ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ผู้บุกรุกยามวิกาล ตอนที่ 2.
อัพครั้งที่ 19 ...แอบอู้อ่านหนังสือสอบมาอัพค่ะ คิดถึงทุกคนจริงๆ สุขสันต์วันคริสมาสต์นะคะ (คิดซะว่านี่คือของขวัญจากซานต้านะ ^ ^") (ยังมีหน้ามาพูดอีก ยังมีใครมาอ่านอีกรึเปล่าก็ไม่รู้!)
อัพครั้งที่ 20 ฉลองปีใหม่ สวัสดีปีใหม่ทุกๆท่านนะคะ ^ ^
อัพครั้งที่ 21 โอ๊ย...เรานี่คิดชื่อตอนไม่เก่งจริงๆ (ไม่ใช่แค่ชื่อตอนแล้วแหล่ะ ชื่อเรื่องก็ไม่ได้เข้ากับเนื้อเรื่องเล๊ย) กลับมาจากการสอบแล้วค่ะทุกๆคน (ยังมีใครเข้ามาอ่านอยู่อีกไหมเนี่ย?) เอ้า เชิญอ่านต่อกันเลยค่า~
**************************************** **********************************
ยูเกลเดินกึ่งกระโดดไปตามรากไม้ ทั้งๆที่มองเห็นได้ไม่ชัดนักแต่เด็กสาวก็สามารถพาตัวเองไปได้เร็วพอสมควร ทว่าเธอไม่ใช่สัตว์หากินกลางคืนและป่านี้ก็ไม่ได้มีแค่รากไม้ตะปุ่มตะป่ำเท่านั้น ในที่สุดยูเกลก็สะดุดเอาหินก้อนใหญ่และล้มลง ความเจ็บปวดแล่นปราดขึ้นมาทันที
ข้อเท้า...ใบหน้าของเด็กสาวบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บ เจ็บฉิบเป้งเลย น้ำตาใสๆค่อยๆซึมขึ้นมาที่ขอบตา
บ้าชะมัด เธอคิดในใจ ใช่ บ้าชะมัดที่เธอวิ่งเข้ามาในป่าค่ำๆมืดๆแบบนี้
เพราะไอ้พวกบ้านั่นแท้ๆ ยูเกลกัดฟันกรอด ถึงปากจะบอกว่าไม่ใช่โจรก็เหอะ แต่เธอคงจะไม่แปลกใจเลยถ้าเกิดกลับไปเจอสภาพบ้านที่ว่างเปล่า ข้าวของของแม่มีราคาค่างวดไม่ใช่น้อย หลายอย่างก็เป็นของเก่าแก่ที่ตกทอดมาจากรุ่นคุณตาคุณยาย เด็กสาวค่อยๆลุกขึ้นยืน ใช่...หลายอย่างที่เป็นของสำคัญและยูเกลก็ไม่อยากที่จะเสียมันไปในรุ่นของเธอด้วย
ทำยังไงดี ทำยังไงดี เด็กสาวคิดอย่างร้อนรนกลางค่ำกลางคืนแถมขาก็ยังเจ็บแบบนี้จะหาคนมาช่วยได้ยังไง
ลอเรลบ้า เวลาแบบนี้หายหัวไปไหนกัน เด็กสาวกัดฟันและค่อยๆคลำทางต่อไป ความมืด ความเจ็บปวดและความเหนื่อยล้าทำให้เธอเริ่มก้าวพลาดและสะดุดล้มลง
“บ้าเอ๊ย” ยูเกลสบถ ความเครียดและความเพลียเพราะยังไม่ได้หลับซักงีบทำให้เด็กสาวเริ่มรู้สึกปวดหัว
ไมเกรนรึไง เธอคิดพลางสะบัดหัวเร็วๆ ในเวลาที่ประสาทการมองเห็นไร้ค่าแบบนี้ เธอจำเป็นต้องพึ่งประสาทหูและสมาธิของตนเองในการเดินต่อไป การปวดหัวก็เป็นเหมือนกับคลื่นแทรกที่เข้ามารบกวนการทำงานของสมอง
...รวบรวมสมาธิ สมาธิๆๆๆ ยูเกลหลับตาลง ใช้เสียงคลื่นจากหาดทรายเป็นเหมือนเข็มทิศนำทาง อาจเพราะการที่เกี่ยวข้องกับดนตรีซะตั้งแต่เด็กทำให้เด็กสาวสามารถตั้งสติได้ดีกว่าคนอื่น แม้ว่าจะในเวลาที่ข้อศอกถลอกปอกเปิกแถมข้อเท้าก็ยังแพลงแบบนี้ก็ตาม
เป๊าะ!
เสียงของกิ่งไม้หักที่ดังมาเข้าหูทำให้เธอทรุดตัวลงทันทีตามสัญชาตญาณ
ใคร? เด็กสาวพยายามเพ่งมองไปในความมืดแต่ก็ไม่พบสิ่งมีชีวิตอื่นในบริเวณใกล้เคียง ฟ้าที่ยังคงไม่ตื่นจากนิทราทำให้ป่าพลอยหลับใหลไปด้วย ทว่ายูเกลรู้สึกว่าภายใต้เงาของต้นสนเหล่านั้น มีบางสิ่งบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่เงียบๆ
เธอหมอบนิ่ง ทว่าเสียงหายใจที่เกิดจากความร้อน ความเจ็บปวดและความเหนื่อยล้าดังขึ้นตลอดเวลา เด็กสาวยกมือซ้ายขึ้นปิดปากเพื่อลดเสียงหอบ ขณะที่มือขวาเริ่มคลำไปตามพื้นรอบๆหาอาวุธอะไรที่พอจะใช้ป้องกันตัวได้ สองหูตั้งใจสดับฟังเสียงรอบกายเหมือนกับสัตว์ป่าที่เห็นในสารคดี
ราวกับว่าผู้บุกรุกเองก็กำลังหยุดฟังเสียงรอบข้างอยู่เช่นกัน เมื่อทั่วทั้งป่าเงียบสนิทราวกับไร้สิ่งมีชีวิต แต่ว่านั่นกลับเป็นข้อบ่งชี้ได้เป็นอย่างดี
มันเงียบเกินไป
ยูเกลพยายามสลัดอาการปวดหัวที่กำลังรบกวนจิตใจของเธอออกไป หลังจากแตะโดนก้อนหิน เศษไม้ และซากของตัวอะไรซักอย่างที่กำลังมดขึ้นเข้า เด็กสาวก็ได้ไม้ท่อนหนึ่งที่มีขนาดเหมาะมือมาราวกับฟ้าส่งมาให้ เธอกำมันในมือแน่น หัวใจเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมาจากอก
สวบ...สวบ...สวบ...
ในที่สุดเสียงฝีเท้าก็ดังมาให้ได้ยิน แม้ว่าจะเป็นเสียงที่เบามากแต่ท่ามกลางความเงียบผิดปกติของป่าทำให้ยูเกลได้ยินมันชัดเจนแถมยังรู้ด้วยว่ามันกำลังก้าวมายังจุดที่เธอกำลังหมอบอยู่อย่างพอดิบพอดี
เวรเอ๊ย คนขาเจ็บคิดในใจเมื่อรู้ตัวว่าต้องลุกขึ้นหลบ ไม่อย่างงั้นถ้าไม่โดนจับได้ ก็คงจะโดนเหยียบแบนเป็นปุ๋ย ถึงฝ่ายตรงข้ามจะเก่งพอตัวที่จะเดินในป่าอันมืดมิดนี้ได้อย่างคล่องแคล่วแต่เธอก็ไม่แน่ใจนักว่ามันจะตาดีพอที่จะแยกพื้นดินมืดๆกับร่างของใครซักคนที่สวมแค่เสื้อยืดสีเขียวขี้ม้ากับกางเกงขาสั้นสีดำ
ยูเกลโขยกเขยกลุกขึ้นและพยายามขยับไปที่ต้นสนที่ใกล้ที่สุดโดยพยายามไม่ทำให้เกิดเสียงดัง มือที่กำท่อนไม้เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
สวบ...สวบ...สวบ...
ฟังดูน่าสยองขวัญดีแท้สำหรับคนที่กำลังถูกตามล่า เมื่อเสียงฝีเท้านั่นค่อยๆก้าวช้าๆราวกับจะกวนประสาท แต่ในอีกแง่ก็คงไม่มีใครบ้าพอจะกระโดดเหย็งๆไปมาในป่านี้อยู่แล้ว
เหงื่อที่หยดลงจากปลายจมูกบ่งบอกว่าเวลาผ่านมานานขนาดไหน
ไอ้บ้านั่นยังเดินมาไม่ถึงอีกเหรอ เด็กสาวคิดในใจ แม้จะรู้ดีว่าระยะทางจะเหลืออีกไม่มากนัก เสียงฝีเท้านั่นดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แปลกดีที่มันยังคงรักษาความเร็วไว้ที่ระดับเต่าคลานได้เช่นเดิม
จะยั่วโมโหกันรึไง ยูเกลกระชับท่อนไม้ในมือขณะที่พยายามระงับสัญชาตญาณตัวเองที่ร่ำร้องให้วิ่งออกไปฟาดหัวเจ้าของฝีเท้านั่นให้พิการไปเลยซักตั้ง
ไม่ได้ หากวิ่งหรือทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าละก็คนที่จะพิการอาจเป็นเธอเองก็ได้ รออีกนิด...อีกนิดเดียว
ให้มันมาใกล้ๆแล้วฟาดให้กะโหลกยุบไปเลย
เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลจากไรผมลงมาที่ข้างแก้มใส แต่ยูเกลก็ไม่คิดที่จะเช็ดมันออก ไม่ใช่ว่าเธอเป็นพวกซกมกขนาดสามารถทนเหงื่อคราบดินและเศษใบไม้ที่กำลังเน่าสลายบนหัวได้ แต่ในเวลานี้สมาธิแทบทั้งหมดของสาวน้อยกำลังจดจ่ออยู่กับเสียงฝีเท้าที่กำลังดังใกล้เข้ามาอย่างสุดขีด แต่อย่างไรก็ตาม...เมื่อกี้นี้เราใช้คำว่า แทบทั้งหมด ไม่ได้ใช้คำว่าทั้งหมดซักหน่อย
เหนียว...เสียงจากเสี้ยวเล็กๆเสี้ยวหนึ่งของสมองดังขึ้น ซึ่งคงต้องยกความดีความชอบให้เจ้าของเสียงฝีเท้าและสถานการณ์ที่ยูเกลกำลังเป็นอยู่ ซึ่งนั่นทำให้เรื่องๆนี้ไม่ต้องมีคำเซนเซอร์พุ่งกระฉูด
ก็ถ้าให้สมองทั้งหมดของเธอออกมาประมวลผลสภาพร่างกายที่เป็นอยู่ตอนนี้แล้วละก็ เรื่องคงไม่จบลงแค่คำว่า เหนียว อย่างเดียวแน่ๆ ในเมื่อตอนนี้ทั้งผมสวยๆที่เคยยาวสยายเปียกเหงื่อและเปรอะเปื้อนไปด้วยสิ่งสกปรกที่ไม่ควรสาธยายให้ฟังว่าผุพังมาจากอะไรบ้างเป็นอย่างยิ่ง ผมเส้นเล็กละเอียดเกาะกันเป็นสังกะตังแซมด้วยเศษของอะไรหลายๆอย่างติดมาตอนที่สะดุดล้ม เหงื่อที่ซึมแล้วซึมอีกเป็นราวกับกาวชั้นดีสำหรับคราบฝุ่นและแมลง อาการคันยิบๆเริ่มปรากฏขึ้นช้าๆ ไม่น่าเชื่อว่าการวิ่งฝ่าป่ามาไม่กี่นาทีจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ขนาดนี้ ขนาดที่คนซึ่งไม่ค่อยรักสวยรักงามเท่าไหร่อย่างยูเกลยังแทบจะทนให้ถึงเวลาที่จะได้กลับไปอาบน้ำไม่ไหว
เธอกัดฟันกรอด ประสาทเครียดเขม็ง จนรู้สึกได้ถึงเส้นเลือดที่กำลังเต้นตุบๆ สองมือบีบไม้ไว้แน่นจนน่ากลัวมันจะหักคามือ เย็นไว้ ต้องกะระยะให้พอดีก่อน ยูเกลบอกตัวเอง ต้องรอให้ถึงจังหวะที่ให้ผลสำเร็จมากที่สุด
จริงอยู่ที่แผนนี้เป็นแผนที่ดูเข้าท่าเท่าที่เธอจะคิดได้ตอนที่รู้สึกตัวว่ามีคนตามมา แต่ว่าตอนนี้เด็กสาวชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันจะเป็นความคิดที่ดีที่สุด
มือที่กำไม้ไว้แน่นออกแรงบีบ เมื่อเสียงที่ดังมาให้ได้ยินก็ยังบ่งบอกถึงระยะทางที่เธอยังเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
สวบ...สวบ...
บุพการีแกมีกระดองรึไงวะ
ยูเกลคิดในใจ พลางเงื้อไม้ในมือขึ้นในท่าเตรียมพร้อม จากการคาดคะเนด้วยเสียง ท่าทางว่าเจ้าของฝีเท้านั่นจะห่างออกไปนิดเดียว มือที่กำไม้ไว้แน่นออกแรงบีบ จะฟาดออกไปตอนนี้เลยดีไหมนะ...
"ถ้าคิดจะใช้ไม้นั่นฟาดผมละก็ยังเร็วไปหลายร้อยปีเลยนะครับ"
เด็กสาวสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆเสียงนุ่มๆที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้นข้างหู เธอเกือบจะหลุดเสียงกรี๊ดด้วยความตกใจออกมาแล้ว ถ้าหากฝ่ายตรงข้ามไม่รีบยกมือขึ้นมาปิดปากไว้ซะก่อน
"อย่าคิดหนีดีกว่านะครับ" เสียงนั้นสั่งแต่นั่นกลับให้ผลตรงกันข้าม เมื่อเสียงเด็กสาวเริ่มดิ้น ไม่รู้ว่าเพื่อจะหลุดจากพันธนาการหรือว่าเพื่อจะสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด
"ปล่อยนะ" เธอส่งเสียงอู้อี้ลอดนิ้วออกมา มือที่กำลังปิดหน้าเธออยู่มีขนาดใหญ่มากซะจนปิดได้ตั้งแต่ปากไปจนถึงตาเลยทีเดียว แต่ถึงจะมองไม่เห็นอยู่ ยูเกลก็รู้ได้ทันทีว่าชายคนนี้เป็นคนแปลกหน้า น้ำเสียงแปร่งๆแบบนี้ ไม่เคยอยู่ในความทรงจำของเธอมาก่อน
ซึ่งนั่นทำให้เธอไม่ลังเลเลยที่จะเหวี่ยงไม้ในมือใส่
แต่ว่า...แทบจะในทันทีที่สมองสั่งการให้เหวี่ยงแขนลง มือที่ปิดปาก จมูก และ นัยน์ตาของเธอจนมิดก็คลายออก
และภาพตรงหน้าก็ทำให้เด็กสาวชะงักไปในทันที
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ป่าทั้งป่ามืดสนิทซะจนมองอะไรแทบไม่เห็นแม้แต่เท้าของตัวเองแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับสว่างราวกับใบไม้ที่ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่นพร้อมใจกันแหวกทางออกให้แสงจันทร์ส่องลงมา ในตอนนี้ยูเกลสามารถมองเห็นสิ่งแวดล้อมรอบๆได้อย่างชัดเจน
ชัดเจนซะจนเธอต้องเบิกตากว้าง...
เธอกำลังยืนประจันหน้าอยู่กับเด็กหนุ่มที่ไม่รู้จักคนหนึ่ง อันที่จริง...ถ้าไม่ได้ยินเสียงเขาตั้งแต่แรก ยูเกลคงคิดว่าคนตรงหน้าเป็นเด็กผู้หญิงที่มีผมซอยสั้นไปแล้ว เพราะทั้งดวงตากลมโต ทั้งคิ้วได้รูปรับกับจมูกและปากเล็กๆดูยังไงมันก็สาวน้อยน่ารักแท้ๆ ยิ่งเมื่อใบหน้าสวยๆนั่นยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ยูเกลก็ยิ่งรู้สึกเหมือนเธอดูหนังที่พากย์ผิดคน
“พวกเราไม่ได้มาร้าย วางไม้ลงก่อนดีกว่านะครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยพลางยกมือขึ้นระดับอกราวกับจะบอกว่าเขาไม่มีอาวุธ
คำพูดนั้นทำให้ใจเต้นระรัวขึ้นมาทันที วางให้บ้าสิวะ ยูเกลคิดในใจ เด็กหนุ่มคนนี้เป็นพวกเดียวกับไอ้สองคนในบ้านนั่นแน่ๆ เด็กสาวกระชับไม้ในมือแน่น พร้อมสำหรับการฟาดหน้าสวยๆนั่นทันที
“ผมว่าวางไม้ลงคุยกันดีๆดีกว่านะครับ” เขาเอ่ยอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ยูเกลกลับรู้สึกว่าเสียงนุ่มๆนั่นฟังดูก้องกังวาลผิดปกติ แล้วทันใดนั้นมือที่กำไม้ไว้แน่นก็คลายออกจนท่อนไม้ร่วงลงจากมือและส่งเสียงดังตุบเบาๆเมื่อสัมผัสพื้น เด็กสาวเบิกตากว้าง สาบานได้ว่าเธอไม่ได้สั่งประสาทส่วนไหนให้ทิ้งไม้เลยด้วยซ้ำ
เด็กสาวก้าวถอยหลังไปจนชิดต้นสน
นี่มันไม่ใช่เรื่องบ้าๆอย่างโจรปล้นบ้านแล้ว
ความคิดที่ทำให้คนคิดตัวสั่นจนแทบก้าวขาไม่ออก ยูเกลต้องสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกสติหนีเลยทีเดียว แต่ว่าในภายหลังเธอมาคิดๆดูแล้วถ้าตอนนั้นมัวแต่สั่นซะจนทำอะไรไม่ได้ไปเลยละก็ มันน่าจะได้ผลดีกว่านี้แน่ๆ
เมื่อยูเกลขยับตัววิ่งหนีทันที เธอวิ่งเหมือนกับว่าความเจ็บปวดที่ข้อเท้านั้นจะหายไปแล้ว อาจจะเพราะความตกใจและอะดรีนาลีนที่สูบฉีดไปทั่วร่างที่ทำให้สามารถก้าวขาต่อไปได้เพื่อรักษาชีวิตอันมีค่าของตัวเอง
แต่ว่าคุณคิดเหมือนกันไหมคะว่าถ้าเธอจะสามารถหนีไปได้หวุดหวิดเป็นรอบที่สองแล้วละก็ มันก็คงจะเกินเหตุไปหน่อย ยูเกลก็เป็นแค่เด็กผู้หญิง แล้วที่สำคัญฝ่ายตรงข้ามนั่นก็ไม่ใช่ธรรมดาๆซะด้วย
ไม่รู้ว่าเด็กสาวตาฝาดไปเองรึเปล่า แต่เหมือนกับว่าจู่ๆหญ้าที่ขึ้นรกรุงรังจะขมวดปมเข้าหากันเหมือนถูกผูกด้วยมือที่มองไม่เห็น และทัศนียภาพรอบด้านก็เหมือนจะมืดลงกะทันหัน แต่ที่แน่ๆอย่างหนึ่งก็คือถึงยูเกลจะเห็นทัน แต่ขากระเผลกๆของเธอน่ะหลบไม่ทันหรอก
เด็กสาวสะดุดและล้มหน้ากระแทกพื้นเป็นรอบที่สองสำหรับวันนี้ อะดรีนาลีนที่พลุ่งพลานหายวับไปจากร่างกายทันที พร้อมๆกับความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามาแทนที่
ความเจ็บปวดที่ทำให้น้ำตาคลอเบ้า ยูเกลที่นอนหอบอยู่กับพื้นกัดฟันอย่างเจ็บใจเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าขยับเข้ามาใกล้รวมถึงเสียงหัวเราะเบาๆที่ดังขึ้นเหนือศีรษะ
"คิดจะวิ่งหนีในป่าแบบนี้ มันก็ยังเร็วไปอีกหลายร้อยปีนะครับ"
เสียงนุ่มนวลที่แฝงไว้ด้วยความขบขันของเด็กหนุ่มทำให้ยูเกลอยากจะเถียงออกไปซักคำสองคำแต่ จู่ๆความง่วง และความมืดก็จู่โจมเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว มันทำให้เธอโงหัวไม่ขึ้นและก็ไม่คิดอยากจะลุกขึ้นจากพื้นด้วยซ้ำ เด็กสาวสูดหายใจเข้าและพลิกตัวนอนหงาย
และหลับใหลไปก่อนที่จะได้หายใจออกซะอีก
*****************************
อย่าลืมหายใจออกล่ะเจ๊
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น