คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Day dream(50%)
“สายแล้ว สายแล้ว” เสียงพึมพำพร้อมกับร่างอวบในมือถือนาฬิกาพกแบบโบราณ สวมชุดสูทหางยาวแบบพิธีการวิ่งผ่านตัวผมไปอย่างรวดเร็วสมฉายาเจ้ากระต่าย
“จะรีบไปไหนน่ะซองมิน” ผมตะโกนถามแล้วหอบสังขารออกวิ่งตามซองมินเข้าไปในป่า พยายามจับตามองด้านหลังของซองมินที่ค่อยห่างไปเรื่อยๆ หูยังแว่วได้ยินเสียง “สายแล้ว สายแล้ว” เป็นระยะๆ “อีทึก เอ๊ย นายน่าจะออกกำลังกายให้มากกว่านี้หน่อย” ผมพึมพำปนเสียงหอบใส่ตัวเอง เพราะตอนนี้เหลือแค่ผมวิ่งอยู่ในป่าทึบคนเดียว ผมตามซองมินไม่ทัน
ผมเริ่มผ่อนฝีเท้าลง มองไปรอบๆตัว ผมพบว่าตัวเองกำลังเดินชมนกชมไม้อยู่ในป่าทึบ มีต้นไม้แบบเดียวกันทั่วไปหมด ยังดีที่แสงแดดยามบ่ายยังส่องลอดพุ่มใบไม้ลงมาได้บ้าง ทำให้ป่านี่ไม่มืดและน่ากลัวจนเกินไป มองไปด้านซ้ายมีต้นไม้ใหญ่ขนาดห้าคนโอบ หางตาผมเหลือบเห็นบางอย่างกำลังเคลื่อนไหว พรึ่บ!!!เสียงกิ่งไม้บริเวณนั้นสะบัด ผมหันไปมองทันทีด้วยความตกใจ
“ฮีบอม!!!” ผมอุทานเสียงดัง ผมจะไม่ตกใจขนาดนี้เลย ถ้าเจ้าแมวดำตัวนี้มันจะไม่นอนไกวหางอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่ และกำลัง แสยะยิ้ม ครับ ผมตาไม่ฝาด ฮีบอมกำลังแสยะยิ้มกว้างใส่ผม สาบานได้เลย อยู่มาจนอายุจะเข้ากรมยังไม่เคยเห็นแมวแสยะยิ้ม ที่สำคัญมันคือฮีบอม แมวที่นิสัยเชิดหยิ่งเหมือนเจ้าของกับแม่ลูกกัน รอยยิ้มของมันทำให้ผมขนลุก อดไม่ได้ที่จะคิดไปถึงหน้าเจ้าของมันตอนแสยะยิ้ม
“ฮี่ๆๆๆๆๆๆๆ” โอ๊ย แค่รอยยิ้มมันยังสยองไม่พอใช่มั้ยครับเนี่ย เสียงหัวเราะโรคจิตทำเอาผมขวัญกระเจิงไปกันใหญ่ ผมตัดสินใจเดินผ่านมันไปอย่างรวดเร็ว นั่นทำให้ผมได้เห็นบ้านหลังน้อยที่ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ ที่ถ้าไม่สังเกตดีๆผมคงจะเดินผ่านมันไป อาจจะเป็นเพราะตัวบ้านไปจนถึงหลังคาทาด้วยสีเขียว จนกลมกลืนไปกับป่ารอบข้าง
ผมมองซ้ายมองขวาอย่างตัดสินใจ ตอนนี้ผมหลงป่า มองไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม้ มีแค่บ้านหลังนี้หลังเดียวที่พอจะพึ่งพาได้ ถึงจะดูพิลึกไปหน่อยเพราะสีของมันก็เถอะ ผมเลยตัดสินใจกดสั่นกระดิ่งสีทองที่แขวนอยู่หน้าบ้าน ข้างๆกระเช้าดอกไม้แขวนสีแดงสดที่ดูไม่เข้ากับบรรยากาศ แล้วผมก็ยืนจ้องประตูอย่างมีความหวังว่าจะมีใครสักคนโผล่หน้าออกมาช่วยผมในตอนนี้
แอ๊ดดดดดด เสียงบ้านประตูเปิดออก พร้อมกับใบหน้าที่คุ้นเคย สวมหมวกทรงสูงสีดำและชุดสูทหางยาวอย่างเนี้ยบ ที่คอผูกหูกระต่ายสีเขียว
“เฮ้ย! คยูฮยอน นายมาทำอะไรที่นี่น่ะ” เป็นผมเองที่ตะโกนถามออกไป ก็ใครจะนึกล่ะ ว่าจะเจอหมอนี่อยู่ในบ้านกลางป่าแบบนี้ ผมชักจะมึนไปกันใหญ่ล่ะ
“ถ้าไม่รังเกียจเข้ามาดื่มชาด้วยกันก่อนสิครับ” คุณคนเล็กไม่สนใจตอบคำถามของผม แต่ดันส่งยิ้มเจ้าเล่ห์แบบที่ชอบทำบ่อยๆใส่แล้วผายมือเชิญผมเข้าไปดื่มชาในบ้านด้วยกันแทน
ผมก้าวเท้าตามหลังคยูฮยอนเข้าไปในห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่สีชมพู ในห้องมีโต๊ะยาวขนาดที่นั่งได้เป็นสิบคน บนโต๊ะมีชุดชาสีขาวเขียนลายด้วยสีทอง แล้วผมก็ต้องประหลาดใจอีกครั้งเพราะเห็นคนคุ้นเคยสองคนนั่งอยู่ส่วนกลางของโต๊ะยาว เป็นฮยอกแจที่นอนหลับซบหน้าอยู่บนโต๊ะ เห็นน้ำลายหยดบนผ้าปูโต๊ะเป็นวงกว้างเชียวล่ะ ส่วนซองมินใช้มือข้างที่ว่างคนชาไปพลางจ้องมองนาฬิกาพกในมืออีกข้างไปพลาง คยูฮยอนเดินนำไปนั่งหัวโต๊ะด้านหนึ่งแล้วผายมือเชิญผมนั่งที่หัวโต๊ะฝั่งตรงข้าม
“ซองมิน มาอยู่ที่นี่เอง ปล่อยให้พี่วิ่งตามจนเหนื่อย” ผมเอ่ยทักซองมินออกไป เงียบครับ ไม่มีเสียงตอบรับ น้องไม่สนใจผมเลย ผมล่ะเศร้าT^T คราวไอ้คุณคนเล็กก็ทีนึงแล้ว
“ฮยอกแจ ทำไมมานอนตรงนี้ล่ะ” ตัดสินใจผูกมิตรกับฮยอกแจแทน ให้เด็กพวกนี้รู้สึกบ้างว่าถูกเมินมากๆก็งอนได้เหมือนกันนะ
“สวัสดีครับ ผมเป็นคนขายหมวก คอยทำหมวกให้กับราชินีแดง ส่วนที่หลับอยู่ตรงนั้นหนูหริ่งตัวตลกของราชินีแดง แล้วก็นี่กระต่ายน้อยพ่อบ้านของราชินีแดง คุณมาตรงเวลาดื่มชาของพวกเราพอดี” คยูฮยอนแนะนำตัวแบบฟังดูประหลาดกับผม ชริ ทีแบบนี้ทำมาเป็นพล่าม คิดจะง้อผมแล้วสินะ พวกนายเล่นอะไรกันเนี่ย
“พวกนายมาทำอะไรกันอยู่ที่นี่น่ะ” ผมสะบัดหน้าใส่คยูฮยอนแล้วหันไปถามฮยอกแจอีกครั้ง ได้ผลครับฮยอกแจกระเด้งตัวขึ้นมาซดชาหนึ่งอึกแล้วเริ่มพูด
“ถ้าคราวนี้ราชินีแดงไม่พอใจต้องแย่แน่” ครับ ฮยอกแจพูดแต่ไม่ได้ตอบคำถามผมอีกแล้ว เด็กพวกนี้เป็นอะไรกันไปหมด “นั่นสิครับคุณหนูหริ่ง ราชินีแดงน่ะถึงจะสวยมากแต่ก็โหดร้ายมากด้วยนะครับ ผมเคยทำหมวกได้ไม่ถูกใจเธอ สุดท้ายก็ต้องมาลงเอยมาจิบชาอยู่กลางป่าแบบนี้” คยูฮยอนพูดถึงเรื่องเศร้าของตัวเองแต่ริมฝีปากยังคงขยับยิ้มเจ้าเล่ห์ไปเรื่อยๆ ดูแล้วสยองพอๆกับรอยยิ้มของฮีบอมเลยล่ะครับ
“ส่วนฉันแค่เผลอหลับตอนแสดงไปแป๊บเดียว เลยได้มานั่งจิบชากับคนขายหมวกเลย ฮ่าๆ” ฮยอกแจส่งยิ้มกว้างเห็นเหงือกสีชมพูสด แต่แล้วก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะและส่งเสียงกรนในวินาทีถัดมา
“ไม่ได้เป็นเพราะว่าแอบเผลอส่งสายตาหวานกับเจ้าชายบ่อยๆ จนโดนราชินีแดงจับได้หรอกเหรอครับ” ซองมินที่เงยหน้าจากนาฬิกาพกเป็นครั้งแรก หันไปพึมพำกับฮยอกแจ ทั้งๆที่ดูท่าว่าจะหลับสนิทไปแล้ว แต่คนหลับเนี่ย แก้มแดงได้ด้วยเหรอครับ ผมไม่ยักรู้
“แล้วคุณกระต่ายขี้ลืมล่ะครับ มานั่งดื่มชาอะไรอยู่ตรงนี้” อ่า ผมเห็นชัดเลยล่ะครับ สายตาของคยูฮยอนตอนหันไปถามคำถามนั้นกับซองมิน มันเป็นประกายพราวอย่างบอกไม่ถูก ให้ตายเถอะ โมเม้นพวกนายมันมีได้ทุกที่ทุกเวลาจริงๆ
“ก็แค่ไม่ลืมว่ามีบางคนนั่งเหงาจิบชาอยู่คนเดียวมั้งครับ” โอ๊ย ไม่แพ้กันเลยน้องชายผมแต่ละคน มันผลัดกันหวานใส่กันอีกแล้ว ผมที่นั่งดื่มชาฟังบทสนทนาแปลกๆของน้องๆเกิดสงสัยขึ้นมาว่าราชินีแดงที่น่ากลัวนักหนา หน้าตาจะเป็นแบบไหนกันนะ แต่แล้วผมก็นึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“ซองมิน นายไม่ต้องรีบไปไหนแล้วเหรอ” เหมือนคำพูดผมจะไปสะกิดต่อมอะไรบางอย่างเข้า ซองมินสะดุ้งสุดตัวแล้วผลุนผลันวิ่งออกนอกบ้านไปทันที
“เฮ้ย!!!” ผมอุทานได้แค่นั้นแล้วตัดสินใจรีบวิ่งตามซองมินออกไป ปล่อยให้คยูฮยอนนั่งยิ้มเจ้าเล่ห์จิบชาอยู่เหมือนเดิม ส่วนฮยอกแจสะดุ้งขึ้นมาแล้วฟุบหน้าลงไปหลับต่ออีกรอบ
คราวนี้ผมพยายามวิ่งให้เร็วที่สุด ตั้งใจว่าจะไม่ให้ซองมินคลาดสายตาไปได้อย่างเด็ดขาด ผมจะตามซองมินไปจนกว่าจะได้เห็นหน้าราชินีแดง
ซวบ!!!! “โอ๊ยยยยยย” เพราะความรีบร้อนบวกกับไม่ได้มองพื้นทำให้ผมตกลงมาในโพรงขนาดใหญ่ ลึกลงมาในพื้นดิน มันมืดจนมองอะไรไม่เห็น รู้แต่ว่าตอนนี้ตัวผมกำลังไถลลึกลงไปเรื่อยๆ เวลาผ่านไปสักพักจนผมหายตกใจ (เลิกตื่นเต้นล่ะ ไถลมานาน) ผมเริ่มมองเห็นแสงรำไร อ่า ผมคงมาถึงสุดปลายโพรงนี่แล้วสินะ
ผมใช้เวลาปรับสายตา พลางปัดเศษขยะตามตัวออกอยู่ครู่หนึ่ง ถึงได้มองเห็นว่าผมเข้ามาอยู่ห้องเล็กๆ ด้านหลังเป็นประตูเปิดอ้าอยู่ คงจะเป็นทางที่ผมออกมากระเด็นออกมา มองเข้าไปเห็นโพรงดินยาวสุดสายตา กลางห้องตรงหน้าผมมีโต๊ะกระจกกลมสูงแค่เอวของผม บนโต๊ะมีกุญแจหนึ่งดอกกับขวดบรรจุน้ำที่ตรงคอขวดแขวนป้ายเอาไว้ว่า ดื่มฉันสิจ๊ะ หลังโต๊ะมีประตูแบบเดียวกับที่ผมออกมาแต่ขนาดเล็กเพียงแค่ฝ่ามือ ผมทดลองเอากุญแจไปเปิดประตูบานนั้น ได้ผลครับ ประตูเปิดออก
“สุดยอดเลย” มองไปด้านในของประตูมีสวนสวยงามกับปราสาทหลังใหญ่เห็นอยู่ไกลๆ ผมคิดว่าน่าจะเป็นที่อยู่ของราชินีแดง ถ้าเข้าไปถึงปราสาทอาจจะได้พบกับซองมิน ผมปิดประตูลงแล้วมองมันสลับกับขวดบนโต๊ะ ผมว่าผมพอจะเข้าใจว่าจะต้องทำอะไร ผมรีบคว้าขวดขึ้นมาดื่มนั่นทำให้ตัวของผมค่อยๆหดเล็กลงจนกลายเป็นโคนัน เอ่อ หมายถึงพอจะผ่านเข้าประตูได้น่ะครับ
“อ๊ะ แย่ล่ะสิ” ผมมันงี่เง่าครับ ดันปิดประตูไปแล้ว แถมวางกุญแจไว้บนโต๊ะ ความสูงของผมตอนนี้ไม่ถึงครึ่งของขาโต๊ะด้วยซ้ำ ทำยังไงดีล่ะทีนี้
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ” ผมหันมองไปตามเสียงนั้นทันทีแล้วก็ต้องแปลกใจอีกครั้ง
“ทงเฮ!นายเองก็อยู่ที่นี่เหมือนกันเหรอ” เป็นทงเฮครับที่ยืนอยู่ด้านหลังของผม เค้าทำหน้าตาเป็นห่วงผมมาก
“ฮึก พี่หยิบกุญแจไม่ได้เหรอครับ ฮึก เปิดประตูไม่ได้ ฮึก ด้วยเหรอครับ ฮึก” ทงเฮเอ่ยถามผมปนสะอื้น น้องชายเจ้าน้ำตาของผมทำท่าจะร้องไห้ออกมาแล้วตอนนี้
“ทงเฮ ไม่ต้องร้องไห้ พี่รู้ดีว่านายเป็นห่วงพี่ ไม่เป็นไรนะ” ผมมีหน้าที่ต้องปลอบใจ แต่ดูท่าทางทงเฮไม่สนคำปลอบใจของผม เพราะน้ำตาไหลออกมาไม่หยุดเลยล่ะครับ
“ฮืออออออ ฮึก ผม ฮึก ฮืออออออออออ” ไปกันใหญ่แล้วครับ ไม่น่าเชื่อจริงๆ ผมเคยคิดว่าน้ำตาของทงเฮช่างงดงาม และเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซื่อตรง แต่ทงเฮที่ร้องไห้ไปแค่ไม่กี่นาทีแต่ทำให้น้ำท่วมถึงตาตุ่มผมเนี่ยมันส่อเค้าถึงอันตรายแล้วล่ะครับ
ถึงผมจะพยายามบอกให้ทงเฮหยุดร้อง แต่ก็ไม่ทันแล้วล่ะครับ ตอนนี้ผมลอยคออยู่ในน้ำตาของทงเฮ แถมเจ้าตัวยังดูไม่เดือดร้อน ยังคงปล่อยน้ำตาออกมาแบบไม่ขาดสาย มวลน้ำตาของทงเฮพัดผมออกจากห้องลอยมาเรื่อยๆ
สภาพผมพยุงตัวในน้ำ(ตา)ไปด้วย ลากทงเฮที่ยังร้องไห้ไม่หยุดไปด้วย จนเริ่มหมดแรง ผมไม่ไหวแล้วล่ะครับ น้ำจะพัดผมไปไหนก็ช่าง แล้วสติผมก็ดับวูบไปแค่นั้น
---------------------------------------------------------------
50%
เอาล่ะสิ ตั้งใจว่าจะให้จบแต่ดันยาวหนัก เข็ญเท่าไหร่ก็ยังไม่จบ ไว้มาต่อแล้วกันเน้อ
แล้วก็ไม่ต้องตกใจที่มันจะไม่เหมือนกับต้นฉบับอลิซที่เคยได้ยินมา ก็ตอนเค้าอ่านตอนเด็กๆมันเป็นแบบนี้นี่นา เอาเป็นว่าแต่งตามความพอใจ อ่านไปอย่าคิดมาก ^^ หวังว่าจะสนุกกันนะคะ
ความคิดเห็น