คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ผู้บุกรุกยามวิกาล ตอนที่ 1.
บันทึกการอัพครั้งที่...เอ่อ...16 สินะ...
อย่าลืมไปอ่านตอนที่แล้วด้วยนะคะ ไม่ได้อัพแค่ตอนนี้นะ!
บันทึกการอัพครั้ง 17
...เฮ้อ...นี่ไม่ได้อัพนานมากแล้วจริงๆด้วยสิ...แย่จังเลย โจ้กะว่าจะปั่นเอาเมื่อวานกับวันนี้แล้วก็พรุ่งนี้เยอะๆ แต่ดันป่วยซะได้ (อาหารเป็นพิษ) งั้นต้องเอาของเก่ามาลงล่ะค่ะ วันนี้อัพน้อยเลย แย่ๆ
****************
เป็นเวลานานที่เดียวกว่ายูเกลเธอจะควบคุมอารมณ์และความคิดของตัวเองขึ้นมาได้อีกครั้ง เมื่อตัวเธอค้างนิ่งราวกับว่าจะหยุดการทำงานไปซะเฉยๆ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆเรื่องนี้คงต้องเปลี่ยนนิยายผีซะแล้ว แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ สาวน้อยของเรายังมีชีวิตอยู่และเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องสยองขวัญสั่นประสาทสำหรับผู้อ่าน แต่ว่าดูมันจะสั่นประสาทตัวละครซะจริงๆ ก็แน่ล่ะ ตั้งแต่ร้องกรี๊ดออกมาเมื่อกี้ สาวน้อยผู้โชคร้ายของเราก็ค้างไปเกือบจะห้านาทีแล้วนะสิคะ
กริ๊ง...เสียงกระพรวนทำให้วิญญาณที่หลุดออกนอกโลกไปแล้วค่อยๆกลับมาเข้าร่าง ดวงตาที่ว่างเปล่าเริ่มกลับมามีประกายอีกครั้ง ลมหายใจที่สะดุดขาดหายกลับมาไหลเวียนเข้าออกปอดตามปกติและใบหน้าที่ซีดไร้สีเลือดก็เริ่มมีสีชมพูปรากฏขึ้น เมื่อได้มองเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าชัดเจน...จะเรียกว่าอยู่ตรงหน้าคำเดียวก็คงไม่ถูก ก็ในเมื่อมันกำลังนั่งจ้องหน้าของเธออยู่บนหน้าตักเลยทีเดียว
"เหมียว" เจ้าแมวสีดำตัวใหญ่เงยหน้าที่มีขนปุกปุยขึ้น นัยน์ตาสีม่วงเข้มของมันทำให้เธอนึกถึงแมวตัวใหญ่ที่เห็นที่ถนน อาจจะเป็นตัวเดียวกันก็ได้ ตาสีม่วงเรืองๆนี่แลดูเหมือนกันไม่มีผิด
ยูเกลถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อมองเห็นกระพรวนที่ห้อยอยู่ที่คอของเจ้าเหมียว นี่สินะที่มาของเสียงกระพรวนในครัว
"เข้ามาได้ยังไง" เธอเอ่ยถามทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แล้ว ประตูหลังของบ้านนี้มีประตูแมวบานเล็กๆอยู่ คิดว่าสมัยก่อนที่นี่คงจะเคยเลี้ยงหมาหรือว่าแมวไว้ เลยทำประตูแมวไว้ให้มันเข้าออก เจ้าหนูนี่คงจะเข้ามาทางนั้น ยูเกลคิดในใจเมื่อเห็นว่าเจ้าเหมียวตัวนี้เป็นตัวผู้ เจ้าหนู ฟังดูแล้วไม่น่าเอามาใช้เรียกแมวเลยแฮะ
ยูเกลค่อยๆยื่นมือออกไปแตะตัวมัน ทั้งๆที่เธออยากจะกอดเจ้าหนูนี่แรงๆซักทีเป็นการลงโทษที่ทำให้เธอตกใจแทบตาย เด็กสาวระวังที่จะไม่ทำให้มันกลัว เธอหลบตาลงก่อน จากหนังสือที่เคยอ่านบอกว่าการสบตาหรือว่าจ้องตากันมีความถึงการท้าทายในภาษาของสัตว์
และเธอก็ไม่อยากโดนแมวตัวใหญ่พอๆกับสุนัขบีกเกิ้ลโตเต็มวัยอย่างนี้ตบเอาซะด้วย
แม้จะคิดอย่างนั้นแต่มือของยูเกลก็ยังสั่นอยู่นิดๆ เมื่อสัมผัสกับขนนุ่มเรียบลื่นของมัน เจ้าเหมียวส่งเสียงครางอย่างพอใจเมื่อเด็กสาวเกาคางให้ นัยน์ตาสีม่วงหรี่ลงและมันก็เอาใบหน้าที่เต็มไปด้วยขนมาถูกับเสื้อของเธอก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนตักอย่างเกียจคร้าน เชื่องจัง ยูเกลคิดในใจ
พรึ่บ!
ทันใดนั้นไฟในห้องก็พร้อมใจกันสว่างขึ้น เมื่อมีแสงมากพอที่จะมองเห็นสิ่งต่างๆได้ ทำให้เธอรู้สึกโล่งใจขึ้นมาก
"เหมียว" เจ้าเหมียวร้องออกมาเมื่อรู้สึกว่ามือเล็กๆที่เกาคางของมันอยู่หยุดชะงัก
เจ้าของมือยิ้ม "หิวรึเปล่า" เด็กสาวมองไปที่ถ้วยบะหมี่สำเร็จรูปที่วางอยู่บนโต๊ะ มันยังอุ่นอยู่แม้ว่าจะอืดๆไปนิดแล้วก็ตาม
"เฮ้! ถ้าไม่โผล่หัวอกมาละก็ ฉันจะเอาบะหมี่ให้เจ้าเหมียวกินจริงๆนะ ลอเรล" ยูเกลตะโกน
ทว่าก็ยังไม่มีเสียงตอบกลับจากคนที่ถ้าโผล่หัวออกมาจะต้องโดนฟาดซักตุ๊บแน่ๆอยู่ดี
กิ๊งก่อง กิ๊งก่อง
เสียงกริ่งที่ประตูทำให้ยูเกลส่ายหัว รอยยิ้มพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้า ตานี่จะมาไม้ไหนอีกนะ น่าจะรู้ว่าไม่มีใครเขาจะมาเยี่ยมเยียนเอาป่านนี้
เด็กสาวอุ้มเจ้าเหมียวลงข้างๆกายและเดินกึ่งวิ่งไปที่ประตูหน้าบ้าน
"มาแล้วค่า" ยูเกลแกล้งตะโกนตอบพลางคว้าร่มที่แขวนอยู่ขึ้นมาถือไว้
แกล้งกันขนาดนี้ ไม่ให้เอาคืนก็คงไม่ได้แล้ว
เธอคิดและก็เปิดประตูพร้อมๆกับฟาดร่มในมือใส่ร่างตรงหน้าทันที
ทว่าก่อนที่มันจะได้ทำอันตรายใครให้แขนหักหรือว่าหัวแตก เด็กสาวกลับต้องชะงักเมื่อมองเห็นคนตรงหน้าได้ชัดเจน
...ไม่ใช่ลอเรล...
ยูเกลเผลอกลืนน้ำลายอึกเมื่อพบว่าบุรุษตรงหน้าไม่ใช่คนที่เธอคิด หรืออย่างน้อยๆลอเรลที่เธอรู้จักก็คงไม่สามารถเพิ่มส่วนสูง เปลี่ยนสีตาและทรงผมได้ภายในเวลาไม่ถึงสิบนาทีอย่างนี้
เด็กสาวอ้าปากจะพูด แต่ชายหนุ่มกลับเอ่ยขัดขึ้นก่อน "ช่างไฟฟ้าครับ ไม่ใช่โจร" ใบหน้าอมยิ้มของเขาทำให้ยูเกลหน้าแดง
"ขะ...ขอโทษค่ะ นึกว่าเพื่อนมาแกล้งกัน" เด็กสาวละล่ำละลัก ไม่ใช่ลอเรลแน่ๆล่ะและก็ไม่ใกล้เคียงเลยด้วย บุรุษตรงหน้าน่าจะมีอายุประมาณ30ต้นๆ ผมสีทองหยักศกถูกมัดไว้หลวมๆ และนัยน์ตาที่กำลังเป็นประกายนั่นก็เป็นสีเขียว
ยูเกลกวาดสายตามองเสื้อผ้าของเขาภายในเสี้ยววินาที ชุดเครื่องแบบช่างไฟฟ้าของเมืองสีส้มแปร๊ดชนิดที่ว่ามองร้อยเมตรก็ต้องเห็น
ดูจากสารรูปแล้วยังไงก็ไม่มีทางเทียบพ่อเทวดาหน้าสวยนั่นได้หรอก
"เมื่อครู่นี้สัญญาณแจ้งไฟฟ้าขัดข้องของเขตนี้แจ้งเตือนที่สถานีน่ะครับ" เขาเอ่ยต่อด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อแปรกิริยาของยูเกลผิด "เลยมาเช็คดู ขออภัยด้วยที่มาเสียดึก" นัยน์ตาสีเขียวเหลือบมองร่มในมือของเด็กสาวขำๆ
"อ๋อ ค่ะ" เธอยิ้มแห้งๆ แต่ยูเกลก็กล้ำกลืนความรู้สึกสำนึกผิดที่เดินถือร่มออกมาพร้อมเจตนาพยายามฆ่าแขกที่หน้าประตูลงไปอย่างรวดเร็ว เพราะคิดอีกทีถ้าเป็นน้าจอร์จละก็ลองใครมากดกริ่งเอามืดๆค่ำๆแบบนี้ เขาอาจจะเปิดประตูรับด้วยรอยยิ้มและ 11 ม.ม. ก็ได้ ก็แหม...ใครใช้ให้มาปฏิบัติหน้าที่ได้รวดเร็วขนาด...
ความคิดที่ทำให้มือที่กำลังจะเปิดประตูต้องหยุดชะงัก ถึงเธออาจจะกะเวลาผิดเพราะความกลัวก็ตาม แต่ว่าตั้งแต่ไฟดับเมื่อครู่มันก็ผ่านมาไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ สถานีจ่ายไฟก็อยู่ห่างไปตั้งหลายกิโล...
แบบนี้...มันจะเร็ว...เกินไปหน่อยรึเปล่า...?
ทว่าก่อนที่ยูเกลจะทันตัดสินใจระหว่างขอดูบัตรประจำตัวกับเอาร่มในมือฟาดหัวผู้มาเยือนให้สลบคาประตูไปเลย จู่ๆก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
"อ๋อ ผมตั้งเวลาปลุกไว้น่ะครับ ว่าควรจะมาถึงบ้านที่มีปัญหาภายในกี่นาที" เขายิ้มแห้งๆเป็นเชิงขอโทษ "ขอโทษที่ทำให้ตกใจ" ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงขึ้นมากดอย่างรวดเร็ว
ทว่ามันก็ไม่อาจจะหลุดรอดสายตาของยูเกลไปได้ ถึงเธอจะอยู่ในเมืองที่ค่อนข้างชนบท แต่ก็ไม่ถึงกับไม่ได้ดูทีวี แถมภาพของโทรศัพท์รุ่นใหม่ที่พึ่งออกในข่าวเทคโนโลยีเมื่อสองสามวันก่อนก็ยังอยู่ในความทรงจำ
เหมือนเครื่องนี้เป๊ะเลย
ไม่ยักรู้ว่าเดี๋ยวนี้งานช่างไฟจะเงินดีขนาดซื้อมือถือรุ่นล่าสุดแบบนั้นมาได้
ความคิดที่ทำให้ภาพของหนังโฮมส์อะโลนแล่นเข้ามาในสมอง
ห้ามให้เข้าบ้านเด็ดขาด!
"เอ่อ...รบกวนช่วยคอยซักครู่หนึ่งจะได้ไหมคะ" ยูเกลเอ่ยพลางดันประตูให้แคบลง "มีปัญหานิดหน่อยน่ะค่ะ" เธอเอ่ยเร็วๆและรีบปิดประตู
ทว่าก่อนที่มันจะปิดสนิท มือของอาคันตุกะแปลกหน้ากลับดันเอาไว้ แน่ล่ะว่าแรงของเด็กสาววัยรุ่นกับชายหนุ่มวัยฉกรรจ์มันไม่เท่ากันอยู่แล้ว บานประตูที่ควรจะปิดกลับถูกเปิดออก
"ผมแค่เช็คไฟนิดเดียวเท่านั้นเอง ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรเหรอครับ" เขายกมือซ้ายขึ้นพาดกับวงกบขณะที่มือขวายังดันบานประตูเอาไว้ รอยยิ้มระบายอยู่บนใบหน้าแต่ว่ามันกลับไม่ได้ทำให้คนดูรู้สึกดีขึ้นแม้แต่น้อย ยูเกลเหลือบมองมือที่พาดกับขอบประตูพลางรู้สึกว่าหัวใจเต้นผิดจังหวะ
ช่างไฟฟ้าอาจจะมีปัญญาซื้อมือถือรุ่นใหม่ แต่คงไม่มีคนไหนใส่โรเลกซ์มาทำงานแน่ๆ
เอาเถอะ...ความคิดนี้น่าจะใช้อ้างกับตำรวจได้
ความคิดที่ทำให้เด็กสาวยิ้มหวาน ความรู้สึกตื่นเต้นแล่นพรวดพราด เธอมองเจ้านาฬิกาสีทองที่แทบจะสะท้อนทิ่มตานั่นและหัวเราะหึๆแบบเดียวกับที่ลอเรลชอบทำ "ฉลาดเกินไปหน่อยน่ะค่ะ" เธอเอ่ยและกระชากประตูเปิดออก
ร่างของชายหนุ่มที่กำลังดันประตูอยู่เสียหลักและเซมาข้างหน้า เขาเผลอยกมือขึ้นคว้าขอบวงกบเพื่อทรงตัวก่อนจะล้มหัวคะมำ
ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ยูเกลกำลังรออยู่พอดี
เธอจ้องหน้าผู้บุกรุกเขม็งและกระแทกประตูปิดอย่างแรง
มันฟาดเข้ากับใบหน้าเข้มๆนั่นจนเขาหน้าหงาย แต่ยูเกลก็ไม่ปล่อยโอกาสให้ชายหนุ่มตั้งตัว มือขาวกำลูกบิดประตูไว้แน่นและกระแทกมันปิดลงอีกครั้ง
โดยไม่รอให้มือที่ยังคาอยู่ที่ขอบประตูนั่นได้มีโอกาสดึงกลับไปเลย
ชายหนุ่มร้องลั่นและดึงมือกลับออกไปทันที ยูเกลรีบปิดประตูและกดล็อกอย่างรวดเร็ว หัวใจยังคงเต้นระทีก
ต้องขอบคุณน้าจอร์จที่ทิ้งเธอไว้กับดีวีดีหนังแอคชั่นกองเป็นภูเขาตั้งแต่เด็กๆ
แต่ว่าบ้านนี้ยังมีทางเข้าทางอื่นอีก ยูเกลเรียนรู้ว่ามนุษย์เพศชายที่โกรธเกรี้ยวบางครั้งก็ผูกพยาบาทได้ไม่แพ้เพศหญิง และการที่ถูกประตูหนีบมือทั้งสองข้างแบบนั้นก็คงจะเจ็บไม่ใช่น้อยทีเดียว
ต้องรีบไปล็อคประตูในครัว
ความคิดที่ทำให้เด็กสาวหมุนตัวกลับเพื่อที่จะเผชิญหน้ากับชายหนุ่มอีกคน
ช้าไป...
ชายหนุ่มตรงหน้ายิ้มละไมเมื่อเห็นดวงตาสีน้ำเงินคู่สวยเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนก เขามีผมยาวสีดำที่รวบไว้เรียบร้อย ใบหน้าหล่อเหลาและนัยน์ตาสีม่วงเข้มเป็นประกายวาบวับที่ทำให้ยูเกลนึกถึงเจ้าแมวตัวเมื่อครู่และ...
พระเจ้า เด็กสาวอุทานในใจเมื่อสังเกตเห็นปลอกคอสีดำติดกระพรวนที่คอของเขา
กริ๊ง...
ถ้าหมอนี่ไม่ผิดปกติ เธอก็คงบ้าที่คิดว่าเขาเหมือนแมวตัวนั้นไม่มีผิด เหมือนแม้กระทั่งเสียงกระพรวน!
"ขอบคุณสำหรับบะหมี่นะครับ" เขาเอ่ยเสียงนุ่ม พลางยกถ้วยบะหมี่ในมือขึ้น "ถึงจะอืดไปหน่อย แต่ก็อร่อยมากเลย"
ยูเกลหรี่ตาลง สาบานได้ว่านั่นมันถ้วยบะหมี่ที่เธอทิ้งไว้ที่ห้องนั่งเล่น
"นายเป็นใคร"
"ยอมรับว่าไม่ใช่ช่างไฟฟ้า" เขายักไหล่ น้ำเสียงมีแววสนุก "แต่ไม่ใช่ขโมยแน่นอนครับ"
...ถ้าไม่ใช่ขโมยก็แสดงว่าไม่ต้องการทรัพย์สินมีค่า ความคิดที่ทำให้เด็กสาวกลืนน้ำลาย
เมายา? ไม่น่าจะใช่ อย่างน้อยๆชายหนุ่มตรงหน้านี่ก็ยังดูเหมือนพวกสุขภาพดี และหากคะเนจากสายตาเอาแล้ว ร่างกายที่ซ่อนอยู่ภายใต้ชุดสูทสีดำนั่นก็คงจะสมบูรณ์แบบนักกีฬา
ไม่ใช่คนแถวนี้แน่ๆ การใส่เสื้อสูทภายใต้สายลมและแสงตะวันริมทะเลก็เหมือนกับการใส่บิกินี่เดินในหน้าหนาวนั่นแหล่ะ
สมองของยูเกลแล่นอย่างรวดเร็วเมื่อความเงียบเริ่มเข้ามาครอบงำบทสนทนา จากหนังสือว่าด้วยการป้องกันตัวซักเล่มที่เธอเคยอ่านเมื่อนานมาแล้วเหมือนจะเขียนไว้ว่าห้ามให้ผู้บุกรุกมีเวลามากพอจะสำรวจร่างกายของเรา เพราะมันอาจจะไปกระตุ้นสัญชาตญาณเลวร้ายอะไรซักอย่างขึ้นมาได้ แม้ว่าเธอจะยังคิดไม่ออกว่าไม้กระดานแบนๆแบบนี้จะไปกระตุ้นอะไรได้นอกจากต่อมน้ำโห
ชวนคุยไปเรื่อยๆ แล้วหาทางหนีที่ไล่
"ต้องการอะไรน่ะ" แม้ว่ามันจะเป็นคำถามที่จะนำไปสู่คำตอบที่ไม่เข้าท่ามากที่สุดแต่เด็กสาวก็เอ่ยออกมาก่อนจะยั้งไว้ได้ทัน
"ต้องการจะหักแขนเธอบ้างน่ะสิ" เสียงเรียบๆดังขึ้นจากด้านหลังของชายผมดำ แล้วยูเกลก็รู้สึกราวกับใครมาราดน้ำเย็นๆใส่ศีรษะในทันที
เมื่อร่างในชุดสีส้มแสบตาปรากฏตัวออกมาพร้อมด้วยวัตถุมรณะสีดำในมือ
************************************
บ้าน่ะ...ยูเกลถอยกรูดไปจนชิดประตู นัยน์ตามองชายทั้งสองอย่างตื่นตระหนก
"ไม่เอาน่ะ" ชายผมดำเอ่ยยิ้มๆ "อาจารย์ทำคุณหนูเธอกลัวหมดแล้วนะครับ"
"แล้วคุณหนูของแกทำมือฉันเป็นแบบนี้ล่ะ" เด็กสาวแอบกลืนน้ำลายอึกเมื่อมองเห็นนิ้วที่เปลี่ยนเป็นสีม่วงที่ชายผมทองยกขึ้นมาให้ดู นิ้วชี้และนิ้วก้อยบิดเบี้ยวผิดรูปและเนื้อบางส่วนก็ฉีกห้อยรุ่งริ่ง "กระดูกแตกเลยนะเว้ย" เขาเอ่ยพลางเช็ดเลือดกำเดาที่ไหลออกจากจมูกด้วยแขนเสื้อ
...ท่าทางว่าเขาคงจะไม่ได้ต้องการแค่หักแขนเธอซะแล้ว...ยูเกลรู้สึกถึงความกลัวที่ค่อยๆแล่นมาจับที่ต้นคอ เธอขยับตัวอย่างอึดอัด ทันใดนั้นข้อศอกของเด็กสาวแตะโดนลูกบิดประตูโดยไม่ได้ตั้งใจ
ทางหนี! ความคิดที่เป็นเหมือนหยดน้ำกลางทะเลทราย ยูเกลเผลอสูดหายใจเข้าเพื่อรวบรวมสติ ยังพอมีทาง...ถ้าหากเธอจะสามารถวิ่งหนีออกประตูไปได้ทันเวลา ก่อนที่สองคนนั่นจะทันรู้ตัว...
"พวกแกเป็นใครน่ะ" เธอตัดสินใจเอ่ยถ่วงเวลา...ใช่..ต้องเบี่ยงเบนความสนใจ
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายผมดำ "คนที่มีธุระบางอย่างกับคุณนั่นแหล่ะครับ คุณหนู"
ธุระบ้าบออะไรกัน ยูเกลคิดในใจแต่เธอก็นึกขึ้นมาได้ว่าธุระของพวกที่บุกรุกเข้ามาในบ้านคนอื่นยามวิกาลก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องอะไรเจริญๆอยู่แล้ว เด็กสาวค่อยๆขยับตัวไปที่ลูกบิดประตูช้าๆ
"แต่ฉันไม่มีธุระอะไรกับพวกแกซักหน่อย" เด็กสาวรู้สึกถึงเหงื่อที่ซึมขึ้นมาตามแผ่นหลัง มือของเธอค่อยๆสั่นขึ้นมาทีละนิดด้วยความระทึก
"เดี๋ยวก็มี" ชายผมดำหัวเราะและหันไปพยักเพยิดกับบุรุษข้างๆ "ใช่ไหมครับอาจารย์"
แต่ว่าไม่ว่าธุระบ้าบอนั่นจะเป็นอะไรก็ตาม ยูเกลก็ไม่สนใจที่จะฟังมันอีก เธอหมุนตัวขยับ มือขาวคว้าหมับที่ลูกบิดประตู
เสียงกริ๊กดังขึ้นเมื่อเธอหมุนมันเปิดออก เด็กสาวกระชากประตูเปิดและพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่รอให้บานประตูเปิดออกจนสุดด้วยซ้ำ
เพียง10วินาทีต่อมาเธอก็เตลิดเข้าป่าสนข้างๆไปเรียบร้อย
"ขนาดมีปืนอยู่ในมือยังปล่อยให้เหยื่อเตลิดหนีเข้าป่าไปได้อีก...อาจารย์ชักจะมือตกไปรึเปล่าครับเนี่ย" เสียงที่แฝงไว้ซึ่งความขบขันดังมาจากชายผมดำ นัยน์ตาสีม่วงของเขาเหลือบมองบุรุษข้างกายโดยไม่สนใจเด็กสาวที่พึ่งหนีไปแม้แต่นิดเดียว "ชักจะใกล้เวลาเกษียนแล้วละมั้ง"
"พูดเหมือนตัวเองไม่เห็นพิรุธตั้งแต่แรกว่ายัยนั่นคิดจะหนีน่ะ" คนถูกแซวปราบตามองลูกศิษย์ยิ้มๆพลางหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบอย่างสบายอารมณ์ "ถ้าเป็นในหน้าที่...ประมาทเลินเล่อแบบนี้มันหมายถึงชีวิตของนายเหนือหัวแกเลยนะ" เขาพ่นควันออกมาเป็นสายบางๆ "องครักษ์แบบนี้ใช้ได้ที่ไหน"
คำพูดที่คนฟังต้องขมวดคิ้ว "อาจารย์ก็มีปืนอยู่ในมือแท้ๆ"
"กระดูกนิ้วหักแบบนี้มันจะยิงได้ยังไง" ชายผมทองหัวเราะพลางยกมือที่บัดนี้นิ้วเปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ำน่ากลัวขึ้นมาให้ดู "อุตส่าห์เห็นว่าเป็นมนุษย์ แถมยังเป็นเด็กผู้หญิง ฉันเลยเผลอไปหน่อย" เขาส่ายหัว "ไม่คิดว่าจะดุเหมือนหมาอย่างงี้"
"งั้นที่ปล่อยให้หนีไปข้างนอกแบบนี้จะบอกว่าดีแล้วงั้นสิครับ" ผู้เป็นศิษย์เอ่ยพลางหยิบถ้วยบะหมี่ขึ้นซด "ให้ออกไปเจอกับเจ้านั่นน่ะ"
"คงงั้นมั้ง" ชายผมทองพยักหน้า นัยน์ตาสีเขียวมองดูปืนสมิธแอนเวสสันในมือ "อย่างน้อยคงทำให้ยอมมาคุยกันดีๆได้มากกว่าใช้ปืนล่ะ"
********************************
ความคิดเห็น