาป่าต่อ..

     

                    “กรี๊ดดดดดดดดดด” คอร์เดียกำลังวิ่งหนีฝูงแรดไปทั่วป่า โดยลืมว่าถ้าเจ้าตัวร่ายเวทย์ใส่แป๊บเดียวมันก็หายไปหมดแล้วแท้ๆ โง่แท้เหลา

     

                    โซอิลมองไอ้แท่งขาวเดินได้วิ่งหนีฝูงแรดผ่านไป ผ่านมา วิ่งวนไปรอบที่ตั้งกระโจมแล้วก็ไปทางอื่นต่อ อยู่ๆเขาก็เกิดคำถามคือ เขาก็อยู่ตรงนี้ ทำไมพวกสัตว์ร้ายถึงไม่สนใจเขาเลย เอาแต่ไล่ขวิดเจ้าคอเดี้ยงอยู่นั่นแหละ

                    สงสัยความหล่อเป็นเหตุ ..... เขาลูบหน้าตัวเอง

     

                    ชายหนุ่มจัดการกับเนื้อย่างที่เหลือจนเรียบร้อยแล้ว เขาคว้าดาบของตนเองขึ้นมาก่อนลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจหนึ่งครั้งแล้วพึมพำ อืม...ไอ้บ้านั่นบอกให้ไปเจอกันเมืองหน้า โอเค งั้นออกเดินทางดีกว่า

     

                    เมิงเล่นอย่างงี้เลยเรอะ

     






                    เอาเถอะ ถึงเวลาที่คอร์เดียจะได้โดดเด่น (ท่ามกลางฝูงสัตว์ป่า) บ้างแล้วสินะ!!

     


                    ถ้าแลกกับการมีแรดวิ่งตามเป็นฝูง คอร์เดียไม่อยากเด่นนะ อร๊ายยยยยยยย!!”

     


                    เอาล่ะ รายงานสถานการณ์อีกครั้ง ข้างหลังมีแรดสิบตัววิ่งไล่ขวิดควันออกจมูกฟืดฟาด ข้างหน้าเป็นป่าเหมือนเดิม แต่ทำไมมันสว่างขึ้นเรื่อยๆวะ กรูจำได้ว่าป่ามันมืดกว่านี้เพราะต้นไม้สูงนะ เอิ่ม ช่างหัวป่ามันเถอะ หันกลับไปดูแรดอีกครั้ง เหมือนลูกน้องของพวกมันจะเริ่มเหนื่อยจนรามือจากเขาไปตัวสองตัวแล้ว อา หนทางรอดไม่ไกลเกินเอื้อม...แค่วิ่งไปเรื่อยๆให้มันหมดแรงไปก็แค่นั้นเอง


     

                    กรูจะตายห่-า ก่อนมันน่ะสิจ๊ะ แอร๊งงงง~

     



                    ดวงตาสีแดงของเขาสะท้อนภาพผืนนภากว้าง มีเมฆน้อยลอยตุ๊บป่อง อืม...เหมือนจะมีนกบินด้วยนะ อืมๆ

     

     

                    เอ๊ะ...หน้าผา??

     

     

                    หึๆ งั้นเราก็วิ่งไปถึงหน้าผา พอสุดพื้นดินแล้วก็กระโดดไปข้างหลังฝูงแรดซะ พวกมันจะเบรกไม่ทันแล้วก็ตกหน้าผาไปตายอนาถแทน ช่างเป็นแผนการอันชาญฉลาดจริงๆ

                    คิดดังนั้นแล้วคอร์เดียจึงเริ่มทำตามแผนการทันที ขาทั้งสองออกแรงวิ่งให้เร็วขึ้น เหล่าแรดข้างหลังก็วิ่งเร็วขึ้นไม่แพ้กัน ด้วยน้ำหนักหลายตันของพวกมันทำให้พื้นดินสั่นไหวน่าหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่ง

     

                    ใกล้แล้ว...เขาใกล้จะถึงปลายสุดแล้ว ทีนี้ก็เตรียมตัวกระโดด จากนั้นเขาก็จะรอด!!

     


                    ใบหน้าหวานปรากฏรอยยิ้มบาง คอร์เดียเตรียมตัวถีบส่งตัวเองขึ้นจากพื้นดินเต็มที่

     



                    เขาจะรอดแล้วล่ะ เขาจะรอดแล้ว!!....

     


                    ถ้าหากว่า....

     

    .

    .

    .

     

     

                    “ไอ้หินเวร เมิงมาให้กรูสะดุดทำไมวะ!!”

     




                    ถ้าเขาไม่สะดุดก้อนหินจนหน้าคะมำเสียก่อน...

     

                   คิดไปได้แวบเดียวขาเจ้ากรรมก็สะดุดทันที ทำให้คอร์เดียล้มหน้าคะมำ ฝูงแรดที่ไล่ตามมาอยู่ข้างหลังก็พ่นลมหายใจกระฟัดกระเฟียดอย่างปิติ(?) แต่ก็ทำให้เกิดเรื่องไม่ขาดฝันขึ้น ...

                  

    เปรี้ยง !

     

    เสียงของสายฟ้าดังขึ้น คอร์เดียเงยหน้าขึ้นมามองภาพที่อยู่ตรงหน้า คือฝูงกระทิงมีสภาพไม่ต่างจากกระทิงย่างสักเท่าไหร่ กายกำยำของพวกมันไหม้เกรียม คอร์เดียพยายามลุกขึ้นเพื่อดูคนที่จัดการเจ้าพวกกระทิงพวกนี้ เพราะดูจากสภาพอากาศตอนนี้ไม่น่าจะมีฟ้าผ่าลงมาเลยแม้แต่น้อย

     

    “เจ้างั่ง แค่นี้ก็ไม่จัดการให้ดีนะ” ร่างสูงโปร่งเจ้าของผมสีน้ำตาลพลิ้วไหวไปตามลม มองเจ้าคนที่หน้าคะมำด้วยสายตาเอือมๆ

    “โห่วววว ลองมาโดนไล่เองดูแล้วจะรู้ !”คอร์เดียเถียงก่อนจะลุกขึ้นมาปัดๆฝุ่นตามตัว

    “ดูไม่ได้” สามคำที่โซอิลมองคนตรงหน้าแล้วพูดขึ้น

     

    หน้าสวยหวานจากที่สะบัดสะบอมอยู่แล้วก็ทำหน้ามุ่ยคิ้วขมวด

    “แล้วที่คอร์เดียเป็นแบบนี้เพราะใครละ อร๊าย !

     


                   เพราะตัวเมิงเองไง ...

     


                   “ช่างเหอะ ไปได้แล้ว” โซอิลโยนเสื้อคลุมของตัวเองให้คนที่มีสภาพที่คำว่าอนาถมากและดูไม่ได้ยังบรรยายได้ไม่หมด

     

                   “ก็ไปสิ อย่าให้คอร์เดียนำทางละ !” อีกคนว่าแล้วเอาเสื้อคลุมมาคลุมตัวเอง

                   “รู้แล้วน่า คราวหลังแกก็อย่ามาขึ้นนำเองแล้วกัน” โซอิลเถียงแล้วแบกสัมภาระเดินหน้าไปเมืองถัดไปโดยไม่สนใจคนข้างหลัง  คอร์เดียเห็นดังนั้นจึงรีบก้าวเท้าตามอย่างไวว่อง

                  




                   “หวะ...เหวอออออออออออ!!”

     




                   แต่รีบไปหน่อยขาเลยพันกัน ชายหนุ่มหน้าสวยร่วงลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก ภายในท้องรู้สึกวูบวาบโหวงเหวงแปลกประหลาด เส้นผมยาวสลวยปลิวเข้ามาปะทะหน้า

     



                   อร๊าง ทีนี้แหละ กรูตกหน้าผาของจริง ฮ่าๆๆ

     



                   คอร์เดีย!!!”

     



                   เขาได้ยินเสียงตะโกนของโซอิลลอยมาเข้าหู มองขึ้นไปก็เหมือนเห็นหน้าหล่อๆของมันด้วย

     


    อืมถ้ารู้ว่าจะตกผาแน่ๆ กรูคงกระโดดลงมาเองนานแล้วล่ะจ้า แอร๊ย

     


    คราวนี้เธอไม่ต้องมาช่วยหรอกนะ คอร์เดียจะหาทางไปเมืองหน้าเองแล้วกัน ฮือๆ

                  



                   โซอิลมองร่างของเพื่อนที่หล่นลงไปข้างล่างด้วยสีหน้า เหนื่อยหน่าย เบื่อโลก เย็นชา และ เอ่อ….

     



                   “เจอกันเมืองหน้าแล้วกัน ข้าไม่ช่วยเจ้าแล้วนะ” พูดออกมาเบาๆก่อนจะสะบัดผ้าคลุมแล้วเดินหันหลังจากไป

     


                   เอิ่ม ขอบคุณนะ เมิงเป็นเพื่อนที่ดีมากครับ

     

     

     

     

                   ปวดเมื่อยเป็นความรู้สึกแรกที่แล่นเข้ามาทั่วร่าง แม้ว่าก่อนที่จะลงมาสู่พื้นดินคอร์เดียจะร่ายเวทย์ชะลอความเร็วไว้ แต่การตกลงมาจากที่สูงขนาดนั้นไม่เป็นอะไรเลยก็คงไม่ใช่ เขาพยายามลืมตา ต้องกระพริบตาอยู่หลายครั้งที่เดียวจึงจะสามารถปรับสายตาให้สามารถมองเห็นได้อย่างปกติ

     

                   ทำไมมันมืดๆ เอ๊ะ หรือกรูตาบอด

     

                   แค่ตกผามันทำให้ตาบอดด้วยเหรอ ไม่น่าใช่ ไปๆมาๆเหมือนมีอะไรมาปิดหน้ามากกว่า ดังนั้นแล้วคอร์เดียจึงยกมือขึ้น ความปวดปลาบก็ทำให้เขาต้องร้องครางออกมา ชายหนุ่มนิ่งไปซักพักก่อนจะคลำๆแถวใบหน้าก็พบกับผ้าผืนหนึ่ง คอร์เดียกระชากมันออก โยนมันไปกองข้างๆตัวก่อนยันตัวขึ้นนั่ง

     

                    อีกทางโซอิลได้เดินชำแหละ(?)หมาป่าไปเรื่อยๆได้มากแล้ว ใจเขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนักกับการตกเหวของแท่งขาวเดินได้นั่นเลย ..

     

                    ไอ้บ้า ! เธอมันแย่ !

                    ตอนนี้คอร์เดียมีแรงแต่ยันตัวลุกนั่งก็เต็มกลืนแล้ว เขามองไปรอบๆเพื่อสำรวจว่าควรจะไปทางไหนดีก็พบแต่ความมืด มีแต่แสงสว่างที่มาจากเบื้องบนเท่านั้นที่พอจะเป็นแสงนำทางให้เขาได้

                    พอร่างกายเริ่มขยับได้บ้างแล้วคอร์เดียก็เริ่มปีนขึ้นไปเผื่อว่าสักวันเขาจะเจอทางออกได้ ! ส่วนฝูงแรกตอนนี้น่ะเหรอ ร่วงลงมาตายหมดแล้ว น่าแปลกที่เขายังรอด

     

                    เพราะโชครึเปล่า?

     

                    ว๊ากกกกกกกก ตุบ !

                    เสียงนี้เกิดขึ้นในหุบเหวลึกอยู่หลายต่อหลายครั้ง เพราะหนุ่มหน้าสภาพอนาถาสิ้นดีพยายามจะปืนขึ้นไปแล้วตามเพื่อนร่วมทีมของเขาไปที่เมืองถัดไปให้ได้

     

                    เขาปีนขึ้นแล้วร่วงลงมาหลายต่อหลายครั้ง หยาดเหงื่อของหนุ่มหน้าสวยยังคงผุดออกมาตามใบหน้าตลอดเวลา แววตาที่มุ่งมั่นของเขาจ้องไปที่ข้างบนซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เขาใช้แรงที่ถูกบั่นทอนไปกว่าครึ่งเพราะตกลงมาจากเหวในการปีนขึ้นไปสู่เบื้องบน

     

                    เมื่อเสียงการร่วงลงไปจากการปีนหน้าผาของคอร์เดียจะดังขึ้นเป็นครั้งที่สิบ ท้องฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว เขาจุดไฟให้ความอบอุ่นตัวเองและคิดว่า พรุ่งนี้เช้าจะเริ่มใหม่อีกที ความพยายามของหนุ่มร่างบางคนนี้ยังไม่หยุดหย่อน เขาพยายามที่จะไปเจอสหายที่รู้ใจของตัวเองในเมืองถัดไปให้ได้ภายในเร็ววันนี้

     

                    มันคงจะดีกว่านี้ถ้าเขาคิดได้ว่า เวทย์ของตัวเองก็พาเขาขึ้นไปข้างบนได้แล้ว ...

     

                    จ๊าดง่าวแท้ ... เสียงจากโซอิลสักมุมหนึ่งของโลก

     

                    คอร์เดียพยายามลองปีนขึ้นไปข้างบน (เผื่อฟลุ้คน่ะ) อีกไม่กี่เมตรเขาก็จะสามารถขึ้นไปสู่ด้านบนได้แล้ว แต่ก็ต้องร่วงหล่นลงมาอีกครั้ง

     

                    ผลั่ก!

     

                    เสียงแผ่นหลังบางกระแทกลงกับพื้นแข็งเป็นรอบเท่าไหร่ก็ไม่ทราบ เขาพยายามลุกขึ้นมาอีกครั้ง บางทีการที่เขาร่วงหล่นลงมาจากหน้าผาแล้วไม่บาดเจ็บร้ายแรงคงไม่ใช่เพราะโชคช่วย

     

                    เพราะมันถึกเกินมนุษย์มากกว่า

     

    “แงงงง คอร์เดียอยากร้องไห้ ไม่เอาแล้ว ไม่ปีนแล้ว!” เอิ่ม เมิงก็ร้องไปแล้วนี่

     

                    คอร์เดียล้มเลิกความพยายามหลังจากลองพยายามปีนขึ้นไปข้างบนหลายร้อยพันรอบ เขานั่งกอดเข่าอยู่เงียบๆ ดวงตาสีแดงจ้องมองกองไฟตรงหน้าด้วยความเหม่อลอย

     

                    น่าเบื่อเรือหาย ถ้าแรดยังไม่ตายล่ะก็ คอร์เดียคงมีอะไรทำมากกว่านี้อะ…” พึมพำเบาๆแบบหมดอาลัยตายอยาก


                    ห้ะ นี่เมิงจะปล้ำแรดเรอะ!!

                   

                    แกรก

                   

                    เสียงเหมือนอะไรครูดกับพื้นดังขึ้น คอร์เดียหันไปมองตามเสียงนั่นอย่างว่องไวตามสัญชาตญาณ

     

                    ดวงตาสีม่วงอะเมทิสต์ประกายวาบอยู่ในความมืด มันสบกับดวงตาของคอร์เดียแน่นิ่งไม่สั่นไหว ชายหนุ่มผมบลอนด์หรี่ตาลงราวกับเพ่งพิศว่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงนั้นคืออะไร ดูเหมือนจะเป็นดวงตาของคนมากกว่าสัตว์

     

                    เฮ้?” เขาลองส่งเสียงหยั่งเชิงดู

     

                    “อืน้ำเสียงเบาหวิวตอบกลับมาพร้อมกับที่เจ้าของดวงตาสีม่วงเคลื่อนไหวเข้ามาใกล้ในระยะที่แสงจากกองไฟส่องถึงจึงสามารถมองเห็นรูปร่างหน้าตาของเขาได้


                    ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง เส้นผมสีดำสนิทแทบจะกลมกลืนไปกับความมืดรอบข้างของเขาดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย ตัดกับผิวสีขาวซีดไร้เลือดฝาดได้อย่างชัดเจน ดวงตาสีอัญมณีเรียบนิ่งยังคงจ้องคอร์เดียอยู่ เขาสวมเสื้อคลุมสีดำสนิทเช่นเดียวกับสีผม สิ่งที่สามารถเห็นได้ชัดก็คงมีกำไลข้อมือสีฟ้าที่โผล่ออกมานอกแขนเสื้อ

                   

                    เอ่อ สวัสดี เธอ เอ่อ…” คอร์เดียพูดกะตุกกะตัก

     

                    “แวมไพร์ ฟีเซล หลงทาง เสียงเบาหวิวถูกส่งมาจากริมฝีปากซีดๆของเขาอีกครั้ง คอร์เดียขมวดคิ้ว พยายามตีความหมายว่าอีกฝ่ายพูดอะไร

     


                    เธอช่วยพูดให้มันเคลียร์กว่านี้หน่อยไม่ได้เหรอจ๊ะ แอร้ย

                   


    เธอชื่อฟีเซล เป็นแวมไพร์ กำลังหลงทางสินะ!” ในที่สุดสมองอันชาญฉลาดไปหมดทุกส่วนของเขาประมวลผลออกมาได้ว่าคนตรงหน้าหมายความว่าอะไร ถึงไม่ใช่ก็น่าจะใกล้เคียงล่ะน่า

     


    “อืม” อีกฝ่ายส่งเสียงตอบรับในลำคอ ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมานั่งลงข้างคอร์เดียเงียบๆ

     


    อย่างน้อยคอร์เดียก็มีเพื่อนร่วมชะตากรรมนะ!

     


    ถึงจะกลัวโดนดูดเลือดนิดหน่อยก็เถอะ แต่ก็ดีกว่าอยู่คนเดียวแล้วกัน

     


    ว่าแต่เธอไปหลงทางอีท่าไหนถึงมาอยู่ที่ก้นเหวได้ล่ะวะจ๊ะ

     



    “นาย โอเคมั๊ย?” ปากขาวซีดขยับถามผู้ที่นั่งข้างๆอีกครั้ง

     


    คอร์เดียจ้องมองตาอีกคนด้วยสายตาว่างเปล่า

     


                 แหม สภาพคอร์เดียดูดีหรูเริ่ดสะแมนแตนซะขนาดนี้....




                 I’m fine thank you and you มั๊ง ไอ้บ้า !!!

                (ฟีเซล : เราผิด?)

     


    หนุ่มสภาพอนาถจิตสบถในใจ...

     

     

    “ฮัดเช้ย !” โซอิลจามแล้วถูจมูกตัวเอง

     


    มีความรู้สึกว่าพวกตัวกวนโอ๊ยจะมารบกวนเขาในชีวิตเพิ่มอีกคนนึง ....

     





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×