ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วุ่นจริง ศึกชิงเจ้าชายปีศาจ

    ลำดับตอนที่ #11 : บางสิ่งที่ขาดหาย ตอนที่ 3.

    • อัปเดตล่าสุด 30 ก.ค. 50



      
        “...กริ๊งงงงง” แสงตะวันและเสียงจากนาฬิกาปลุกทำให้ร่างที่นอนอยู่บนเตียงค่อยๆตื่นขึ้น มือขาวคลำเปะปะไปรอบๆหัวเตียงอย่างไร้ทิศทางและหยุดเสียงกริ่งเขย่าเซลล์ประสาทนั่นด้วยการปัดมันตกลงพื้น ยูเกลพลิกตัวทำท่าจะหลับต่อ แต่เธอก็ต้องลืมตาขึ้นอย่างแปลกใจ



        นาฬิกาปลุกนี้เป็นสิ่งที่เด็กสาวไม่เคยใช้หรือคิดจะใช้มันมาก่อน นับตั้งแต่มันถูกยัดเยียดเป็นของขวัญ ยูเกลก็เปลี่ยนมันเป็นเครื่องประดับหัวเตียงมาโดยตลอด ถ้าสังเกตดูให้ดีจะเห็นชัดเลยว่ามันเริ่มมีฝุ่นจับหน่อยๆแล้ว



        ก็ใครกันล่ะที่ช่างสรรหา เอานาฬิกาปลุกรูปปากสีแดงอันเบ้อเริ่มมาให้เป็นของขวัญวันเกิด โชคดีที่เสียงปลุกยังเป็นแค่เสียงกริ่งธรรมดา หากว่าเป็นเสียงกรี๊ดแล้ว ยูเกลคงต้องนอนผวาไปทั้งคืนแหงๆ



        เด็กสาวเหล่มองริมฝีปากยักษ์สีแดงสดใสบนพื้นอย่างไม่คิดจะเก็บขึ้นมา เจ้านาฬิกาปลุกติงต๊องนี่หล่นลงไปนอนหงาย ท่าทางแรงกระแทกจะทำให้วงจรข้างในเสีย ตัวเลขดิจิตอลบนหน้าปัดจึงหายไป ตอนนี้มันเลยมองดูเหมือนดอกไม้ประหลาดที่ผุดออกมาจากพื้น ช่างเป็นของขวัญวันเกิดบ้าๆที่ส่งมาทรมานคนรับแท้ๆ



        ...ของขวัญวันเกิดจาก...?



        ยูเกลขมวดคิ้ว ทำไมจู่ๆเธอก็นึกไม่ออกว่าได้เจ้านาฬิกาปลุกหน้าตาอุบาทว์นี่มาจากใคร ซึ่งก็แปลกเพราะเธอคงไม่ลืมแน่ๆว่าใครช่างสรรหาของพิสดารแบบนี้มาให้ เด็กสาวส่ายหัวพลางคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เธอควรจะหาวิตามินมากินบำรุงสมองซะบ้าง ก่อนที่จะกลายเป็นยายแก่หลงๆลืมๆ ว่าแล้วก็กระโดดลุกขึ้นจากเตียง ทว่าก่อนที่เธอจะได้ทันตีลังกาสามตลบลงสู่พื้น สาวน้อยของเราก็เกิดสะดุดชายกระโปรงชุดนอนตัวเองเข้าเต็มๆ



        ชุดนอน...?



        โครม!



        บ้าเอ๊ย! ยูเกลสบถออกมาพลางลูบจมูกที่เกือบจะฟาดกับขอบเตียงหักไปแล้วถ้าเธอสูงกว่านี้อีกนิด (จมูกหักหรือว่าขอบเตียงหัก?) แต่การที่ใบหน้าสวยๆกระแทกกับฟูกที่นอนเต็มๆก็นำความเจ็บปวดมาได้ไม่ใช่เล่น เด็กสาวเช็ดน้ำตาด้วยแขนเสื้อติดระบายลูกไม้ของตัวเองแล้วก็เผลอขมวดคิ้ว



        ชุดนอนตัวนี้...ปกติเธอไม่ใส่นี่? ยูเกลมองชุดนอนผ้าซาตินสีชมพูดอ่อนติดระบายของตัวเองด้วยสีหน้าประหลาดใจ ตั้งแต่น้าจอร์จส่งมาให้เป็นของขวัญวันเกิดปีก่อนเธอก็ฝังมันไว้ในตู้เสื้อผ้าแล้วนี่นา... เมื่อคืนเรากินอะไรผิดสำแดงเข้ารึไงนะ? เด็กสาวส่ายหัวแรงๆเพื่อหยุดความคิดที่ทำให้เหมือนมีอะไรขึ้นไปเต้นตุบๆบนขมับ เธอลุกขึ้นจากเตียงโดยทิ้งผ้าห่มไว้อย่างนั้น การถูกปลุกด้วยเสียงกริ่งแสบแก้วหูทำให้เด็กสาวรู้สึกเบลอ แต่การล้มฟาดจนหน้ากระแทกใส่เตียงนี่ทำให้เธอปวดหัวไปเลย



        ทว่าระหว่างที่กำลังจะไปหยิบยาแก้ปวดไมเกรนมากิน เสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงตะโกน



        “ยูเกล ตื่นรึยัง”



        ใครกันอีก ยูเกลคิดอย่างรำคาญพลางนวดจมูกของตัวเอง“มาแล้วๆ ตื่นแล้ว” เธอตะโกนกลับไปพลางเดินไปเปิดประตู ก่อนจะตีสีหน้าหงุดหงิดทันทีที่เห็นว่าที่ยืนยิ้มหน้าแป้นแล้นอยู่ที่หน้าประตูคือซีนวา



        “มาทำไมคะ” ยูเกลเอ่ยปากถามก่อนอย่างไม่เกรงใจ แค่โดนปลุกด้วยนาฬิกาปากแดง ตื่นขึ้นมาเจอตัวเองใส่ชุดนอนที่ไม่ชอบแล้วก็สะดุดล้มฟาดใส่เตียงก็เป็นเรื่องหงุดหงิดมากพอแล้ว หวังว่ารุ่นพี่ของเธอที่โผล่มาแต่เช้าจะมีเหตุผลดีๆ



        ไม่อย่างนั้นงานนี้ไม่ใครก็ใครคงได้โดนกัดซักแผลสองแผลก่อนโดนไล่ไปแน่ๆ



        “คนเขาอุตส่าห์เอาข้าวเช้ามาให้ อย่าดุนักสิ” ชายหนุ่มทำหน้างอและยกตะกร้าขนมปังขึ้นมาให้ดู กลิ่นหอมๆบ่งบอกว่ามันพึ่งออกจากเตาใหม่ๆ “คุณลุงเจ้าของร้านฝากมาให้ โอ๊ะ...ชุดนอนใหม่เหรอเนี่ย สวยจัง”
       


        “ขอบคุณค่ะ” เด็กสาวรับตะกร้าแต่ไม่ยอมตอบคำถามเรื่องชุดนอน คอยดูเถอะ คราวนี้จะไม่ฝังแล้ว แต่ฉันจะฌาปนกิจแกไปเลย “หมดธุระแล้วใช่ไหมคะ?” ยูเกลช้อนตาคู่สวยขึ้นมองพร้อมกับส่งแววตาขับไล่ไสส่งไปให้อย่างจงใจ



        “เฮ้ย อะไร จะไม่ให้เข้าไปพักดื่มกาแฟร้อนๆหน่อยเหรอ” ซีนวาโวยวาย แต่เธอรู้ดีว่าต่อให้เอ่ยปากไล่ไปตรงๆชายหนุ่มก็คงไม่โกรธอะไรอยู่แล้ว



        ...ท่าทางจะแค่อยากโดนแกล้ง...



        คิดได้ดังนั้นสาวน้อยเลยตอบปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย



        “บ้านนี้ไม่มีกาแฟค่ะ”



        “อะ งั้นชา” เอา...ยังไม่เลิกเล่น



        “ขี้เกียจชง”



        “...น้ำก็ได้”



        “ค่าน้ำแพงค่ะ เดี๋ยวนี้ต้องประหยัดหน่อย” เด็กสาวยิ้มเย็นชา “ถ้าพี่หิวน้ำจริงๆก็เชิญด้านโน้นดีกว่า” เธอผายมือไปทางทะเลด้วยท่าทางสมกับเป็นเด็กเสิร์ฟของร้านขึ้นชื่อในเมืองนี้ “ฟรี”



        “ใจร้าย คนเขาอุตส่าห์เอาขนมปังมาฝาก” คนถูกไล่เริ่มดัดเสียงเหมือนคนจะร้องไห้ ซึ่งนั่นทำให้ดูสมน้ำหน้ามากกว่าน่าสงสาร...



        “น่าสมเพชน่ะพี่ซีนวา...” ยูเกลถอนหายใจเพราะเริ่มทนกับลูกตื้อไม่ได้ใช้ปัญญาคิดของรุ่นพี่ไม่ได้ เธอเปิดประตูกว้างขึ้นอีกนิดและหันหลังเดินกลับเข้าไปข้างใน “มีแต่ชาจัสมินนะคะ”
           


        “มาเดี๋ยวฉันจัดจานให้นะ” ซีนวาเอ่ยอย่างอารมณ์ดีขณะที่เดินตามหลังยูเกลเข้าไปในครัว “ขนมปังร้อนๆต้องรีบกิน”



        “ใครเขาเชิญพี่มากินด้วยคะ” เด็กสาวถามขณะที่หยิบแก้วกระเบื้องเคลือบออกจากตู้ “แค่ชาอย่างเดียวไม่ใช่เหรอ ขนมปังนี่เหมือนคุณลุงจะให้หนูคนเดียวนะ”

       

        แต่ซีนวาก็ทำไม่รู้ไม่ชี้หยิบจานไปเรียงบนโต๊ะแถมยังทำเป็นผิวปากกลบเสียงของยูเกลไปซะหมด



        มันน่าเชิญเข้าบ้านไหมเนี่ย?



        “หยิบจานมาทำไมตั้งสามใบคะนั่น”ยูเกลเอ่ยถามเมื่อยกถ้วยชาตามมาที่โต๊ะอาหาร “เผื่อใครเหรอ?”



        "เออ จริงด้วย" ชายหนุ่มอุทาน "เอ้า แล้วนั่นชงชาทำไมตั้งสามถ้วยล่ะ" เขาหันมามองยูเกลที่กำลังวางแก้วชาลงกับโต๊ะ มือของเธอชะงักไปก่อนจะยกขึ้นเกาหัวงงๆ



        ทำไมเหมือนปกติต้องชงสามแก้วกันนะ?



         
        ****************



        “ไงยูเกล มาแต่เช้าเชียว” คุณจีนเอ่ยทักเมื่อเห็นร่างที่พึ่งเดินเข้ามาทางประตูหลัง เธอกำลังเช็ดกระทะให้แห้งสนิทก่อนถึงเวลาเปิดร้าน ถึงร้านอาหารนี้จะมีนักท่องเที่ยวมาอุดหนุนไม่ขาดสาย แต่คนพิถีพิถันอย่างเธอก็ไม่อยากเอาจำนวนลูกค้ามาเป็นข้ออ้างในการลดคุณภาพ ในฐานะเจ้าของร้านรุ่นที่สี่ที่ดีคุณจีนจึงลงมาตรวจความสะอาดและวัตถุดิบทุกๆวัน



        พร้อมๆกับกฎโหดๆอย่างหนึ่งคราบหนึ่งดอลลาร์....



        “หนูตื่นเช้าน่ะค่ะวันนี้” ยูเกลยิ้ม “เมื่อคืนดันไปกดนาฬิกาปลุกเข้า”



        "งั้นเหรอ” นายจ้างสาวหัวเราะ “แล้วปกติไม่กดไว้รึไง...อ้าวแล้วทำไมวันนี้มาคนเดียวซะล่ะ"



        คำถามที่ทำให้คนถูกถามขมวดคิ้วเป็นรอบที่สามของวันนี้



        "แล้วจะให้หนูมากับใครละคะ" ยูเกลถามอย่างสงสัย "คุณจีนพูดอะไรแปลกๆ"



        "เอ้อ...เออ...จริงด้วย...ทำไมเหมือน...อืม...ช่างเถอะ" เธอส่ายหัว ไม่มีประโยชน์ที่จะใช้สมองไปกับเรื่องไร้สาระที่ไม่ได้เงิน "ไปเปลี่ยนชุดไป เดี๋ยวจะถึงเวลาเปิดร้านแล้ว"



        ***********



        "ทำไมวันนี้มันร้อนอย่างงี้เนี่ย" ซีนวาบ่นขณะที่ทั้งคู่เดินกลับบ้าน ชายหนุ่มหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาทำท่าจะเช็ดเหงื่อ แต่เมื่อเห็นว่าคนที่เดินอยู่ข้างๆกำลังจะเช็ดหน้ากับแขนเสื้อ เขาก็เปลี่ยนใจ "นี่ๆ หยุดเลย เป็นผู้หญิงซะเปล่า ทำไมทำอย่างนี้เนี่ย"



        "เดี๋ยวก็ซักแล้วนี่คะ" ยูเกลเถียงแต่รับผ้าเช็ดหน้าของซีนวามาอยู่ดี "ดูซิ เลยต้องซักผืนนี้เพิ่มอีกผืนเลย" เธอยัดผ้าเช็ดหน้าของเขาใส่กระเป๋ากางเกง "อากาศมันแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ รู้สึกไม่ดีเลย"



        "ที่พูดมานี่คืออ้อนจะให้ไปส่งรึไง"



        "หนูเป็นผู้หญิงนะ จะให้ผู้ชายไปส่งที่บ้านมืดๆค่ำๆรึไง" เด็กสาวปรายตามองซีนว่า "แล้วอีกอย่าง อย่างพี่น่ะช้าไปสิบปีแล้ว"



        "อย่ามาพูดเหมือนตัวเองเด็กมากนักเลยน่ะ" ชายหนุ่มเขกหัวร่างเล็กเบาๆ "กะอีแค่ไม่กี่ปีไม่ต้องมาทำเป็นพูดดีเลยนะ" แล้วทั้งคู่ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นถนน โชคดีที่บ้านของยูเกลค่อนข้างอยู่ไกลจากบ้านหลังอื่นๆซักหน่อย จึงไม่มีใครเปิดหน้าต่างออกมาโวยวายเอาได้ เด็กสาวหัวเราะเสียงดังแต่หากฟังดีๆแล้วกลับมีความกังวลใจแฝงอยู่ในน้ำเสียงอย่างเด่นชัด สำหรับเธอแล้ว การหัวเราะนี้ไม่ใช่การหัวเราะที่น่ารื่นรมย์เลย ตรงกันข้าม ยูเกลแค่รู้สึกอยากตะโกนอะไรออกมาดังๆเพื่อระบายความรู้สึกแปลกๆในใจเท่านั้น



        "พี่ซีนวา" เธอเอ่ยเมื่อเสียงหัวเราะจอมปลอมนั่นเงียบลงแล้ว "รู้สึกเหมือนเคยพูดประโยคนี้แล้วไหมคะ" เด็กสาวเงยหน้าขึ้นสบตาผู้สูงวัยกว่า แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ ซ้ำยังหัวเราะแล้วบอกว่าคงเป็นเดจาวู อาจจะเป็นเพราะแสงของหลอดไฟข้างถนนไม่สว่างพอก็ได้ ซีนวาเลยมองไม่เห็นนัยน์ตาของเธอ...นัยน์ตาสีน้ำเงินที่เต็มไปด้วยความสับสน และก็กำลังสับสนอย่างมากเลยทีเดียว ตั้งแต่ตื่นนอนขึ้นมาตอนเช้าแล้ว ยูเกลก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างที่ขาดหายไป



        สิ่งที่เธอเองก็นึกไม่ออก...แต่ก็มีอำนาจพอที่จะทำให้รู้สึกเศร้าอย่างประหลาด



        ประหลาด...จนอยากจะร้องไห้...



        คงเพราะเหตุนี้ที่ทำให้ยูเกลรีบไล่ซีนวากลับบ้านไประหว่างทาง ชายหนุ่มอิดออดอยู่นานแล้วก็ขอเดินไปส่งเธอถึงระยะที่พอจะมองเห็นบ้านได้ จากความรู้สึกหนาวๆทางด้านหลังก็ทำให้ยูเกลรู้ว่าเขาต้องยืนมองเธอเดินเข้าบ้านแน่นอน
       


        ทว่าเด็กสาวก็ไม่สนใจ น้ำตาอุ่นๆค่อยๆเอ่อขึ้นมาที่ขอบตา ยูเกลปล่อยให้มันไหลอาบสองแก้มอย่างไม่สนใจจะปาดมันออก เธอรู้ว่าหากทำท่าทางแปลกๆตอนนี้ซีนวาคงจะผิดสังเกตและเดินตามมาถามแน่ๆ



        เธอไม่อยากจะให้เขามาเป็นห่วง...ไม่สิ ทั้งๆที่สมองบอกว่าเขาเป็นคนที่ไว้ใจและสนิทกับเธอเพียงคนเดียวที่นี่



        แต่หัวใจกลับปิดกั้นและร่ำร้องหาผู้อื่น...



        ผู้อื่น...ที่เธอเองก็ไม่รู้จัก...



        ยูเกลเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์บนฟ้า พลางสงสัยว่าตัวเองกำลังจะระลึกชาติฉับพลันหรือว่าเริ่มฝันเฟื่องไปอีกขั้น



        แต่แสงจันทร์ก็ไม่ได้ให้คำตอบใดๆกลับมา...



        *****************


        ...ปวดหัว...
       


        ความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นทันทีที่เด็กสาวเดินเข้าไปในบ้าน ไม่รู้ว่าการจ้องพระจันทร์นานเกินไปจะทำให้แรงดึงดูดน้ำขึ้นส่งผลกับระบบเลือดในร่างกายรึเปล่า แต่ที่แน่ๆตอนนี้รู้แต่ว่ายูเกลต้องการยาแก้ปวดอย่างเร่งด่วน เมื่อจู่ๆเลือดก็พร้อมใจกันสูบฉีดขึ้นไปยังสมองซีกขวา
        อาการประจำของสาวๆที่เรียกว่า ไมเกรน



        เด็กสาวรีบเดินไปหยิบยาจากตู้ในครัวและนึกเจ็บใจซีนวาที่เข้ามาขัดจังหวะเมื่อเช้า เธอเลยลืมกินยาไว้ก่อน



        "หายไปไหนนะ" บ่นพลางคุ้ยหาขวดยาต่างๆที่มีอยู่เต็มไปหมด เพราะว่ายูเกลอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้เพียงคนเดียว เธอจึงจำเป็นต้องมียาและอุปกรณ์เอาชีวิตรอดต่างๆกักตุนเอาไว้มากมาย ซึ่งตอนนี้มันก็กลายมาเป็นปัญหา เพราะไอ้ของที่กักตุนไว้ทำให้หายาแก้ปวดที่ควรจะเป็นยาสามัญประจำบ้านขั้นพื้นฐานไม่เจอ



        ยูเกลเลื่อนขวดใส่ควินิน(ใช้รักษามาลาเรียชนิดฟาลซิพารัม)ออกไปข้างๆและเริ่มด่าความรอบคอบเกินพอดีของตัวเอง แต่ทว่าก่อนที่เธอจะโยนอินโดเมทาซิน(แก้ปวดข้อ)ลงถังขยะไป มือที่กำลังควานหาขวดยาก็ชะงักเมื่อเห็นสิ่งแปลกปลอมในตู้



        ไม่ใช่แมลงสาบ...แต่เป็นตุ๊กตาไม้ขนาดเล็กกว่าฝ่ามือนิดหน่อย



        ยูเกลหยิบมันขึ้นมาดูอย่างสนใจ เธอจำไม่ได้ว่าเคยเอาอะไรแบบนี้มาใส่ในตู้ยามาก่อนและก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยมีตุ๊กตาน่ารักแบบนี้ในครอบครอง



        มันเป็นตุ๊กตารูปนางฟ้า ปีกสีขาวที่กลางหลังบอกอย่างงั้น ผมสีเงินที่รวบเป็นแกละสองข้างทำได้อย่างประณีตราวกับใช้พู่กันขนาดเท่าเส้นผมบรรจงเขียนเส้นสี ดวงตาสีทองคู่นั้นสะท้อนแสงไฟเป็นประกายราวกับมีชีวิต



        แต่ก็มีอะไรบางอย่างที่ทำให้รู้สึกขัดตา...



        ยูเกลขมวดคิ้ว อะไรบางอย่างทำให้รู้สึกขาดๆเกินๆอย่างบอกไม่ถูก เธอถือมันเดินไปที่โต๊ะอาหาร ลืมเรื่องยาแก้ปวดไปซะสนิท



        จะว่าของแม่ก็ไม่ใช่ แต่ก็คลับคล้ายคลับคลาว่าเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนเด็กสาวหมุนมันไปมาอย่างพิจารณา



        คนทำตุ๊กตาตัวนี้ต้องฝีมือดีมากๆทีเดียวและถ้ามีฝีมือขนาดนี้เธอก็น่าจะเก็บมันไว้ในห้องนอนหรือตั้งโชว์เป็นอย่างดี แทนที่จะเก็บไว้ในตู้ยาแบบนั้น



        เหมือนใครเอามันมาซ่อนไว้งั้นล่ะ



        ความคิดที่ยิ่งทำให้คนคิดหน้านิ่วคิ้วขมวดเข้าไปอีก หรือว่ามันจะเป็นหลักฐานในคดีฆาตกรรม? หรือว่า...หรือว่าเป็นตุ๊กตาอาถรรพ์?



        บ้าน่ะ เด็กสาวดุตัวเอง มันก็แค่ตุ๊กตา ว่าแล้วก็หยิบมันเข้ามาใกล้ๆหน้า นัยน์ตาสีน้ำเงินจ้องตุ๊กตาน้อยราวกับจะจับผิด



        เห็นไหม ไม่มีอะไรซักหน่อย ทำเป็นตื่นเต้นไปได้ เด็กสาวถอนหายใจแล้ว พลันเธอก็นึกออกว่าตุ๊กตาตัวนี้แปลกตรงไหน



        นางฟ้าอะไรใส่กางเกงกันเนี่ย เป็นผู้หญิงแท้ๆ เธอบ่นกับตัวเองด้วยคำพูดที่คุ้นๆว่าเคยได้ยินบ่อยๆ แล้วก็ดึงผมแกละที่เสียบไว้กับส่วนหัวของตุ๊กตาออก ต้องแบบนี้ต่างหาก เป็นตุ๊กตาเทวดา...



        ตุ๊กตาเทวดาน้อย...



        "เทวดา..." เด็กสาวพึมพำออกมาราวกับอยู่ในภวังค์ แต่ฉับพลันสติของเธอก็ถูกกระชากกลับเข้าสู่ร่างกายอย่างแรง เมื่อตุ๊กตานั่นลอยขึ้นจากมือ พร้อมกับค่อยๆโตขึ้นๆ ใบหน้าที่เคยทำจากไม้ค่อยกลายเป็นใบหน้าของมนุษย์ ผมสีเงินของมันเปลี่ยนเป็นสีดำเข้ม นัยน์ตาที่เคยเป็นสีทองเจิดจ้าก็กลายเป็นสีฟ้าใสกลมโต เสื้อผ้าที่เป็นเพียงแค่สีที่ทาระบายไว้กลับเปลี่ยนเป็นชุดเครื่องแบบกำมะหยี่สีขาวบริสุทธ์ประดับด้วยลายปักสีแดงเข้ม



        หากมีเสียงซาวน์เอฟเฟคท์ประกอบอีกอย่างยูเกลคงคิดว่าเธอกำลังดูหนังอยู่   



        เมื่อสิ่งที่กำลังปรากฏอยู่ตรงหน้าคือเด็กหนุ่มที่พึ่งโตขึ้นมาจากตุ๊กตา



        นี่กำลังถ่ายหนังอยู่ใช่ไหมเนี่ย!?!



        เด็กสาวคิดอย่างหวาดผวา เธอคงกำลังถ่ายหนังอยู่ ใช่ ต้องเป็นหนังแน่ๆเรื่องพรรค์นี้มันจะเกิดในชีวิตจริงได้ยังไง คนขวัญบินเริ่มพยายามหลอกตัวเอง



        แต่ถ่ายหนังเขาก็ทำแบบนี้ไม่ได้ไม่ใช่เหรอ? ความคิดที่ทำให้เธอแทบร้องไห้ เมื่อเด็กหนุ่มตรงหน้าคำนับตัวลงต่ำ



        "เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบกันอีกครั้งครับ คุณหนู"



        ******************
     
    เช่นกันจ้า~

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×