คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ผู้บุกรุกยามวิกาล ตอนที่ 4.
เหงื่อค่อยๆไหลลงมาตามแผ่นหลังของเด็กสาว ก่อเกิดสัมผัสแปลกๆที่ทำให้เธออยากจะขยับตัว แต่เพราะอะไรบางอย่างร่างทั้งร่างกลับนิ่งไม่ยอมทำตามความรู้สึกแม้แต่น้อย แล้วยูเกลก็ได้ยินเสียงตัวเองตอบกลับไป "ฉันไม่รู้จักคนชื่อเอเลียต" เสียงนั่นฟังดูเย็นชาจนน่าแปลกใจ
"แต่ก็รู้จักคนที่หน้าตาแบบนั้นสินะ" เด็กหนุ่มที่ถูกเรียกว่าธีโอเดินเข้ามาใกล้พลางถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่กลับให้บรรยากาศบางอย่างที่ทำให้ยูเกลนึกถึงงูเห่าที่เคยดูในรายการสารคดี
ทั้งก้าวย่างที่เชื่องช้าแต่กลับให้ความรู้สึกราวกับจะยั่วยุอารมณ์ นัยน์ตาเป็นประกายสดใสเหมือนท้องฟ้าแต่แฝงไว้เสน่ห์ลึกลับที่ทำให้ไม่อาจละสายตาไปได้ ราวกับงูตัวใหญ่ที่กำลังสะกดจิตเหยื่อให้ไม่อาจจะต่อต้านขัดขืน เธอจำภาพของหนูที่ยืนนิ่งราวกับถูกมนตร์สะกดจนพริบตาที่เพชฌฆาตสีดำเข้าจู่โจมสังหารเหยื่อได้เป็นอย่างดี ตอนนี้เธอเองก็เป็นหนูเหมือนกัน หนูในวงล้อมของงูใหญ่เขี้ยวยาวโง้งทั้งสามตัวที่พร้อมจะจู่โจม...
"ว่าไงล่ะครับ" เสียงนั่นดังแทรกเข้ามาในห้วงความคิด มันฟังดูก้องกว่าปกติจนน่าประหลาด และในตอนนั้นเองที่เด็กสาวรู้ว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติอย่างแน่นอน เมื่อเธอได้ยินเสียงของตัวเองกล่าวตอบทั้งๆที่ไม่รู้สึกเลยว่าปากของเธอขยับตั้งแต่เมื่อไหร่
"ก็แค่หน้าหวานเหมือนกัน" เด็กสาวพยายามหยุดมัน แต่ไม่ว่าจะทำยังไงเธอก็ไม่สามารถห้ามเสียงของตัวเองได้ราวกับว่ามันถูกถ่ายทอดออกมาเองโดยไม่ผ่านความเห็นชอบของสมอง
"ถ้าอย่างงั้นก็คงใช่แล้วล่ะ" เด็กหนุ่มทรุดตัวลงนั่งบนที่เท้าแขน "เขาชื่ออะไรเหรอครับ" ร่างของยูเกลหันไปหาเขาโดยอัตโนมัติ ดวงตาสีน้ำเงินเหม่อลอยและริมฝีปากบางก็พูดตอบคำถามไม่หยุดด้วยน้ำเสียงที่สงบราบเรียบเกินกว่าจะเป็นโทนเสียงของคนปกติ ทั้งที่ในจิตใจของเธอตอนนี้ห่างไกลจากคำว่าสงบ ราบเรียบ หรือว่า ปกติโดยสิ้นเชิง ยูเกลรู้สึกอยากจะกรีดร้องออกมาดังๆแต่เมื่อเธออ้าปากขึ้น เด็กสาวก็พบว่าตัวเองได้เอ่ยชื่อของคนที่ไม่ต้องการจะพูดถึงในการสนทนานี้เลยออกไป
"...ลอเรล "
****************
วันนี้เป็นวันที่อากาศร้อนอบอ้าว จริงๆก็ไม่แปลกในเมื่ออีกไม่กี่เดือนก็จะเข้าสู่หน้าร้อนอยู่แล้ว แต่ว่าการใช้ชีวิตในห้องแอร์สบายๆมาตลอดสิบสี่ปีทำให้อากาศแบบนี้ส่งผลต่อสภาพร่างกายและจิตใจอย่างมาก แต่ถึงอากาศจะไม่ร้อน จิตใจของร่างเล็กๆที่นั่งขดอยู่ริมหน้าต่างก็ย่ำแย่มากแล้ว
ตามตารางรถไฟ เธอจะถึงที่หมายในอีกครึ่งชั่วโมงและถ้าสมองที่ตื้อเพราะนอนหลับไม่สนิทนี่ยังคำนวณตัวเลขง่ายๆได้อยู่แล้วละก็
ตอนนี้ก็หนีออกจากบ้านมาได้เกือบครึ่งประเทศแล้ว
เด็กหญิง ยูเกล รูสเทิร์นในวัย14ปี กอดกระเป๋าที่เจ้าตัวใส่สมบัติเท่าที่จะคิดได้และแบกไหวราวกับมันเป็นตุ๊กตาตัวหนึ่ง เธอเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างพลางกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ทิวทัศน์ภายนอกที่เป็นทุ่งหญ้าไกลสุดลูกหูลูกตาไม่อาจดึงดูดความสนใจของเด็กหญิงได้แม้ว่าตั้งแต่เกิดมาเธอจะยังไม่เคยเห็นภูมิประเทศที่ปราศจากตึกด้วยตาของตัวเองมาก่อนก็ตาม ร่างเล็กๆนี้ได้แต่จมอยู่กับความคิดที่มีแต่จะทำให้ตัวเองสับสนมากขึ้นเรื่อยๆ
เราทำถูกแล้วเหรอ...
ความคิดที่ทำค่อยๆเรียกหยดน้ำใสๆขึ้นบนขอบตาของใบหน้าที่ทำเป็นเรียบเฉยเหมือนไม่ใส่ใจโลกภายนอก
อย่าร้องไห้ ห้ามร้องไห้เด็ดขาดนะ ถ้าคิดจะร้องไห้กลับลงจากรถไฟแล้วตีตั๋วกลับบ้านไปซะ
ในตอนนั้นเองที่จู่ๆความคิดของเด็กหญิงก็ถูกขัดจังหวะเมื่อเธอรู้สึกว่ากำลังถูกจ้องมอง ยูเกลขยับตัวนิดๆอย่างอึดอัดและถอนหายใจออกมา ไม่ใช่ว่าเธอไม่ชินกับการถูกมอง เด็กหญิงอายุเพียงแค่นี้แต่กลับนั่งอยู่คนเดียวเงียบๆบนขบวนรถไฟที่ตรงดิ่งสู่เขตท่องเที่ยวย่อมเป็นเรื่องผิดสังเกต แต่เมื่อเธอทำท่า'อึดอัด' โดย 'ไม่ได้ตั้งใจ' ออกมาเข้า คนช่างสังเกตที่ยังพอจะมีมารยาทอยู่บ้างก็จะรีบหันกลับไปหาที่นั่งของตัวเองต่อโดยเร็วไว
แต่ดูท่าเจ้าของสายตาคนนี้คงจะไม่มีสิ่งที่เรียกว่ามารยาทอยู่แน่ๆเมื่อเด็กหญิงยังรู้สึกได้ว่าคนไร้มารยาทคนนี้ยังคงจ้องเธออยู่
ไม่ใช่ของโชว์นะยะ
ยูเกลละสายตาจากภาพทุ่งหญ้านอกหน้าต่างของรถไฟเพื่อที่จะหันกลับมาและใช้สายตาคมกริบของเธอสำรวจเจ้าคนไร้มารยาทนี่อย่างรวดเร็ว สิ่งแรกที่สะดุดตาคือดวงตาของเขา มันเป็นสีเทาเหมือนกับคนผิวขาวบางคนทั่วๆไป แต่ยูเกลกลับรู้สึกว่ามันเป็นประกายต่างจากคนอื่นและแฝงไว้ด้วยความยินดีอะไรบางอย่าง
จะยินดีอะไรก็ช่าง เธอใช้บัตรเครดิตที่น้าจอร์จให้มาจองที่นั่งรอบๆนี้ไว้ทั้งหมดแล้วเพราะฉะนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครมาอ้างสิทธินั่งที่ไหนๆก็ตามในสองแถวหลังของโบกี้นี้
แต่ก็ไม่แน่อาจจะมีพวกหน้าด้านไร้มารยาทกล้าโมเมมานั่งก็ได้...
"ขอนั่งข้างๆได้ไหมครับ" เสียงนุ่มๆดังแว่วเข้าสู่โสตประสาท ทำให้คิ้วสวยๆของเด็กหญิงขมวดผูกปมขึ้นมาทันที เธอพยักพเยิดไปที่ตั๋วรถไฟในมือของอาคันตุกะแปลกหน้าคนนี้ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์นัก
"มีเลขที่ของที่นั่งนี้ในตั๋วรึเปล่าล่ะ ถ้ามีก็เชิญ"
พูดจบยูเกลก็หันกลับไปทำเป็นใจจดใจจ่ออยู่กับวิวทิวทัศน์ข้างนอกที่ไม่มีอะไรใหม่ๆเลยนอกจากทุ่งแล้วก็ทุ่งหญ้าที่แสนจะน่าเบื่อ แต่แล้วเด็กหญิงก็ต้องหันกลับมาอย่างรวดเร็วเมื่อรู้สึกตัวว่าเด็กหนุ่มยกกระเป๋าของเขาขึ้นไปเก็บบนชั้นเหนือศีรษะเรียบร้อย
"ฉันยังไม่ได้อนุญาตให้นายนั่งเลยนะ" ยูเกลโวยวายแต่คนที่พึ่งทรุดตัวลงนั่งตรงหน้ากลับยิ้มละไม
"เมื่อกี้เธอพยักหน้านี่"
"ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น" เด็กหญิงเถียง " ฉันพูดว่ามีเลขที่ของที่นั่งนี้ในตั๋วรึเปล่า ซึ่งถ้ามีนายจะนั่งตรงนี้ก็ได้ แต่ฉันเดาว่าคงจะไม่มีเพราะตั๋วของที่นั่งแถวนี้ทั้งหมดถูกจองไว้หมดแล้ว" ยูเกลชะลอความเร็วของการพูดลงและเน้นย้ำคำว่า หมดแล้ว อย่างจงใจ เธอสังเกตมาจากบรรดาช่างแต่งหน้าทั้งหลายเวลาจับกลุ่มนินทาดาราคนนู้นคนนี้ พวกเขาจะไม่ชอบคนที่พูดกับคนอื่นโดยใช้น้ำเสียงดูถูกแบบนั้นเป็นพิเศษ ซึ่งยูเกลก็พบว่ามันใช้กวนโมโหคนได้เป็นอย่างดี...จนเธอติดมาใช้บ่อยๆ "ว่าไง ใช่เลขที่นั่งนี้รึเปล่าล่ะ"
"ไม่ใช่หรอกครับ" เด็กหนุ่มตอบแต่เขาก็ไม่มีท่าทีว่าจะขยับ จนยูเกลเริ่มโมโหทว่าหลังจากที่พูดขู่ว่าจะเรียกตำรวจท่องเที่ยวมาเชิญเขาไปยังหมายเลขที่นั่งที่ถูกต้องใส่ เด็กหนุ่มก็หัวเราะหึๆ "ไม่เกี่ยวเรื่องหมายเลขซักหน่อย ฉันก็แค่อยากรู้ว่าเธอจะยอมให้ฉันเป็นเพื่อนนั่งข้างๆไปจนถึงจุดหมายได้รึเปล่าเท่านั้นเอง" เขายิ้มแบบที่คนอื่นๆเรียกว่าอ่อนโยนแต่ก็ดูกวนบาทาอยู่ในตัว "อย่าให้ความคิดแง่ลบทำลายโอกาสดีๆในชีวิตสิครับ ถ้าตัดสินใจว่าจะเดินไปทางไหนแล้วมัวแต่พะวงถึงทางอื่นๆอยู่ละก็ เดี๋ยวก็พลาดสิ่งสวยๆงามๆระหว่างทางหรอกครับ"
คราวนี้คำพูดที่ควรจะสวนกลับอย่างรวดเร็วกลับเงียบหายไป เด็กหญิงตัวเล็กเงยหน้าขึ้นและใช้ดวงตาสีน้ำเงินของตนเองมองหน้าคู่สนทนาอย่างจริงจัง
เขาเป็นเด็กผู้ชาย แต่ถ้าไม่ใช้คำลงท้ายในครั้งแรกว่า ครับ แล้วละก็เธอก็คงไม่แน่ใจ ผิวของเขาขาวจัด เค้าโครงของใบหน้าต้องบอกว่าดูดีแบบน่ารักมากกว่าหล่อ ดวงตาสีเทาจางๆและมีผมสีน้ำตาลเข้มที่เปลี่ยนเป็นประกายสีทองเมื่อต้องแสงแดด ส่วนเรื่องของอายุ ฟังจากน้ำเสียงที่ยังไม่แตกดีเด็กหญิงก็คิดว่าเขาคงมีอายุไม่ห่างจากเธอซักเท่าไหร่แม้ว่าส่วนสูงจะแตกต่างกัน
และหลังจากมองอยู่นานยูเกลก็เอ่ยปากขึ้นมาในที่สุด
"นายชื่ออะไร"
เด็กหนุ่มหัวเราะนิดๆและหยิบลูกอมออกมาจากกระเป๋ากางเกง "ลอเรลครับ ลอเรล โอคอเนล" เขายื่นมันให้เด็กหญิงเม็ดหนึ่งซึ่งเธอก็ชะงักไปอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรับมันมา
แสงแดดภายนอกส่องลงมากระทบกระดาษแก้วที่ห่อลูกอมและทำให้พื้นรถไฟเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน ยูเกลจำลูกอมยี่ห้อนี้ได้และเธอไม่คิดว่าเด็กอายุใกล้ๆกันจะคิดวางยารูดทรัพย์ด้วย เธอจึงส่งมันเข้าปากอย่างไม่สงสัยอะไร รสชาติเหมือนกับอันที่น้าจอร์จเคยซื้อมาฝากตอนเด็กๆ นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มนั่นก็ตวัดขึ้นมองเด็กหนุ่มอีกครั้ง "ลอเรล โอคอเนล ฉันมีเรื่องจะบอกนายสองอย่าง อย่างแรกก็คือ ชื่อนายเหมือนผู้หญิงซะจนฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นชื่อจริง" ยูเกลยักไหล่ "แต่ช่างมันเหอะ เพราะฉันก็จะไม่บอกชื่อจริงกับนายเหมือนกัน ส่วนอย่างที่สองก็คือนายพูดได้หลงตัวเองมากเลยนะเนี่ย รู้ตัวรึเปล่า"
"ถ้าไม่รู้จักตัวเองแล้วจะหลงได้เหรอครับ" เด็กหนุ่มหัวเราะและส่งลูกอมเข้าปากบ้าง
แล้วอากาศบนรถไฟหลังจากนั้นอีกสองชั่วโมงก็ไม่ร้อนอบอ้าวอีกเลย...
************************
"ลอเรล" ธีโอเอ่ยพลางเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ ก่อนที่ริมฝีปากจะเหยียดยิ้ม "ไม่ได้เจอกันตั้งนาน แต่รสนิยมตั้งชื่อแย่เหมือนเดิม" เขาส่ายหัวนิดๆรอยยิ้มน่ารักยังคงประดับอยู่บนใบหน้าเมื่อเด็กหนุ่มหันไปมองคนอื่นเหมือนจะขอเสียงสนับสนุน
ใช่แล้ว...รอยยิ้มน่ารักที่แทบจะทำให้ใครๆแทบจะลืมพ่อเทวดาหนุ่มที่ไม่ค่อยมีบทโผล่ออกมาไปได้เลย... อ๊ะ แต่ขอบอกไว้ก่อนนะคะ ว่าถึงลอเรลกับธีโอนั้นถึงจะเรียกได้อย่างเต็มปากเต็มคำ(และเต็มๆตา)ว่าหน้าตาดี แต่เด็กหนุ่มทั้งคู่ก็ยังแตกต่างกันมาก คงเพราะอายุที่มากกว่าลอเรลจึงยังดูเป็นผู้ชาย (ถึงจะเป็นผู้ชายในระดับเทวดาก็เหอะ) อีกทั้งส่วนสูงที่ก็ไม่ได้น้อยๆทำให้ไม่ค่อยมีใครตาถั่วพอที่จะสับสนเพศของเขาผิด แม้ว่าผิวจะทั้งขาวใสสุขภาพดีและผมสีน้ำตาลนั่นก็ดูนุ่มนิ่มเหมือนผู้หญิงก็ตาม... ส่วนธีโอนั้น คงเพราะร่างกายยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ ส่วนสูงที่ยังอยู่ในระดับ160กลางๆบวกกับหน้าตาที่ยังไม่มีเค้าความเข้มหลุดออกมาซักกะนิด ทำให้เมื่อเขามานั่งอยู่ใกล้ๆยูเกลแล้ว แม้แต่คนรู้จักยังสงสัยว่าสองคนนี้เป็นพี่น้องกันรึเปล่าเลย ไหนจะผมสีดำสนิทเหมือนกัน จะติดที่ว่าดวงตาของฝ่ายหญิงออกจะสีเข้มกว่าหน่อย แล้วก็ที่สำคัญก็คือยังไม่มีหนุ่มๆผู้บุกรุกคนไหนได้เห็นเธอแจกรอยยิ้มซักครั้งผิดกลับธีโอที่ยิ้มแล้วยิ้มอีก
เหอะ แต่ถ้ายูเกลยังพร้อมจะยิ้มในสถานการณ์แบบนี้ เธอคงยินดีส่งชื่อตัวเองไปอยู่ในโรงพยาบาลจิตประสาทอย่างไม่ต้องสงสัย
"เอา...ไหนๆก็ได้ชื่อแล้ว รีบๆหาเลย ธีโอ พวกเราสายมากแล้วนะ" ชายในชุดสีส้มเอ่ยพลางยกนาฬิกาโรลเล็กซ์ขึ้นมาดูเวลา
"ครับ พี่นูช่าห์" ธีโอรับคำ ยูเกลรู้สึกว่าเขาหันหน้ามามองเธอ ดวงตาสีฟ้าใสฉายแววกังวลแต่คนที่ถูกเรียกว่านูช่าห์ก็ขัดขึ้นก่อน
"ไม่ต้องห่วงน่ะ ไหนๆก็จะลบความทรงจำยัยนี่อยู่แล้ว จะให้เห็นเป็นบุญตาซักครั้งก็ไม่เป็นไรหรอก"
ลบความทรงจำเมื่อกี้พูดว่าลบความทรงจำเหรอ?
แต่ก่อนที่ยูเกลจะได้รับคำตอบ ธีโอก็หยิบตุ๊กตาตัวหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อและความสนใจทั้งหมดของเด็กสาวพุ่งเป้าไปที่มันทันที
ตุ๊กตาเด็กผู้ชายที่ทำจากไม้แกะสลัก มันมีขนาดเล็กขนาดแค่กำเอาไว้ในมือก็มองไม่เห็นแล้ว แต่ทั้งที่ขนาดเล็กเพียงแค่นั้น ยูเกลกลับรู้สึกว่าฝีมือในการทำประณีตและมีรายละเอียดสมบูรณ์จนไม่น่าเชื่อ
ทั้งดวงตาที่บรรจงวาดด้วยสีเหลืองทองเป็นประกาย และผิวที่ลงสีได้เรียบเนียน ผมที่ลงสีเงินเป็นเฉดต่างๆละเอียดเกือบจะเส้นต่อเส้นบอกให้รู้ว่าฝีมือของคนทำอยู่ในระดับแนวหน้า ถ้าจะมีการจัดอันดับช่างทำตุ๊กตาละก็นะ
มันสมบูรณ์จนดูเหมือนจะเป็นคนจริงๆแทนที่จะเป็นตุ๊กตาไม้ขนาดเล็กกว่าฝ่ามือ
แล้วทันใดนั้นยูเกลก็รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาตุ๊กตาตัวนี้อย่างบอกไม่ถูก เธอใช้เวลานิ่งคิดไปครู่หนึ่งแล้วก็นึกถึงรูปที่คนพวกนี้พึ่งเอาให้เธอดู
รูปของคนๆนั้นสินะ งั้นตุ๊กตานี่...ก็คงสร้างโดยมีคนๆนั้นเป็นแบบ
เอ๊ะ แต่เมื่อกี้คนพวกนี้บอกว่าจะหาคนอีกคนไม่ใช่เหรอ?
แต่ว่าคำตอบของคำถามข้อนี้ก็ถูกละเลยไปอีกเมื่อจู่ๆธีโอดอร์ก็โบกมือเหนือตุ๊กตาและเขาก็หลับตาลง
ยูเกลจ้องมองเด็กหนุ่มตาแทบไม่กระพริบ นี่เขาจะทำอะไรอีก เหตุการณ์ในไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาทำให้เธอแทบจะสลัดเอาหลักการทางฟิสิกษ์และทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ทั้งหลายแหล่ทิ้งทะเลไปหมดแล้ว บางทีต่อให้ธีโอพูดกับตุ๊กตาตัวนี้แล้วมันตอบขึ้นมาจริงๆบางทีเด็กสาวอาจจะไม่ตกใจแล้วก็ได้ละมั้ง?
"ลอเรล โอคอเนล" ธีโอเอ่ยขึ้น "ควบคุม"
และทั้งๆที่ยูเกลบอกว่าจะไม่ตกใจ แต่เธอก็แทบสลบลงไปเมื่อตุ๊กตาตัวน้อยลุกขึ้นยืนและ สาบานได้ มันเอ่ยโต้ตอบกับเด็กหนุ่มจริงๆ!
"โดนจับได้จริงๆแล้วสิ ไม่ได้พบกันซะนานเลยนะธีโอดอร์"
บ้าน่า เสียงนี่มันเสียงของลอเรล เสียงของลอเรลชัดๆเลย ไอ้ที่ดังออกมาจากปากตุ๊กตานั่นน่ะ ยูเกลคิดอย่างหวาดผวา แต่แน่นอนว่าความหวาดผวานั่นก็ไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้า ใบหน้าขาวๆของเธอยังคงเรียบเฉยราวกับกำลังเหม่อลอย มีเพียงหัวใจที่เต้นระรัวอยู่ในอกเท่านั้นที่บ่งบอกว่าเธอกำลังตกใจอย่างที่สุด
"เลิกเล่นซะทีเถอะครับ พี่เอเลียต หนีออกมาจากเขตคุ้มครองไกลตั้งครึ่งค่อนประเทศ เปลี่ยนชื่อตัวเองโดยพลการแล้วยังเรื่องที่ก่อไว้เรี่ยราดตามทางอีก แค่นี้พี่ก็ผิดกฎเกือบร้อยข้อแล้ว แล้วไม่ใช่แค่พี่คนเดียวนะ พวกผมต้องเสียเวลาหาชื่อใหม่ของพี่ขนาดไหน แล้วยังเรื่อง...เอา ทีนี้จะบอกได้รึยังครับว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน" ธีโอพักหายใจชั่วครู่หลังจากบ่นรัวเป็นชุดจนคนอื่นๆยังตะลึง "แล้วทำแบบนี้ทำไม"
ตุ๊กตาน้อยไม่ตอบแต่กลับกอดอกและทรุดตัวลงนั่งบนฝ่ามือของเด็กหนุ่มแทน ซ้ำยังหัวเราะหึๆอีกต่างหาก
ให้ตายเหอะ นิสัยเหมือนลอเรลอย่างกับแกะจริงๆ
ธีโอเหลือบตามองคนอื่นๆเมื่อเสียงหัวเราะของดีแลนดังมากระทบหู ขณะที่นูช่าห์ทำท่าเหมือนภูเขาไฟที่ใกล้ประทุเต็มแก่ "เอาๆ เปลี่ยนคำถามก็ได้พี่เอเลียต ไม่สิ พี่ลอเรล บอกผมหน่อยเถอะน่ะว่ารอดจากคำสาปมาได้ยังไงกันตั้งปีนึง"
"..." ตุ๊กตาน้อยยังคงไม่พูดไม่จา จนธีโอต้องบ่นออกมาอย่างอ่อนใจ
"พี่นี่จิตแข็งจริงๆ เอาชื่อนี้ก็ได้ ลอเรล โอคอเนล" เด็กหนุ่มเอ่ยช้าๆ "ตอนนี้คำสาปก็น่าจะกำเริบอยู่แถมยังโดนควบคุมไว้ขนาดนั้น จะเดินก็ไม่ได้ มองก็ไม่เห็น เสียงก็ไม่ได้ยิน มันอันตรายไม่ใช่เหรอครับ ทีนี้บอกมาดีๆดีกว่า ว่าพี่อยู่ที่ไหน พี่ลอเรล โอคอเนล"
**********************************
ความคิดเห็น