ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นิยายเวี๊ยน นิยายเวียน <3

    ลำดับตอนที่ #2 : ตำนานบทที่ 1 ★ Just so you know... [แค่อยากให้คุณได้รู้...ว่าอนาคอนด้ามา]

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ค. 55



     ตำนานบทที่ 1
    Just so you know... [แค่อยากให้คุณได้รู้...ว่าอนาคอนด้ามา]

     


    กี่วันแล้วที่เธอต้องทรมาน?

    โมโห โกรธ เกลียด หรือเคียดแค้นฉันบ้างหรือเปล่า?

    ถึงจะเป็นอย่างงั้นก็ไม่เป็นไรหรอกนะ แค่เธอมีความสุขก็พอ

     [ น้องชายของฉัน ]

    .

    .

    .



    หวะ...เหวออออ!! โครม!!

    น้ำเสียงแสดงความตกใจที่ไม่สูงหรือทุ้มจนเกินไปดังลั่นภายในห้องเช่าเล็กๆแห่งหนึ่ง จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงที่เหมือนกับมี ‘อะไรบางอย่าง’ หล่นลงมากระแทกกับพื้นอย่างจัง ถ้าหากมองตามเสียงนั่นไปจะสามารถมองเห็น ‘ร่าง’ ของชายหนุ่มวัยยี่สิบกลางๆได้อย่างชัดเจน

    เส้นผมสีบลอนด์ของ เขา กำลังแผ่สยายปกคลุมทั่วแผ่นหลังเล็กๆ อาภรณ์สีขาวปลอดกับผิวขาวจัดราวกับหิมะบวกกับกับสีผมแล้วทำให้ดูเหมือนว่าตัวของเขาจะเปล่งออร่าชวนแสบตาออกมาได้ ในตอนนี้ไม่สามารถมองเห็นสีหน้าและดวงตาของเขา แต่คาดการณ์ว่าเขาคงไม่ได้ยิ้มอยู่ เพราะเหตุการณ์ สะดุดอากาศหน้าคว่ำ’ เมื่อครู่นี้ คงทำให้เขาได้รับบาดเจ็บไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว

    เจ้าสะดุดอากาศเป็นครั้งที่ยี่สิบนับตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนที่เราย้ายเข้ามาอยู่นะ คอร์เดีย ไม่นานนัก น้ำเสียงทุ้มฟังดูกวนประสาทก็ลอยเข้ามากระทบหู เจ้าของชื่อ ‘คอร์เดีย’ ใช้มือยันพื้นเพื่อลุกขึ้นยืน คิ้วของเขาขมวดเล็กๆ ดวงตาสีแดงสดราวกับทับทิมตวัดมอง ‘เพื่อน’ ของตนที่นอนฉีกยิ้มหล่อๆแกมเยาะเย้ย (?) อยู่บนเตียง

    แอร๊ย! คอร์เดียก็แค่ตบยุงเท่านั้นแหละ!”

     

    เอิ่ม…พ่อเมิงสิครับตบยุงแล้วลงไปนอนกลิ้งคลุกฝุ่นบนพื้น แล้วเสียงแอร๊ยนั่นมันอะไรกัน...

     

    โซอิลคิดในใจพลางเหลือบมองเพื่อนหนุ่มแล้วถอนหายใจ เอาเถอะ อย่างน้อยๆเขาก็อนุโลมให้มันทำเสียงแอร๊ย อร๊ายได้ เพราะหน้ามันสวยยิ่งกว่าผู้หญิง! ถ้าไอ้คอเดี้ยงมีกล้ามเป็นมัดๆแล้วมาพูดอะไรแบบนี้ เขาต้องกระโดดถีบมันจนตกหน้าต่างลงไปคอหักได้เดี้ยงสมชื่อแน่!

     

    “ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ตบยุงงั้นเหรอ เจ้าโกหกข้าไม่ได้หรอก เพราะข้าเอาไม้ช็อตยุงจัดการหมดแล้วเฟ้ย !” จากเสียงทุ้มหล่อๆของโซอิลกลายเป็นเสียงหัวเราะเยาะเย้ยกวนส้นเบื้องล่างเป็นอย่างมาก

    “เธออย่ามาตอแหลน่า คอร์เดียร์ยังเห็นยุงบินผ่านไปเมื่อกี้อยู่เลยนะ !”เจ้าหนุ่มหน้าสาวยังอายเปล่งประกายทั้งตัวแย้งไอ้ตัวกวนบาทาที่อยู่บนเตียงขึ้นมา

    “ข้าพูดจริงๆนะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ สะดุดอากาศที่มีอะไรขวางกั้นล้มเองก็บอกมาเถอะเจ้า”หนุ่มกวนประสาทพูดพลางผลักหัวอีกคนที่พยายามขัดตัวเอง

    “อย่ามาพูดอะไรไร้สาระเลยน่า เธอไปรับภารกิจมารึยังละ” คอร์เดียร์กระแอมเปลี่ยนเรื่อง

    “ข้ารับมาเรียบร้อยแล้ว พอออกจากเมืองนี้ก็จัดการหมาป่าที่อยู่รอบๆเมืองต่อไปให้หมดแล้วไปรับค่าตอบแทนที่เมืองหน้าเลย”โซอิลฉีกยิ้มหล่อสาวหลงไปพูดไป

    “โอเค งั้นคอร์เดียว่าพวกเราควรนอนได้แล้วล่ะนะ อร๊าย”

     

    โซอิลเริ่มชินกับเสียงที่พ่วงมากับประโยคที่จำเป็นในการสื่อสาร ทำให้ประโยคที่แท้จริงที่มีความหมายดี ชวนให้รู้สึกแปลกมากกว่าเดิม 30 ดาเมจ(?)

    “ข้านอนเตียงนะ” โซอิลพูด

    เนื่องจากว่าโซอิลและคอร์เดียร์เป็นทีมนักผจญภัยรายได้ต่ำ แรงงานสูง ทำให้จนร่ำเรี่ยเตี้ยติดดินเป็นอย่างมาก ดังนั้นสภาพห้องที่ทั้งสองอยู่ตอนนี้ก็นอกจากเล็กแล้วยังเป็นห้องเตียงเดี่ยวด้วย

    “ไม่ คอร์เดียร์จะนอนเตียง !

    “หนุ่มหล่อแบบข้าสมควรนอนเตียงเพื่อรักษาหน้าตาเพื่อให้สาวๆหลงใหลเอาไว้นะ !

    “ผิวคอร์เดียร์เนียนนุ่มกว่าสาวๆตั้งเยอะแยะ ต้องรักษามากกว่าสิ !!

    “เป็นผู้ชายแท้ๆ เจ้าอย่ามาแอ๊บหน่อยเลยน่า !

                    “จะ…ใจร้าย! คอร์เดียนอนพื้นก็ได้ แล้วเธออย่ามาปลุกคอร์เดียตอนดึกเพราะอยากได้หมอนข้างแล้วกัน!” สาวน้อยหมายถึงชายหนุ่มผมบลอนด์ทำแก้มป่องก่อนจะระเห็จลงไปนอนบนพื้น มือเล็กๆยังมิวายกระชากผ้าห่มที่มีอยู่เพียงผืนเดียวในห้องลงมาด้วย

     

                   ทำไมเมิงต้องพูดอะไรชวนคนอ่านเข้าใจผิดฟะ

     

                   กว่าจะโซอิลจะรู้ตัวว่าตัวเองถูกแย่งชิงผ้าห่มไปเป็นที่เรียบร้อย ไอ้ตัวดีข้างล่างก็ดันชิงนอนหลับไปเสียแล้ว หากถามว่าทำไมเขาไม่ใช้โอกาสนี้แย่งผ้าห่มคืนมา นั่นแสดงว่าคุณยังรู้จักไอ้ตุ๊ดคอเดี้ยงนี่น้อยเกินไป

                   เห็นแบบนี้ก็เถอะตอนนอน ไอ้บ้านี่น่ะมันอันตรายโคตร

                   มีอยู่ครั้งนึงที่เขากับมันนอนด้วยกันในป่าเพราะออกไปทำภารกิจ เจ้าคอร์เดียก็หลับก่อนตามสเต็ป เขาซึ่งเตรียมนอนเหลือบไปเห็นยุง (ทำไมต้องยุง?) บินมาเกาะแก้มขาวๆของมันอยู่อยู่ ด้วยความที่เป็นคนดี (บวกกับความหมั่นไส้เล็กๆ) เลยง้างมือเตรียมตบยุงที่หน้าให้มันเต็มที่

                   พอกำลังจะฟาดมือเท่านั้นแหละ! อะไอ้บ้านี่ละเมอหรืออะไรไม่รู้ มันกระชากมือของเขาไปทั้งๆที่ยังหลับตา ด้วยความที่ตั้งหน้าตั้งตาเตรียมจะตบยุง (หรือหน้า?) เต็มที่เลยเสียหลักล้มลงไป

     

                   ให้-มัน-หอม-แก้ม!!

     

                   อะ…ไอ้บ้าคอเดี้ยงนี่มันทำให้เขาไม่บริสุทธิ์! (?) แก้มของเขาไว้ให้สาวน่ารักๆแตะต้องเท่านั้นว้อยยยยย!!ถึงไอ้นี่มันจะสวยแค่ไหน แต่มันก็ยังเป็นผู้ชายเว้ยยยย!! ผู้ชายน่ะ ผู้ชายยยย!!

     

    ด้วยเหตุนี้แหละ เขาจึงไม่กล้าไปยุ่งอะไรตอนมันหลับ!

     

    เกิดมันหน้ามืดปล้ำกรูขึ้นมาจะทำยังไงล่ะฟะคนยิ่งหล่อๆอยู่

     

    คิดแล้วขนลุกเป็นบ้า!  เขายอมให้มันแย่งผ้าห่มไปก็ได้ แต่หวังว่ามันคงไม่ละเมอขึ้นมานอนเตียงเดียวกับเขานะเอาเถอะ นอนห้องเดียวกันมาหลายครั้ง ตบตีแย่งที่นอนมาหลายที ไม่มีซักครั้งที่มันละเมอขึ้นมานอนด้วย เพราะงั้นตอนนี้เขาน่าจะวางใจคอร์เดียได้นะ

    โซอิลเอื้อมตัวไปปิดโคมไฟที่โต๊ะข้างๆ ก่อนจะล้มตัวนอนเข้าสู่ห้วงนิทราอันแสนสุข เตรียมตัวชาร์จพลังเพื่อใช้ในการปฏิบัติภารกิจและการเดินทางวันรุ่งขึ้น

     

                  

                  

                   แสงแดดอ่อนๆยามเช้าลอดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างบานเล็กเป็นสัญญาณเตือนว่าราตรีได้ถูกแทนที่ด้วยรุ่งอรุณ เหล่านกน้อยเริ่มขับขานเสียงเพลงอันไพเราะถูกเสียงจ๊อกแจ๊กจอแจของพ่อค้าแม่ค้าเจ้าของร้านรวงต่างๆที่ตะโกนแข่งกันเรียงลูกค้ากลบจนเกือบมิด แม้ว่าจะมีหน้าต่างในห้อง แต่เสียงอันน่ารำคาญเหล่านั้นก็สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้

                   คงเป็นเพราะห้องเช่าของพวกเขาอยู่แถวๆย่านตลาดใจกลางเมือง จึงไม่ใช้เรื่องแปลกอะไรนัก

                  

                   โซอิลได้ตื่นขึ้นมาจากภวังค์จากค่ำคืนอันสงบที่แม้จะหนาวเหน็บเพราะโดนแย่งผ้าห่มไป แต่เขาก็มีเสื้อคลุมที่พอจะช่วยอะไรได้(ไม่มาก)มาปกคลุมค่ำคืนที่ผ่านมา

                   หนุ่มผมสีน้ำตาลได้ตื่นมามองไอ้ขาวเปล่งประกายเกินความจำเป็นที่พื้นที่ยังหลับไม่ตื่น ...

     

                   และเขาไม่มีความคิดที่จะปลุกมันเด็ดขาด ...

     

                   โซอิลพาสังขารตัวเองออกจากห้องเงียบๆออกจากห้องเช่าไปหาข้าวเช้าให้ตัวเองและเพื่อนร่วมทีมขาวโอโม่คนนั้น

                   เนื่องจากทรัพสินที่ได้มามีไม่ค่อยพอใช้ต่อวันเท่าไหร่นัก ทำให้เขาต้องใช้ความสามารถพิเศษในเล็กๆน้อยๆในการลดหย่อนการใช้จ่ายต่างๆภายในทีมด้วย

     

                   นั่นไง ... เจอเป้าหมายแล้ว

                   โซอิลเห็นหญิงสาวแม่ค้าผู้หนึ่งกำลังขายของอย่างรื่นเริงหน้าตามีความสุขมาก เขาไม่ลังเลและเดินเข้าไปที่หญิงสาวคนนั้นทันที

                  

                   “สวัสดี คุณหญิง ไม่ทราบว่าเช้านี้มีเมนูอะไรแนะนำรึเปล่า?” เขาฉีกยิ้มกว้างหล่อเหลาบวกกับหน้าตาที่ถือว่าดีมากราวกับเทพบุตรลงมาเกิดทำให้เขามัดใจสาวแม่ค้าตรงหน้าได้ทันที

                   “ค...ค..คือว่า เช้านี้มีขนมปังกระเทียมฉบับร้านของเราน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าจะรับรึเปล่าคะ?”หญิงสาวตอบกระตุกกระตักด้วยความเขินอาย

                   “หืม ... น่าสนใจดีนะ เท่าไหร่หรือ?” เขาถามพลางลูบคางคมมนของเขาอย่างพิจารณา

                   “อ๊ะ ขนมปังของเราชุดละยี่สิบทองแดงเท่านั้นค่ะ”สาวเจ้าหน้าแดงตอบกลับมา

     

                   โซอิลเหลือบไปมองป้ายราคาจริงของมันคือห้าสิบทองแดงนั่นเอง

     

                   เสร็จตู... เขาคิด

                   “งั้นขอสองชุดแล้วกันนะ รบกวนเจ้าด้วยละ คุณหญิง”โซอิลฉีกยิ้มดีใจให้สาวตรงหน้า ดูเหมือนหล่อนจะโดนรอยยิ้มพิฆาตนั่นโจมตีเข้าอย่างจัง ใบหน้าจืดชืดของหล่อนขึ้นสีระเรื่อพลางจัดเตรียมขนมปังกระเทียมที่เจ้าตัวเป็นคนแนะนำเองใส่ถุงแล้วส่งให้ชายหนุ่มอย่างใจลอย

                   โซอิลรับถุงนั่นมาก่อนจะควักเงินออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้ววางมันบนมือของแม่ค้าตรงหน้า

                   น่ากินดีนะเขาพูดพลางยิ้มหล่อตามฉบับเดิมก่อนจะเดินออกมาจากร้าน ทิ้งให้แม่ค้าสาวเขินจนสติหลุดลอยไปไกล ไม่สนใจแม้กระทั้งเหรียญเงินที่อยู่ในมือ

     

                   ขะเขาบอกว่าข้าน่ากินด้วยอะ! กรี้ดดดดด~ หล่อมากค่า ฮิฮิ ดักตีหัวแล้วลากเข้าถ้ำดีมั้ยน้า~

     

                   ดูเหมือนเธอจะเข้าใจผิดซักเล็กน้อย

                  

                  

                   โซอิลหัวเราะเบาๆหลังจากที่เดินออกมาจากร้านขายอาหารเมื่อครู่ เขาภูมิใจที่ตัวเองเกิดมาหน้าตาดี ก็เพราะแบบนี้แหละเขากับไอ้คอเดี้ยงถึงดำรงชีพอยู่ได้ นอกจากหน้าตาจะช่วยให้แม่ค้าลดราคาของให้ แล้วยังสามารถทำให้แม่ค้าทั้งหลายเคลิบเคลิ้มไปกับความหล่อจนลืมนับเงินที่เขาจ่ายให้พวกหล่อน

                   อย่างเช่นเมื่อกี้ เขาควรจะจ่ายไปสี่สิบเหรียญทองแดง แต่ที่จริงแล้วเขาจ่ายไปแค่ยี่สิบห้าเหรียญทองแดงเท่านั้น!

                   เมื่อชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลเปิดประตูห้องเข้าไป ดวงตาสีเขียวของเขาก็มองเห็นเพื่อนของตนกำลังนั่งหน้ามุ่ยอยู่บนพื้น โซอิลหยิบขนมปังกระเทียมออกมาจากถุงแล้ว ‘โยน’ มันใส่หน้าเพื่อนของตน

                   คอร์เดียที่กำลังสะลึมสะลือตาสว่างทันทีทันใด ดวงตาสีแดงเบิกกว้าง ร่างกายของเขาขยับเข้าไปคว้าหมับที่อาหารเช้าของตนเองอย่างรวดเร็ว

    “แอร๊ยยยย!! เธอมันบ้า! ถ้าคอร์เดียรับไม่ได้ก็อดกินสิ!” เจ้าของเสียงไม่บ่งบอกเพศโวยวาย โซอิลที่กำลังจะกัดขนมปังเข้าปากหันมายิ้มให้เพื่อนก่อนจะเอ่ยต่อ ถือเป็นความตื่นเต้นเร้าใจในยามเช้า

     

                   เร้าใจบ้านป้าเอ็งสิ!

     

                   นี่เราอยู่เมืองอะไรกันนะ แล้วต้องไปจัดการหมาป่าที่ไหนด้วยความขี้เกียจเถียง คอร์เดียจึงหุบปากแล้วพูดเรื่องที่ (น่าจะ) มีสาระแทน โซอิลเคี้ยวขนมปังในปากจนหมด เขาหันหน้ามาฉีกยิ้มหล่อเตรียมตัวที่จะตอบเพื่อน แต่ก็ต้องชะงัก

    “อะไออะ อองออเอียอำไอ” (อะไรอะ มองคอร์เดียทำไม)

     

    เอ่อ...กรูกำลังคิดว่า เมิงไม่แปรงฟันก่อนที่จะกินเหรอวะครับแล้วทำไมเมิงไม่เคี้ยวให้หมดก่อนพูดวะฮะ...

    “ข้ากำลังคิดว่า เจ้านี่ซกมกดีนะ...” หนุ่มกวนส้นเบื้องล่างพูดขึ้นมองเพื่อนร่วมทีมของตัวเองเอือมๆพลางกัดขนมปังไปด้วย

    “ออเอียไอ้อ๊กอ๊กอะอ่อย !(คอร์เดียไม่ซกมกซะหน่อย)” เจ้าตัวแย้งขึ้นมาทั้งๆที่ยังกินอยู่แบบเดิม

    “โอ้ย พอๆ ข้าขี้เกียจเถียงกับเจ้าแล้ว รีบๆกิน รีบๆอาบน้ำ แล้วจะไปรีบๆไปทำภารกิจซะที” โซอิลพูดแบบขอไปทีตอบไป

    “ชิชะ ก็ได้ๆ คอร์เดียรีบก็ได้ หึ !” คอร์เดียตอบแบบอารมณ์เสียแล้วยัดขนมปังทั้งก้อนเข้าปากตัวเองแล้วเคี้ยวหยับๆเดินไปอาบน้ำทันที

     

    คือ ... คุณเมิงกินทีละนิดก็ได้นะ เห็นแก่หน้าสวยสาวอิจฉานั่นน่ะ ....

     

    ตอนนี้ก็ประมาณเวลาสายๆแล้ว กว่าไอ้เจ้านั่นมันจะอาบน้ำเสร็จหนึ่งชั่วโมงเป็นอย่างต่ำชัวร์ ข้าหลับรอดีกว่าสินะ .. คิดเสร็จหนุ่มผมสีน้ำตาลก็เอนตัวลงไปนอนที่เตียงทันที และเริ่มเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง

     

    ที่นี่ที่ไหน?

     

    แสงสีขาวพุ่งเข้ามาในความมืดมิดอย่างรวดเร็ว ร่างของเจ้าของผมสีน้ำตาลดินนั้นนอนลอยอยู่ตรงกลางท่ามกลางแสงสีขาวที่ไกลสุดลูกหูลูกตาและไม่มีทางออก

     

    คิคิ ... มาแล้วสินะ

     

    เสียงใคร?

     

    ข้าก็คือเจ้า เจ้าก็คือข้า เจ้าจำข้าไม่ได้เหรอ

     

    ไม่ ..ข้าจำได้ว่าข้ามีคนเดียวไม่เคยแบ่งร่าง ข้าไม่ใช่ นารุ-ปิ๊บ-

     

    เจ้านี่ช่างมีอารมณ์ขันดีนะ คิก... แล้วก็มีเสียงหัวเราะเสียงใสน่าหลงใหลขึ้นมา เวลาตอนนี้คงมีไม่มาก เจ้าจงไปทางทิศเหนือสุดของทวีปเพื่อหาสิ่งนั้น ให้พบซะ .. แล้วข้าจะมาหาเจ้าใหม่

               

               

                    “เฮ้ !!

                    เสียงที่คุ้นเคยได้แทรกเข้ามาในหู โซอิลค่อยๆลืมตาขึ้นมามองหน้าสวยใสตรงหน้าที่เอาหน้ามาชิดซะแทบจะชนกันอยู่แล้วและมองด้วยด้วยความตกใจอีกที

                    “คอร์...เดีย?น้ำเสียงทุ้มเอ่ยออกไปอย่างติดขัด ดวงตาสีเขียวหรี่มองเพ่งคนที่อยู่ในระยะประชิดราวกับต้องการตั้งสติ ผู้ที่ถูกเรียกชื่อขมวดคิ้วพลางคิดอะไรบางอย่าง

     

                    เมิงต้องตกใจกรูไม่ใช่เหรอ

     

                    ฮะ..เฮ้ย! คอเดี้ยง! ทำไมเจ้าไม่ใส่เสื้อ!!ว่าพลางผลักคนตนหน้าแล้วถอยเอาตัวไปแนบชิดกับหัวเตียง ไอ้ถอยไปไม่ค่อยน่าแปลกใจหรอกนะ แต่...

     

                    ทำไมเมิงต้องเอามือปิดเหมือนสาวน้อยกำลังจะโดนลวนลามวะ (ฮะ)

     

                    กลบเกลื่อนชัดๆ! แอบแต๊ะอั๋งคอร์เดียใช่มั้ยล่ะ!  อร๊ายยยย

     

                    “…. กรูควรจะพูดมากกว่านะ

     

                    ข้าคิดว่า เราควรจะเดินทางได้แล้ว” จริงจังดีกว่า ไม่อยากจะไปบ้ากับมัน...

     

                    เห็นว่าเพื่อนหรอกนะ คอร์เดียเลยไม่เอาเรื่องเจ้าของใบหน้าสวยหวานหัวเราะขึ้นจมูกพลางสวมเสื้อสีขาวปลอดไปด้วย หากสังเกตดีๆจะพบว่าบนตัวของเขามีแต่เสื้อผ้าสีขาวหรือไม่ก็โทนสว่างทั้งสิ้น ถ้าไม่มีดวงตาสีแดงนั่น มองเผินๆอาจะนึกว่าเป็นแท่งอะไรซักอย่างสีขาวที่เคลื่อนที่ได้ และถ้าหากมองเห็นในตอนกลางคืนล่ะก็...โคตรน่ากลัว

                    มือขาวคว้าหมับที่แท่งไม้แท่งยาวที่วางกองอยู่บนพื้นห้อง นั่นเป็นอาวุธเพียงหนึ่งเดียวของเขา โวเดนซ์ ความจริงแล้วนั่นเป็นเพียงแค่ท่อนไม้ธรรมดาท่อนหนึ่งที่เขาเก็บมาจากป่านั่นแหละ! ตอนแรกคอร์เดียก็คิดว่าจะใช้แทนคทาอันเก่าที่หักไป พอเข้าเมืองแล้วค่อยซื้อใหม่ แต่ทรัพย์สินไม่เอื้ออำนวยเลยใช้ท่อนไม้นี่ต่อไป แถมตั้งชื่อให้มันด้วยนะ!

                    เผลอๆมันอาจจะใช้ดีกว่าคทากิ๊กก๊อกอันเก่าด้วยซ้ำ

                    ในขณะที่อาวุธของชายหน้าสวยเป็นแท่งไม้แห้งๆตามฉบับยาจก (?) อาวุธของโซอิลนั้นเป็นอะไรที่สุดยอดมาก...

                    เพราะพี่แกมีอาวุธไว้ในครอบครองมากกว่าสิบชิ้น! แถมแต่ละอย่างนี่ดูดีมีสกุลมาก ยกตัวอย่างเช่นดาบเล่มใหญ่ที่กองอยู่บนพื้น เป็นดาบสีเงินที่สลักลวดลายงดงามและมีอัญมณีราคาแพงฝังอยู่ ถ้าหากเอาไปตีราคาคงได้ราคาไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยเหรียญทอง มันยังเป็นเพียงอาวุธที่ กระจอกที่สุดอันหนึ่งของเขาเท่านั้น แล้วอาวุธที่เหลือล่ะจะขนาดไหน?

                    คำถามที่ว่าโซอิลเป็นเจ้าของอาวุธพวกนี้ได้ยังไง ยังคงเป็นปริศนา

     

                    หลังจากที่พวกเขาเดินผ่านส่วนที่เป็นตลาดมาแล้วก็กลายเป็นถนนที่ทั้งสองข้างทางมีแต่บ้านเรือนอันเงียบสงบแทน เป็นสัญญาณว่าพวกเขากำลังจะเดินทางออกจากตัวเมืองแล้ว แม้ระยะทางจะเป็นอุปสรรค์ แต่เรื่องค่าใช้จ่ายในการจ้างหรือเช่าพาหนะนี่มันหนักหน่วงยิ่งกว่า เงินทองเป็นของหายากจะตายไป

     

                    ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงมีทางเดียวคือต้องเดินทางเท้าไปเมืองต่อไปที่ต้องข้ามภูเขาลูกใหญ่ถึงสองลูก

     

                    ดูจากสภาพและความเร็วและระยะทางในการเดินทางในครั้งนี้ คาดได้ว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนุ่งสัปดาห์ในการเดินทางไปที่เมืองข้างหน้านั่น

                    ระหว่างดินทาง ไปสักพัก จะเห็นฝูงหมาป่าที่อยู่กันเป็นกระจุกๆ ตามทาง และภารกิจที่พวกเขารับมาครั้งนี้คือกำจัดหมาป่าพวกนี้ให้หมดไป สำหรับพวกเขาทั้งสอง หมาป่าพวกนี้นอกจากจะเป็นเงินในการทำภารกิจ ยังเป็นเสบียงที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายรายวันและเอาหนังไปขายต่อได้อีกด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัวเลย

     

                    โซอิลหยิบดาบเล่มใหญ่คู่กายของตัวเองออกมาแล้วชี้ไปทางฝูงหมาป่าที่มาล้อมพวกเขาสองคนเอาไว้

                    “เจ้าจัดการทางนั้น ทางนี้ข้าจัดการเอง”

                    “อร๊าย จะบ้าเหรอ คอร์เดียเป็นนักบวชนะ !

                   

                    นักบวชบ้านแกสิ .. เวทย์รักษาก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ตรูไปหายามาทาเองยังดีกว่าเลย

                    ในทางกลับกัน คอร์เดียที่บอกว่าตัวเองเป็นนักบวชใช้เวทย์รักษาไม่ได้ช่วยอะไรเลยแถมใช้ได้แค่สองครั้งต่อวันเท่านั้น แต่พลังโจมตีทางเวทย์กลับสูงมาก ขนาดว่าถ้าไอ้เจ้าหมอนี่ร่ายเวทย์โจมตีระดับสูงได้สบายๆเลยด้วยซ้ำ

     

                    “อย่าพล่ามมากน่า ไปจัดการฝั่งของตัวเองเลยไป” โซอิลตัดบทแบบขอไปทีแล้วกระชับดาบที่อยู่ในมือตัวเองให้แน่นหวังว่าจะจัดการหมาป่าฝั่งตัวเอง แต่ .....

     

                    ตูม !

     

                                  “หมาป่าแค่นี้ คอร์เดียจัดการเองก็ได้อยู่แล้ว !” แท่งขาวเดินได้หัวเราะเสียงใส

     

                    “ไอ้บ้า .......” โซอิลกัดฟันกรอดๆ เพราะไอ้เจ้าคอเดี้ยงนั่น นอกจากจะจัดการเจ้าพวกหมาป่าได้หมดภายในทีเดียวแล้ว ยังทำให้เขาต้องเจ็บตัวเพราะโดนลูกหลงไปด้วย !

     

                    “จะเล็งก็ช่วยพิกัดจุดให้มันดีๆหน่อยได้มั๊ย หา !” โซอิลเข้าไปกระชากคอเสื้อแบบหาเรื่องด้วยสภาพที่ดูไม่ค่อยได้เท่าไหร่

                    “ก็คอร์เดียขี้เกียจนี่นา” อีกฝ่ายตอบด้วยท่าทางไม่ค่อยใส่ใจนักและเดินนำไปก่อนเลย

                    “จำไว้เลย เจ้าบ้า ชิ..” 

                   

                    การเดินทางพ่วงด้วยการกำจัดหมาป่าดำเนินต่อไปเรื่อยๆ  โดยส่วนมากแล้วไอ้ตุ๊ด...หมายถึงคอร์เดียจะเป็นแกนนำ (?) กวัดแกว่งแท่งไม้...ขอเรียกว่าคทา โจมตีพวกมันมากกว่า โซอิลมีหน้าที่คอยเก็บชิ้นส่วนที่สามารถนำไปแดก..หมายถึงกินได้ และคอยถลกหนังพวกมันเพื่อนำไปขาย (โก่งราคา) ในเมืองข้างหน้า

                    เวลาได้ล่วงเลยไป ดวงตะวันเริ่มลับขอบฟ้า เป็นสัญญาณบ่งบอกว่ายามราตรีกำลังจะมาถึง สภาพแวดรอบรอบตัวของพวกเขาในตอนนี้คือผืนป่าที่มีต้นไม้สูงชะลูดล้อมรอบ มองไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม้พวกนี้ แถมพื้นดินยังมีเถาวัลย์คอยขัดขวางการเดินทางอีกต่างหาก ส่งผลให้คนซุ่มซ่ามแบบคอร์เดียสะดุดล้มหน้าคว่ำไปหลายครั้ง

     

                    แต่ดูเหมือนว่า พวกเขากำลังหลงทาง

     

                    เธอนี่มันงี่เง่าจริงๆ เธอก็รู้ว่าคอร์เดียไม่รู้ทางยังจะให้เดินนำอีก!” เสียงไม่ระบุเพศเอ่ยขึ้น ใบหน้าหวานแสดงถึงความไม่สบอารมณ์กับการเดินทางครั้งนี้

     

                    เจ้าเป็นคนเดินนำข้าเองไม่ใช่เรอะ!”

     

                    ก็คอร์เดียเดินนำแล้วทำไมเธอไม่ห้ามล่ะ แอร๊ย!!” บุคคลผู้แทนตนเองว่าคอร์เดีย หันหน้ามาพูดกับเพื่อนร่วมทาง สรุปคือเธองี่เง่า จบ!

     

                    “ข้าไม่ได้...เฮ้ย! กระทิง!” ไม่ทันที่โซอิลจะเถียงจนจบ เขาก็ต้องชะงักแล้วแหกปากออกมาดังลั่นเสียก่อน

     

                    “กระทิงเหร้อะไรละว้อย  อร้ายยย!! นี่เธอด่าว่าคอร์เดียเป็นกระทิงเหรอ!!”

     

     

                    กรูไม่ได้ด่าเมิงเว้ยครับ กรูหมายความว่า...

     

     


                    “กระทิงอยู่หลังเมิงน่ะ”

     

     



                    อ้อ กระทิงอยู่หลังกรู เมิงไม่ได้ด่ากรูสินะ อืมๆ

     


    ... เอ๊ะ? กระทิง??.....

     


                    ...” ใบหน้าหวานละจากเพื่อนเพียงหนึ่งเดียว หันมาเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตร่างใหญ่ที่เรียกว่า ‘กระทิง’ ก่อนจะหันขวับไปมองเพื่อนคนนั้นที่บัดนี้...ปีนขึ้นไปหลบกระทิงบนต้นไม้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

     

     


                    ฟืดๆ มอออออ!! มอออ!! มอออออออออออออออออ!!      

     

     


                    “อร้ายยยยยยยยย!! เมิงเลวมากเว้ย คุณเพื่อนนนนน!!”

     



                    “….” โซอิลมองแผ่นหลังเล็กๆของคอร์เดียที่ค่อยๆห่างไกลไปเรื่อยๆโดยมีกระทิงสีน้ำตาลเข้มวิ่งไล่ขวิดตามไป

     


    ...ราวกับหนังอินเดีย

     

     

    โชคดีกระทิงขวิดนะเมิง

     




    โซอิลพูดหน้านิ่งก่อนที่จะหันหน้ามาตั้งกระโจมที่พักแล้วก็ก่อไฟเล็กๆปล่อยให้คอเดียงจัดการกับกระทิงไปคนเดียว จากนั้นเขาก็เดินไปหาฟืนและกิ่ไม้จะได้ย่างเนื้อหมาป่าแด... หมายถึงกินนั่นแหละ

    หนุ่มผมน้ำตาลก่อไฟแล้วเอาเนื้อหมาป่าเสียบไม้ย่าง คลอกับเสียงร้องที่วิ่งหนีสุดชีวิตของแท่งขาวเดินได้บวกกับเสียงของกระทิงที่ไล่ฟัดเจ้านั่นอยู่ตลอดเวลา ทำให้การย่างเนื้อหมาป่านี้มีสีสันขึ้นมาบ้าง(ตรงไหน)

     

    เปรี้ยง !

    เสียงที่คาดว่าน่าจะมาจากเจ้าคอเดี้ยงได้ประหารเจ้ากระทิงนั่นเรียบร้อยแล้ว

     

    นั่นไง ...กลับมาแล้ว โซอิลมองแสงสีขาวๆ(?)ที่เคลื่อนที่มาใกล้ๆที่ตั้งกระโจมของตัวเองแล้วนั่นก็ทำให้เขารู้ได้ว่ามันคือเจ้าคอเดี้ยงแท่งขาวโอโม่เดินได้แรงเวทย์ช้างตายทั้งโขลงนั่นเอง

     

    “เธอ .... ฮึก เธอทำไมไม่ช่วยคอร์เดียเลยยยยยยยยยยยย”

    คอเดี้ยงตะโกนร้องลั่นป่าด้วยความโศฏโศกาน่าสงสารเป็นที่สุด หน้าตาสวยสดนั่นบวกกับท่าทางที่ชวนให้น่าสงสารนั่นแล้ว ถ้าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง หรือใครก็ตามที่มีจิตใจไม่โหดอำมหิตจนเกินไป รับรองต้องวิ่งรี่เข้ามาปลอบไอ้แท่งขาวนี่แน่นอน

    แต่มันใช้กับโซอิลไม่ได้หรอก ...

    ไม่ใช่เพราะว่าเขามีจิตใจโหดอะไรมากมาย(แต่ก็มี) แต่เพราะอยู่ด้วยมานานจนเอือมแล้วต่างหาก เวลาเจ้านี่ทำท่าแบบนี้แล้วเราเข้าไปปลอบ สิ่งตอบแทนที่ได้จากการปลอบน่ะ ... มันร้ายแรงมากนะ ...

                    ร้ายแรงแค่ไหนเขาไม่อยากจะพูดถึง เอาเป็นว่ามันร้ายแรงถึงขั้นไม่น่าจดจำแล้วกัน

                    ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว เหลือบไปมองไอ้เพื่อนตัวดี มองไกลๆอาจยังเห็นเป็นแท่งขาวๆ แต่มองในระยะประชิดคุณจะสามารถเห็นรอยดำๆและรอยฉีกขาดของเสื้อผ้าบางส่วนได้อย่างชัดเจน  ภาษาชาวบ้านนิยามให้ว่า อนาถมาก

     

                    คอร์เดียอยากตาย ฮึกบีบน้ำตาอีก...

     

                    “ก็ไปตายเลยสิ” อย่าได้สนใจมันโซอิล แดก เอ้ย! กินต่อไป เมินมันซะ

     

                    ฉึก!! คะ...โคตรทำร้าย

     

                    เมื่อโดนคำพูดเจ็บแสบโจมตีเข้าให้ คอร์เดียจึงตั้งหน้าตั้งตากินเนื้อหมาป่าย่างที่เป็นเศษเหลือ...หมายถึง เพื่อนของเขาทำเผื่อไว้ให้ เขาเขมือบมันลงท้องอย่างรวดเร็วราวกับคนป่าที่อดอาหารมาสามชาติเศษ  ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของดวงตาสีเขียวเบือนหน้าหนี เพราะเขาไม่อยากเห็นสภาพอันแสนอุบาทว์ครบวงจรในยามรับประทานอาหารของเพื่อนคนนี้

                    ฉับพลัน ดวงตาอันแสนเฉียบคมของชายหนุ่มได้เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ๆไอ้คอเดี้ยงที่กำลังกระซวกอาหารเย็นอย่างเอร็ดอร่อย

     

     

     

                    อนาคอนด้าอยู่หลังเจ้าน่ะ คอร์เดีย

     

     

     

                    “….”

     


                    ค่ำคืนนี้ยังอีกยาวไกล




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×