ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าสาวฟันน้ำนม (นิยายจีนโบราณ)

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 เจ้าสาวฟันน้ำนม (1)

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ย. 64


    บทที่ 1

    เจ้าสาวฟันน้ำนม (1)

     

    ว่ากันว่า... วาณิชย์ที่เก่งกาจและมีไหวพริบมักรู้วิธี ‘ปลูกต้นเงินต้นทอง’ นอกจากเฉียบขาดเรื่องทำมาค้าขายแล้ว เขายังรู้อีกว่าต้องคบค้ากับผู้ใดถึงจะได้ผลประโยชน์ และควรหลีกเลี่ยงคนประเภทไหนบ้าง ที่อาจทำให้เสียผลประโยชน์

    สำหรับ เป่ยจ้านจื้อ หนึ่งในพ่อค้าวาณิชย์ผู้มั่งคั่งก็เป็นเช่นนั้น เขาเลือกคบค้าสมาคมอีกทั้งยังแบ่งชนชั้น ไม่สุงสิงยุ่งเกี่ยวกับคนยากจน สำหรับเป่ยจ้านจื้อมิตภาพของเขาต้องเงินต่อเงิน ทองต่อทองเท่านั้น

    ด้วยมรดกที่ตกทอดจากบรรพชน กอปรกับคนผู้นี้มีดวงทำมาค้าขายเป็นทุนเดิม เป่ยจ้านจื้อจึงกลายเป็นเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของเมืองต้าเหลียง นอกจากค้าขายสมุนไพร เครื่องเทศ ผ้าไหมแล้ว เศรษฐีผู้นี้ยังเปิดโรงรับจำนำ ยิ่งนับวันกิจการบ้านสกุลเป่ยก็มั่นคงเป็นปึกแผ่น

    คนทั่วไปต่างก็พากันอิจฉาเป่ยจ้านจื้อที่สุขสบาย มีเงินทองมากมาย แต่นั่นเป็นแค่ความคิดของคนนอกเท่านั้นหาใช่พวกบ่าวรับใช้ในบ้านสกุลเป่ย คนพวกนี้ต่างรู้ดีว่าแม้นเถ้าแก่เป่ยจะร่ำรวย มีชื่อเสียง เป็นพ่อค้าที่ประสบความสำเร็จ แต่คนผู้นี้ก็ไม่บริบูรณ์ไปทุกเรื่อง

    แม้จะมีเงินทองมากมาย มีชื่อเสียง เป็นที่นับหน้าถือตา แต่น่าเสียดายที่ฮูหยินเป่ยซึ่งเป่ยจ้านจื้อรักสุดหัวใจนั้นมีสุขภาพที่ไม่แข็งแรง สามวันดี สี่วันไข้ ล้มหมอนนอนเสื่ออยู่เป็นประจำ เพราะสุขภาพของฮูหยินเป่ยไม่ค่อยสู้ดี นางจึงยินดีให้สามีแต่งอนุเข้าบ้านได้ ทั้งนี้ก็เพื่อหวังทายาทไว้สืบสกุล

    โชคดีที่สวรรค์เมตตา ในปีต่อมาอนุภรรยาคนที่สี่ของบ้านได้ให้กำเนิดลูกสาวคนแรก ต่อจากนั้นอนุคนที่สาม และฮูหยินรองก็ให้กำเนิดลูกสาวอีก แม้เป่ยจ้านจื้อจะดีใจที่มีลูก แต่ความหวังจะได้ลูกชายไว้สืบสกุลก็ดูเหมือนจะริบหรี่ลงเรื่อย ๆ สุดท้ายเขาต้องใช้วิธีถือศีลกินเจแล้วขอพรจากเทพเจ้าแทน

    จนในที่สุดฮูหยินเป่ยก็ตั้งครรภ์ ทว่าตั้งครรภ์ครั้งแรกนางก็ให้กำเนิดลูกสาวเช่นกัน...

    เมื่อเป็นเช่นนี้เป่ยจ้านจื้อจึงเลิกหวังถึงเรื่องลูกชาย แต่สวรรค์ก็ไม่ใจร้ายกับเขาเกินไป อีกสามปีถัดมาฮูหยินเป่ยก็ตั้งครรภ์อีกครั้ง นางให้กำเนิดลูกชายที่อ้วนท้วนหน้าตาน่ารัก ทว่าคลอดลูกได้ไม่นานร่างกายของนางก็อ่อนแอลง สุดท้ายนางก็เสียชีวิตตั้งแต่ลูกชายอายุได้เพียงเดือนเศษ

    เป่ยจ้านจื้อเสียใจมากนักเพราะเขารักฮูหยินเป็นที่สุด แต่เมื่อได้เห็นลูก ๆ เติบโตขึ้น เขาก็มีแรงใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ จนกระทั่งลูกชายคนเล็กอายุได้สองขวบ เป่ยจ้านจื้อก็มีความคิดที่จะจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้กับลูกชาย ทั้งนี้เพราะบ้านสกุลเป่ยไม่มีงานรื่นเริงมานานมากแล้ว

    ด้วยเหตุนี้เป่ยจ้านจื้อจึงมอบหมายให้พ่อบ้านส่งเทียบเชิญไปยังเหล่าสหายสนิทมาร่วมงาน ซึ่งบ้านสกุลเฉินที่เปิดโรงหมออยู่ที่เมืองผิงอังก็ได้รับเชิญให้มาร่วมงานเลี้ยงนี้เช่นกัน

    ตอนได้เทียบเชิญ เฉินโจวจู ก็แปลกใจไม่น้อย...

    เขาเป็นลูกค้าที่ซื้อขายสมุนไพรกับบ้านสกุลเป่ยมานาน ปกติบ้านสกุลเป่ยไม่เคยจัดงานเลี้ยงใด ๆ เพราะตัวเป่ยจ้านจื้อนั้นแม้จะมีฐานะร่ำรวย แต่ก็เป็นคนตระหนี่ถี่เหนียว ตัวเขาเองรู้จักกับเป่ยจ้านจื้อมาตั้งแต่สมัยร่ำเรียนหนังสือด้วยกัน จึงรู้จักนิสัยใจคอของคนผู้นี้

    เป่ยจ้านจื้อไม่จัดว่าเป็นคนเลวร้ายอะไร แต่ถ้ามีผลประโยชน์ความสัมพันธ์ก็จะราบรื่น เขาเองแม้จะถูกนับว่าเป็นสหายสนิทเพราะเข้าออกบ้านสกุลเป่ยนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ใช่ว่าตัวเขาจะได้รับน้ำใจไมตรีทางด้านการค้า การซื้อขายล้วนเป็นเงินสดทั้งสิ้น แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร เขาเข้าใจว่าการทำการค้าต้องมีเงินทุนหมุนเวียน

    ตัวเขาเองเป็นหมอประจำที่เคยตรวจรักษาอาการป่วยของฮูหยินเป่ย และรวมไปถึงเคยรักษาอาการป่วยของคุณชายเป่ยมาแล้ว เขาจึงรู้ว่าเป่ยเสี่ยวหลางนั้นมีสุขภาพที่ไม่แข็งแรงเหมือนมารดา

    ดังนั้นเมื่อได้รับเทียบเชิญให้ไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดในครั้งนี้ เขาก็สั่งให้ลูกชายเข้าป่าเพื่อขุดหาโสมและสมุนไพรมาเป็นของขวัญให้กับลูกชายของเป่ยจ้านจื้อ

    “ทำไมข้าต้องทำเรื่องยุ่งยากพวกนี้ด้วย บ้านเราเป็นโรงหมอมีสมุนไพรมากมาย ท่านพ่อก็แบ่งสมุนไพรเหล่านี้ไปเป็นของขวัญของคุณชายบ้านสกุลเป่ยก็ได้นี่” ‘เฉินป๋อหลิน’ ซึ่งเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของหมอเฉินโจวจูออกความเห็น ช่วงนี้ฝนตกบ่อย อากาศชื้น เดินทางก็ลำบาก เขาเลยไม่อยากเข้าป่าเพราะทัศนียภาพไม่เป็นใจและค่อนข้างอันตราย

    “สมุนไพรพวกนี้ข้าซื้อมาจากบ้านสกุลเป่ยจะเอาไปเป็นของขวัญคุณชายน้อยได้อย่างไร อีกอย่างข้าอยากได้สมุนไพรอย่างอื่นที่เหมาะกับคุณชายเป่ยมากกว่า” ท่านหมอเฉินให้เหตุผล

    คนเป็นลูกได้แต่ถอนหายใจลึก แต่สุดท้ายก็ยอมทำตามคำขอของบิดา พอใกล้ถึงงานวันเกิดของคุณชายเป่ย เฉินโจวจูก็ชวนเฉินป๋อหลินเดินทางไปเมืองต้าเหลียงด้วย

    “ทำไมข้าต้องไปด้วย บ้านสกุลเป่ยเชิญท่านไม่ได้เชิญข้าสักหน่อย” ปกติเขาไม่ค่อยชอบคบค้าสมาคมกับใคร มากคนก็มากความ สังสรรค์ไปก็รังแต่มีเรื่องน่าปวดหัว

    “ไปเถอะน่า วัน ๆ เจ้าเอาแต่อยู่แต่บ้านขลุกตัวอยู่แต่สัตว์มีพิษ หัดไปเปิดหูเปิดตาซะบ้าง”

    “แล้วใครจะดูแลสัตว์เลี้ยงของข้า” คนเป็นลูกไม่วายเป็นห่วงสิ่งมีชีวิตที่เขาเลี้ยงไว้ แม้บิดาของเขาจะเป็นท่านหมอรักษาคนที่มีชื่อเสียง แต่เขากลับไม่เดินตามพ่อ เขาชื่นชอบศึกษายาพิษและการถอนพิษมากกว่า

    “จะยากอะไร เจ้าก็ให้อาหารเผื่อไว้ มันหิวเดี๋ยวก็กินเองนั่นแหละ ไปกับข้าเถอะ ไปเปิดหูเปิดตาซะบ้าง ก็ไม่แน่นะ เจ้าอาจถูกใจคุณหนูสกุลเป่ยก็ได้ ข้าได้ข่าวมาว่าเป่ยจ้านจื้อมีลูกสาวสวยหลายคน”

    เฉินป๋อหลินทำเป็นหูตึง แต่คำพูดบิดาก็สร้างความสนใจให้เขา ได้ชมบุปผางามถือเป็นวาสนา เขาเองก็อยากเห็นกับตาเหมือนกันว่าสตรีต้าเหลียงนั้นจะงดงามเพียงใด และความงามของพวกนางจะสู้สตรีผิงอันได้ไหม

    ก่อนถึงงานวันเกิดคุณชายเป่ยสามวัน สองพ่อลูกก็ออกเดินทางไปยังเมืองต้าเหลียง การเดินทางเป็นไปอย่างยากลำบากเพราะฝนตกตลอดทาง จนถึงเมืองต้าเหลียงคนสกุลเฉินก็พากันหาโรงเตี๊ยมเพื่อพักแรม จนถึงวันงานสองพ่อลูกก็มุ่งหน้าไปยังบ้านสกุลเป่ย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×