ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Ballad of Memories

    ลำดับตอนที่ #2 : Shelter

    • อัปเดตล่าสุด 13 เม.ย. 58


    1

    Shelter

     

    “คือว่านะสึกิ ฉันขอไปพักที่บ้านแม่เธอก่อนได้ไหม คือว่ายังไม่ได้หาที่พักเลยน่ะ -_-a”

    โรเลีย เพื่อนสนิทสาวชาวอเมริกันอ้อมแอ้มพลางยกมือขึ้นเกาโหนกแก้มไปด้วย

    “ไหนว่าจองตั้งแต่อยู่โน่นแล้วไง”

    “เอ่อ...”

    “ขี้เกียจจ่ายค่าพักทำไมไม่บอกตรงๆ ฉันก็ไม่ใช่คนใจแคบขนาดนั้นสักหน่อย -_-“

    “จริงเหรอ =O=!!!”

    ฉันถอนหายใจกับวิธีเล่นลูกไม้ของยัยแหม่มบึ้บก่อนจะออกแรงเข็นรถเข็นของสนามบินเต็มกำลัง หลังจากที่โรเลียประสบความสำเร็จในการทำให้ฉันใจอ่อนแล้วเธอก็ช่วยออกแรงเข็นด้วยกล้ามเนื้ออันทรงพลังแบบสาวตะวันตก

    เธอเป็นสาวนักเที่ยวที่ค่อนข้างมีปัญหากับพ่อแม่ (ที่เธอคิดว่า) หัวโบราณชาวเฟรนช์อเมริกัน พอปิดเทอมปุ๊บยัยนี่ก็จัดการจองตั๋วเครื่องบินติดหนึบฉันกลับมาที่โตเกียวทันที

    “นัตสึกิ สนามบินนาริตะนี่สวยจังเลย ฉันตื่นเต้นจังที่จะได้เที่ยว >O<”

    “อืม”

    “นักร้องที่นี่ก็ล้อหล่อ อยากไปดูคอนเสิร์ตที่โตเกียวโดมจังเล้ยยย”

    “อาฮะ”

    “อาหารก็อร่อยสุดๆ ทั้งซูชิ มตสึนาเบะ โมจิ โดรายากิ กรี๊ดดดด”

    “หยุดเพ้อฝันซะที นี่ฉันบอกเธอรึยังว่าพวกเราต้องหาข้าวกินเอง -_-“

      ฉันเอานิ้วดันฝามือถือให้กระเด้งขึ้น เช็กโปรโมชั่นโทรศัพท์ของญี่ปุ่นก่อนจะกดตู้เติมเงินของระบบเครือข่ายที่ฉันเคยใช้เมื่อก่อนไปเรียนที่อเมริกา

    “อันนั้นไม่ต้องบอกฉันก็รู้ย่ะ”

    “หมายถึงค่าอาหารด้วยน่ะนะ”

    “เด็กตะวันตกอย่างพวกฉันน่ะโตมาตัวคนเดียวในโลกตั้งแต่สิบขวบได้แล้วมั้ง เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงหรอก”

    “ฉันไม่ห่วงเธอนะโรเลีย เพียงแต่เรื่องของเรื่องก็คือฉันต้องหาเงินไปเป็นค่าขนมที่อเมริกาก่อนที่โน่นจะเปิดเทอมซะด้วยสิ”

    “ว่าไงนะ –O-;;”

    เสียงของโรเลียขึ้นแหลมและสูงเอามากๆ จนฉันต้องเบ้ปากด้วยความไม่พอใจ

    “เรื่องมันก็แค่นั้นแหละ แม่ฉันตัดค่าขนมทุกอย่าง ระงับบัตรเครดิตด้วย รื่นรมย์เอามากๆ เลย”

    “ล้อเล่นน่า!”

    “ฉันจะล้อเล่นกับเธอไปทำไมยะ =_=^”

    “แล้วเธอจะมีชีวิตโดยปราศจากเครดิตการ์ดไปได้ยังไง ทั้งรองเท้าจิมมี่ชู กระเป๋าชาเนล เครื่องสำอางสกินฟู้ด เดรสปราด้า โอย แค่นึกฉันก็จะเป็นลมแทน”

    หลังจากฉันจบไฮสกูลที่ญี่ปุ่นไม่นาน พ่อก็เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งอย่างกะทันหัน ทิ้งไว้แต่หุ้นเป็นมรดกส่งฉันเรียนมหาวิทยาลัยที่เมืองนอกได้สบายๆ =_=

    แต่ไม่นานมานี้ จู่ๆ แม่ก็เกิดเป็นห่วงสวัสดิภาพการใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยของฉัน ทั้งบัตรเครดิตและบัญชีโอนเงินข้ามประเทศจึงถูกระงับไปอย่างไม่มีกำหนด นั่นคือเหตุผลหลักว่าทำไมฉันถึงต้องกลับมาตั้งหลักที่ญี่ปุ่นก่อนจะไปสิ้นเนื้อประดาตัวที่นั่นจริงๆ -_-;

    แย่! อีกปีเดียวก็จบอยู่แล้วแท้ๆ

    “เอ้อ จริงสิ –O-!”

    ฉันยักคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเมื่อได้ยินเธออุทานแบบนั้น

    “เห็นเธอบอกว่าชอบเขียนไดอารี่ในอินเทอร์เน็ตไม่ใช่เหรอ ลองประกาศลงในโฮมเพจของเธอสิ เผื่อว่าจะมีคนช่วยเธอเรื่องนี้ได้”

    “ตลกน่ะ ถ้าทำได้คงทำไปนานแล้ว”

    ฉันกับโรเลียหันหน้าออกจากกัน มองไปนอกหน้าต่างคนละบานบนรถแท็กซี่  มีแต่โปสเตอร์โฆษณากับโปสเตอร์นักร้องแปะตามตึกเต็มไปหมด แถมยังมีจอสกรีนอันใหญ่เบ้อเริ่มที่ฉันจำได้ว่าสามปีก่อนมันไม่เคยมี

    “สึกิ ดูนั่นสิ มีรูปท่านยูโตะเต็มไปหมดเลย บนจอนั่นก็ท่านยูโตะ =O=!”

    “เธอยังมีเวลาบ่นให้ฉันฟังถึงเรื่องผู้ชายคนนี้อีกเยอะเลย เอาไว้เราได้งานทำกันก่อนดีกว่านะเพื่อน”

    ฉันตอบเนือยๆ

    “...จริงสิ วันก่อนฉันอ่านในเว็บเพจของท่านยูโตะ เขาบอกว่ารับสมัครผู้ช่วยชั่วคราวในการเตรียมงานทัวร์คอนเสิร์ตล่าสุดด้วย”

    “ไม่เอาอ่ะ ฉันไม่ชอบ พวกไอดอลชายพวกนี้หยิ่งจะตาย”

    “เชอะ ถึงจะอยากเป็นก็เป็นไม่ได้หรอกนะยะ มีแฟนคลับเยอะแค่ไหนที่บุกไปที่ฝ่ายบุคคลของค่ายท่านยูโตะ คัดเลือกโหดจะตาย =^= แต่แค่ได้เจอหน้าท่านยูโตะตอนคัดเลือกก็สุดจะคุ้มแล้วแหละ”

    “ไร้สาระ”

    พวกเราถกเถียงกันในรถแท็กซี่ของสนามบินไปจนถึงบ้านของแม่ฉัน สุดท้ายโรเลียก็ต้องเป็นคนจ่ายค่าแท็กซี่มหาโหดให้เราสองคน เนื่องด้วยเธอจะขอมาเป็นกาฝากอาศัยที่นี่อย่างไม่มีกำหนดว่าจะหาที่พักอื่นในญี่ปุ่นได้เมื่อไหร่

    และช่วงเดือนที่พวกเราบินกลับมาก็เป็นโกลเด้นวีค (สัปดาห์วันหยุด) ของพวกพนักงานออฟฟิศซะด้วย จะพาโรเลียไปเที่ยวที่อื่นก็คงเต็มหมด เราสองคนจึงวางแผนไว้ว่าต้องหางานพิเศษทำก่อนที่มหาวิทยาลัยวอชิงตันจะเปิดเรียนอีกครั้งในปีการศึกษานี้

    ทั้งที่อุตส่าห์วางแผนจะกลับไปหางานพิเศษทันทีที่ถึงบ้าน สุดท้ายเราสองคนก็เลือกที่จะงัดบะหมี่ถ้วยรสไก่มากระเดือกกันคนละกระป๋อง นอนกลิ้งๆ อยู่บนเตียงพร้อมกับดูละครญี่ปุ่นน้ำเน่าที่โรเลียติดหนึบ (ทั้งๆ ที่เธอฟังภาษาญี่ปุ่นออกไม่ถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์)

    “ฉันล่ะอิจฉาผู้หญิงประเทศนี้จริงๆ ผู้ชายอะไรล้อหล่อ A ., A”

    “ถ้าเธอเจอคนหน้าตาได้สักครึ่งของพระเอกคนนี้ตามถนนแล้วก็บอกฉันด้วยนะ“

    พอฉันพูดจบและหันกลับไปมองที่ทีวี ก็พบว่าโรเลียกำลังเดินไปต้มบะหมี่ถ้วยใหม่ในครัว นี่แหละเหตุผลว่าทำไมผู้หญิงตะวันตกถึงมีขนาดรอบเอวโดยเฉลี่ยมากกว่าผู้หญิงเอเชียถึงหนึ่งจุดห้าเท่า

    “อย่าลืมทำตามที่ฉันบอกล่ะสึกิ เขียนลงไปในโฮมเพจของเธอนั่นแหละ”

    เสียงของเธอดังลอยมาจากครัวตอนที๋ฉันกำลังพิมพ์ข้อมความใหม่สำหรับโฮมเพจพอดี

    ยอดวิว (View statistic) ของโฮมเพจฉันเพิ่มขึ้นสูงถึงหนึ่งหมื่นคนต่อเดือน ส่วนใหญ่เรื่องราวในโฮมเพจของฉันล้วนเต็มไปด้วยเรื่องงี่เง่าทั้งหลายทั้งแหล่ที่ฉันไม่พอใจ (ซึ่งมีอยู่มากมายจนน่าตกใจตัวเอง -_-;;)

    แต่กลับกลายเป็นว่าคนจำนวนมากสนใจในเรื่องที่ฉันหงุดหงิดซะอย่างนั้น โลกนี้มันช่างซับซ้อน

    ฉันล็อกอินเข้าไปในระบบโฮมเพจก่อนจะเช้กข้อความส่วนตัวที่มีแฟนๆ บล๊อกส่งถล่มกล่อง Private messages มาประมาณวันละยี่สิบข้อความ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกเด็กมัธยมสาวๆ ที่ส่งมาเพราะอยากทำความรู้จักกับฉัน

    ทุกคนต่างพากันอิจฉาที่ฉันได้ไปทำหน้าเชิดเป็นนิสิตไฮโซที่ซีแอตเติล ฉันรู้หรอกนะว่าคนพวกนี้ต้องอ่านบล๊อกฉันด้วยดวงตาลุกเป็นไฟและสีหน้าหมั่นไส้ :X 

    “เธอว่าฉันจะเขียนว่าไงดี -_- ‘สวัสดีค่ะทุกคน อย่างที่บอกไปในคราวที่แล้วว่าฉันจะกลับญี่ปุ่นในรอบสามปี คือฉันจะมาบอกว่าตอนนี้ฉันต้องหาเงินเยนให้ได้เยอะๆ ก่อนกลับอเมริกา ทุกท่านช่วยโอนเงินเข้าบัญชีฉันด้วยนะคะ’ ฟังดูเยี่ยมไปเลยไหม”

    ฉันประชด

    “ก็น่าสนอยู่ ถ้าโอนมาให้จริงก็เจ๋งไปเลย –O-”

    ชักจะเพ้อไปกันใหญ่แล้ว!

    “ก่อนอื่น พรุ่งนี้เราไปทาวเวอร์เรคคอร์ดกันเถอะ ฉันทำลิสต์ซีดีทิ่อยากได้ไว้ตั้งเยอะแน่ะ”

    โรเลียยกถ้วยบะหมี่มาตั้งข้างๆ คอมฉัน ก่อนจะแปะกระดาษที่เต็มไปด้วยลิสต์ยาวเหยียดลงตรงหน้า

    “อะไรเนี่ย นี่มันอัลบั้มเดียวกันทั้งนั้นเลยนี่ ซื้อไปทำไมตั้งห้าหกอัน -_-“

    “เอาเป็นว่าฉันอยากได้ก็แล้วกัน เพลงนี้เพราะแล้วก็ดังจะตาย ห้ามขีดชื่อทิ้งเด็ดขาดเลยนะ”

    ห้ามทันพอดีเลย =O=!

    “เดี๋ยวนี้เธอไม่คลั่งไคล้วง K อะไรนั่นแล้วเหรอ”

    ฉันแซวขณะที่กำลังบ่นเรื่องไร้สาระยาวเหยียดลงในโฮมเพจ เสียงปิ๊บๆ เตือนว่ามีข้อความส่วนตัวทางโฮมเพจดังต่อเนื่องกันไม่หยุด

    “ไม่ล่ะ ตอนนี้ฉันมีแต่ท่านยูโตะเท่านั้นแหละ กรี๊ดดดด >O< ดูนั่นสิ มีคนโพสต์วิดีโอเพลงของท่านยูโตะไว้นั้นโฮมเพจเธอด้วยล่ะ”

    “ฉันล่ะเกลียดจริงๆ พวกคนที่ชอบมาแปะรูปหรือลิ้งก์ในคอมเม้นต์โฮมเพจฉันน่ะ =_=”

    ฉันคลิกลบคอมเม้นต์อันนั้นทันที

    “โอ้ นอกจากวิดีโอ คอมเม้นต์ข้างล่างก็มีลิ้งก์ด้วยล่ะ”

    “ลบพร้อมๆ กันซะเลย รกชะมัด –O-“

    “ใจร้าย!”

    จริงๆ แล้วฉันก็พอเข้าใจความหลงใหลในวัฒนธรรมไอดอลญี่ปุ่นของโรเลียอยู่หรอกนะ คือว่าผู้ชายในสังคมตะวันตกนั้น ถึงจะล่ำบึ้ก (และส่วนใหญ่หล่อมากกกก~) แต่ซกมกแอนด์ซาดิสม์กันทั้งนั้น ไม่เหมือนผู้ชายเอเชียที่ดูจะมาดเนี้ยบเทกแคร์กว่า

    ฉันพยายามลบคอมเม้นต์ไร้ประโยชน์ออกจากโฮมเพจเท่าไหร่ก็ไม่หมดสักที แถมโรเลียยังเข้ามาขัดขวางการจัดระเบียบโฮมเพจของฉันโดยการคลิกลิ้งก์ดูพีวี (Promote Video) เพลงของท่านยูโตะขึ้นมาบนหน้าจอแล็ปท็อป

    “โอ๊ย ไม่ดูๆ อย่ามายุ่งได้ไหม ฉันกำลังอัพเดตโฮมเพจฉลองการกลับญี่ปุ่นอยู่นะ วันนี้มียอดวิวตั้งหลายพัน ยังไม่ได้อัพเลย”

    ฉันเบียดโรเลียให้เอาร่างกายอันใหญ่โตของเธอลงจากโต๊ะ สายตาของฉันเคลื่อนไปจับที่กล่องเล็กๆ ที่มีภาพเคลื่อนไหวไปมา ฉันเอื้อมมือจะคลิกปิดหน้าต่างนั้น

    ทันใดนั้นฉันก็เหลือบไปเห็นผู้ชายในกล่องเล็กๆ นั้นดึงหน้ากากสีดำของเขาออก ใบหน้าคมแต่เฉยชาตามแบบฉบับผู้ชายเอเชียจ้องฉันจากในคอมพิวเตอร์

    เดี๋ยวนะ หน้ามันคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง -_-;;

    หรือฉันหลอนตัวเองจากการมองภาพโปสเตอร์ผ่านตาตามถนนเองวะ

    “กรี๊ดดด นี่จุดไคลแมกซ์ของ PV นี้เลยรู้ไหม”

    ปิ๊บๆ

    ระหว่างที่โรเลียกำลังใจจดใจจ่อกับพีวีนั้น ฉันก็เปิดหน้าจอโทรศัพท์เพื่ออ่านเมสเสจที่เพื่อนส่งมาให้

    ‘โฮชิโนะ อย่าลืมนะ พรุ่งนี้ที่โรงเรียนตอนเก้าโมง <3’

    โรงเรียน...

    รู้สึกว่าฉันเริ่มจะจำอะไรได้ขึ้นมาทีละน้อย

    เสียงโรเลียง้องแง้งลอยเข้าหูฉันเหมือนกับมันมาจากที่ไกลๆ ไม่ใช่ในห้องเดียวกัน ใบหน้าของผู้ชายคนนั้นพาฉันกลับไปที่โรงเรียนไฮสกูลแห่งหนึ่งเมื่อเกือบหกปีก่อน

    “ตลกน่า... เป็นไปไม่ได้”

    ฉันได้ยินเสียงครางของตัวเองดังมาจากที่ไหนสักแห่ง

     

    “สึกิๆ”

    ฉันกะพริบตาซ้ำสองสามครั้ง หน้าจอพีวีนั้นถูกโรเลียปิดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ฉันยังจิ้มอะไรลงไปในคีย์บอร์ดไม่ออกสักตัว

    “เธอว่าเขาชื่อยูโตะใช่มั้ย -_-“

    “ห้ามเรียกว่ายูโตะเฉยๆ แฟนคลับทุกคนเรียกว่าท่านยูโตะทั้งนั้นแหละ”

    “นี่... เขานามสกุลอะไรเหรอ”

    “อะฮ้า เพราะเขาเปิดตัวด้วยภาพลักษณ์ Mysterious Idol ไงล่ะ เรื่องนั้นแหละที่ลึกลับที่สุด นั่นสินะ ท่านยูโตะนามสกุลอะไรกันน่ะ =_=”

    เธอเป็นแฟนคลับเขาแล้วยังไม่รู้อีก เชื่อเขาเลยให้ตาย -_-

    “เป็นไงล่ะ เห็นใบหน้าเขาไม่กี่วิเธอถึงกับอึ้งไปเลยนะ ฮิๆ”

    “ฉันแค่สงสัยอะไรบางอย่าง... ช่วยเปิดพีวีนั่นให้ฉันดูอีกทีได้มั้ย”

    โรเลียมองหน้าฉันยิ้มๆ เหมือนจะหลุดหัวเราะออกมาว่า ‘เห็นมั้ยล่ะ บอกแล้วว่าท่านยูโตะหล่อจริงๆ’ แต่เธอก็ยอมเปิดพีวีนั้นให้ดูอีกรอบ ฉันกดปุ่มเปิดลำโพงเพื่อให้ได้ยินว่าเขากำลังร้องอะไรอยู่

    พีวีนั้นเริ่มต้นที่สนามเด็กเล่นแห่งหนึ่ง

    ภาพฉายไปที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งไกวชิงช้ากับเพื่อนๆ อย่างมีความสุข เมื่อเสียงผู้ขายร้องเพลงเริ่มต้นขึ้น กล้องก็แพนไปที่เด็กผู้ชายอีกคนที่แอบดูเธออยู่จากอีกฝั่งของสนาม

    ฉันเคยเห็นภาพนี้มาก่อน

    วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ จากเด็กหญิงเป็นเด็กสาว วันหนึ่งเด็กหนุ่มตัดสินใจที่จะออกจากที่ซ่อนเพื่อรู้จักกับเด็กหญิงในโลกแห่งความเป็นจริง

    To avoid getting wet as the wind blows the rain, I'm watching you from my shelter

    เพื่อที่จะไม่ให้ตัวเองเปียกจากลมที่พัดพาฝนเข้ามา ผมเฝ้ามองคุณจากที่ซ่อนของผม
    My love for you overflows but

    ความรักที่ผมมีให้คุณมาเอ่อล้นแต่
    I wonder why...

    ผมสงสัยว่า...

    ยูโตะที่แสดงเป็นเด็กหนุ่มคนนั้นตอนโตเดินออกมาจากที่ซ่อนพร้อมหน้ากาก (สุดกรี๊ดสีดำของโรเลีย) เด็กหญิงเอียงคอเล็กน้อยอย่างงุนงง เขาดึงหน้ากากออกอย่างนุ่มนวลพร้อมกับท่อนฮุคที่ดังขนาดที่ฉันเพิ่งกลับถึงญี่ปุ่นไม่กี่วันยังเคยได้ยิน

    Is it alright for me to love you? Is it alright if I hold you?

    ผมจะรักคุณได้ไหม ผมจะกอดคุณได้รึเปล่า
    It seems I'm going to drown in these drops of uncertainty

    ผมกำลังจมดิ่งสู่ความกังวลของตัวเอง
    I'm wasting away and I can't forgive myself for that

    ผมไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้เลยกับความลังเลของผม

    โรเลียที่คอยกระหยิ่มยิ้มย่องจับผิดฉันอยู่ตลอดพูดแทรกขึ้นมา

    “เพลงนี้น่ะเบาะๆ นะ เพลงอื่นที่เพิ่งเริ่มจะโปรโมตน่ะเจ๋งกว่านี้อีก แต่ล่ะเพลงเศร้าอย่างกับอะไรดี T^T”

    “โรเลีย ฉันคิดว่าฉันเคยรู้จักท่านยูโตะของเธอด้วยล่ะ”

    “แหงล่ะสิ ใครไม่รู้จักนี่เชยจะตาย =_=”

    “ฉันหมายถึงว่า ก่อนที่ฉันจะรู้จักเธอซะอีกน่ะ”

    ทำไมฉันจะไม่รู้จักเขาล่ะ -_- ในเมื่อคิตากาวะ ยูโตะ คือเพื่อนร่วมชั้นสมัยไฮสกูลของฉันมาตั้งสามปี!

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×