ลำดับตอนที่ #13
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ธีโอดอร์ ตอนที่ 2.
“นายเป็น...อะไรนะ?” ยูเกลเอ่ยทวนอย่างไม่เข้าใจ “ผู้ใช้ตุ๊กตา?” เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาและพยายามประมวลผลข้อมูลที่พึ่งได้รับ อยู่ดีๆก็มีตุ๊กตาแปลกปลอมในบ้านของเธอ แล้วไอ้ตุ๊กตานั่นก็กลายมาเป็นเด็กผู้ชายที่บอกว่าตัวเองเป็นผู้ใช้ตุ๊กตา
เอาเรื่องไปเขียนนิยายได้เลยนะเนี่ย
“ใช่ครับ”
“แล้ว...”สาวน้อยเกาหัวงงๆ “ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ”
คำพูดซื่อๆนั่นทำเอาคนฟังถึงกับชะงักไปสองวินาที ก็ตอนพบกันครั้งที่แล้วธีโอดอร์จำได้แม่นว่าเด็กหญิงคนนี้ทั้งฟาดหัวฟาดหาง ทำเอาพวกเขาลำบากกันไปหมด แต่นี่กลับให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีจนน่าประหลาด แต่คิดๆไปก็ไม่แปลก...เพราะในตอนนี้คนตรงหน้าของเขาไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อคืนก่อนหลงเหลืออยู่เลย ดังนั้นสำหรับเธอนี่จึงเป็นการพบกันครั้งแรก
“ทำหน้างงอยู่ทำไม จะพูดอะไรก็รีบพูดสิ ฉันอุตส่าห์ถามดีๆ” ยูเกลยิ้มอย่างนึกสนุก นี่ถ้าหากเขาไม่ได้พึ่งกลางร่างจากตุ๊กตาละก็ เธอคงคิดว่าเด็กหนุ่มหน้าสวยตรงหน้านี่เป็นคนบ้าและไม่พูดผสมโรงไปแบบนี้ด้วยแน่ๆ “อย่าบอกนะว่าฉันไปปลดปล่อยนายเข้าเลยจะให้พรวิเศษสามข้อน่ะ”
ยูเกลมองดูนัยน์ตาสีฟ้าใสคู่นั้นโชนแสงขึ้นเล็กน้อย ท่าทางเขาจะแปลกใจที่เธอไม่ได้ตื่นตระหนกเลย แต่หากว่าเด็กสาวรับรู้สิ่งที่อยู่ในใจของธีโอดอร์ตอนนี้แล้วละก็คงจะต้องขำกลิ้งทีเดียว เพราะเด็กหนุ่มเตรียมใจไว้ว่าตัวเองต้องเตรียมวิ่งไล่จับกันอีกรอบหรือไม่ก็ต้องปลุกคนเป็นลม
ไม่ธรรมดา...ไม่ธรรมดาจริงๆ ผู้หญิงของพี่เอเลียต...
“ไม่ตกใจเลยเหรอครับ” ว่าแล้วธีโอก็ถือโอกาสหยั่งเชิงความไม่ธรรมดาของคนตรงหน้าซักเล็กน้อย เขารู้ว่าการแอบเอาตุ๊กตาอาคมทิ้งเอาไว้ที่นี่ก็เพียงพอจะทำให้ถูกถอดยศเสื่อมเสียกันไปทั้งวงศ์ตระกูลแล้ว ดังนั้นการจะทำอะไรต่อไปจะต้องมีความรอบคอบและระมัดระวังมากกว่าเดิม ด้วยเหตุนี้พ่อมดน้อยจึงต้องสวมบทฝ่ายบุคคลชั่วคราว
“ฮะ...ตกใจซี่ ตกใจจนแทบจะไปคว้ากระทะมาฟาดหัวนายด้วยซ้ำ” ยูเกลหัวเราะร่วน “แต่พอดีนายขวางประตูอยู่เลยวิ่งไปเอาไม่ได้”
เยี่ยม...นี่เขารอดพ้นจากการถูกกระทะฟาดมาอย่างหวุดหวิดสินะ
“ถ้างั้นก็ไม่กลัวผมสินะครับ”
“เปล่า” ยูเกลยิ้มเจ้าเล่ห์ “ก็กลัวอยู่แหล่ะ แต่ถ้านายจะทำร้ายฉัน นายคงทำตั้งแต่ตอนฉันอึ้งไปห้านาทีตะกี้แล้ว แล้วอีกอย่างก็ไม่มีเหตุผลที่นายจะทำร้ายฉันไม่ใช่เหรอ” เธอจ้องเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยอารมณ์สนุกเต็มที่ “นายออกมาจากตุ๊กตาไม่ได้เดินถือปืนเข้ามาในบ้านนี่ ส่วนที่เหลือ...ก็เป็นหน้าที่ของนายที่จะต้องพิสูจน์ตัวเองว่าไม่ได้มาร้าย แล้วอีกอย่าง…” ยูเกลหันไปมองวิวนอกหน้าต่าง เสียงคลื่นที่สาดซัดเข้าหาฝังทำให้บรรยากาศตอนนี้ไม่เงียบเกินไปนัก “ฉันเองก็เบื่อๆอยู่แล้ว ไม่มีอะไรจะทำ ไม่มีใครให้เชื่อใจได้นี่” เด็กสาวหันมายิ้มเศร้าๆ “ถ้านายจะมาก่อเหตุฆาตกรรมอำพรางอะไรในบ้านนี้ ก็ถือว่าเป็นการตายที่พิเศษกว่าคนอื่นไม่เลว หรือถ้านายจะมาหลอกอะไรฉัน” เธอนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง “แค่แกล้งทำเป็นเชื่อใจคนธรรมดาก็ท้าทายจะแย่แล้ว ฉันว่าการจะเชื่อพ่อมดก็คงไม่ได้ยากอะไร”
คำพูดที่ประกาศตัวตนอย่างแจ่มแจ้งก่อให้เกิดความรู้สึกแปลกๆเกิดขึ้นในใจของเด็กหนุ่ม
เด็กผู้หญิงที่นั่งหัวเราะอยู่ตรงหน้าเขาแท้จริงแล้วมีจิตใจที่ดำมืดและโดดเดี่ยว
การลืมคนๆเดียวสามารถทำให้คนเราเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้เลยเหรอ?
และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ทำให้ธีโอต้องเล่นนอกบท “แต่ว่า...ถ้าเชื่อผม อาจจะต้องเจอเรื่องร้ายๆไปกว่านี้นะครับ”
แต่ดูท่ายูเกลจะไม่ใส่ใจคำเตือนของเขาเลยแม้แต่น้อย “ร้ายของนายคืออะไรล่ะ ทำไม นายจะเอาฉันไปทดลองยาพิษหรือคำสาปตัวใหม่รึไง”
“ไม่ใช่ขนาดนั้น แต่ก็อันตรายพอดู” เด็กหนุ่มเตือน
เด็กสาวตรงหน้าหัวเราะหึๆ กิริยา...ที่ทำให้เขานึกถึงใครบางคนขึ้นมาตงิดๆ “มันคงไม่มีอะไรร้ายไปมากกว่าที่เป็นอยู่อย่างนี้แล้วหรอก เอ๊ะ นี่นายจะมาขอให้ฉันเชื่อหรือจะให้ฉันไม่เชื่อกันแน่เนี่ย”
มีสิ...ธีโอคิดในใจ หากว่าความทรงจำของเธอกลับมาและเราทำตามแผนไม่ได้
คนที่จะโชคร้ายที่สุดก็คือตัวของเธอเอง
“สมมติว่า...ถ้ามีเรื่องร้ายๆที่คุณหนูเองก็ลืมไปแล้ว แต่เพราะเรื่องนี้ทำให้ต้องมานึกถึงมันใหม่ล่ะ?”
ใบหน้าของเด็กสาวเปลี่ยนไปและนั่นทำให้ธีโอรู้สึกว่าไม่น่าพูดประโยคเมื่อครู่ออกไปเลย เขาเผลอสงสารเธอ เป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่มแอบหวังให้เธอตอบปฏิเสธ
บ้าจริง เรากำลังทำอะไรอยู่? เราต้องช่วยพี่เอเลียตนะ
“ถ้ามันร้ายขนาดนั้นจริง...ฉันก็คงลืมไม่ได้หรอก” ยูเกลเอ่ย นัยน์ตาสีน้ำเงินของเธอเหม่อมองพื้น พริบตาหนึ่งธีโอเหมือนจะเห็นว่ามันว่างเปล่าเหมือนดวงตาของพี่ ความว่างเปล่าที่ไม่สะท้อนสิ่งใดให้เห็น “ต่อให้พยายามลบมันก็จะยังติดอยู่ในใจอยู่ดี” เธอชี้ไปที่ตำแหน่งของหัวใจ “เราหลอกตัวเองได้ แต่หลอกใจไม่ได้หรอกนะ…เป็นไงพูดดูดีมีสาระขึ้นบ้างไหม?” เด็กสาวยิ้มยิงฟัน “พอจะยอมบอกฉันได้รึยังล่ะว่านายมานอนในตู้ยาของฉันทำไม?” คำพูดที่บ่งบอกว่ามาจากใจจริงนั้นทำให้ธีโอรู้สึกอบอุ่นขึ้นอย่างบอกไม่ถูก นัยน์ตาสีฟ้าใสฉายแววอ่อนโยนขึ้น
ทว่าประโยคต่อมากลับทำให้ความรู้สึกเป็นมิตรดีๆนั่นจางหายไปในทันที
“แล้วจะบอกได้รึยังว่าเรื่องร้ายๆที่ฉันลืมไปมันเรื่องอะไร?”
“แค่เรื่องสมมติน่ะครับ”
“ไม่ใช่” ยูเกลเถียงทันควัน นัยน์ตาสวยๆคู่นั้นแข็งกร้าวขึ้นมาฉับพลัน รวมถึงน้ำเสียงก็กระด้างจนน่ากลัว “ฉันไม่คิดหรอกว่านายจะสมมติเรื่องบ้าบออะไรพรรค์นั้นขึ้นมาหรอก ถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริง” เด็กสาวเน้นคำว่าเรื่องจริงด้วยเสียงเฉียบขาด “บอกมา...นายทำอะไรกับฉันแล้วก็คนอื่นๆ ทำไมวันนี้ฉันรู้สึกเหมือนมีใครหายไปซักคน แถมยังเรื่องจานเรื่องแก้ว...มีใครหายไปอย่างงั้นเหรอ?”
ฉลาด เด็กหนุ่มคิดพลางรู้สึกว่าขนของเขากำลังลุกซู่...เด็กผู้หญิงคนนี้ฉลาดจนน่ากลัวทีเดียว เพียงแค่เขาเผลอไปหน่อยเพราะเห็นว่าเป็นเด็กผู้หญิงที่ทำอะไรไม่ได้ เธอก็สามารถเดาเรื่องได้ถึงขนาดนี้ ธีโอดอร์คิดในใจ ใช่สิ...เธอเป็นคนที่พี่เอเลียตเลือกนี่นะ...
เด็กหนุ่มยืนนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะยื่นมือขวาให้ยูเกล
“ผมตัดสินใจได้แล้ว”
“ก็ดีเพราะถ้านายไม่ยอมบอก งานนี้ฉันคงได้ใช้กระทะฟาดจริงๆ” เด็กสาวยิ้มก่อนจะจับมือของธีโอ “คืนส่วนที่หายไปของฉันมาแล้วจะให้ฉันไปบุกน้ำลุยไฟที่ไหนก็เชิญเถอะ”
ธีโอพยักหน้า “งานนี้คุณหนูจะได้ทั้งบุกน้ำและลุยไฟแน่ๆ เพียงแต่ตอนเริ่มต้นอาจจะเศร้าหน่อยนะครับ” แล้วก็ยกมือขึ้นเหนือศีรษะของเด็กสาว ทำท่าทางราวกับตนเองเป็นบาทหลวงเตรียมทำพิธีล้างบาป...เพียงแต่บาปที่จะล้างไม่ใช่ของเธอแน่นอน “แต่ก่อนที่ผมจะบอกจุดประสงค์ มีบางอย่างที่คุณต้องรู้ครับ....” เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ยูเกล รูสเทิร์น” ธีโอดอร์หลับตาลง “คลายมนตร์”
ธีโอดอร์จำได้ว่าตอนที่เขาเห็นการคืนความทรงจำครั้งแรกนั้นเป็นตอนที่เขาอายุได้9ขวบ ตอนนั้นธีโอดอร์น้อยต้องนั่งดูผู้ช่วยของอาจารย์ที่ถูกใช้เป็น “เหยื่อ” นั่งทำท่าทางประหลาดๆอยู่นาน อันที่จริงมันก็ไม่ได้ประหลาดขนาดนั้นและเวทย์นี่ก็ไม่ได้ถึงกับพิสดารอะไรมากมาย เพราะมันก็เพียงแค่จำลองเหตุการณ์ที่ถูกลบทิ้งไปมาฉายซ้ำใหม่ด้วยความเร็วสูง แต่ผู้ที่ถูกเวทย์นี้เนี่ยสิที่ค่อนข้างลำบาก เพราะเขาจะมีปฏิกิริยาต่อสถานการณ์จำลองเหล่านั้นด้วยความเร็วสูงเช่นกัน
ถ้าหากเนื้อหาที่ถูกลบไปมีจำนวนน้อย บางครั้งคนถูกใช้เวทย์อาจจะไม่มีปฏิกิริยาให้แสดงเห็นภายนอกเลย แต่ถ้ามันยาวแล้วละก็คนๆนั้นก็จะดูแล้วเหมือนคนบ้าที่หัวเราะ โกรธ ดีใจอยู่กับตัวเอง
ธีโอจำได้ว่าตอนนั้นเขานั่งสะกดอารมณ์ขำอยู่คนเดียว ขณะที่คนอื่นๆหัวเราะงอหาย
แต่เมื่อถึงเวลาที่เอาเวทย์นี่มาใช้จริงๆพ่อมดน้อยกลับพบว่ามันไม่สนุกเลย
ใบหน้าของเด็กสาวซีดเผือด เธอไม่มีปฏิกิริยาความเร็วสูงซึ่งอาจเป็นเพราะความยาวของ “เรื่อง” ที่นูช่าห์จัดการลบไปนั้นเป็นเรื่องของคนๆเดียวยาวนานถึงสามปี เนื้อเรื่องจึงไม่ประติดประต่อกัน ยูเกลจึงเพียงแค่นั่งนิ่งอยู่กับที่ราวกับรูปสลัก
แต่น้ำตาที่ไหลออกจากดวงตานั้น...เป็นของจริง
ธีโอยืนนิ่งก่อนจะต้องเบือนหน้าหนีไปอีกทางหนึ่ง กดเอาความรู้สึกสงสัยว่าตนเองกำลังทำสิ่งที่ถูกต้องอยู่หรือเปล่าลง
ไม่...สิ่งที่เขาทำตอนนี้ไม่ใช่มานั่งคร่ำครวญถึงสิ่งที่ตนเองได้ทำไปแล้ว เขาไม่ใช่เด็กอีกต่อไป หากแต่เป็นผู้ใหญ่ที่กำลังมีภาระและหน้าที่อันหนักอึ้งซ้อนทับกันอยู่บนบ่า หนักมากกว่าเข็มกลัดเงินอันเล็กๆมากมายหลายเท่า
ทว่าในตอนนี้เด็กหนุ่มคิดว่าบ่าของตนคงต้องแบกรับสิ่งอื่นเข้าไปเพิ่มอีก เมื่อเด็กสาวเริ่มซวนเซและทำท่าจะล้มลง ธีโอดอร์ก็รีบคว้าเอาร่างบางนั่นไว้ เธอโผเข้ากอดเขาเข้าทันทีแล้วก็เริ่มสะอื้น น้ำตาอุ่นๆไหลเปรอะเปื้อนชุดสีขาวเป็นด่างดวง
แม้จะรู้ว่าต้องโดนด่ายับแน่ๆโทษฐานทำชุดพระราชทานเลอะ แต่ธีโอกลับคิดว่าตอนนี้เขามีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่า ขอเพียงแค่นาทีนี้เท่านั้น...ให้บ่าของเขารองรับเพียงแค่ความเจ็บปวดของเธอ แทนที่บุคคลที่เขานับถือราวกับพี่ชาย...
แต่วินาทีต่อมา...หนุ่มน้อยน่ารักคนนี้ก็ต้องพบว่าตัวเองคิดผิด
ใช่! คิดผิดตั้งแต่สงสารยัยนี่ โดยลืมวีรกรรมเก่าที่หล่อนทำไว้เมื่อวานไปซะสนิท!
ร่างที่สั่นเทิ่มของเธอกอดเขาไว้แน่น มือขาวทั้งสองข้างเกาะกุมไหล่ราวกับจะหาที่พึ่ง...
แต่เพียงชั่วพริบตา มันก็ย้ายมาอยู่ที่คอของเขาแทน
ทั้งที่น้ำตายังไหลพราก แต่ดวงตาอันแน่วแน่ของเด็กสาวบ่งบอกถึงความโกรธเกรี้ยว ยูเกลไม่เสียเวลาแม้แต่จะเช็ดน้ำตา เธอกดน้ำหนักลงที่ส่วนนูนๆบนคอของเด็กหนุ่มอย่างแรงไร้ความปรานี “บอกมาเดี๋ยวนี้นะ ไอ้พ่อมดหน้าตุ๊ดไม่ระบุเพศ…” เด็กสาวตวาดอย่างหยาบคายผิดกับน้ำเสียงสั่นเครือที่มีลูกสะอื้นตามมาเป็นระยะ
“…ลอเรล...อึ่ก...อยู่ที่ไหน”
******************
“ปล่อย...ผม...ก่อน” ธีโอดอร์สำลัก แต่ว่ามือขาวๆที่กำอยู่รอบคอของเขาก็ไม่ยอมทำตาม
“บอก มา ก่อน ว่า ลอเรล อยู่ ที่ ไหน” เด็กสาวเอ่ยช้าๆด้วยน้ำเสียงเย็นชาผิดกับใบหน้าที่แดงก่ำด้วยอารมณ์รุนแรง “ไม่อย่างงั้นฉันจะได้ฆาตกรรมพ่อมดเป็นครั้งแรกในชีวิตให้ดูเลย”
“...ถึงฆ่า...ก็ไม่ตายหรอก” ธีโอพยายามเอ่ยขัดพลางยกมือขึ้นจับแขนของเธอไว้ “อย่าลืมสิ...ว่า...ตอนนี้ร่างผม...เป็น...ตุ๊กตาไม้นะ”
“เป็นตุ๊กตาไม้ฉันก็จะบีบให้แตกคามือเลย”
เด็กสาวขู่ด้วยน้ำเสียงจริงจังจนน่าตกใจ น้ำตายังคงไหลออกจากดวงตาของเธอ มันทำให้ภาพตรงหน้าพร่ามัว แต่สำหรับยูเกลแล้วเธอไม่ได้มองเห็นอะไรทั้งนั้นไม่ว่าจะมีหรือไม่มีม่านน้ำตาบังอยู่
ไม่ได้มองเห็นอะไรนอกจากใบหน้าของคนๆนั้น
คนสำคัญ
ภาพของลอเรลที่ยิ้มมาให้ ภาพของลอเรลที่หัวเราะนิดๆ ภาพของลอเรลที่ล้มก้นกระแทก ภาพของลอเรลตอนดุเธอ ภาพตอนที่เจอกันครั้งแรก
ลอเรลที่กอดเธอไว้หน้าปฏิทิน เสียงของเขาที่เรียกชื่อของเธอ
“...จะ...บ้า...เหรอ...แล้วจะบอกได้...ไงว่า...อยู่ไหน” เด็กหนุ่มพยายามดึงมือของเธอออก แต่ดูเหมือนยูเกลจะไม่ได้ยินซะแล้ว “มีสติ...หน่อยสิคุณ...ยูเกล!”
ดูเหมือนความพยายามของธีโอที่รวบรวมลมหายใจเฮือกสุดท้ายตะโกนเรียกชื่อเด็กสาวออกมาจะประสบความสำเร็จ เมื่อเธอชะงักและคลายมือออก เด็กหนุ่มรีบถอยออกห่างพลางยกมือขึ้นกุมคอตัวเอง เขาสำลักและไออยู่นาน
ดูท่าเขาจะพึ่งทำบาปมหันต์ไปสินะ...ถึงได้โดนกรรมตามทันรุนแรงแบบนี้
“เธอนี่...” ธีโอดอร์หันมามองยูเกล ตั้งท่าจะโวยวายแต่ว่าสิ่งที่เขาเห็นตรงหน้ากลับทำให้คำพูดที่คิดไว้หายกลับลงคอไปหมด
“ฉัน...ฉันลืมนายไปได้ยังไง” เด็กสาวทรุดตัวลงที่พื้น ร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น “ลอเรล...ลอเรล” น้ำตาที่พรั่งพรูออกมาไหลลงอาบแก้มใสและหยดลงบนพรมเป็นรอยด่าง ร่างของเธอสั่นตามแรงสะอื้น ปากก็พร่ำเรียกชื่อของเขาซ้ำๆอยู่อย่างนั้น
ลืมนายไปได้ยังไง
ทั้งที่เป็นคนสำคัญ
ทั้งที่เป็นคนช่วยฉันไว้
ฉัน...ลืมนายไปได้ยังไง
“...เธอ...” ธีโอเรียก แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรที่จะสามารถปลอบร่างตรงหน้าดี จากแม่เสือจอมโหดที่เกือบจะก่อคดีฆาตกรรม(?)เขาเมื่อครู่...มาบัดนี้กลับร้องไห้ราวกับเด็กเล็กๆ เด็กหนุ่มยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ตัดสินใจทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เขาเอื้อมมือไปแตะหัวเธออย่างเก้ๆกังๆ
“ไม่เป็นไรนะ” เขาปลอบด้วยคำพูดที่ตัวเองก็รู้ว่าช่วยอะไรไม่ได้และก็เหมือนจะไม่มีประโยชน์จริงๆเมื่อยูเกลได้แต่ร้องไห้ ธีโอจึงตัดสินใจนั่งอยู่อย่างนั้น เขาหันออกไปมองนอกหน้าต่างแล้วก็คิดประหวัดไปถึงคนที่ป่านนี้อาจจะเริ่มเป็นห่วงเขากันแล้ว ความหนักของหน้าที่และความรับผิดชอบค่อยๆกดลงที่ไหล่ของเด็กหนุ่มช้าๆ แต่เวลานี้ธีโอรู้ว่าเขาไม่สามารถจะทิ้งเด็กผู้หญิงที่กำลังร้องไห้ราวกับโลกจะแตกสลายนี้ไปได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเองก็มีส่วนรับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้
นี่เราคงไม่ได้ทำความผิดใช่ไหม?
เขาถอนหายใจออกมาเบาๆและเงยหน้าขึ้นมองพระจันทร์บนฟ้า
แต่แสงจันทร์ก็ไม่ได้ให้คำตอบใดๆกลับมา...
นอกจากสีเงินอันอบอุ่นราวกับคำมั่นสัญญา
ว่าจะอยู่เป็นเพื่อนกันไปทั้งคืน...
*********************
มาเป็นเพื่อนเขามั่งสิ~เมี้ยว~
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น