ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ลูเคียซิลล่า (?) และสามีภรรยาจำเป็น =w=
ต่อๆๆ
“นี่มันหมายความว่าไง ห๊ะ!!”
“ชั้นจะไปรู้มั้ยเนี่ย? แล้วจู่ๆเจ้าหนูนี่มาได้ยังไง ชั้นงงไปหมดแล้ว”
อิจิโกะทั้งงงทั้งไม่เข้าใจ เมื่อจู่ๆลูเคียก็วิ่งกระหืดกระหอบมาที่ห้องพักของเขาพร้อมกับเด็กปริศนาแถมหน้าตากับสีผมเหมือนเขาอย่างกับแกะที่อยู่ในอ้อมแขนนั่นอีก
“ข้าก็ไม่รู้ หลังจากที่ข้าแยกกับเจ้าเมื่อวาน จู่ๆข้าก็รู้สึกเหมือนอึดอัดทรมาน รู้ตัวอีกที เจ้าหนูนี่ก็มาจุ้มปุ๊กอยู่ต่อหน้าข้าแล้ว” ลูเคียอธิบายด้วยสีหน้าแห้งแล้ง ต่างกับเด็กน้อยในอ้อมแขนที่จ้องเธอกับอิจิโกะสลับกันไปมา
“กินยาอะไรแปลกๆไปรึเปล่า บางทีมันอาจจะเกิดผลติงต๊องๆอะไรก็ได้นา ได้ยินว่าหัวหน้าหน่วย 12 ชอบเอาพวกยมทูตมาทดลองยาใหม่ๆเรื่อยเลยนี่”
“ก็...ไม่นี่ เมื่อวานข้าก็กินแค่ขนมกับน้ำแข็งไส.....” ลูเคียพยายามทบทวนสิ่งที่กินไปเมื่อวาน
“อ๊า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” แล้วจู่ๆเจ้าหล่อนก็ร้องลั่นออกมา
“อะไร? เป็นอะไร???” อิจิโกะถาม
“ยานั่น...ยานั่นแน่ๆ ยาของเจ้าอุราฮาร่า!!!!” ลูเคียละล่ำละลั่ก “เมื่อวานนี้ข้าป่วย ก็เลยไม่อยากเป็นภาระกับพวกท่านพี่ เลยตัดสินใจกินยาที่ซื้อจากเจ้าอุราฮาร่าก่อนที่จะถูกพาตัวกลับมาที่นี่”
“อ้อ...” อิจิโกะถึงบางอ้อ พลางย้อนนึกถึงลูกวิญญาณเทียมที่กลายมาเป็นเจ้ากอนจอมลามกในขณะนี้
“แล้วนี่ข้าจะทำยังไงดี ถ้าเกิดมีใครมาเห็นเด็กคนนี้เข้า ต้องนึกว่าข้ากับเจ้า....โอยๆๆๆ ข้าอยากตาย~~” ลูเคียครางเสียงอ่อย กอดเข่าตัวเองหันหน้าเข้ากำแพงบ่นอุบอิบท่ามกลางบรรยากาศมืดทะมึนที่รายล้อมตัว
“ไง...เจ้าหนู ตัวแค่นี้ทำหน้าเป็นนักนะ หือๆ” อิจิโกะดูท่าทางไม่ได้ทุกข์ร้อน กลับไปเย้าแหย่ร่างเล็กที่นั่งอยู่บนตักเขา ครั้นพอถูกมือใหญ่กว่าลูบหัวแรงๆด้วยความหมั่นเขี้ยว เจ้าตัวเล็กก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากจนหน้าแดง
“นี่พวกเจ้ายังมีแก่ใจมาเล่นกันอยู่อีกนะ!!” ลูเคียหันไปตวาดแว้ด จนทั้งหัวส้มใหญ่หัวส้มเล็กสะดุ้งโหยง
“จะเครียดไปทำไมล่ะ อันว่าสสารในโลกเมื่อเกิดมาแล้วย่อมจะมีของที่หักล้างกันได้” อิจิโกะพูดซะเป็นผู้ใหญ่เกินตัว “แล้วเอาอารมณ์มาลงกับเด็กนี่ ไม่สมกับเป็นเธอเลยนี่”
“อ๊ะ!” ลูเคียหันไปมองร่างเล็กที่อยู่บนตักอิจิโกะ ดวงตาวาวซ้ำยังแดงก่ำด้วยหยดน้ำตา เห็นแล้วอดสงสารไม่ได้
“เก่งแฮะ เจอนางยักษ์วีนใส่ยังไม่ร้องไห้เลย” อิจิโกะพูดพลางหันใบหน้าเล็กเข้าตัว นิ้วใหญ่ป้ายน้ำตาที่ปริ่มออกมา “ตอนเด็กๆพ่อยังบอกเลยว่าชั้นขี้แย หน้าเหมือนชั้นนแต่นิสัยคนละเรื่องเลยแฮะ”
“เจ้าว่าใครว่านางยักษ์ยะ ” เด็กสาวเสียงอ่อนลง
ทั้งๆที่ใบหน้าเรียวนั้น คิ้วของอิจิโกะแทบจะขมวดม้วนเข้าหากัน ดูเหมือนจะรำคาญเสียเต็มประดา แต่ท่าทีที่แสดงออกกับสิ่งมีชีวิตที่เล็กกว่านั้นกลับตรงข้ามโดยสิ้นเชิง
คงเพราะเด็กหนุ่มมีภาระที่ต้องแบกไว้อยู่บนบ่าตั้งแต่เด็ก...ดูแลน้องๆแทนแม่ที่เสียไปตอนที่พวกเขายังเล็กมาก...
ความผิดบาปที่ตอกย้ำว่าตัวเองเป็นผู้ฆ่าแม่เอ่อท้นจนต้องซ่อนมันไว้ในก้นบึ้งของใจไปพร้อมกับรอยยิ้ม....จนกระทั่งได้มาพบกับลูเคีย
“เดี๋ยวก็ลองไปปรึกษาคุณโยรุอิจิดูสิ รายนั้นเขาออกจะซี้กับคุณอุราฮาร่าจะตาย บางทีเขาอาจจะมีทางออกดีๆก็ได้" อิจิโกะบอกเช่นนั้น
"จริงสินะ" ลูเคียเปรยเบาๆ "งั้นไปตอนนี้เลย"
"ชู่ว...เงียบหน่อย" อิจิโกะกลับเป็นฝ่ายจุ๊ปาก พร้อมกับใช้มือหนึ่งดึงให้เธอนั่งลง
"ทำไมล่ะ?" เด็กสาวเลิกคิ้ว
"หลับแล้ว" อิจิโกะกระซิบ "เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าค่อยไป"
"แต่..."
"เออน่า"
"........." ลูเคียอดที่จะลูบเส้นผมเล็กๆเหมือนขนแมวนั้นไม่ได้ ใบหน้าขาวระบายไปด้วยรอยยิ้มบางๆ
เพราะเด็กคนนั้นดูดนิ้วหัวแม่มือตัวเอง ขดตัวหลับลงบนตักของร่างสูงเสียแล้ว เสียงกรนแผ่วๆทำให้รู้ว่ากำลังหลับสบาย...
*********************************
บ้านชิบะ
“อุ๊บ!!!!...พรืดดดดดดดดดดด....ฮ่าๆๆๆๆ”
หญิงสาวผิวสีโกโก้ในชุดยูคาตะสีขาวขำพรืดออกมาอย่างสุดกลั้น แทบจะสำลักยาเส้นที่ถืออยู่ในมือ เมื่อเห็นอิจิโกะกับลูเคียนั่งคุกเข่าเรียบร้อยพร้อมเด็กชายร่างเล็กที่นั่งจุ้มปุ๊กสนุกสนานกับกินทามะในมือตัวเองอยู่ในตักกว้าง ปากก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ดูยังไงก็เหมือนหนุ่มสาวหนีตามกันไปหลังจากนั้นก็กลับมาขอขมาผู้ใหญ่ หลังจากมีหลานตัวน้อยสืบสกุลแล้วไม่มีผิด
“มันไม่ใช่เรื่องน่าขำนะครับ คุณโยรุอิจิ” อิจิโกะแย้งหลังจากเล่าจบ ชายหนุ่มเบือนหน้าหนีเพราะคู่สนทนาของเขานั่งขัดสมาธิทั้งๆที่เป็นผู้หญิง เนื้อผ้ารั้งเลื่อนขึ้นจนเห็นต้นขาสีแทนจนเขาเกรงว่าหวอจะออกในไม่ช้า “ยังไงๆคุณก็เป็นเพื่อนสนิทที่สุดกับคุณอุราฮาร่า คุณน่าจะรู้อะไรเกี่ยวกับงานค้นคว้าวิจัยเก่าๆของเขาบ้างสิครับ”
“โฮ่~ เห็นข้าเป็นพวกสอดรู้สอดเห็นปานนั้นเชียว” หญิงสาวเคาะกล้องยาเส้นของตนเองเบาๆเพื่อไล่ขี้เถ้า ก่อนจะยกขึ้นสูบอีกครั้ง ปล่อยให้ควันสีขาวจางจากริมฝีปากล่องลอยไปในอากาศ “คิสึเกะน่ะ เป็นพวกขี้แกล้งจะตาย บางทีเรื่องบางเรื่อง เขาก็ไม่ยอมบอกใครง่ายๆหรอก”
“เพราะว่าสิ่งที่สนุกที่สุด คือการอุบความลับให้อยู่หมัด แล้วค่อยเผยออกมาโดยไม่ให้ตั้งตัวไง”
“มันไม่มีทาง...จะทำอะไรจริงๆเหรอคะ?” ลูเคียกำมือแน่น ที่จริงเธอไม่ค่อยชอบที่จะเข้ามาที่นี่สักเท่าไหร่
อยากได้คำตอบเร็วๆ แล้วรีบออกไปจากที่นี่...
เพราะที่นี่...บ้านตระกูลชิบะ...เป็นบ้านที่ท่านไคเอ็นเคยอาศัยอยู่ยามมีชีวิต...เด็กสาวเหมือนได้กลิ่นอายจางๆของคนๆนั้นอบอวลไปทั่ว...เหมือนเขาไม่จากไปไหน
ยิ่งได้มาสัมผัส...รับรู้...ก็ยิ่งก่อความทรมานใจจนทนแทบไม่ไหว
โยรุอิจิสังเกตเห็นท่าทีของลูเคีย หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมา ก่อนจะบอกว่า
“เอาเถอะๆ ข้าจะลองติดต่อเจ้าคิสึเกะมันดู รออยู่นี่แล้วกัน” โยรุอิจิยันตัวลุกขึ้น อิจิโกะรีบเอามือปิดตา (แต่นิ้วถ่างออก) เมื่อของรักของหวงของเจ๊แกเกือบออกมาเยี่ยมชมโลกภายนอกตามจังหวะการเคลื่อนไหว ลูเคียมองพฤติกรรมคนตรงหน้าอย่างระอา
“แล้วคุณคูคาคุ กับเจ้ากันจู ล่ะครับ? พวกผมมาตั้งแต่เมื่อกี๊ก็ไม่เห็นเลย” อิจิโกะมองไปรอบๆตัว เอามือที่ปิดตาออก
“รายนั้นเขาไม่ออกมาหรอก ศัตรูคู่แค้นโผล่มานี่นะ ใช่มั้ย ลูเคีย?” โยรุอิจิปรายตามอง ก่อนจะลับหายเข้าไปในห้องอีกห้องหนึ่ง
“.....” ลูเคียรู้สึกเจ็บจนจุกอยู่ในหัวอก คำพูดของผู้มีวัยวุฒิมากกว่า มันจริงแท้จนเธอแย้งไม่ออก
แต่ในขณะที่คิด กลับรู้สึกอบอุ่นตรงบริเวณหัวไหล่อย่างประหลาด...
...อิจิโกะกำลังตบบ่าเธอเบาๆ
“พวกนั้นอาจจะยังไม่พร้อมเจอเธอก็ได้ ไม่ต้องกังวลไปหรอก อย่างน้อยเธอก็ต้องให้เวลาพวกเขาสักหน่อยน่า”
“..........”
อิจิโกะ...เจ้าไม่เข้าใจหรอก
.ในสายตาของคนพวกนั้น...ข้าคือฆาตกร...ข้าหนีความจริงเรื่องนี้ไม่พ้นหรอก
ไม่ว่าข้าจะปิดหูเท่าไหร่ เสียงที่คาดคั้นถึงบาปของข้าก็ยังไม่เงียบลง ไม่ว่าข้าจะปิดตาเท่าใด บาปที่ข้าทำก็ยังอยู่ที่นั่น...ในวันนั้น...
ท่านไคเอ็น...
อิจิโกะหรี่ตามอง
“หดหู่อีกแล้วแฮะ”
“เอ๋?”
“ตั้งแต่เธอมาอยู่ที่นี่ เธอก็เอาแต่ทำหน้าเศร้าตลอด ตอนนี้เธอก็ไม่ต้องถูกประหาร ปรับความเข้าใจกับเจ้าเร็นจิมันได้ แถมเบียคุยะก็ดูแลเอาใจใส่เธอมากขึ้น มันต้องสนุกสนานเข้าไว้สิ” เด็กหนุ่มตบบ่าลูเคียแรงขึ้น
“นั่นสินะ” ลูเคียถอนใจเฮือก
“เอ่อ...เอาเถอะ...ชั้นเองก็ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางว่าทำไมเธอถึงหดหู่แบบนี้ แถมต่อให้ถามก็คงไม่ยอมตอบล่ะมั้ง?”
“แต่ก็ให้จำไว้นะว่า...ตราบใดที่เธอยังอยู่กับชั้น ต่อให้ชั้นต้องตายก็จะยังเป็นเพื่อนของเธอ”สีหน้าของอิจิโกะฉายแววจริงจัง
“.........” ลูเคียได้แต่นิ่งอึ้ง
//เรื่องของเจ้าน่ะ ต่อให้ข้าถามว่าทำไมถึงได้หดหู่นักก็คงจะไม่ยอมตอบล่ะสิ//
//แต่อย่าลืมล่ะ ตราบเท่าที่เจ้ายังอยู่ในหน่วยนี้ ต่อให้ข้าต้องตายก็จะยังเป็นสหายของเจ้า//
คำพูดที่เคยได้ยินจากผู้ที่เป็นที่รักและเทิดทูนเมื่อวันวาน ซ้อนทับกับคำพูดของเด็กหนุ่มผมสีส้ม
คล้ายกันจริงๆ...
“เฮอะ! อย่ามาทำเป็นพูดดีเลยน่า เป็นห่วงข้าเรอะ? มันจะเผยอตัวไปหน่อยแล้ว” ลูเคียกอดอกอย่างมั่นใจ สีหน้าสดใสกว่าเมื่อกี๊มาก
“พอคนเขาอ่อนลงหน่อย ได้ทีขี่แพะไล่เลยนะ”อิจิโกะกัดฟัน
“เอ้าๆ สนุกกันใหญ่เชียวนะ” โยรุอิจิกลับมาพร้อมจอมอนิเตอร์ขนาดเล็กในมือ ก่อนจะทรุดนั่งลงในท่าเดิม “กว่าจะติดต่อเจ้าคิสึเกะได้เล่นเอาเปลืองมือเปลืองเท้าน่าดู”
“ติดต่อยากถึงขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” อิจิโกะเอ่ยถาม
“เปล่าหรอก พอติดต่อเจ้านั่นได้ ข้าก็เลยเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง เจ้านั่นนั่งหัวเราะท้องคัดท้องแข็งอยู่เกือบ 10 นาทีกว่าจะคุยกันรู้เรื่อง”
“...........” เป็นครั้งที่ 2 ที่อิจิโกะกับลูเคียอยากแท็คทีมกันกระโดดเตะอุราฮาร่ากันคนละปั้ก ต่อจากการที่ทั้งสองร่วมมือกันทำลายฟิคเกอร์เมกาลอนของวิญญาณโอตาคุในรวมเล่ม 4 มาแล้ว
มันเห็นว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเองสินะ....
“เอ้า อย่าพิรี้พิไร มาดูกันเถอะ ข้าให้คูคาคุลองจูนดูแล้ว คุยกับเจ้านั่นตรงๆแล้วกัน” หญิงสาวพูดก่อนยื่นจอมอนิเตอร์ให้ทั้งสอง บนจอฉายชัดถึงบุคคลที่ต้องการตัว
“สวัสดีคร้าบ~~ คุณคุจิกิ คุณคุโรซากิ” อุราฮาร่าทักทายสองหนุ่มสาวอย่างอารมณ์ดี ก่อนหันไปเห็นร่างเล็กๆที่นั่งอยู่บนตักของอิจิโกะ “ว้าว~ นี่ลูกของคุณคุจิกิกับคุณคุโรซากิเหรอครับ แหม...รู้จักกันแค่ 2 เดือนพวกคุณ 2 คนพัฒนาความสัมพันธ์ถึงขนาดนี้แล้ว น่าชื่นชมจริงๆ”
“น่าชื่นชม บ้านเจ้าน่ะสิ อุราฮาร่า!!!! ทำไมเด็กคนนี้ถึงเกิดขึ้นมาได้ ห๊ะ!!!!” ลูเคียกลายร่างเป็นลูเคียซิลล่าอาละวาด พร้อมทั้งชี้ไปที่เด็กชายตัวเล็กที่ว่า
“แหมๆ ไม่ได้เกิดมาจากความรักของคุณ 2 คนเหรอครับ?” ผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธ
“จะบ้าเหรอ ข้า/ชั้น เนี่ยนะ!!!!” อิจิโกะที่ทนฟังไม่ไหวลุกขึ้นมาโวยประสานเสียงกับลูเคียซิลล่า
“อย่าไปแกล้งเจ้าหนูพวกนี้เลยน่า” โยรุอิจิปราม “ข้าขี้เกียจได้ยินคนทะเลาะกันโหวกเหวกน่ารำคาญ”
“รับทราบแล้วคร้าบ” อุราฮาร่าบุ้ยปาก “ฟังจากที่คุณโยรุอิจิเล่าให้ฟัง รู้สึกว่าที่คุณกินเข้าไปจะเป็น “ลูกวิญญาณเทียม” ประเภทหนึ่งนะครับ”
“หา? ลูกวิญญาณเทียม???” ลูเคียอ้าปากค้าง “ไอ้นั่นมันกินแล้วถอดวิญญาณได้เท่านั้นไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงได้...”
“ก็...นักวิจัยที่ดีมันต้องมีการพัฒนาสิคร้าบ” อุราฮร่าเอาพัดป้องปาก “ยาที่คุณถูกแจ๊กพอตไปน่ะ น่าจะเป็นลูกวิญญาณเทียมรุ่นแรกๆ ที่จะแยกวิญญาณของคุณออกมาเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แล้วมันก็จะไปทำปฏิกิริยากับ “ความคิดคำนึง หรือ จิตใต้สำนึก” ของคนๆนั้นด้วยน่ะสิครับ”
“โฮ่...งั้นก็หมายความว่า” โยรุอิจิปรายตาไปยังร่างเล็กที่ถอดแบบอิจิโกะมาอย่างกะแกะ
“ตอนที่คุณกินยานั้นคุณกำลังคิดถึงใครอยู่ มันก็ออกมาเป็นคนๆนั้นฉบับย่อส่วนไงครับ” อุราฮาร่ามอง 2 หนุ่มสาวที่ช๊อกค้าง “ถึงกับอึ้งเลยเหรอครับ กับผลงานวิทยาศาสตร์อันสุดแสนบรรเจิดของผม”
“หึๆๆ บรรเจิดมาก...” ลูเคียยิ้มร้าย “ถ้าเด็กคนนั้นเป็นอะไรไป พลังวิญญาณข้าจะกลับมาใช่มั้ย?”
“อย่าคิดทำร้ายเด็กคนนั้นจะดีกว่านะครับ” ชายหนุ่มรีบปราม “คุณคุโรซากิ ช่วยหยิกแก้มเด็กคนนั้นแรงๆซักทีสิครับ”
“ทำไมชั้นต้อง....” อิจิโกะหรี่ตา
“เหอะน่า”
“โอ๊ย!!!” เด็กน้อยร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บ เมื่อถูกหยิกแก้มอย่างแรง
“โอ๊ย!!!” เสียงลูเคียร้องเหมือนกัน พลางลูบแก้มที่เหมือนถูกดึง “นี่มันอะไรกันเนี่ย???”
“ก็เด็กคนนั้นเป็นสิ่งที่เกิดจากพลังกดดันวิญญาณส่วนหนึ่งของคุณคุจิกิ ถ้าคุณคุจิกิหรือพ่อหนูนั่นได้รับอันตราย ต่างฝ่ายจะรับรู้ และรู้สึกเจ็บปวดไปพร้อมๆกัน เหมือนเด็กทารกที่อยู่ในครรภ์ผูกพันกับผู้เป็นแม่ด้วยสายสะดือไงครับ” อุราฮาร่าอธิบาย
“ดังนั้น คิดจะทำอะไรก็คิดก่อนจะดีกว่านะครับ”
“แล้วไม่มีทางแก้ไขอะไรเลยเหรอครับ?” อิจิโกะที่เริ่มจะชินกับเรื่องวุ่นๆแล้วเลยไม่ค่อยจะตกใจเท่าไหร่ เอ่ยเรียบๆ
“ไม่ต้องแก้อะไรเลยครับ” อุราฮาร่ายิ้มกว้าง
“หา???”
“จะลุกไปไหนล่ะ ลูเคีย?” โยรุอิจิเงยหน้าขึ้นมองเด็กสาวที่กำลังเดินออกไปที่ประตูเงียบๆ
“ไปที่ประตูเซ็นไกมอนหน้าที่ทำการหน่วย 13” ลูเคียเอ่ยโดยไม่มองหน้า “รออยู่ตรงนั้นก่อนนะ อุราฮาร่า ข้าจะไปฆ่าเจ้าด้วยมือของข้านี่แหละ”
“เดี๋ยวสิครับ ผมยังพูดไม่จบเลย” อุราฮาร่าโบกมือหยอยๆจากในจอ “ถึงคุณไม่ทำอะไรเด็กคนนี้ก็มีชีวิตอยู่ได้แค่ 3 วันเท่านั้นล่ะครับ แล้วพอ 3 วันให้หลังจากนั้นเด็กคนนั้นจะสลายไปเอง พวกคุณก็ช่วยอดทนจนกว่าจะถึงวันนั้นแล้วกันครับ”
“อดทนแบบไหนล่ะ?” ลูเคียใจชื้นขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยเด็กคนนี้ก็ไม่ได้อยู่นานนัก
“ก็...พวกคุณก็ช่วยเลี้ยงดูเขาแบบเด็กธรรมดาๆน่ะครับ เห็นเด็กคนนี้เป็นวิญญาณเทียมก็เถอะ แต่เขาก็มีจิตวิญญาณ มีหัวใจ รู้สึกดีใจ เสียใจ เหมือนกับเราๆนี่แหละครับ”
“........” อิจิโกะกับลูเคียมองหน้ากันและกัน
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ คุณคุโรซากิก็ถือว่าเลี้ยงเล่นฆ่าเวลาก่อนจะกลับโลกมนุษย์ก็ได้นี่ครับ” ชายสวมหมวกเกี๊ยะรีบสนับสนุน
“...รู้แล้วน่า จะช่วยดูให้ แค่ 3 วันใช่มั้ยล่ะ?” อิจิโกะเกาหัวแกร่กๆ
“เดี๋ยวก่อน!! อิจิโกะ!! ข้ายังไม่...” ลูเคียหันไปท้วง แต่ช้าไปแล้ว
“งั้นตกลงตามนี้นะครับ” อุราฮาร่าขยับหมวกเล็กน้อย ก่อนจะหันไปด้านข้าง “อ๊ะ! มีลูกค้าเข้าร้านแล้ว งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
“เดี๋ยว!!!!”
เหมือนจงใจหนี เมื่อสิ้นคำ หน้าจอก็ดับวูบลงทันที ทิ้งให้ลูเคียยังทำหน้าอึ้งๆ
“เจ้าบ้านั่น ไม่รับผิดชอบอะไรซักอย่าง มาพูดพล่ามๆ แล้วก็จากไปเนี่ยนะ” ลูเคียกัดฟันแน่น “มันจะมากไปหน่อยแล้ว”
“หม่า...ม้า ^0^”
“เอ๋?”
เสียงเล็กๆดังมาจากร่างน้อยที่อยู่บนตักอิจิโกะ เขากำลังเอานิ้วชี้มาที่ลูเคีย พูดคำพูดที่คุณแม่ทั่วๆไปอยากได้ยินมาจากปากลูกตัวเองที่สุด
“ มะ...ไม่ใช่นะ” ลูเคียหน้าแดงแจ๋
“ป่า...ป๊า ^0^”
แล้วก็หันมาชี้ที่อิจิโกะ
“เฮ้ย! เอาจริงดิ?” อิจิโกะยกร่างนั้นขึ้นสูง แอบเศร้าเล็กน้อยที่เขากลายเป็นคุณพ่อยังหนุ่มแบบนี้
“ไม่มีเรื่องอะไรแล้วใช่มั้ย จะไปไหนก็ไปไป๊ ข้าขอนอนกลางวันก่อนละกัน ยิ่งฟังเจ้าบ้าคิสึเกะพล่ามน้ำลายท่วมทุ่ง ข้ายิ่งง่วง ฮ้าวว~” โยรุอิจิหาวหวอดๆ ก่อนจะค่อยเอนกายลงบนบนที่นั่งอยู่ พร้อมกับออกปากไล่
“ครับ/ค่ะ” ทั้งสองรับคำ ก่อนจะค่อยถอยฉากออกมาจากห้องนั้น
............................
.......................................
“เจ้าน่ะแหละผิดเต็มๆที่ให้ข้าเชื่อใจยาบ้าๆของเจ้าหมวกเกี๊ยะนั่น” ลูเคียแว้ดใส่ทันทีที่ออกมาจากบ้านชิบะ
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ว่านอกจากเจ้ากอนแล้ว ยังมียาพิลึกๆแบบนั้นด้วย” อิจิโกะเถียงกลับ
“แล้วเราจะเลี้ยงเด็กคนนี้จริงๆเหรอ?” ลูเคียครางเสียงอ่อยๆ “ถ้าเกิดมีใครมาเห็นเข้า...”
“แล้วจะให้ทิ้งขว้างแบบที่พี่สาวเธอเคยทิ้งเธอรึไง?” อิจิโกะเผลอหลุดปาก
ตอนที่เบียคุยะเล่าถึงชาติกำเนิดของลูเคียกับความสัมพันธ์ระหว่าง เบียคุยะ ลูเคีย และฮิซานะ หลังจากการต่อสู้บนเนินโซเคียคุ อิจิโกะยังไม่หมดสติซะทีเดียว เขารับฟังเรื่องราวอย่างสงบและเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงเรื่องนี้เวลาอยู่กับลูเคีย
“ขอโทษ...” เด็กหนุ่มอยากชกตัวเองขึ้นมาติดหมัด
“ช่างมันเถอะ” ลูเคียมองด้วยสีหน้าเรียบเฉย “จริงอย่างที่เจ้าพูด...ถ้าข้าทิ้งเค้า...ข้าก็คงเป็นเหมือนอย่างพี่ฮิซานะ...อยู่อย่างสำนึกเสียใจชั่วชีวิต...ข้าไม่อยากมีชีวิตแบบนั้นหรอกนะ”
“ก็ดีแล้วที่คิดได้น่ะ” อิจิโกะยิ้มบางๆ ก่อนจะยื่นพ่อหนูน้อยในอ้อมแขนให้ “ลองอุ้มดูสิ แขนชั้นล้าไปหมดแล้ว”
ลูเคียรับร่างเล็กนั้นมาอุ้มแต่โดยดี เด็กน้อยไม่ดิ้นโวยวายอาจเป็นเพราะเหนื่อยและล้าจากสภาพอากาศร้อนก็ได้ ลูเคียเช็ดเหงื่อที่ซึมจากหน้าผากเล็กๆให้ด้วยแขนเสื้อของเธอเองอย่างช้าๆ พ่อหนูเอานิ้วตัวเองถูกับเนื้อผ้าลื่นๆของเสื้อลูเคียนั้นไปมาก่อนที่จะตาปรืออีกรอบ
“เลี้ยงง่ายดีนะ” อิจิโกะเปรยเบาๆ “แต่เดี๋ยวพอหิวขึ้นมาคงจะวุ่นน่าดู”
“.............” ไม่ทันขาดคำ เด็กน้อยลืมตาโพลง เงยหน้าส่งสายตาวิ๊งๆให้กับคนที่อุ้มตัวเอง ก่อนจะมองไปที่ ..
.........โรงงานฟาร์มโคนมแต่กำเนิดของลูเคีย .
“ไม่ๆๆๆๆ ข้าไม่มีนมให้เจ้ากินหรอกนะ” ลูเคียเอามือที่ว่างปิดหน้าอกตัวเองไว้
“อย่าไปหวังเลย เจ้าหนู แห้งแล้งออกปานนั้น ไปหวังน้ำ (นม) บ่อหน้าเถอะ” อิจิโกะลูบหัวเด็กชายเบาๆ
“ปั้ก!!!!”
แล้วก็โดนสวนด้วยหมัดตรงของลูเคียเข้าแสกหน้าอย่างจัง
“อู๊ยยยย!!!!~ ทำอะไรฟะ? ยัยบ๊อง” อิจิโกะเอามือกุมจมูก
“ลามก!!!!” ลูเคียสวนกลับ ทิ้งให้หนูน้อยหัวเราะกับภาพที่เห็นจนหน้าแดงเป็นลูกมะเขือเทศ
และแล้วการเลี้ยงลูกที่ดูเหมือนจะมีอุปสรรคมากมายภายใน 3 วันของ 2 สามีภรรยาจำเป็นก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
.
-โปรดติดตามตอนต่อไป-
“นี่มันหมายความว่าไง ห๊ะ!!”
“ชั้นจะไปรู้มั้ยเนี่ย? แล้วจู่ๆเจ้าหนูนี่มาได้ยังไง ชั้นงงไปหมดแล้ว”
อิจิโกะทั้งงงทั้งไม่เข้าใจ เมื่อจู่ๆลูเคียก็วิ่งกระหืดกระหอบมาที่ห้องพักของเขาพร้อมกับเด็กปริศนาแถมหน้าตากับสีผมเหมือนเขาอย่างกับแกะที่อยู่ในอ้อมแขนนั่นอีก
“ข้าก็ไม่รู้ หลังจากที่ข้าแยกกับเจ้าเมื่อวาน จู่ๆข้าก็รู้สึกเหมือนอึดอัดทรมาน รู้ตัวอีกที เจ้าหนูนี่ก็มาจุ้มปุ๊กอยู่ต่อหน้าข้าแล้ว” ลูเคียอธิบายด้วยสีหน้าแห้งแล้ง ต่างกับเด็กน้อยในอ้อมแขนที่จ้องเธอกับอิจิโกะสลับกันไปมา
“กินยาอะไรแปลกๆไปรึเปล่า บางทีมันอาจจะเกิดผลติงต๊องๆอะไรก็ได้นา ได้ยินว่าหัวหน้าหน่วย 12 ชอบเอาพวกยมทูตมาทดลองยาใหม่ๆเรื่อยเลยนี่”
“ก็...ไม่นี่ เมื่อวานข้าก็กินแค่ขนมกับน้ำแข็งไส.....” ลูเคียพยายามทบทวนสิ่งที่กินไปเมื่อวาน
“อ๊า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” แล้วจู่ๆเจ้าหล่อนก็ร้องลั่นออกมา
“อะไร? เป็นอะไร???” อิจิโกะถาม
“ยานั่น...ยานั่นแน่ๆ ยาของเจ้าอุราฮาร่า!!!!” ลูเคียละล่ำละลั่ก “เมื่อวานนี้ข้าป่วย ก็เลยไม่อยากเป็นภาระกับพวกท่านพี่ เลยตัดสินใจกินยาที่ซื้อจากเจ้าอุราฮาร่าก่อนที่จะถูกพาตัวกลับมาที่นี่”
“อ้อ...” อิจิโกะถึงบางอ้อ พลางย้อนนึกถึงลูกวิญญาณเทียมที่กลายมาเป็นเจ้ากอนจอมลามกในขณะนี้
“แล้วนี่ข้าจะทำยังไงดี ถ้าเกิดมีใครมาเห็นเด็กคนนี้เข้า ต้องนึกว่าข้ากับเจ้า....โอยๆๆๆ ข้าอยากตาย~~” ลูเคียครางเสียงอ่อย กอดเข่าตัวเองหันหน้าเข้ากำแพงบ่นอุบอิบท่ามกลางบรรยากาศมืดทะมึนที่รายล้อมตัว
“ไง...เจ้าหนู ตัวแค่นี้ทำหน้าเป็นนักนะ หือๆ” อิจิโกะดูท่าทางไม่ได้ทุกข์ร้อน กลับไปเย้าแหย่ร่างเล็กที่นั่งอยู่บนตักเขา ครั้นพอถูกมือใหญ่กว่าลูบหัวแรงๆด้วยความหมั่นเขี้ยว เจ้าตัวเล็กก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากจนหน้าแดง
“นี่พวกเจ้ายังมีแก่ใจมาเล่นกันอยู่อีกนะ!!” ลูเคียหันไปตวาดแว้ด จนทั้งหัวส้มใหญ่หัวส้มเล็กสะดุ้งโหยง
“จะเครียดไปทำไมล่ะ อันว่าสสารในโลกเมื่อเกิดมาแล้วย่อมจะมีของที่หักล้างกันได้” อิจิโกะพูดซะเป็นผู้ใหญ่เกินตัว “แล้วเอาอารมณ์มาลงกับเด็กนี่ ไม่สมกับเป็นเธอเลยนี่”
“อ๊ะ!” ลูเคียหันไปมองร่างเล็กที่อยู่บนตักอิจิโกะ ดวงตาวาวซ้ำยังแดงก่ำด้วยหยดน้ำตา เห็นแล้วอดสงสารไม่ได้
“เก่งแฮะ เจอนางยักษ์วีนใส่ยังไม่ร้องไห้เลย” อิจิโกะพูดพลางหันใบหน้าเล็กเข้าตัว นิ้วใหญ่ป้ายน้ำตาที่ปริ่มออกมา “ตอนเด็กๆพ่อยังบอกเลยว่าชั้นขี้แย หน้าเหมือนชั้นนแต่นิสัยคนละเรื่องเลยแฮะ”
“เจ้าว่าใครว่านางยักษ์ยะ ” เด็กสาวเสียงอ่อนลง
ทั้งๆที่ใบหน้าเรียวนั้น คิ้วของอิจิโกะแทบจะขมวดม้วนเข้าหากัน ดูเหมือนจะรำคาญเสียเต็มประดา แต่ท่าทีที่แสดงออกกับสิ่งมีชีวิตที่เล็กกว่านั้นกลับตรงข้ามโดยสิ้นเชิง
คงเพราะเด็กหนุ่มมีภาระที่ต้องแบกไว้อยู่บนบ่าตั้งแต่เด็ก...ดูแลน้องๆแทนแม่ที่เสียไปตอนที่พวกเขายังเล็กมาก...
ความผิดบาปที่ตอกย้ำว่าตัวเองเป็นผู้ฆ่าแม่เอ่อท้นจนต้องซ่อนมันไว้ในก้นบึ้งของใจไปพร้อมกับรอยยิ้ม....จนกระทั่งได้มาพบกับลูเคีย
“เดี๋ยวก็ลองไปปรึกษาคุณโยรุอิจิดูสิ รายนั้นเขาออกจะซี้กับคุณอุราฮาร่าจะตาย บางทีเขาอาจจะมีทางออกดีๆก็ได้" อิจิโกะบอกเช่นนั้น
"จริงสินะ" ลูเคียเปรยเบาๆ "งั้นไปตอนนี้เลย"
"ชู่ว...เงียบหน่อย" อิจิโกะกลับเป็นฝ่ายจุ๊ปาก พร้อมกับใช้มือหนึ่งดึงให้เธอนั่งลง
"ทำไมล่ะ?" เด็กสาวเลิกคิ้ว
"หลับแล้ว" อิจิโกะกระซิบ "เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าค่อยไป"
"แต่..."
"เออน่า"
"........." ลูเคียอดที่จะลูบเส้นผมเล็กๆเหมือนขนแมวนั้นไม่ได้ ใบหน้าขาวระบายไปด้วยรอยยิ้มบางๆ
เพราะเด็กคนนั้นดูดนิ้วหัวแม่มือตัวเอง ขดตัวหลับลงบนตักของร่างสูงเสียแล้ว เสียงกรนแผ่วๆทำให้รู้ว่ากำลังหลับสบาย...
*********************************
บ้านชิบะ
“อุ๊บ!!!!...พรืดดดดดดดดดดด....ฮ่าๆๆๆๆ”
หญิงสาวผิวสีโกโก้ในชุดยูคาตะสีขาวขำพรืดออกมาอย่างสุดกลั้น แทบจะสำลักยาเส้นที่ถืออยู่ในมือ เมื่อเห็นอิจิโกะกับลูเคียนั่งคุกเข่าเรียบร้อยพร้อมเด็กชายร่างเล็กที่นั่งจุ้มปุ๊กสนุกสนานกับกินทามะในมือตัวเองอยู่ในตักกว้าง ปากก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ดูยังไงก็เหมือนหนุ่มสาวหนีตามกันไปหลังจากนั้นก็กลับมาขอขมาผู้ใหญ่ หลังจากมีหลานตัวน้อยสืบสกุลแล้วไม่มีผิด
“มันไม่ใช่เรื่องน่าขำนะครับ คุณโยรุอิจิ” อิจิโกะแย้งหลังจากเล่าจบ ชายหนุ่มเบือนหน้าหนีเพราะคู่สนทนาของเขานั่งขัดสมาธิทั้งๆที่เป็นผู้หญิง เนื้อผ้ารั้งเลื่อนขึ้นจนเห็นต้นขาสีแทนจนเขาเกรงว่าหวอจะออกในไม่ช้า “ยังไงๆคุณก็เป็นเพื่อนสนิทที่สุดกับคุณอุราฮาร่า คุณน่าจะรู้อะไรเกี่ยวกับงานค้นคว้าวิจัยเก่าๆของเขาบ้างสิครับ”
“โฮ่~ เห็นข้าเป็นพวกสอดรู้สอดเห็นปานนั้นเชียว” หญิงสาวเคาะกล้องยาเส้นของตนเองเบาๆเพื่อไล่ขี้เถ้า ก่อนจะยกขึ้นสูบอีกครั้ง ปล่อยให้ควันสีขาวจางจากริมฝีปากล่องลอยไปในอากาศ “คิสึเกะน่ะ เป็นพวกขี้แกล้งจะตาย บางทีเรื่องบางเรื่อง เขาก็ไม่ยอมบอกใครง่ายๆหรอก”
“เพราะว่าสิ่งที่สนุกที่สุด คือการอุบความลับให้อยู่หมัด แล้วค่อยเผยออกมาโดยไม่ให้ตั้งตัวไง”
“มันไม่มีทาง...จะทำอะไรจริงๆเหรอคะ?” ลูเคียกำมือแน่น ที่จริงเธอไม่ค่อยชอบที่จะเข้ามาที่นี่สักเท่าไหร่
อยากได้คำตอบเร็วๆ แล้วรีบออกไปจากที่นี่...
เพราะที่นี่...บ้านตระกูลชิบะ...เป็นบ้านที่ท่านไคเอ็นเคยอาศัยอยู่ยามมีชีวิต...เด็กสาวเหมือนได้กลิ่นอายจางๆของคนๆนั้นอบอวลไปทั่ว...เหมือนเขาไม่จากไปไหน
ยิ่งได้มาสัมผัส...รับรู้...ก็ยิ่งก่อความทรมานใจจนทนแทบไม่ไหว
โยรุอิจิสังเกตเห็นท่าทีของลูเคีย หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมา ก่อนจะบอกว่า
“เอาเถอะๆ ข้าจะลองติดต่อเจ้าคิสึเกะมันดู รออยู่นี่แล้วกัน” โยรุอิจิยันตัวลุกขึ้น อิจิโกะรีบเอามือปิดตา (แต่นิ้วถ่างออก) เมื่อของรักของหวงของเจ๊แกเกือบออกมาเยี่ยมชมโลกภายนอกตามจังหวะการเคลื่อนไหว ลูเคียมองพฤติกรรมคนตรงหน้าอย่างระอา
“แล้วคุณคูคาคุ กับเจ้ากันจู ล่ะครับ? พวกผมมาตั้งแต่เมื่อกี๊ก็ไม่เห็นเลย” อิจิโกะมองไปรอบๆตัว เอามือที่ปิดตาออก
“รายนั้นเขาไม่ออกมาหรอก ศัตรูคู่แค้นโผล่มานี่นะ ใช่มั้ย ลูเคีย?” โยรุอิจิปรายตามอง ก่อนจะลับหายเข้าไปในห้องอีกห้องหนึ่ง
“.....” ลูเคียรู้สึกเจ็บจนจุกอยู่ในหัวอก คำพูดของผู้มีวัยวุฒิมากกว่า มันจริงแท้จนเธอแย้งไม่ออก
แต่ในขณะที่คิด กลับรู้สึกอบอุ่นตรงบริเวณหัวไหล่อย่างประหลาด...
...อิจิโกะกำลังตบบ่าเธอเบาๆ
“พวกนั้นอาจจะยังไม่พร้อมเจอเธอก็ได้ ไม่ต้องกังวลไปหรอก อย่างน้อยเธอก็ต้องให้เวลาพวกเขาสักหน่อยน่า”
“..........”
อิจิโกะ...เจ้าไม่เข้าใจหรอก
.ในสายตาของคนพวกนั้น...ข้าคือฆาตกร...ข้าหนีความจริงเรื่องนี้ไม่พ้นหรอก
ไม่ว่าข้าจะปิดหูเท่าไหร่ เสียงที่คาดคั้นถึงบาปของข้าก็ยังไม่เงียบลง ไม่ว่าข้าจะปิดตาเท่าใด บาปที่ข้าทำก็ยังอยู่ที่นั่น...ในวันนั้น...
ท่านไคเอ็น...
อิจิโกะหรี่ตามอง
“หดหู่อีกแล้วแฮะ”
“เอ๋?”
“ตั้งแต่เธอมาอยู่ที่นี่ เธอก็เอาแต่ทำหน้าเศร้าตลอด ตอนนี้เธอก็ไม่ต้องถูกประหาร ปรับความเข้าใจกับเจ้าเร็นจิมันได้ แถมเบียคุยะก็ดูแลเอาใจใส่เธอมากขึ้น มันต้องสนุกสนานเข้าไว้สิ” เด็กหนุ่มตบบ่าลูเคียแรงขึ้น
“นั่นสินะ” ลูเคียถอนใจเฮือก
“เอ่อ...เอาเถอะ...ชั้นเองก็ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางว่าทำไมเธอถึงหดหู่แบบนี้ แถมต่อให้ถามก็คงไม่ยอมตอบล่ะมั้ง?”
“แต่ก็ให้จำไว้นะว่า...ตราบใดที่เธอยังอยู่กับชั้น ต่อให้ชั้นต้องตายก็จะยังเป็นเพื่อนของเธอ”สีหน้าของอิจิโกะฉายแววจริงจัง
“.........” ลูเคียได้แต่นิ่งอึ้ง
//เรื่องของเจ้าน่ะ ต่อให้ข้าถามว่าทำไมถึงได้หดหู่นักก็คงจะไม่ยอมตอบล่ะสิ//
//แต่อย่าลืมล่ะ ตราบเท่าที่เจ้ายังอยู่ในหน่วยนี้ ต่อให้ข้าต้องตายก็จะยังเป็นสหายของเจ้า//
คำพูดที่เคยได้ยินจากผู้ที่เป็นที่รักและเทิดทูนเมื่อวันวาน ซ้อนทับกับคำพูดของเด็กหนุ่มผมสีส้ม
คล้ายกันจริงๆ...
“เฮอะ! อย่ามาทำเป็นพูดดีเลยน่า เป็นห่วงข้าเรอะ? มันจะเผยอตัวไปหน่อยแล้ว” ลูเคียกอดอกอย่างมั่นใจ สีหน้าสดใสกว่าเมื่อกี๊มาก
“พอคนเขาอ่อนลงหน่อย ได้ทีขี่แพะไล่เลยนะ”อิจิโกะกัดฟัน
“เอ้าๆ สนุกกันใหญ่เชียวนะ” โยรุอิจิกลับมาพร้อมจอมอนิเตอร์ขนาดเล็กในมือ ก่อนจะทรุดนั่งลงในท่าเดิม “กว่าจะติดต่อเจ้าคิสึเกะได้เล่นเอาเปลืองมือเปลืองเท้าน่าดู”
“ติดต่อยากถึงขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” อิจิโกะเอ่ยถาม
“เปล่าหรอก พอติดต่อเจ้านั่นได้ ข้าก็เลยเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง เจ้านั่นนั่งหัวเราะท้องคัดท้องแข็งอยู่เกือบ 10 นาทีกว่าจะคุยกันรู้เรื่อง”
“...........” เป็นครั้งที่ 2 ที่อิจิโกะกับลูเคียอยากแท็คทีมกันกระโดดเตะอุราฮาร่ากันคนละปั้ก ต่อจากการที่ทั้งสองร่วมมือกันทำลายฟิคเกอร์เมกาลอนของวิญญาณโอตาคุในรวมเล่ม 4 มาแล้ว
มันเห็นว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเองสินะ....
“เอ้า อย่าพิรี้พิไร มาดูกันเถอะ ข้าให้คูคาคุลองจูนดูแล้ว คุยกับเจ้านั่นตรงๆแล้วกัน” หญิงสาวพูดก่อนยื่นจอมอนิเตอร์ให้ทั้งสอง บนจอฉายชัดถึงบุคคลที่ต้องการตัว
“สวัสดีคร้าบ~~ คุณคุจิกิ คุณคุโรซากิ” อุราฮาร่าทักทายสองหนุ่มสาวอย่างอารมณ์ดี ก่อนหันไปเห็นร่างเล็กๆที่นั่งอยู่บนตักของอิจิโกะ “ว้าว~ นี่ลูกของคุณคุจิกิกับคุณคุโรซากิเหรอครับ แหม...รู้จักกันแค่ 2 เดือนพวกคุณ 2 คนพัฒนาความสัมพันธ์ถึงขนาดนี้แล้ว น่าชื่นชมจริงๆ”
“น่าชื่นชม บ้านเจ้าน่ะสิ อุราฮาร่า!!!! ทำไมเด็กคนนี้ถึงเกิดขึ้นมาได้ ห๊ะ!!!!” ลูเคียกลายร่างเป็นลูเคียซิลล่าอาละวาด พร้อมทั้งชี้ไปที่เด็กชายตัวเล็กที่ว่า
“แหมๆ ไม่ได้เกิดมาจากความรักของคุณ 2 คนเหรอครับ?” ผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธ
“จะบ้าเหรอ ข้า/ชั้น เนี่ยนะ!!!!” อิจิโกะที่ทนฟังไม่ไหวลุกขึ้นมาโวยประสานเสียงกับลูเคียซิลล่า
“อย่าไปแกล้งเจ้าหนูพวกนี้เลยน่า” โยรุอิจิปราม “ข้าขี้เกียจได้ยินคนทะเลาะกันโหวกเหวกน่ารำคาญ”
“รับทราบแล้วคร้าบ” อุราฮาร่าบุ้ยปาก “ฟังจากที่คุณโยรุอิจิเล่าให้ฟัง รู้สึกว่าที่คุณกินเข้าไปจะเป็น “ลูกวิญญาณเทียม” ประเภทหนึ่งนะครับ”
“หา? ลูกวิญญาณเทียม???” ลูเคียอ้าปากค้าง “ไอ้นั่นมันกินแล้วถอดวิญญาณได้เท่านั้นไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงได้...”
“ก็...นักวิจัยที่ดีมันต้องมีการพัฒนาสิคร้าบ” อุราฮร่าเอาพัดป้องปาก “ยาที่คุณถูกแจ๊กพอตไปน่ะ น่าจะเป็นลูกวิญญาณเทียมรุ่นแรกๆ ที่จะแยกวิญญาณของคุณออกมาเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แล้วมันก็จะไปทำปฏิกิริยากับ “ความคิดคำนึง หรือ จิตใต้สำนึก” ของคนๆนั้นด้วยน่ะสิครับ”
“โฮ่...งั้นก็หมายความว่า” โยรุอิจิปรายตาไปยังร่างเล็กที่ถอดแบบอิจิโกะมาอย่างกะแกะ
“ตอนที่คุณกินยานั้นคุณกำลังคิดถึงใครอยู่ มันก็ออกมาเป็นคนๆนั้นฉบับย่อส่วนไงครับ” อุราฮาร่ามอง 2 หนุ่มสาวที่ช๊อกค้าง “ถึงกับอึ้งเลยเหรอครับ กับผลงานวิทยาศาสตร์อันสุดแสนบรรเจิดของผม”
“หึๆๆ บรรเจิดมาก...” ลูเคียยิ้มร้าย “ถ้าเด็กคนนั้นเป็นอะไรไป พลังวิญญาณข้าจะกลับมาใช่มั้ย?”
“อย่าคิดทำร้ายเด็กคนนั้นจะดีกว่านะครับ” ชายหนุ่มรีบปราม “คุณคุโรซากิ ช่วยหยิกแก้มเด็กคนนั้นแรงๆซักทีสิครับ”
“ทำไมชั้นต้อง....” อิจิโกะหรี่ตา
“เหอะน่า”
“โอ๊ย!!!” เด็กน้อยร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บ เมื่อถูกหยิกแก้มอย่างแรง
“โอ๊ย!!!” เสียงลูเคียร้องเหมือนกัน พลางลูบแก้มที่เหมือนถูกดึง “นี่มันอะไรกันเนี่ย???”
“ก็เด็กคนนั้นเป็นสิ่งที่เกิดจากพลังกดดันวิญญาณส่วนหนึ่งของคุณคุจิกิ ถ้าคุณคุจิกิหรือพ่อหนูนั่นได้รับอันตราย ต่างฝ่ายจะรับรู้ และรู้สึกเจ็บปวดไปพร้อมๆกัน เหมือนเด็กทารกที่อยู่ในครรภ์ผูกพันกับผู้เป็นแม่ด้วยสายสะดือไงครับ” อุราฮาร่าอธิบาย
“ดังนั้น คิดจะทำอะไรก็คิดก่อนจะดีกว่านะครับ”
“แล้วไม่มีทางแก้ไขอะไรเลยเหรอครับ?” อิจิโกะที่เริ่มจะชินกับเรื่องวุ่นๆแล้วเลยไม่ค่อยจะตกใจเท่าไหร่ เอ่ยเรียบๆ
“ไม่ต้องแก้อะไรเลยครับ” อุราฮาร่ายิ้มกว้าง
“หา???”
“จะลุกไปไหนล่ะ ลูเคีย?” โยรุอิจิเงยหน้าขึ้นมองเด็กสาวที่กำลังเดินออกไปที่ประตูเงียบๆ
“ไปที่ประตูเซ็นไกมอนหน้าที่ทำการหน่วย 13” ลูเคียเอ่ยโดยไม่มองหน้า “รออยู่ตรงนั้นก่อนนะ อุราฮาร่า ข้าจะไปฆ่าเจ้าด้วยมือของข้านี่แหละ”
“เดี๋ยวสิครับ ผมยังพูดไม่จบเลย” อุราฮาร่าโบกมือหยอยๆจากในจอ “ถึงคุณไม่ทำอะไรเด็กคนนี้ก็มีชีวิตอยู่ได้แค่ 3 วันเท่านั้นล่ะครับ แล้วพอ 3 วันให้หลังจากนั้นเด็กคนนั้นจะสลายไปเอง พวกคุณก็ช่วยอดทนจนกว่าจะถึงวันนั้นแล้วกันครับ”
“อดทนแบบไหนล่ะ?” ลูเคียใจชื้นขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยเด็กคนนี้ก็ไม่ได้อยู่นานนัก
“ก็...พวกคุณก็ช่วยเลี้ยงดูเขาแบบเด็กธรรมดาๆน่ะครับ เห็นเด็กคนนี้เป็นวิญญาณเทียมก็เถอะ แต่เขาก็มีจิตวิญญาณ มีหัวใจ รู้สึกดีใจ เสียใจ เหมือนกับเราๆนี่แหละครับ”
“........” อิจิโกะกับลูเคียมองหน้ากันและกัน
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ คุณคุโรซากิก็ถือว่าเลี้ยงเล่นฆ่าเวลาก่อนจะกลับโลกมนุษย์ก็ได้นี่ครับ” ชายสวมหมวกเกี๊ยะรีบสนับสนุน
“...รู้แล้วน่า จะช่วยดูให้ แค่ 3 วันใช่มั้ยล่ะ?” อิจิโกะเกาหัวแกร่กๆ
“เดี๋ยวก่อน!! อิจิโกะ!! ข้ายังไม่...” ลูเคียหันไปท้วง แต่ช้าไปแล้ว
“งั้นตกลงตามนี้นะครับ” อุราฮาร่าขยับหมวกเล็กน้อย ก่อนจะหันไปด้านข้าง “อ๊ะ! มีลูกค้าเข้าร้านแล้ว งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
“เดี๋ยว!!!!”
เหมือนจงใจหนี เมื่อสิ้นคำ หน้าจอก็ดับวูบลงทันที ทิ้งให้ลูเคียยังทำหน้าอึ้งๆ
“เจ้าบ้านั่น ไม่รับผิดชอบอะไรซักอย่าง มาพูดพล่ามๆ แล้วก็จากไปเนี่ยนะ” ลูเคียกัดฟันแน่น “มันจะมากไปหน่อยแล้ว”
“หม่า...ม้า ^0^”
“เอ๋?”
เสียงเล็กๆดังมาจากร่างน้อยที่อยู่บนตักอิจิโกะ เขากำลังเอานิ้วชี้มาที่ลูเคีย พูดคำพูดที่คุณแม่ทั่วๆไปอยากได้ยินมาจากปากลูกตัวเองที่สุด
“ มะ...ไม่ใช่นะ” ลูเคียหน้าแดงแจ๋
“ป่า...ป๊า ^0^”
แล้วก็หันมาชี้ที่อิจิโกะ
“เฮ้ย! เอาจริงดิ?” อิจิโกะยกร่างนั้นขึ้นสูง แอบเศร้าเล็กน้อยที่เขากลายเป็นคุณพ่อยังหนุ่มแบบนี้
“ไม่มีเรื่องอะไรแล้วใช่มั้ย จะไปไหนก็ไปไป๊ ข้าขอนอนกลางวันก่อนละกัน ยิ่งฟังเจ้าบ้าคิสึเกะพล่ามน้ำลายท่วมทุ่ง ข้ายิ่งง่วง ฮ้าวว~” โยรุอิจิหาวหวอดๆ ก่อนจะค่อยเอนกายลงบนบนที่นั่งอยู่ พร้อมกับออกปากไล่
“ครับ/ค่ะ” ทั้งสองรับคำ ก่อนจะค่อยถอยฉากออกมาจากห้องนั้น
............................
.......................................
“เจ้าน่ะแหละผิดเต็มๆที่ให้ข้าเชื่อใจยาบ้าๆของเจ้าหมวกเกี๊ยะนั่น” ลูเคียแว้ดใส่ทันทีที่ออกมาจากบ้านชิบะ
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ว่านอกจากเจ้ากอนแล้ว ยังมียาพิลึกๆแบบนั้นด้วย” อิจิโกะเถียงกลับ
“แล้วเราจะเลี้ยงเด็กคนนี้จริงๆเหรอ?” ลูเคียครางเสียงอ่อยๆ “ถ้าเกิดมีใครมาเห็นเข้า...”
“แล้วจะให้ทิ้งขว้างแบบที่พี่สาวเธอเคยทิ้งเธอรึไง?” อิจิโกะเผลอหลุดปาก
ตอนที่เบียคุยะเล่าถึงชาติกำเนิดของลูเคียกับความสัมพันธ์ระหว่าง เบียคุยะ ลูเคีย และฮิซานะ หลังจากการต่อสู้บนเนินโซเคียคุ อิจิโกะยังไม่หมดสติซะทีเดียว เขารับฟังเรื่องราวอย่างสงบและเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงเรื่องนี้เวลาอยู่กับลูเคีย
“ขอโทษ...” เด็กหนุ่มอยากชกตัวเองขึ้นมาติดหมัด
“ช่างมันเถอะ” ลูเคียมองด้วยสีหน้าเรียบเฉย “จริงอย่างที่เจ้าพูด...ถ้าข้าทิ้งเค้า...ข้าก็คงเป็นเหมือนอย่างพี่ฮิซานะ...อยู่อย่างสำนึกเสียใจชั่วชีวิต...ข้าไม่อยากมีชีวิตแบบนั้นหรอกนะ”
“ก็ดีแล้วที่คิดได้น่ะ” อิจิโกะยิ้มบางๆ ก่อนจะยื่นพ่อหนูน้อยในอ้อมแขนให้ “ลองอุ้มดูสิ แขนชั้นล้าไปหมดแล้ว”
ลูเคียรับร่างเล็กนั้นมาอุ้มแต่โดยดี เด็กน้อยไม่ดิ้นโวยวายอาจเป็นเพราะเหนื่อยและล้าจากสภาพอากาศร้อนก็ได้ ลูเคียเช็ดเหงื่อที่ซึมจากหน้าผากเล็กๆให้ด้วยแขนเสื้อของเธอเองอย่างช้าๆ พ่อหนูเอานิ้วตัวเองถูกับเนื้อผ้าลื่นๆของเสื้อลูเคียนั้นไปมาก่อนที่จะตาปรืออีกรอบ
“เลี้ยงง่ายดีนะ” อิจิโกะเปรยเบาๆ “แต่เดี๋ยวพอหิวขึ้นมาคงจะวุ่นน่าดู”
“.............” ไม่ทันขาดคำ เด็กน้อยลืมตาโพลง เงยหน้าส่งสายตาวิ๊งๆให้กับคนที่อุ้มตัวเอง ก่อนจะมองไปที่ ..
.........โรงงานฟาร์มโคนมแต่กำเนิดของลูเคีย .
“ไม่ๆๆๆๆ ข้าไม่มีนมให้เจ้ากินหรอกนะ” ลูเคียเอามือที่ว่างปิดหน้าอกตัวเองไว้
“อย่าไปหวังเลย เจ้าหนู แห้งแล้งออกปานนั้น ไปหวังน้ำ (นม) บ่อหน้าเถอะ” อิจิโกะลูบหัวเด็กชายเบาๆ
“ปั้ก!!!!”
แล้วก็โดนสวนด้วยหมัดตรงของลูเคียเข้าแสกหน้าอย่างจัง
“อู๊ยยยย!!!!~ ทำอะไรฟะ? ยัยบ๊อง” อิจิโกะเอามือกุมจมูก
“ลามก!!!!” ลูเคียสวนกลับ ทิ้งให้หนูน้อยหัวเราะกับภาพที่เห็นจนหน้าแดงเป็นลูกมะเขือเทศ
และแล้วการเลี้ยงลูกที่ดูเหมือนจะมีอุปสรรคมากมายภายใน 3 วันของ 2 สามีภรรยาจำเป็นก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
.
-โปรดติดตามตอนต่อไป-
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น