คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : งานประมูล และสัญญาที่ถูกหยิบยื่น [ คนอะไร.. เอาแต่ได้.. ]
ซาเอจิมะ ไค ในชุดสูทสีเทาเข้ม สวมแว่นใส เดินอาดๆตรงเข้าไปในคลับของตระกูลคุราชิคิ เขามองไปทางขวายังโต๊ะที่อยู่ริมสุด ตรงนั้นดูเผินๆเหมือนเป็นแค่ช่องทางอเนกประสงค์ธรรมดา นอกจากแขกVIP ก็ไม่มีใครรู้ว่าเป็นห้องที่มีไว้ใช้เพื่อการอะไร
การ์ดแพลททินัมสีเงินวาวถูกหยิบยื่นให้ชายหนุ่มร่างกำยำที่ยืนเฝ้าประตูอยู่ด้านหน้า ทันทีที่เห็นสิ่งแสดงตน อีกฝ่ายหรี่ตามองร่างสูงอย่างไม่คุ้นหน้า
เขาก้มลงมองดูชื่อในlist เทียบกับหมายเลขการ์ด
‘ชาอินซอง’
อ้าว คนเกาหลีเหรอเนี่ย มองไม่รู้เลยแฮะ
แต่หมอนี่ก็มีบัตรนี่นา
เอาเถอะ คงเป็นพ่อค้ารายใหม่ซะล่ะมั้ง
“ คุณชา เชิญด้านในครับ ”
ไค ก้มหัวเล็กน้อยเป็นเชิงบอกขอบคุณตามมารยาท เขาตรงเข้าไปยังห้องลับนั้นทันที
ชาอินซอง ก็เป็นแค่ชื่อปลอมในฐานะพ่อค้าข้ามชาติ..
แน่นอนอยู่แล้ว ว่าภาษาเกาหลีไม่เป็นปัญหาสำหรับคนอย่างเขาเลยแม้แต่น้อย
การปลอมตัวแสดงเป็นคนอื่น.. ถึงแม้จะไม่เป็นวิธีที่แยบยลและตัวเขาเองก็ไม่รู้สึกรื่นรมย์กับมันซักเท่าไหร่ แต่วิธีนี้มันก็ใช้ได้ผลมาแล้วในหลายๆครั้ง
พนักงานต้อนรับหญิงหนึ่งในนั้นสังเกตการมาถึงของแขกเจ้าใหม่ ใบหน้ายาวดูหล่อเหลาไม่คุ้นตานั้น ดึงดูดให้เธอเข้าไปหาได้อย่างไม่ยากเย็น
เธอทักทายอย่างร่าเริงเผยอริมฝีปากแดงสดยั่วยวน
“ สวัสดีค่ะ มาคนเดียวเหรอคะ เอ่อ ..คุณ.. ”
“ ชาอินซองครับ ”
“ เอ๋ มาจากเกาหลีเหรอคะ? ”
“ ผมมาตามจดหมายที่ได้รับน่ะ เห็นว่าจะมีการประมูลกันในคืนนี้ใช่มั้ยครับ ”
ชายหนุ่มตอบอย่างคล่องแคล่วตีหน้าใสซื่อ
บทละครกระจอกกระจอกเช่นนี้ เขาทำมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
“ อุ้ย ดูคุณสิ! เป็นคนเกาหลีแท้ๆแต่กลับพูดญี่ปุ่นคล่องเชียว ”
รอยยิ้มจางๆปรากฏอยู่บนใบหน้าของชายหนุ่มรูปงาม
“ ครับ ผมมีเพื่อนเป็นชาวญี่ปุ่นและเค้าก็ชักชวนให้มาที่นี่ ”
“ คุณชาคงจะมาครั้งแรกล่ะสิท่า...งั้น.. ให้ฉันแนะนำให้นะคะ ”
หญิงสาวพูดแล้วขยับกายเข้าแนบชิด เล็บสีแดงที่เพ้นท์อย่างประณีตสัมผัสลูบไล้ไปบนสูท
“ คงต้องรบกวนแล้วล่ะครับ ”
เขาสบตามองเธออย่างรู้ทัน
ก่อนจะหาที่นั่งแล้วก็จัดแจงสั่งค็อกเทลหอมหวานมาให้เธอ
บรรยากาศในห้องเป็นไปอย่างที่ไคคาดไว้ไม่มีผิด เสียงดนตรีบรรเลงอื้ออึง แขกเหรื่อในงานก็มีแต่พวกชั้นสูง นักการเมืองบ้างล่ะ นักแสดง หรือแม้กระทั่งนักธุรกิจรายใหญ่..
ชายหนุ่มนึกขำขัน
ตอนที่ไอ้เจ้าพวกนี้แสร้งทำเป็นบริจาคเงินให้คนยากจนชาวต่างชาติ ออกทีวีทำตัวซะโด่งดังคับฟ้า ลับหลังกลับต้องลงมาในตลาดมืดซื้อขายมนุษย์กันซะเอง
เห็นแล้วทุเรศชะมัด
ทันทีที่ไฟหรี่ลง
สาวงามคนหนึ่งในชุดวาบหวิวถูกกระชากลากตัวออกมาจากหลังเวที
ร่างกายของเธอดูอิดโรย ที่แก้มซ้ายมีรอยช้ำสีม่วงปรากฎอยู่
พิธีกรบนเวทีไม่รอช้า เอ่ยแนะนำสินค้านั้น พร้อมบอกราคาทันที
“ เธอชื่ออิจิโกะ เพิ่งจะอายุ 18 ปีเท่านั้น
เธอเป็นลูกครึ่งฝรั่งเศส-ญี่ปุ่น ราคาเริ่มที่ เก้าแสนเยนครับ ”
“ หนึ่งล้าน! ”
“ ชั้นให้ล้านห้า ”
“ หนึ่งล้านเจ็ดแสนห้า! ”
เสียงประมูลเริ่มขึ้นตามมุมโต๊ะต่างๆ
จู่ๆแม่สาวเล็บแดงก็มากระซิบที่ริมหู
“ แม่นั่นน่ะนะติดหนี้เล่นพนันกับคนของเรา นายหัวส่งคนไปทวงตั้งหลายครั้งก็ไม่มีให้ เลยจัดการลากมาซะเลย ”
เธอพูดอธิบายตามที่ได้ยินมา
“ คุณสนใจเธอรึเปล่าคะ? ”
“ คือ ..ผมไม่ชอบพวกลูกครึ่งซักเท่าไหร่หรอกครับ ”
ไคตอบไปตามน้ำ ความจริงเขาแค่ต้องการจะมาสืบข่าวคราวอะไรบางอย่างเกี่ยวกับธุรกิจของตระกูลคุราชิคิซะมากกว่า
“ งั้นคุณอยากได้แบบไหนคะ..คุณสนใจผู้หญิง หรือว่าผู้ชาย ”
“ เอ๊ะ มีผู้ชายด้วยเหรอครับ ”
น้ำเสียงของชายหนุ่มฟังดูคล้ายจะตกใจ เขาทำสีหน้างงงวยแบบไม่อยากจะเชื่อส่งไปให้อีกฝ่าย ทั้งๆที่เขารู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว
“ แหม ..คุณชาสนใจผู้ชายเหรอคะ แบบนี้ชั้นก็แห้วน่ะสิ ”
พนักงานหญิงพูดเป็นเชิงหยอกล้อ แต่ไคก็สนองตอบทันควัน
“ ไม่ว่าจะชายหรือหญิง ถ้าสวยๆอย่างคุณล่ะก็ ผมก็สนใจครับ ”
เธอยิ้มอย่างรู้ตัวเพราะเจอคำหวานหยอดมานักต่อนัก
โธ่เอ้ย ถ้าสนใจจริงล่ะก็ถามชื่อชั้นสิ นี่แค่ชื่อยังไม่สนใจจะถามเลย
แต่ว่าเพราะความหล่อของเค้าหรอกนะ อย่างนี้ถึงไม่ถามชื่อเธอก็คงยอมให้เค้าซบอกเธอได้หรอก
สินค้าหลายรายการถูกประมูลไป ทั้งของเล่น ทั้งมนุษย์ บางทีก็เป็นผู้หญิง บางทีก็เป็นผู้ชาย ซึ่งถูกจับแต่งตัวแบบแปลกหูแปลกตาทั้งนั้น
ผู้ชายคนที่แล้วก็เหมือนกัน ใส่ชุดหูแมวอะไรไม่เข้าท่า...
ไคคิดอย่างเซ็งๆ นึกว่าผู้หญิงที่อยู่ข้างกายเขาจะให้ข้อมูลอะไรได้มากกว่านี้
เขาหลอกถามเธอไปหลายครั้ง แต่ยัยโง่นี่ก็ดันตอบไม่ตรงคำถามทุกทีไป
เสียเวลาจริง!
ซาเอจิมะ ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เผื่อหัวจะเย็นลงบ้าง
เขารู้สึกหงุดหงิดที่เรื่องไม่เป็นไปตามแผนที่เขาคาดไว้
ชายหนุ่มเดินกลับมา แต่พบว่าพนักงานสาวไม่ได้นั่งรอเขาอยู่คนเดียว
ข้างๆเธอเป็นผู้ชายในชุดบริกร เขากำลังกระซิบกระซาบบอกอะไรเธอบางอย่าง
ไคสังเกตถึงความผิดปกติ เขาจึงก้าวเข้าไปหาสองคนนั่นอย่างระมัดระวัง
ทันทีที่บริกรหนุ่มสังเกตเห็นเขา ก็รีบลุกและขอตัวเดินจากไปทันที
ไคถามอย่างนุ่มนวล เขายิ้มปกปิดสีหน้าเสแสร้งซะหมดจด
“ เป็นอะไรรึเปล่าครับ.. สีหน้าคุณดูไม่ค่อยดีนะ ”
“ ไม่มีอะไรค่ะ ชั้นก็แค่... ”
“ ครับ? ”
“ คือจู่ๆ คุราชิคิซามะก็เปลี่ยนของประมูลชิ้นสุดท้ายกระทันหันน่ะค่ะ .. ปกติคุราชิคิซามะหรือแม้กระทั่งนายหัวไม่เคยยกเลิกกลางคันอย่างนี้มาก่อนเลยนะคะ แล้วยิ่งเป็นไฮไลท์ของงานครั้งนี้ด้วยแล้ว.. แขกคงจะไม่พอใจเอามากๆ ”
หญิงสาวรู้สึกฝืดคอ
ชายหนุ่มเห็นอาการผิดสังเกต จึงได้ทีซักต่อ
“ ไม่เคยเลยเหรอครับ ..คุณพอจะรู้มั้ยว่าของประมูลชิ้นสุดท้ายเป็นแบบไหนกัน ”
“ ก็แค่เด็กผู้ชายอายุ18 เท่านั้นเองล่ะค่ะ แต่ว่าที่ถูกให้ความสำคัญมาก เห็นว่าเพราะเค้าเป็นคนของตระกูลซาเอจิมะน่ะ ”
“ เอ๊ะ!? ”
ซาเอจิมะ ไค เบิกตาโพลง ..อะไรนะ
ชายหนุ่มคิดทบทวน นี่คนของเขาถูกจับได้งั้นเหรอ
แต่ว่า.. เท่าที่เขารู้ ไม่มีใครอายุต่ำกว่าสามสิบเลยนี่..
หญิงสาวงงงวยกับท่าทีแปลกๆของชายหนุ่ม เลยคิดว่าตัวเองคงพูดอะไรไม่เคลียร์ออกไป
“ ชั้นลืมบอกไป ตระกูลซาเอจิมะที่เป็นกลุ่มคานอำนาจกับทางเรามาตลอดน่ะค่ะ เมื่อไม่นานมานี้ คุราชิคิซามะ..รู้มาว่าอีกฝ่ายมีการเคลื่อนไหว พอรู้มาว่าเป็นสายสืบจากฝั่งนู้นอะไรทำนองล่ะมั้งคะ ก็เลยถูกจับส่งขาย ตัดไฟแต่ต้นลม ...เห็นว่าหน่วยก้านรูปร่างหน้าตาไม่เลวเลยด้วย.. ..น่าเสียดาย ”
ประโยคสุดท้ายหญิงสาวพึมพำในลำคออย่างอดเสียไม่ได้
ส่วนไคที่เป็นคนหัวไว ก็เริ่มมองเห็นภาพอะไรเลือนรางบางอย่าง
อ้อ รู้แล้วเรอะ ไม่เลวเลยนี่เจ้าคุราชิคิ เรียวอะไรนั่น
เขาคงประมาทไม่ได้อีกแล้ว
แต่ว่าเด็กผู้ชายอะไรนั่นน่ะสิ มาจากไหนกัน?
“ แล้วจับเค้ามาได้ยังไงกันล่ะครับ ”
พนักงานสาวสวยเหมือนจะเริ่มเอะใจ แต่ไครีบกลบเกลื่อนทันที
“ อย่างนี้ไม่ต้องเปิดศึกกับอีกฝ่ายเหรอครับ ถ้าเค้ารู้เข้าน่ะ ”
“ อ๋อ .. ชั้นจะบอกให้ว่าคุราชิคิซามะน่ะ หวงน้องชายยังกับอะไรดี แต่จู่ๆท่านวายะที่เป็นน้องชายก็ไปอยู่กับคนของซาเอจิมะซะได้ ”
“
.. ”
“ ตอนแรกชั้นก็งงๆเหมือนกันค่ะ เพราะเท่าที่ชั้นรู้ ..คนของซาเอจิมะน่ะ อายุหลักสามขึ้นทั้งนั้นเลย ..แต่ก็เพิ่งมารู้อีกว่าเด็กคนนั้นติดหนี้ให้ตระกูลนี้อยู่ คุราชิคิซามะเลยสงสัยว่าเด็กนั่นทำงานให้เพื่อชดใช้หนี้น่ะค่ะ ”
ชายหนุ่มเริ่มประติดประต่อความได้
เขาอยากจะถามต่ออีกซักนิด อย่างน้อยรู้แค่ชื่อของเด็กคนนั้นก็พอ แต่ยัยหน้าโง่นี่ก็เปลี่ยนเรื่องไปแล้ว
“ คุณอย่าขมวดคิ้วสิคะ ชั้นรู้ว่าเรื่องแบบนี้สำรับคนเกาหลีมันเข้าใจยาก แต่คุณก็ไม่ต้องไปคิดอะไรหรอก มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณอยู่แล้วนี่คะ เอาน่า ...แต่ชั้นนี่สิคะกำลังแย่ ”
แม้เขาจะไม่พอใจ แต่ก็เก็บอาการไว้ แล้วแสดงสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยคนตรงหน้า ราวกับนักแสดงมืออาชีพก็ไม่ปาน
“ คุณ
เป็นอะไรเหรอครับ ”
“ ชั้นก็เลยต้องกลายเป็นสินค้าแก้ขัดไปก่อนน่ะสิ.. ” หญิงสาวหน้าซีด เธออ้อนวอนชายหนุ่มท่าทางใจดี
“ คุณช่วยซื้อชั้นได้มั้ยคะ ชั้นไม่อยากไปกับตาแก่หัวโล้นเลี่ยนพวกนั้น ”
เธอพยักเพยิดหน้าไปทางนักการเมืองที่จ้องเธอมาได้ครู่หนึ่งแล้ว
“ ชั้นมาทำงานที่นี่เตรียมใจไว้แล้วก็จริง แต่ว่าถ้าเป็นคุณล่ะก็..คงจะวิเศษไปเลย นะคะ ถือว่าช่วยชั้นเถอะ ”
ชายหนุ่มมองเธอแล้วยิ้ม
“ ครับ ผมจะช่วยคุณ ”
“ จริงๆนะคะ! ”
พนักงานสาวร้องอย่างดีใจ เธอนวดต้นขาของไคเป็นเชิงยั่ว ก่อนจะเดินไปหลังเวทีอย่างร่าเริงเพื่อไปทำหน้าที่
ในใจแทบจะร้องกรี๊ดออกมา
ช่างโชคดีอะไรอย่างนี้นะ
ไคมองตามผู้หญิงคนนั้นไป
แสงไฟหรี่ลงอีกครั้ง พิธีกรกล่าวด้วยถ้อยคำเดิมๆ
แม่สาวคนเมื่อกี้เปลี่ยนชุด เหลือแค่เพียงชั้นในบางๆ
ถ้าจัดรูปร่างหน้าตาแล้วล่ะก็ เธอก็พอถูๆไถๆเป็นไฮไลท์ของงานได้ไม่เลว
เสียงประมูลเริ่มขึ้น แทบทุกโต๊ะยกราคาสูงลิบลิ่ว
หญิงสาวรู้สึกใจเต้น มองหาชายหนุ่มผู้ใจดี เธอสบตากับเขาจากบนข้างบนอย่างมีความหวังเต็มเปี่ยม
ไคยิ้มให้เธอก่อนจะลุกออกจากตรงนั้นไปอย่างไม่ใยดี
หญิงสาวเบิกตาโพลง
พิธีกรสรุปการประมูล
เธอถูกขายให้นักการเมืองหัวงูคนนั้น
.
.
.
.
ซาเอจิมะ ไค ก้าวเท้าขึ้นรถลีมูซีนที่จอดรอไว้ท่ามกลางสายฝน
เขาถอดแว่นตาออกเช็ดฝ้าก่อนจะขยี้ผมที่ดปียกชื้นไปมา
ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มเหยียดหยามที่มุมปาก
ผู้หญิงอย่างนั้น เขาเจอมาเยอะแล้ว
ขืนรับไปขึ้นเตียงด้วยก็คงจะน่าเบื่อพอดู..
หึ
ยัยหน้าโง่...
ชั้นเธอช่วยแล้วนะ
ช่วยให้เธอไปสวรรค์กับไอ้แก่โล้นเนี่ยนนั่นไงล่ะ
.
.
.
แต่จะว่าไป เด็กคนนั้น เป็นใครกันแน่นะ?
---------------------------------------------------------------------------------------------------
ค่ำคืนไม่ได้เงียบสงัดอย่างที่ควรจะเป็น สายฝนตกลงมาอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับลมกรรโชกที่ดังอื้ออึงอยู่ภายนอก
ภายใต้แสงไฟสีเหลืองเรืองรอง
อิจิโจ วายะลืมตาตื่นขึ้นมาบนเตียงใหญ่
ขณะยันตัวขึ้นนั่งอย่างสะลึมสะลือก็รู้สึกปวดสะโพกแปลบปลาบ
ใบหน้านวลเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เมื่อของเหลวอุ่นที่ค้างคาข้างในไหลซึมออกมา
อ..ไอ้บ้านั่น.. ปล่อยข้างในเหรอเนี่ย..
เรือนร่างเปลือยเปล่าและรอยจุดแดงจ้ำตอกย้ำจิตใจของเขาให้เจ็บปวดทรมานยิ่งกว่าร่างกายเป็นไหนๆ
เขาสังเกตเห็นรอยช้ำตรงข้อมือซ้ายเป็นสีม่วงคล้ำ
“ สารเลว ไอ้บ้า ไอ้ทุเรศ ”
วายะสบถออกมาเป็นชุด เมื่อคิดว่าอีกฝ่ายปู้ยี้ปู้ยำร่างกายเขาซะขนาดนี้
ทั้งๆที่เป็นผู้ชายแท้ๆ กลับถูกผู้ชายด้วยกันข่มขืน
นึกแล้วก็รู้สึกเจ็บใจที่กลับมีอารมณ์ร่วมไปด้วย
แล้วจู่ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงฝีเท้าอยู่ข้างนอก อิจิโยจ้องมองไปที่ประตูด้วยหัวใจระส่ำระสายและหวาดหวั่น
แล้วประตูก็เปิดออกมา
เรียวยืนอยู่ตรงนั้น ข้างๆกายมีชายร่างใหญ่ท่าทางกำยำเป็นลูกน้องคนสนิท ภาพนั้นสำหรับวายะแล้วคล้ายกับฝันร้ายที่คืบคลานใกล้เข้ามา
ความทรงจำและร่องรอยยังแจ่มชัด
“ ตื่นจนได้สินะ ชั้นเองก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าครั้งแรกของนาย..คงจะเพลียได้ถึงขนาดนี้ ”
ถ้อยคำลามกที่พ่นออกจากสีหน้าเรียบราบนั่น.. ทำให้วายะรู้สึกไม่พอใจแต่เขาก็หน้าแดงจนควันแทบออกหู
เซโงะหันไปหาผู้เป็นนาย ก่อนจะยื่นกระเป๋าเอกสารสีดำไปให้อย่างรู้ใจ
คุราชิคิเรียวเดินตรงเข้าไปยืนอยู่ข้างเตียง แล้วเผยยิ้มให้ร่างเล็กที่อยู่ตรงหน้าอย่างว่างเปล่า
“ ชั้นรู้แล้วว่านายไม่ใช่คนของซาเอจิมะ ”
อิจิโย วายะตวาดกลับอย่างเจ็บแค้น
“ เพิ่งจะรู้รึไง! ทำไมไม่ทำกับชั้นแบบเมื่อกี้อีกซักสองสามรอบก่อนแล้วค่อยพูดล่ะ ห๊ะ! นายจะบอกว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิดงั้นสิ แล้วก็มาขอโทษ.. ”
“ ไม่มีการขอโทษเรื่องอะไรทั้งนั้น มันเป็นเพราะนาย.. หาเรื่องใส่ตัว.. ”
วายะหน้าแดงจัด ไอ้หมอนี่ยังจะหาว่าเขาหาเรื่องใส่ตัวอีกเหรอ
ความจริงวันนั้น เขาน่าจะปล่อยๆให้น้องชายของไอ้บ้านี่ถูกข่มขืนบนรถไฟไปซะ เหมือนอย่างที่เขาโดนไงล่ะ
“ ในเมื่อนายไม่ใช่คนของซาเอจิมะ ชั้นก็จะไม่ส่งนายไปเป็นสินค้าแล้ว ”
“ เอ๊ะ จริงๆเหรอ ชั้นจะเป็นอิสระแล้วสินะ ”
พอได้ยินอย่างนั้น วายะก็หัวใจลิงโลด
เขาจะได้ออกไปจากที่นี่ซะที
เซโงะเห็นท่าทางดังนั้นจึงรีบแก้ความ
“ คุราชิคิซามะยังไม่ได้บอกว่านายจะได้เป็นอิสระ เพราะงั้น..นายจะต้องอยู่ที่นี่ต่อไปอีกระยะนึง เพราะไม่แน่ว่าอนาคตนายอาจจะแว้งกัดเราก็ได้ ”
“ อ..อะไรนะ!? ”
ชายหนุ่มแทบไม่อยากจะเชื่อหู นี่จะขังเขาไปเพื่ออะไรกัน?
ตาโตตวัดสายตาหันกลับมาจ้องมองร่างสูงที่อยู่เบื้องหน้า สีหน้าบ่งบอกถึงความไม่เข้าใจ
“ นายคิดจะทำอะไรน่ะ!.. ถ้าไม่คิดจะขอโทษ ชั้นก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ.. แต่การที่นายมากักขังชั้นไว้แบบนี้ มันไม่มากไปหน่อยรึไง ”
“ ชั้นไม่ได้ให้นายนั่งกินนอนอยู่ที่นี่เปล่าๆหรอก ”
เรียวโยนกระเป๋าเอกสารไปที่เตียง แล้วตอนที่มันหล่นมาเกือบจะกระแทกหน้าเขา วายะถึงได้รู้ว่ามันหนักแค่ไหน
ร่างเล็กเปิดกระเป๋าออกดู ข้างในมีเงินหลายล้านเยนส่องประกายวิบวับเจิดจ้า
“ นี่มันอะกัน? ”
“ ทั้งหมดนั่นจะเป็นของนายถ้านายยอมเซ็นสัญญาทำงานให้ชั้นหนึ่งปี ”
“ งานประเภทไหนกันล่ะ..”
วายะมองดูเงินเหล่านั้น แต่แสงประกายเจิดจ้าก็ดูจะสกปรกขึ้นมาทันที
คนอะไร เอาแต่ได้..
“ อย่างนายน่ะ.. ถ้าชั้นต้องรับไอ้เงินโสโครกสกปรกนี่ไว้ล่ะก็ สู้ชั้นออกไปนั่งวาดรูปขายซะยังจะดีกว่า ”
“ หึ ไอ้ภาพวาดราคาถูกนั่นน่ะนะ ”
เรียวเหยียดยิ้ม เมื่อเห็นคนตรงหน้ากำลังเดือดปุดๆ
“ ถ ..ถึงมันจะราคาถูก! แต่มันก็เป็นเงินที่สะอาดกว่าเงินของพวกนายก็แล้วกัน! ”
“ คิดให้ดี อิจิโย .. นายก็รู้นี่ว่าทิฐิของนาย จะช่วยรักษาพี่ชายของนายได้รึไง ”
วายะหน้าแดงเถือก
ใช่ เขาต้องการเงินพวกนี้ก็จริง
แต่ว่าถ้าต้องถูกผูกมัดอยู่กับคนคนนี้ล่ะก็... มันคงไม่ต่างอะไรกับตกนรกทั้งเป็นสินะ
ดวงตาสีน้ำตาลใสแวววาวของเรียวจ้องมองมายังวายะ ราวกับเขามองเห็นหัวใจของชายหนุ่มจนทะลุปรุโปร่ง
ร่างบางจิกผ้าห่มแน่นขณะครุ่นคิดหนัก
ถ้าพี่เท็ตสึต้องเป็นอะไรเพราะเขา ..เขาก็คงจะไม่ยอมให้อภัยตัวเองเหมือนกัน
“ ออกไปได้แล้ว.. ชั้นอยากอยู่คนเดียว ”
วายะขึ้นเสียงใส่ร่างสูง
เซโงะที่ได้ยินดังนั้นก็เกิดอาการไม่พอใจที่นายของตนถูกเด็กปอนๆออกคำสั่ง แต่ถูกเรียวห้ามไว้ก่อน
“ อย่าทำให้เสียเรื่องเลย เซโงะ เดี๋ยวชั้นก็จะไปแล้วล่ะ ”
เขาบอกลูกน้องคนสนิทอย่างใจเย็น ก่อนที่จะหันมาย้ำกับวายะอีกครั้ง
“ มันไม่ใช่งานนักหนานักหรอกถ้าเทียบกับเงินพวกนั้นแล้ว พอเสร็จงาน นายก็จะได้กลับไปอยู่กับพี่ชายสุดที่รักของนายยังไงล่ะ ”
“ ...... ”
ร่างเล็กไม่ตอบ เขารู้สึกลังเล
“ งั้น ชั้นไปล่ะ แล้วจะรอคำตอบก็แล้วกัน ”
คุราชิคิพูดจบ ก็หันหลังกลับออกไปพร้อมกับลูกน้องคนสนิท
ประตูถูกปิดจากด้านนอก
อิจิโยถอนหายใจ
“ ไอ้หมอนี่ต้องการอะไรกันแน่นะ ถึงได้ให้เงินชั้นเยอะขนาดนี้ ”
เขาบ่นพึมพำกับตัวเอง
ยิ่งคิด ก็ยิ่งหัวเสีย
“ ชั้นรู้หรอกน่าว่านายมันร้ายกาจ คนอย่างนายน่ะต้องมีจุดประสงค์อะไรบางอย่างแอบแฝงไว้แน่ๆ.. .. บางอย่างสิน่า.. ”
ใบหน้าขาวนวลหันไปมองที่กระจกหน้าต่างบานใหญ่
สายฝนสาดซัดลงมาอย่างต่อเนื่องไม่ยอมหยุด
เหมือนกับวันที่เขาวิ่งออกจากโรงพยาบาลในวันนั้น..
วายะรู้สึกราวกับว่าตัวเองกลายเป็นอลิซที่หล่นเข้าไปในโพรงกระต่าย
ในเมื่อโพรงกระต่ายมันทั้งลึกและมืดขนาดนี้
เขาคงถอยไม่ได้ซะแล้ว
วายะหลับตาลง ดึงกระเป๋าเงินเข้ามากอดไว้แน่น..
“ พี่ครับ..ผมจะไม่ลังเลอีกแล้วล่ะ ”
.
.
.
END ..CHAPTER 6 :: งานประมูล และสัญญาที่ถูกหยิบยื่น [ คนอะไร.. เอาแต่ได้.. ]
ความคิดเห็น